โพสต์นี้จะว่าไปก็เหมือนสาวไส้ให้กากิน แต่ก็อยากเล่าความเข้มแข็ง และความดีของแม่ของเจ้าของกระทู้และเจ้าของกระทู้ก็จะเป็นคนดีเท่าที่ดีได้ และเข้มแข็งให้ได้เหมือนแม่ #มีคนเคยทักเจ้าของกระทู้ว่าต่อไปภายหน้าจะได้พึ่งพาญาติพี่น้องแน่นอนพี่น้องดีมากเลย จขกท.คิดในใจ “นี่แหละเขาถึงเรียกว่าหมอเดา”
เริ่มต้นชีวิตจากการพลัดบ้านจากเมืองถิ่นเกิด
👉🏼ขณะนั้นตา และยายจขกท. มีฐานะค่อนข้างดี เมื่อเทียบกับชาวบ้านนอกธรรมดาทั่วไปสมัย 50 ปีก่อน เพราะตาเป็นคนขยัน ทั้งทำนา การเกษตรผสมผสานหลายอย่าง ส่วนยายก็เป็นคนประหยัดมาก คอยเก็บหอมรอมริบ จนมีวัวควายเต็มบ้าน เป็น 100 ตัวขึ้นไป มีที่ดินที่เป็น นส.3 หลายไร่มากทีเดียวเมื่อเทียบกับคนสมัยนั้น เป็นพื้นที่ป่าส่วนใหญ่จึงเป็นได้แค่ นส.3 อยู่ ยังเป็นโฉนดไม่ได้ แต่ก็มีสิทธิมากกว่าที่สปก.บ้างอยู่ เพราะสามารถซื้อขายได้ ตากับยายมีลูกที่รอดชีวิตอยู่ 6 คน รวมถึงแม่ของจขกท. ด้วย แต่ปัจจุบันมีชีวิตอยู่เพียง 5 คน เนื่องจาก 1 คน เป็นทหารและตายในสนามรบ เป็นผลให้ยายมีเบี้ยยังชีพอยู่ในปัจจุบันจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เดือนละเกือบ 1 หมื่นบาท ย้อนไปขณะที่ชีวิตกำลังรุ่งเรืองอยู่นั้น จขกท. ไม่แน่ใจว่าเพราะสาเหตุใดกัน เพราะถามแม่ก็ได้ความไม่ละเอียดพอ จับความได้ว่ายายไม่ค่อยถูกโฉลกกับเพื่อนบ้านกัน และตาเคยไปขัดผลประโยชน์ผู้ที่พอมีอิทธิพลในหมู่บ้านนั้น หลังจากนั้นก็มีผู้คนปล่อยข่าวว่าตาเป็น “ปอป” นับตั้งแต่นั้นมามักมีคนมาพูดจาเสียดสี ชิงชัง ทำท่าทำทางรังเกียจเดียจฉันท์อย่างออกนอกหน้า และแม่ยังบอกอีกว่าเคยโดยคนทำร้ายด้วยการขว้างก้อนหินใส่หัวจนแตกเลือดไหล ตอนนั้นพ่อกับแม่ของจขกท. ได้พบกันแล้ว และรักกัน แต่งงานกันออกเรือนไปอยู่กับพ่อ พ่อเป็นคนต่างหมู่บ้านต่างตำบลห่างกันประมาณ 3 หมู่บ้าน โดยมิได้รังเกียจข่าวลือเรื่องปอปของตาสักนิด ต่อมาสักพักได้เกิดเหตุไม่คาดฝัน สถานการณ์รุนแรงเรื่องข่าวลือจนถึงขั้นโดนคนในหมู่บ้านรุมกันไล่ออกไปหาที่อยู่ใหม่ “เรียกว่ารุมประชาทัณฑ์ดี ๆ นี่เอง” หลังจากนั้นตากับยายจำเป็นต้องย้ายไปอยู่ที่หมู่บ้านหนึ่งที่เป็นแหล่งอาศัยเป็นที่อยู่ใหม่ของคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นภูติผีปีศาจจากทั่วสารทิศ นั่นก็คือหมู่บ้าน “นาสาวนาน” อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร อยู่ไปอยู่มาก็มีความสุขดีนะ ตากับยายได้กล่าวไว้ ปัจจุบันเหลือแต่ยายที่มีชีวิตอยู่
ชีวิตของการเป็นสะใภ้
