Kouen ถือเป็นธุรกิจอาหารรายที่ 2 ในรอบไตรมาส 3/2567 ที่ OR บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ขอยุติบทบาทออกจากธุรกิจ หลังจากที่ OR ยุติธุรกิจเท็กซัส ชิคเก้น อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567
และนอกเหนือจากนี้ OR ได้ถอนการลงทุนในบริษัท อิ่มทรัพย์โกลบอล คูซีน จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น ชื่อ Kouen, Ono Sushi และร้านอาหารแบรนด์อื่น ๆ ธุรกิจที่ OR เข้ามาลงทุนเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 25% ผ่านบริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด บริษัทย่อย ในเดือนตุลาคม 2564 ในวงเงินไม่เกิน 192 ล้านบาท
โดยการขายหุ้นในบริษัท อิ่มทรัพย์โกลบอล คูซีน จำกัดในครั้งนี้เป็นการขายออกในมูลค่า 110 ล้านบาท
การขายหุ้นบริษัท อิ่มทรัพย์โกลบอล คูซีน จำกัด ออกไปในครั้งนี้ Marketeer มองว่ามาจากเหตุผลที่ ดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ต้องการตัดธุรกิจที่ไม่เติบโต หรือสามารถทำกำไรได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ออก และหันมาให้ความสำคัญกับธุรกิจที่สร้างผลกำไรกลับมา รวมถึงธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตในอนาคตแทน โดยไม่จำกัดว่าเป็นธุรกิจของ OR หรือร่วมทุน
เพราะถ้ามองที่ผลประกอบการ บริษัท อิ่มทรัพย์โกลบอล คูซีน จำกัด รายงานกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แม้จะมีการเติบโตด้านรายได้จากแบรนด์ร้านอาหาร 4 แบรนด์ ได้แก่ Kouen, Ono Sushi, ยุ้งข้าวหอม และหมูตั่วเฮีย แต่ยังเป็นธุรกิจที่ยังคงขาดทุนอย่างเห็นได้ชัดนับจาก OR เข้ามาถือหุ้น
ปี 2562 รายได้รวม 447.63 ล้านบาท กำไร 32.30 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้รวม 548.32 ล้านบาท ขาดทุน 5.55 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้รวม 459.34 ล้านบาท ขาดทุน 39.38 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้รวม 648.31 ล้านบาท ขาดทุน 25.47 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้รวม 642.12 ล้านบาท ขาดทุน 49.43 ล้านบาท
สำหรับ การลงทุน ในบริษัท อิ่มทรัพย์ โกบอล คูซีน จำกัด ของ OR ในปี 2564 ถือเป็นปีเดียวกับที่จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนเก่าของ OR พาบริษัทติดสนามสกุลมหาชนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ จำนวนมาก ทั้งโอ้กะจู๋, Flash Group, คามุ คามุ รวมถึงจัดตั้งบริษัทใหม่ ๆ จำนวนมาก เช่น ร่วมทุนกับ 500 Startups จัดตั้ง บริษัท Orzon Ventues จำกัด เพื่อลงทุนใน Startup ที่มีศักยภาพในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ร่วมทุนกับ บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จัดตั้ง บริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด สร้างศักยภาพเทคโนโลยีและนวัตกรรม เป็นต้น
ส่วนปี 2567 OR อยู่ภายใต้ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดิษทัต ปันยารชุน ผู้รับตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2566 พร้อมกับการบริหารพอร์ตโฟลิโอในมือแบบฉบับของตัวเอง
และภายใต้ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดิษทัต ได้จับมือกับ สุกิ โฮลดิ้งส์ เครือข่ายร้านขายยาและผู้นำด้านแพลตฟอร์มนาโนเทคโนโลยีรายใหญ่ของญี่ปุ่นขยายพอร์ตโฟลิโอสู่ธุรกิจสุขภาพและความงามจากการมองเห็นโอกาสการเติบโตของเทรนด์ผู้บริโภคหันมาใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น และการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อดำเนินธุรกิจการพัฒนาและบริหารจัดการเชิงพาณิชย์ และการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับโครงการศูนย์บริการทางหลวงศรีราชา บนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 สายกรุงเทพมหานคร-บ้านฉาง ช่วงชลบุรี-พัทยา
เพื่อพร้อมที่จะส่งไม้ต่อให้กับประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนต่อไป หลังจากที่ ดิษทัต จะเกษียณอายุครบ 60 ปี ในวันที่ 11 ธันวาคม 2567
Marketeer FYI
ผลประกอบการ OR 9 เดือนปี 2567
รายได้ 538,054 ล้านบาท ลดลง 6.8%
แบ่งเป็น
กลุ่ม Mobility 493,851 ล้านบาท ลดลง 8.3%
กลุ่ม Lifestyle 17,629 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.1%
กลุ่ม Global 41,996 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.6%
อื่น ๆ 1,359 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.3%
กำไรสุทธิ 4,651 ล้านบาท ลดลง 57.3%
https://marketeeronline.co/archives/386938
