








สวัสดีค่ะ

ขอแนะนะตัวก่อนนะคะ
......ตอนนี้ จขกท.อายุ 25 ปี เป็นลูกคนเดียวตั้งแต่เล็กจนโตก็โดนตีกรอบมาตลอด เรื่องการใช้ชีวิต การเรียน แม้แต่อนาคตพ่อแม่ก็จะเป็นคนคิด เป็นคนกำหนดว่าจะต้องเป็นอย่างนี้อย่างนั้น มันทำให้เราโตมากลายเป็นคนที่ไม่รู้จักตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร รักอะไร อยากทำอะไร คือเราไม่รู้จักตัวเองเลยรู้แค่ว่าต้องทำยังไงให้พ่อแม่พอใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่เรารู้สึกบอกไม่ถูก เราไม่ได้รู้สึกแย่แต่แค่ไม่มีอิสระทางความคิด ไม่ทีสิทธิเป็นตัวเอง พอมาถึงจุดที่ได้อิสระก็กลับกลายเป็นว่าไม่รู้จักตัวเองไปซะงั้น (พ่อแม่ไม่ได้เลี้ยงแบบโอ๋หรือลูกแหง่นะคะเลี้ยงแบบให้รู้จักชีวิต ให้รู้จักความเป็นจริง ให้รู้จักช่วยเหลือตัวเองเพราะเราเป็นลูกคนเดียวไม่ได้มีพี่น้องให้คำปรึกษา)

ในส่วนตรงนี้อยากให้คนเป็นพ่อแม่ทุกคนได้รู้ว่าปล่อยให้ลูกของคุณเค้าคิด เค้าเลือกเองบ้างไม่ต้องไปกำหนดชีวิตเค้าเพราะถ้าถึงจุดหนึ่งแล้ว เค้าไม่ได้รักไม่ได้ชอบขึ้นมาคนที่ไม่มีความสุขคือลูกคุณเอง อย่าทำตามใจตัวเอง ทำตามใจปากชาวบ้านจนลืมนึกถึงลูกตัวเองนะคะ


(แต่จขกท. ok แล้วค่ะเปิดใจคุยกันเรียบร้อย แม้จะทะเลาะมีปากเสียงกันบ้าง แต่ก็เนาะชีวิตเป็นของเรา ความจริงคุยนานแล้วแต่เพิ่งมายอม80%ตอนหลังๆ555 พ่อนี่สุดๆไปเลย)
......อ่ะๆต่อๆๆจขกท.เรียนจบตัดสินใจมาหาประสบการณ์การทำงานใช้ชีวิตที่กรุงเทพ เรียนรู้ผู้คน สังคม อยู่ได้ปีกว่าๆ เปลี่ยนงานเป็นว่าเล่นเหมือนเด็กไม่รู้จักโต จนโดนขีดเส้นตายเลยทำงานที่ล่าสุดนานกว่าที่อื่น งานที่นี่ความกดดันสูงแต่ทนได้เพราะเพื่อนดีสังคมที่ทำงานดี แต่ที่ทนไม่ได้คือสุขภาพของตัวเอง ป่วยบ่อย(ภูมิแพ้กรุงเทพ)พี่ป้างก็มา555
......แล้วมาถึงจุดหนึ่งของชีวิตคิดว่าเรามีความสุขแล้วเหรอที่ทำงานนี้ ที่มาอยู่ที่นี่ ใช้ร่างกายทำงานอย่างหนักแลกกับเงินไม่กี่บาท อยู่ในสังคมเมืองที่ไม่รู้จักใคร แลกกับการอยู่ไกลพ่อแม่ แลกกับอะไรก็ไม่รู้หลายๆอย่างในชีวิต ตอนนั้นเลยกลับมาคิดว่าชีวิตเราต้องการอะไรกันแน่ "ความสุข เงินทอง อนาคต" แล้วความสุขจริงๆของเราคืออะไร เป้าหมายในชีวิตเราคืออะไร เราต้องการอะไร
......จขกท.หาคำตอบนานมากจนวันหนึ่งมานั่งนึกกับตัวเอง

