เรื่องราวมีอยู่ว่าที่บริษัทใช้คอมพิวเตอร์แบบเช่า ซึ่งได้สั่งเขาไว้แต่แบบเช่ามาเก็บไว้ที่ทำงานโดยไว้ในห้องเก็บของและห้องทำงานของพี่อีกคนนึง จำนวนเกือบ 100 เครื่องโดยมีแค่ระบบตรวจสอบเพียง S/N ตอนมารับและจำนวนจากบริษัทที่นำมาส่ง
แล้วอยู่มาวันหนึ่งคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในห้องเกิดหายไปหนึ่งเครื่องจึงสอบถามการภายในแผนกว่าใครเป็นคนเอาไปจึงไม่มีใครรับแล้วในวันเดียวกันที่สอบถามก็เจอบอกไปว่าจะไปดูกล้องวงจรปิดและในวันรุ่งขึ้นก็ได้ไปดูกล้องวงจรปิดแล้วพบว่าภาพที่ถูกบันทึกนั้นโดนลบไปหมดเครื่องบันทึกภาพทั้งสามเครื่องที่เกี่ยวข้องโดนลบหมดเช่นกัน แล้วพบว่า ภาพวงจรปิดที่ส่องไปหน้าห้องเครื่องบันทึกภาพกล้องวงจรปิด พบว่าคนในแผนกตัวเอง ออกมาจากห้องบันทึกภาพ หลังจากที่ภาพโดนลบ เป็นคนแรกซึ่งเป็นคนในแผนกเดียวกัน แล้วในแผนกจึงได้ตกลงกันว่าจะไปนำฮาร์ดดิสก์ออกมากู้ข้อมูลเมื่อกู้ข้อมูลได้ก็พบว่าคนที่เอาเครื่องไป เป็นคนเดียวกับที่ทุกคนในแผนกสงสัย
หลังจากนั้นจึงเกิดการตรวจสอบจำนวนคอมพิวเตอร์ที่ถูกเก็บอยู่ภายในห้องเก็บของพบว่าจำนวนคอมพิวเตอร์นั้นหายไปจากจำนวนจอที่คงเหลืออยู่หลาย 10 เครื่อง หลังจากนั้นไม่กี่วันตำรวจได้ก็เข้ามาสอบปากคำคนนั้นราเค้าก็สารภาพผิดว่าได้นำเครื่องไปจริงๆแต่ยอมรับเพียงแค่เครื่องเดียวเนื่องจากหลักฐานมีเพียงแค่ภาพวงจรปิดที่เขาเข้ามานำเครื่องคอมพิวเตอร์ออกไปโดยการใส่กระเป๋าเป้ และเดินออกมาแบบสบายๆ และในวันเดียวกันนั้นที่ตำรวจเข้ามาสอบปากคำ ทางผู้ใหญ่ก็ได้อนุญาตให้เขากลับบ้าน ไปคนเดียว โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ของ รพ ติดตามไปด้วย เพื่อไปนำคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นมาคืนแล้วก็ปล่อยกลับบ้านไปโดยไม่มีการสืบอะไรต่อ และปลดออกจากการเป็นพนักงานของบริษัททันที
อยากถามความเห็นของทุกคนหน่อยครับ จะทำยังไงดี ถ้า
1. จะพอมีวิธีไหนบ้างที่จะตามหาคอมพิวเตอร์ที่หายไปคืนบ้างครับ S/N
2. กรณีที่บริษัทรวบรวมค่าเสียหายทั้งหมด แล้วหารความรับผิดชอบของคนในแผนกสมควร หรือไม่สมควร สาวนคนที่มีประวัติขโมย ก็ถูกปลดออกจากการเป็นพนักงานของบริษัท
3. จะทำยังไงกับคนประเภทนี้ดี ขนาดวันที่โดนให้ออก ยังน่าชื่น ตาบานดูไม่รู้ร้อนอะไร แล้วคนอื่นที่ไม่ได้ทำไรผิด ต้องมารับเคราะห์แทน
4. สมควรมั้ยครับ ในเมื่อรู้ว่าเขาเป็นขโมยแล้วยังปล่อยให้กลับบ้านไป นำของที่ขโมยไปมาคืน