OR ไม่ทำอาหารญี่ปุ่น ขายหุ้น Kouen ทิ้ง
Kouen ถือเป็นธุรกิจอาหารรายที่ 2 ในรอบไตรมาส 3/2567 ที่ OR บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ขอยุติบทบาทออกจากธุรกิจ หลังจากที่ OR ยุติธุรกิจเท็กซัส ชิคเก้น อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567
และนอกเหนือจากนี้ OR ได้ถอนการลงทุนในบริษัท อิ่มทรัพย์โกลบอล คูซีน จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น ชื่อ Kouen, Ono Sushi และร้านอาหารแบรนด์อื่น ๆ ธุรกิจที่ OR เข้ามาลงทุนเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 25% ผ่านบริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด บริษัทย่อย ในเดือนตุลาคม 2564 ในวงเงินไม่เกิน 192 ล้านบาท
โดยการขายหุ้นในบริษัท อิ่มทรัพย์โกลบอล คูซีน จำกัดในครั้งนี้เป็นการขายออกในมูลค่า 110 ล้านบาท
การขายหุ้นบริษัท อิ่มทรัพย์โกลบอล คูซีน จำกัด ออกไปในครั้งนี้ Marketeer มองว่ามาจากเหตุผลที่ ดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ต้องการตัดธุรกิจที่ไม่เติบโต หรือสามารถทำกำไรได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ออก และหันมาให้ความสำคัญกับธุรกิจที่สร้างผลกำไรกลับมา รวมถึงธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตในอนาคตแทน โดยไม่จำกัดว่าเป็นธุรกิจของ OR หรือร่วมทุน
เพราะถ้ามองที่ผลประกอบการ บริษัท อิ่มทรัพย์โกลบอล คูซีน จำกัด รายงานกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แม้จะมีการเติบโตด้านรายได้จากแบรนด์ร้านอาหาร 4 แบรนด์ ได้แก่ Kouen, Ono Sushi, ยุ้งข้าวหอม และหมูตั่วเฮีย แต่ยังเป็นธุรกิจที่ยังคงขาดทุนอย่างเห็นได้ชัดนับจาก OR เข้ามาถือหุ้น
ปี 2562 รายได้รวม 447.63 ล้านบาท กำไร 32.30 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้รวม 548.32 ล้านบาท ขาดทุน 5.55 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้รวม 459.34 ล้านบาท ขาดทุน 39.38 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้รวม 648.31 ล้านบาท ขาดทุน 25.47 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้รวม 642.12 ล้านบาท ขาดทุน 49.43 ล้านบาท
สำหรับ การลงทุน ในบริษัท อิ่มทรัพย์ โกบอล คูซีน จำกัด ของ OR ในปี 2564 ถือเป็นปีเดียวกับที่จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนเก่าของ OR พาบริษัทติดสนามสกุลมหาชนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ จำนวนมาก ทั้งโอ้กะจู๋, Flash Group, คามุ คามุ รวมถึงจัดตั้งบริษัทใหม่ ๆ จำนวนมาก เช่น ร่วมทุนกับ 500 Startups จัดตั้ง บริษัท Orzon Ventues จำกัด เพื่อลงทุนใน Startup ที่มีศักยภาพในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ร่วมทุนกับ บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จัดตั้ง บริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด สร้างศักยภาพเทคโนโลยีและนวัตกรรม เป็นต้น
ส่วนปี 2567 OR อยู่ภายใต้ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดิษทัต ปันยารชุน ผู้รับตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2566 พร้อมกับการบริหารพอร์ตโฟลิโอในมือแบบฉบับของตัวเอง
และภายใต้ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดิษทัต ได้จับมือกับ สุกิ โฮลดิ้งส์ เครือข่ายร้านขายยาและผู้นำด้านแพลตฟอร์มนาโนเทคโนโลยีรายใหญ่ของญี่ปุ่นขยายพอร์ตโฟลิโอสู่ธุรกิจสุขภาพและความงามจากการมองเห็นโอกาสการเติบโตของเทรนด์ผู้บริโภคหันมาใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น และการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อดำเนินธุรกิจการพัฒนาและบริหารจัดการเชิงพาณิชย์ และการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับโครงการศูนย์บริการทางหลวงศรีราชา บนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 สายกรุงเทพมหานคร-บ้านฉาง ช่วงชลบุรี-พัทยา
เพื่อพร้อมที่จะส่งไม้ต่อให้กับประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนต่อไป หลังจากที่ ดิษทัต จะเกษียณอายุครบ 60 ปี ในวันที่ 11 ธันวาคม 2567
Marketeer FYI
ผลประกอบการ OR 9 เดือนปี 2567
รายได้ 538,054 ล้านบาท ลดลง 6.8%
แบ่งเป็น
กลุ่ม Mobility 493,851 ล้านบาท ลดลง 8.3%
กลุ่ม Lifestyle 17,629 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.1%
กลุ่ม Global 41,996 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.6%
อื่น ๆ 1,359 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.3%
กำไรสุทธิ 4,651 ล้านบาท ลดลง 57.3%
https://marketeeronline.co/archives/386938