ถ้าวันหนึ่งมีทางแยก 2 ทาง ทางที่1 เรามีเงินทองมากมาย มีอนาคตที่ดี ีอยู่ในสังคมที่ดีแต่เราไม่มีคนที่เรารักอยู่ข้างๆ เพราะเราเอาเวลาไปทุ่มกับการหาเงิน หาอนาคต จนไม่มีเวลาดูแล แล้วเราจะมีความสุขจริงเหรอ
-ทางที่2 เราอยู่ใกล้คนที่เรารัก ได้ดูแล ได้ทำงานที่ค่อนข้างมั่นคง เลี้ยงดูตัวเอง ช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวได้ เราจะมีความสุขกว่าไหม

ซึ่งก็ได้คำตอบคือจขกท.เลือกข้อ2ความสุขของ เราคือการได้อยู่กับคนที่เรารัก ได้ดูแล ได้อยู่ใกล้ๆ ได้เห็นเค้ามีความสุขแค่นั้น
......เราเลยตัดสินใจหนีเมืองกรุงกลับบ้านเกิดเพื่อที่จะได้ทำตามความสุขที่แท้จริงของเรา (และเราก็หากันจนเจอ มาเป็นเพลง555)
......ตอนนี้เราได้งานทำอยู่จังหวัดใกล้เคียง(แม้เงินเดือนจะไม่ได้มากมายเท่าไรแต่ถ้าเทียบกับค่าครองชีพในกทม.แล้วถือว่าพอๆกัน)แต่ถูกส่งมาอบรมที่ กทม.ก่อนปฏิบัติงานเราก็OKนะถึงเนื้องานจะไม่ใช้สิ่งที่เรารัก เราชอบ แต่เราโชคดีที่ได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งทำให้ความคิดเราเปลี่ยน เราสามารถมีความสุขได้ในสิ่งเล็กๆน้อยๆ เราสามารถทำงานได้อย่างมีความสุข ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขเพียงเปลี่ยนความคิดก็จะทำให้ระหว่างทางที่เราก้าวเดินไม่เหนื่อย ไม่เบื่อ ไม่ท้อและจะมีแต่ความสุขตลอดการเดินทางแม้บางวันจะเขว ท้อบ้าง แต่ก็ดึงสติกลับมาได้ทุกครั้ง (หรืออาจเป็นเพราะเราชินตั้งแต่เด็ก ๋แล้วกับการทำอะไรก็ได้ ยังไงก็ได้ทำให้ดีที่สุดเป็นพอ)
......ทุกวันนี้เราOKกับทางที่เลือกเดิน แม้จะมีคิดเรื่องเก่าๆบ้าง (ยังไม่จบว่าสรุปตัวเองชอบอะไร รักอะไร555 ใครมีแนวคิด ทฤษฎีบอกที) แต่ในชีวิตจขกท.คนที่สำคัญที่สุดคือครอบครัว แค่เห็นพ่อแม่มีความสุขเราก็สุขสุดๆแล้ว
***ใครมีประสบการณ์ คล้ายๆจขกท. หรือมีความคิดข้อเสนอแนะอะไรมาแชร์กันได้นะ แล้วพวกคุณละถ้าให้เลือก3อย่างนี้จะเลือกอะไร***
ระหว่าง ความสุข เงินทอง อนาคต
......ตอนนี้ จขกท.อายุ 25 ปี เป็นลูกคนเดียวตั้งแต่เล็กจนโตก็โดนตีกรอบมาตลอด เรื่องการใช้ชีวิต การเรียน แม้แต่อนาคตพ่อแม่ก็จะเป็นคนคิด เป็นคนกำหนดว่าจะต้องเป็นอย่างนี้อย่างนั้น มันทำให้เราโตมากลายเป็นคนที่ไม่รู้จักตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร รักอะไร อยากทำอะไร คือเราไม่รู้จักตัวเองเลยรู้แค่ว่าต้องทำยังไงให้พ่อแม่พอใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่เรารู้สึกบอกไม่ถูก เราไม่ได้รู้สึกแย่แต่แค่ไม่มีอิสระทางความคิด ไม่ทีสิทธิเป็นตัวเอง พอมาถึงจุดที่ได้อิสระก็กลับกลายเป็นว่าไม่รู้จักตัวเองไปซะงั้น (พ่อแม่ไม่ได้เลี้ยงแบบโอ๋หรือลูกแหง่นะคะเลี้ยงแบบให้รู้จักชีวิต ให้รู้จักความเป็นจริง ให้รู้จักช่วยเหลือตัวเองเพราะเราเป็นลูกคนเดียวไม่ได้มีพี่น้องให้คำปรึกษา)
