
รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – ประธานกลุ่มธุรกิจ แอลจี กรุ๊ป คู บอน มู (Koo Bon Moo) เสียชีวิตลงอย่างสงบในวันนี้(20 พ.ค)ด้วยโรคทางสมองด้วยวัย 73 ปี หลังจากต่อสู้มาได้นานร่วมปี และเคยเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดหลายครั้ง สร้างผลงานสามารถดันให้บริษัทที่เขาอยู่ในรุ่นที่ 4 ของตระกูลให้ขึ้นชั้นเป็นบริษัทข้ามชาติได้สำเร็จ ด้านบุตรบุญธรรมวัย 40 ปี คู ควาง โม ( Koo Kwang Mo)เตรียมนั่งเป็นผู้บริหารสืบทอดต่อ

Koo Kwang Mo / คู ควาง โม
รอยเตอร์รายงานวันนี้(20 พ.ค)ว่า กลุ่มธุรกิจแอลจี กรุ๊ปของเกาหลีใต้ได้ออกแถลงการณ์วันอาทิตย์(20)ว่า ประธานบริหาร คู บอน มู (Koo Bon Moo)ล้มป่วยด้วยโรคทางสมองที่ไม่มีการเปิดเผยชื่อมาได้เวลานาน 1 ปี
ซึ่งในแถลงการณ์ชี้ว่า คูซึ่งเสียชีวิตลงในวันนี้(20)ในขณะที่มีอายุ 73 ปีเคยเข้ารับการรักษาอาการด้วยการเข้ารับการผ่าตัด โดยในแถลงการณ์กล่าวถึงคุณูปการของคู บอน มูว่า
“เข้ารับทำหน้าที่ในฐานะประธานบริหารรุ่นที่ 3 ของแอลจีเมื่อมีอายุได้ 50 ปีเมื่อปี 1995 ประธานคูได้ก่อตั้ง 3 ธุรกิจหลักสำคัญคือ ด้านอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ และโทรคมนาคม นำแอลจีกลายเป็นบริษัทชั้นนำของโลก และเป็นผู้ทำให้เกิดการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมขึ้น(ภายในเกาหลีใต้) และการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศ”
บลูมเบิร์ก สื่อธุรกิจและสำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้ชี้ว่า การเสียชีวิตเกิดขึ้นในเวลา 09.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้(20)ในขณะที่มีภรรยาอยู่เคียงข้าง ซึ่งก่อนหน้าการเสียชีวิตพบว่า คูเคยเข้ารับการผ่าตัดทางสมองหลายครั้ง และล่าสุดเมื่อไม่นานก่อนสิ้นชีชีวิต คู บอน มู ต้องถูกส่งเข้ารับการรักษาพยาบาลเมื่อมีอาการทรุดลง
ซึ่งภายใต้การนำพากลุ่มแอลจี กรุ๊ปของคู พบว่าได้มีการเปลี่ยนชื่อจากแต่เดิม “ลักกี้ โกลเด้น สตาร์” มาเป็นแอลจีในปัจจุบัน พร้อมกับขายธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ให้กับทางฮุนไดไป ซึ่งในปัจจุบันคือ เอสเค ไฮนิกซ์( SK Hynix) ภายใต้การปรับโครงสร้างที่นำโดยรัฐบาลโซลหลังเกิดปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจเอเชียในในช่วงปลายยุค 90 รอยเตอร์ชี้
นอกจากนี้ชื่อแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักกันดีในตลาดที่เกี่ยวข้องกับแอลจี กรุ๊ปคือ แอลจี อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตจอมอนิเตอร์แอลจี ภายใต้ชื่อ แอลจี ดิสเพลย์ (LG Display) และแบตเตอร์รีรถยนต์ภายใต้แบรนด์ แอลจี เคม(LG Chem)