จริงๆ เรื่องราวมีบางช่วงที่ละเอียดกว่านี้ แต่ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มเติมก็ถามได้คับ
ทำยังไงดีครับ คอมพิวเตอร์ที่ทำงานหาย แล้วทางเจ้าของจะให้หารความรับผิดชอบกันในแผนก ทั้งๆ ที่พอรู้ว่าโจรคือใคร
แล้วอยู่มาวันหนึ่งคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในห้องเกิดหายไปหนึ่งเครื่องจึงสอบถามการภายในแผนกว่าใครเป็นคนเอาไปจึงไม่มีใครรับแล้วในวันเดียวกันที่สอบถามก็เจอบอกไปว่าจะไปดูกล้องวงจรปิดและในวันรุ่งขึ้นก็ได้ไปดูกล้องวงจรปิดแล้วพบว่าภาพที่ถูกบันทึกนั้นโดนลบไปหมดเครื่องบันทึกภาพทั้งสามเครื่องที่เกี่ยวข้องโดนลบหมดเช่นกัน แล้วพบว่า ภาพวงจรปิดที่ส่องไปหน้าห้องเครื่องบันทึกภาพกล้องวงจรปิด พบว่าคนในแผนกตัวเอง ออกมาจากห้องบันทึกภาพ หลังจากที่ภาพโดนลบ เป็นคนแรกซึ่งเป็นคนในแผนกเดียวกัน แล้วในแผนกจึงได้ตกลงกันว่าจะไปนำฮาร์ดดิสก์ออกมากู้ข้อมูลเมื่อกู้ข้อมูลได้ก็พบว่าคนที่เอาเครื่องไป เป็นคนเดียวกับที่ทุกคนในแผนกสงสัย
หลังจากนั้นจึงเกิดการตรวจสอบจำนวนคอมพิวเตอร์ที่ถูกเก็บอยู่ภายในห้องเก็บของพบว่าจำนวนคอมพิวเตอร์นั้นหายไปจากจำนวนจอที่คงเหลืออยู่หลาย 10 เครื่อง หลังจากนั้นไม่กี่วันตำรวจได้ก็เข้ามาสอบปากคำคนนั้นราเค้าก็สารภาพผิดว่าได้นำเครื่องไปจริงๆแต่ยอมรับเพียงแค่เครื่องเดียวเนื่องจากหลักฐานมีเพียงแค่ภาพวงจรปิดที่เขาเข้ามานำเครื่องคอมพิวเตอร์ออกไปโดยการใส่กระเป๋าเป้ และเดินออกมาแบบสบายๆ และในวันเดียวกันนั้นที่ตำรวจเข้ามาสอบปากคำ ทางผู้ใหญ่ก็ได้อนุญาตให้เขากลับบ้าน ไปคนเดียว โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ของ รพ ติดตามไปด้วย เพื่อไปนำคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นมาคืนแล้วก็ปล่อยกลับบ้านไปโดยไม่มีการสืบอะไรต่อ และปลดออกจากการเป็นพนักงานของบริษัททันที
อยากถามความเห็นของทุกคนหน่อยครับ จะทำยังไงดี ถ้า
1. จะพอมีวิธีไหนบ้างที่จะตามหาคอมพิวเตอร์ที่หายไปคืนบ้างครับ S/N
2. กรณีที่บริษัทรวบรวมค่าเสียหายทั้งหมด แล้วหารความรับผิดชอบของคนในแผนกสมควร หรือไม่สมควร สาวนคนที่มีประวัติขโมย ก็ถูกปลดออกจากการเป็นพนักงานของบริษัท
3. จะทำยังไงกับคนประเภทนี้ดี ขนาดวันที่โดนให้ออก ยังน่าชื่น ตาบานดูไม่รู้ร้อนอะไร แล้วคนอื่นที่ไม่ได้ทำไรผิด ต้องมารับเคราะห์แทน
4. สมควรมั้ยครับ ในเมื่อรู้ว่าเขาเป็นขโมยแล้วยังปล่อยให้กลับบ้านไป นำของที่ขโมยไปมาคืน
จริงๆ เรื่องราวมีบางช่วงที่ละเอียดกว่านี้ แต่ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มเติมก็ถามได้คับ