(แต่จขกท. ok แล้วค่ะเปิดใจคุยกันเรียบร้อย แม้จะทะเลาะมีปากเสียงกันบ้าง แต่ก็เนาะชีวิตเป็นของเรา ความจริงคุยนานแล้วแต่เพิ่งมายอม80%ตอนหลังๆ555 พ่อนี่สุดๆไปเลย)
......อ่ะๆต่อๆๆจขกท.เรียนจบตัดสินใจมาหาประสบการณ์การทำงานใช้ชีวิตที่กรุงเทพ เรียนรู้ผู้คน สังคม อยู่ได้ปีกว่าๆ เปลี่ยนงานเป็นว่าเล่นเหมือนเด็กไม่รู้จักโต จนโดนขีดเส้นตายเลยทำงานที่ล่าสุดนานกว่าที่อื่น งานที่นี่ความกดดันสูงแต่ทนได้เพราะเพื่อนดีสังคมที่ทำงานดี แต่ที่ทนไม่ได้คือสุขภาพของตัวเอง ป่วยบ่อย(ภูมิแพ้กรุงเทพ)พี่ป้างก็มา555
......แล้วมาถึงจุดหนึ่งของชีวิตคิดว่าเรามีความสุขแล้วเหรอที่ทำงานนี้ ที่มาอยู่ที่นี่ ใช้ร่างกายทำงานอย่างหนักแลกกับเงินไม่กี่บาท อยู่ในสังคมเมืองที่ไม่รู้จักใคร แลกกับการอยู่ไกลพ่อแม่ แลกกับอะไรก็ไม่รู้หลายๆอย่างในชีวิต ตอนนั้นเลยกลับมาคิดว่าชีวิตเราต้องการอะไรกันแน่ "ความสุข เงินทอง อนาคต" แล้วความสุขจริงๆของเราคืออะไร เป้าหมายในชีวิตเราคืออะไร เราต้องการอะไร
......จขกท.หาคำตอบนานมากจนวันหนึ่งมานั่งนึกกับตัวเอง
-ทางที่2 เราอยู่ใกล้คนที่เรารัก ได้ดูแล ได้ทำงานที่ค่อนข้างมั่นคง เลี้ยงดูตัวเอง ช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวได้ เราจะมีความสุขกว่าไหม
......เราเลยตัดสินใจหนีเมืองกรุงกลับบ้านเกิดเพื่อที่จะได้ทำตามความสุขที่แท้จริงของเรา (และเราก็หากันจนเจอ มาเป็นเพลง555)
......ตอนนี้เราได้งานทำอยู่จังหวัดใกล้เคียง(แม้เงินเดือนจะไม่ได้มากมายเท่าไรแต่ถ้าเทียบกับค่าครองชีพในกทม.แล้วถือว่าพอๆกัน)แต่ถูกส่งมาอบรมที่ กทม.ก่อนปฏิบัติงานเราก็OKนะถึงเนื้องานจะไม่ใช้สิ่งที่เรารัก เราชอบ แต่เราโชคดีที่ได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งทำให้ความคิดเราเปลี่ยน เราสามารถมีความสุขได้ในสิ่งเล็กๆน้อยๆ เราสามารถทำงานได้อย่างมีความสุข ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขเพียงเปลี่ยนความคิดก็จะทำให้ระหว่างทางที่เราก้าวเดินไม่เหนื่อย ไม่เบื่อ ไม่ท้อและจะมีแต่ความสุขตลอดการเดินทางแม้บางวันจะเขว ท้อบ้าง แต่ก็ดึงสติกลับมาได้ทุกครั้ง (หรืออาจเป็นเพราะเราชินตั้งแต่เด็ก ๋แล้วกับการทำอะไรก็ได้ ยังไงก็ได้ทำให้ดีที่สุดเป็นพอ)
......ทุกวันนี้เราOKกับทางที่เลือกเดิน แม้จะมีคิดเรื่องเก่าๆบ้าง (ยังไม่จบว่าสรุปตัวเองชอบอะไร รักอะไร555 ใครมีแนวคิด ทฤษฎีบอกที) แต่ในชีวิตจขกท.คนที่สำคัญที่สุดคือครอบครัว แค่เห็นพ่อแม่มีความสุขเราก็สุขสุดๆแล้ว
***ใครมีประสบการณ์ คล้ายๆจขกท. หรือมีความคิดข้อเสนอแนะอะไรมาแชร์กันได้นะ แล้วพวกคุณละถ้าให้เลือก3อย่างนี้จะเลือกอะไร***