สื่อธุรกิจชี้ว่า ภายใต้การบริหารของคูมานานร่วม 23 ปี ยอดขายสุทธิของทางบริษัทเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 เท่ามาอยู่ที่ 160 ล้านล้านวอน( 148 พันล้านดอลลาร์)ในปี 2017 จากแต่เดิม 30 ล้านล้านวอนในช่วงปลายปี 1994 ซึ่งยอดการขายที่อยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัทในช่วงเวลาเดียวกันเพิ่ม 10 เท่ามาอยู่ที่ 110 ล้านล้านวอน
ทั้งนี้ก่อนหน้าการเสียชีวิตของประธานคู พบว่าทางแอลจีได้จัดตั้งบริษัทโฮลดิงเพื่อผ่องถ่ายอำนาจ และเริ่มต้นกระบวนการสรรหาทายาท
รอยเตอร์ชี้ว่า ครอบครัวทรงอิทธิพลที่ทำการบริหารแอลจี ต้องการให้ทายาทของตระกูลสืบต่อการบริหารงาน ท่ามกลางเสียงกดดันมากขึ้นจากรัฐบาลโซลและสาธารณะที่เรียกร้องให้มีความโปร่งใสและการบริหารแบบมืออาชีพ
วันพฤหัสบดี(17)ก่อนหน้า ทางกลุ่มแอลจี กรุ๊ปได้ออกแถลงการณ์ว่า ประธานบริหารของทางกลุ่มทุนที่ดำรงตำแหน่งมาเป็นเวลานานนั้นมีปัญหาด้านสุขภาพ และเสนอให้คู ควาง โม ( Koo Kwang Mo) บุตรชายบุญธรรมวัย 40 ปีเข้ามานั่งอยู่ในบอร์ดบริหารเพื่อเตรียมการสำหรับตำแหน่งการสืบทอดกิจการต่อไป ซึ่งการอนุมัติจะเกิดขึ้นในวันที่ 29 มิ.ยที่จะถึง อ้างอิงจากบลูมเบิร์ก
สำหรับคู ควาง โม พบว่ามาจากทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูลบริหารกลุ่มบริษัทแอลจี กรุ๊ป ซึ่งในเวลานี้เขาถือครองหุ้น 6% ของแอลจี กรุ๊ป และทำงานอยู่ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่อาวุโสในบริษัทแอลจี อิเล็กทรอนิกส์
บลูมเบิร์กรายงานว่า ประธานคูได้รับคู ควาง โมเป็นบุตรบุญธรรมในปี 2004 โดยพบว่าเขาเป็นบุตรชายของ Koo Bon-neung ประธานฮีซุง กรุ๊ป ซึ่งส่วนตัวของคู บอน โม สำนักข่าวยอนฮับชี้ว่า เขามีบุตรสาว 2 คนที่เกิดกับภรรยา
รอยเตอร์รายงานว่า ในขณะเดียงกัน คู บอน จุน(Koo Bon Joon)น้องชายของประธานคู ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานบริษัท และเป็นผู้บริหารบริษัทแอลจี อิเลกทรอนิกส์ มานานหลายปี จะเข้ารับทำหน้าที่รักษาการบริหารกลุ่มบริษัททันทีแทนที่เขาในเวลานี้
ซึ่งที่ผ่านมาในเดือนนี้ทางอัยการเกาหลีใต้ได้แถลงว่า ทางสำนักงานได้บุกเข้ากวาดล้างสำนักงานใหญ่ของแอลจี กรุ๊ปในส่วนหนึ่งของการสืบสวนคดีหลีกเลี่ยงภาษีโดยสมาชิกครอบครัวคู
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การเสียชีวิตของประธานบริหาร คู บอน มู จะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่บรรดานักวิเคราะห์ไม่เห็นถึงปัญหาการติดขัดในการดำเนินทางธุรกิจของทางแอลจี
ทั้งนี้สำหรับงานศพของประธานคู ทางบริษัทแอลจีชี้แจงว่า ขอจัดเป็นเรื่องภายในเฉพาะครอบครัว
เผยแพร่: 20 พ.ค. 2561 18:15: โดย: MGR Online
https://mgronline.com/around/detail/9610000049877
ด่วน!! “ประธานบริษัทแอลจี กรุ๊ป” เสียชีวิตจากปัญหาโรคสมองรุมเร้าในวัย 73 ปี
รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – ประธานกลุ่มธุรกิจ แอลจี กรุ๊ป คู บอน มู (Koo Bon Moo) เสียชีวิตลงอย่างสงบในวันนี้(20 พ.ค)ด้วยโรคทางสมองด้วยวัย 73 ปี หลังจากต่อสู้มาได้นานร่วมปี และเคยเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดหลายครั้ง สร้างผลงานสามารถดันให้บริษัทที่เขาอยู่ในรุ่นที่ 4 ของตระกูลให้ขึ้นชั้นเป็นบริษัทข้ามชาติได้สำเร็จ ด้านบุตรบุญธรรมวัย 40 ปี คู ควาง โม ( Koo Kwang Mo)เตรียมนั่งเป็นผู้บริหารสืบทอดต่อ
รอยเตอร์รายงานวันนี้(20 พ.ค)ว่า กลุ่มธุรกิจแอลจี กรุ๊ปของเกาหลีใต้ได้ออกแถลงการณ์วันอาทิตย์(20)ว่า ประธานบริหาร คู บอน มู (Koo Bon Moo)ล้มป่วยด้วยโรคทางสมองที่ไม่มีการเปิดเผยชื่อมาได้เวลานาน 1 ปี
ซึ่งในแถลงการณ์ชี้ว่า คูซึ่งเสียชีวิตลงในวันนี้(20)ในขณะที่มีอายุ 73 ปีเคยเข้ารับการรักษาอาการด้วยการเข้ารับการผ่าตัด โดยในแถลงการณ์กล่าวถึงคุณูปการของคู บอน มูว่า
“เข้ารับทำหน้าที่ในฐานะประธานบริหารรุ่นที่ 3 ของแอลจีเมื่อมีอายุได้ 50 ปีเมื่อปี 1995 ประธานคูได้ก่อตั้ง 3 ธุรกิจหลักสำคัญคือ ด้านอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ และโทรคมนาคม นำแอลจีกลายเป็นบริษัทชั้นนำของโลก และเป็นผู้ทำให้เกิดการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมขึ้น(ภายในเกาหลีใต้) และการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศ”
บลูมเบิร์ก สื่อธุรกิจและสำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้ชี้ว่า การเสียชีวิตเกิดขึ้นในเวลา 09.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้(20)ในขณะที่มีภรรยาอยู่เคียงข้าง ซึ่งก่อนหน้าการเสียชีวิตพบว่า คูเคยเข้ารับการผ่าตัดทางสมองหลายครั้ง และล่าสุดเมื่อไม่นานก่อนสิ้นชีชีวิต คู บอน มู ต้องถูกส่งเข้ารับการรักษาพยาบาลเมื่อมีอาการทรุดลง
ซึ่งภายใต้การนำพากลุ่มแอลจี กรุ๊ปของคู พบว่าได้มีการเปลี่ยนชื่อจากแต่เดิม “ลักกี้ โกลเด้น สตาร์” มาเป็นแอลจีในปัจจุบัน พร้อมกับขายธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ให้กับทางฮุนไดไป ซึ่งในปัจจุบันคือ เอสเค ไฮนิกซ์( SK Hynix) ภายใต้การปรับโครงสร้างที่นำโดยรัฐบาลโซลหลังเกิดปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจเอเชียในในช่วงปลายยุค 90 รอยเตอร์ชี้
นอกจากนี้ชื่อแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักกันดีในตลาดที่เกี่ยวข้องกับแอลจี กรุ๊ปคือ แอลจี อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตจอมอนิเตอร์แอลจี ภายใต้ชื่อ แอลจี ดิสเพลย์ (LG Display) และแบตเตอร์รีรถยนต์ภายใต้แบรนด์ แอลจี เคม(LG Chem)
สื่อธุรกิจชี้ว่า ภายใต้การบริหารของคูมานานร่วม 23 ปี ยอดขายสุทธิของทางบริษัทเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 เท่ามาอยู่ที่ 160 ล้านล้านวอน( 148 พันล้านดอลลาร์)ในปี 2017 จากแต่เดิม 30 ล้านล้านวอนในช่วงปลายปี 1994 ซึ่งยอดการขายที่อยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัทในช่วงเวลาเดียวกันเพิ่ม 10 เท่ามาอยู่ที่ 110 ล้านล้านวอน
ทั้งนี้ก่อนหน้าการเสียชีวิตของประธานคู พบว่าทางแอลจีได้จัดตั้งบริษัทโฮลดิงเพื่อผ่องถ่ายอำนาจ และเริ่มต้นกระบวนการสรรหาทายาท
รอยเตอร์ชี้ว่า ครอบครัวทรงอิทธิพลที่ทำการบริหารแอลจี ต้องการให้ทายาทของตระกูลสืบต่อการบริหารงาน ท่ามกลางเสียงกดดันมากขึ้นจากรัฐบาลโซลและสาธารณะที่เรียกร้องให้มีความโปร่งใสและการบริหารแบบมืออาชีพ
วันพฤหัสบดี(17)ก่อนหน้า ทางกลุ่มแอลจี กรุ๊ปได้ออกแถลงการณ์ว่า ประธานบริหารของทางกลุ่มทุนที่ดำรงตำแหน่งมาเป็นเวลานานนั้นมีปัญหาด้านสุขภาพ และเสนอให้คู ควาง โม ( Koo Kwang Mo) บุตรชายบุญธรรมวัย 40 ปีเข้ามานั่งอยู่ในบอร์ดบริหารเพื่อเตรียมการสำหรับตำแหน่งการสืบทอดกิจการต่อไป ซึ่งการอนุมัติจะเกิดขึ้นในวันที่ 29 มิ.ยที่จะถึง อ้างอิงจากบลูมเบิร์ก
สำหรับคู ควาง โม พบว่ามาจากทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูลบริหารกลุ่มบริษัทแอลจี กรุ๊ป ซึ่งในเวลานี้เขาถือครองหุ้น 6% ของแอลจี กรุ๊ป และทำงานอยู่ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่อาวุโสในบริษัทแอลจี อิเล็กทรอนิกส์
บลูมเบิร์กรายงานว่า ประธานคูได้รับคู ควาง โมเป็นบุตรบุญธรรมในปี 2004 โดยพบว่าเขาเป็นบุตรชายของ Koo Bon-neung ประธานฮีซุง กรุ๊ป ซึ่งส่วนตัวของคู บอน โม สำนักข่าวยอนฮับชี้ว่า เขามีบุตรสาว 2 คนที่เกิดกับภรรยา
รอยเตอร์รายงานว่า ในขณะเดียงกัน คู บอน จุน(Koo Bon Joon)น้องชายของประธานคู ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานบริษัท และเป็นผู้บริหารบริษัทแอลจี อิเลกทรอนิกส์ มานานหลายปี จะเข้ารับทำหน้าที่รักษาการบริหารกลุ่มบริษัททันทีแทนที่เขาในเวลานี้
ซึ่งที่ผ่านมาในเดือนนี้ทางอัยการเกาหลีใต้ได้แถลงว่า ทางสำนักงานได้บุกเข้ากวาดล้างสำนักงานใหญ่ของแอลจี กรุ๊ปในส่วนหนึ่งของการสืบสวนคดีหลีกเลี่ยงภาษีโดยสมาชิกครอบครัวคู
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การเสียชีวิตของประธานบริหาร คู บอน มู จะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่บรรดานักวิเคราะห์ไม่เห็นถึงปัญหาการติดขัดในการดำเนินทางธุรกิจของทางแอลจี
ทั้งนี้สำหรับงานศพของประธานคู ทางบริษัทแอลจีชี้แจงว่า ขอจัดเป็นเรื่องภายในเฉพาะครอบครัว
เผยแพร่: 20 พ.ค. 2561 18:15: โดย: MGR Online
https://mgronline.com/around/detail/9610000049877