👉🏼ไม่สวยหรูอย่างที่คิดไว้ แม่เป็นหม้ายเมื่ออายุ 43 ปี เนื่องจากพ่อเสียชีวิตด้วยอายุ 47 ปี ด้วยภาวะไตวาย ก่อนตายพ่อได้บอกประโยคนี้กับแม่ และลูกทุกคนว่า “ถ้ากูตายพวกก็เป็นได้แค่หมา” และจากไปอย่างสงบ ย้อนกลับไปหน้านั้นแม่เป็นโรคจิตเวชเมื่อคลอดลูกคนแรก แต่ปัจจุบันก็ต้องกินยาประจำอยู่ เคยเป็นหนักพูดไม่รู้เรื่องรวมทั้งหมดในชีวิต 3 ครั้ง แม่ต้องเผชิญชะตากรรมหลังพ่อเสียชีวิตทำงานหนักดูแลคนภายในครอบครัวของพ่อ แต่ก็ต้องเป็นของแม่ และของจขกท. ด้วย เพราะเป็นสะใภ้ และลูกสาวเค้านี่เอง แม่ไม่หลีกหนีชะตากรรมที่ต้องดูแลพ่อสามีที่เดินไม่ได้ ดูแลช่วยกันกับป้าพี่สาวของพ่อ ทั้ง ๆ ที่ยายมากระซิบกับแม่ว่า “ไม่ต้องไปดูแลเขาหรอกลูกเขาก็มีมาอยู่กับกูนี่คอยดูแลเลี้ยงกูดีกว่าเงินกูก็มีที่ดินกูก็มี” (ปัจจุบันเหลือแค่ยายที่ยังมีชีวิตอยู่ตาเสียไปนานมากแล้วตั้งแต่จขกท. เด็ก ๆ ประมาณอนุบาล 2) แต่แม่ก็ไม่ยอมไปไหนดูแลปู่ด้วยกันกับป้าจนปู่เสียชีวิตด้วยความเหนื่อยยากหนักหนาสาหัสมากนัก ขณะนั้นจขกท. เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 1 ปู่ใกล้ตายลูกทุกคนมานอนเฝ้าดูแลต่างน้อยอกน้อยใจเพราะปู่เรียกหาแต่แม่ และหลานก็คือจขกท. ตลอดไม่เรียกลูกที่มานอนเฝ้าเลย และเฝ้าบอกป้าว่า “ที่ดินของให้นังนุชเด้อ อย่าให้ใคร” นุชเป็นชื่อจริงพยางค์แรกของจขกท. ปู่จะเรียกแบบนี้มาตลอด ลูกอีกคนเคยจะพาปู่ไปดูแล แต่ไปได้ไม่ถึง 1 คืน จนต้องกลับมาส่ง เพราะปู่โวยวายจะกลับบ้านท่าเดียว
ป้ากับแม่
👉🏼ป้าเป็นมะเร็งรังไข่ ได้ตัดรังไข่ และมดลูกทั้งหมด กลับมาจากไปทำงานเป็นแม่บ้านที่จังหวัดนครนายก ป้าเป็นคนดูแลเรื่องข้าวของเงินทองในบ้าน คอยช่วยเหลือพ่อเรื่องเงินเสมอเมื่อพ่อยืมเงินทีไรก็ได้แต่บ่นว่าไม่ได้คืนสักที แต่ก็ไม่มีครั้งไหนเลยที่พ่อไม่ได้เงินกับป้า ป้าของจขกท. ไม่มีลูกผัวที่ไหน เคยถามท่านว่าทำไมไม่หาสามีคะ ท่านตอบว่า “ไม่อยากให้ใครมาลำบากกับตัวเองรู้แค่นี้ก็พอ” จขกท. เป็นความหวังเดียวของป้ากับแม่ โชคร้ายโรคมะเร็งของป้ากลับมาอยู่ที่ตับเพราะป้าหายจากมะเร็งรังไข่แล้วแต่หมอก็นัดทุก 6 เดือน เพื่อตรวจการกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็ง และสุดท้ายมันก็กลับมา ตอนนั้นจขกท.ใกล้จบม.ปลายแล้ว ป้าก็ทำคีโมเรื่อย ๆ แม่ก็ดูแลป้ามาตลอด ค่าใช้จ่ายไปหาหมอที่อุดรธานีป้าก็ออกเอง ไม่เว้นแม่กระทั่งพี่น้องที่คลานตามกันมาก็เก็บค่าใช้จ่ายด้วย โดยคงคิดว่าคงไม่ได้ในทรัพย์สินของป้า เพราะถึงแม้จะมีไม่มากมายแต่ก็พอให้ตั้งตัวได้ ป้าก็ได้ทำพินัยกรรมยกให้จขกท. ทั้งหมดแล้ว ป้าชอบไปบ้านหลังนั้น ไปพูดคุย นอนเล่น แต่บางครั้งที่กลับมาก็ตาแดงกลับมาบ้าง จขพ.รู้ว่าป้าร้องไห้มา แต่ก็ไม่เคยถามว่าเรื่องอะไร ป้าเก็บมันไว้ในหัวอก แล้วก็เฝ้าแต่บอกให้จขกท. เรียนให้จบจะได้ดูแลแม่กับป้าได้ จนจขกท. เรียนจบ ได้ทำงาน ช่วงปลายปี 56 ป้าทำคีโมไม่ได้แล้วเพราะเกล็ดเลือดต่ำมาก ได้แอดมิดที่ศูนย์มะเร็งอุดรธานี แม่ไม่ได้มาด้วยรอบนี้ป้ามากับพี่ตัวเอง แต่ท่านต้องกลับก่อน จขกท. ต้องลางานไปเฝ้าไข้ป้าที่โรงบาล 3-5 วันหรือเปล่าไม่แน่ใจ และแม่ก็เดินทางมาเฝ้าไข้ป้าแทนจขกท. ช่วงนั้นแม่อยู่บ้าน 2 คนกับป้า เพราะน้องชายจขกท. ติดทหาร 2 ปี สุดท้ายแม่ดูแลป้าคนเดียวไม่ไหวแล้ว จขกท. จำต้องลาออกจากงานสัตวบาลทันทีทันใดเพิ่งทำได้เพียงแค่ 1 ปี วันที่เดินทางกลับถึงบ้านจขกท. จำได้ดีวันนั้นคือวันที่ทหารปฏิวัติยึดอำนาจรัฐบาลนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร จขกท. สงสารแม่มากที่ต้องรับผิดชอบดูแลคนในครอบครัวมาแล้วอย่างหนักถึง 3 คน คือพ่อ ปู่ และป้า พี่น้องของพ่อ และป้า แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีใครสนใจเราทั้ง 3 คนเลย แต่กระนั้นแม่ยังสอนจขกท. ว่า ถึงยังไงพี่ของพ่อทุกคนก็ช่วยกันเลี้ยงพ่อมาตั้งแต่ยังแบเบาะ “ต้องเรียกเขาว่าพ่อแม่นะลูก เพราะเขาเปรียบเสมือนพ่อแม่ของลูกจริง ๆ” จขกท. อึ้ง คิดในใจแม่ ๆ เป็นคนดีเกินไปแล้วนะ คนอะไรเขาทำกับเราขนาดนั้นแต่ไม่เคยคิดเคียดแค้นสักนิดเลยเหรอ??? ทั้งถูกเขาพูดเสียดสีว่าเป็นสมทรง เป็นผีบ้าบ้างล่ะ ก็แค่สงสัยในใจ เหมือนนางเอกละครไปไหมแม่ พ่อก็ไม่ใช่พ่อตัวเอง ป้าก็ไม่ใช่พี่แท้ ๆ ของตัวเอง ก็แค่พี่สาวของผัว แต่แม่ดูแลเอาใจใส่จนสุดชีวิตของตัวเอง จขกท. กลับมาบ้านก็ไม่ใช่ดูแลป้าช่วยแม่อย่างเดียว เงินล่ะจะเอาจากไหน ค่าผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ค่ากับข้าวอีกล่ะ ถึงจะมีบ้านมีที่ดินคุ้มหัว มีคนทำนาให้กิน แต่ไม่มีเงินล่ะจะดูแลป้ากับแม่ยังไง สุดท้ายจขกท. ได้งานราชการเป็นผู้ช่วยทันตแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านมาก ๆ แต่เงินเดือนไม่ได้ครึ่งหนึ่งของงานสัตวบาลที่เคยทำ จึงต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดที่สุด แต่เรื่องที่หน้าเศร้าวันที่จขกท. ไปรายงานตัวเพื่อเข้าทำงานนั่นคือวันที่จัดงานศพให้ป้าของจขกท. จนขอร้องทางโรงพยาบาลเพื่อขอเลื่อนวันทำงานไป 3 วัน
ชีวิตแม่ และจขกท. หลังจากป้าผู้พึ่งพาได้เป็นคนสุดท้ายในชีวิต
👉🏼หลังจากนั้นไม่นานจขกท. ก็แต่งงาน และสามีก็ช่วยส่งเสียดูแลเมีย และแม่ยาย จขกท. อยากกลับไปทำงานที่เดิมมาก แต่จำเป็นต้องรอน้องชายกลับมาจากทหารเพื่อที่แม่จะได้มีคนดูแล และน้องชายก็กลับมา จขกท. ลาออกจากงานราชการที่โรงพยาบาล และกลับมาทำงานที่เดิมแผนกเดียวกับสามี มีน้องชายอยู่ด้วยแล้วก็ไม่ห่วงอะไรมาก ซึ่งตอนนั้นยายมาอยู่กับแม่ด้วย แต่สุดท้ายคนแก่ก็ได้อยู่ด้วยกัน 2 คน เพราะน้องชายจขกท. ก็มีภาระเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียเหมือนกัน โดยที่จขกท. ลืมข้อนี้ไปเสียสนิท แต่เพราะความคุ้มค่าของเงินมันต่างกันมากจริง ๆ จขกท. ต้องจำยอมปล่อย 2 ท่านนั้นอยู่ด้วยกัน ได้เพียงแต่ส่งเงินไปให้พอค่าดูแลในบ้าน น้องชายก็ย้ายของเข้าไปอยู่ห้องเช่าในเมือง เพื่อสะดวกแก่การเดินทางไปทำงาน ปี 59 จขกท. คลอดลูก ลาคลอด 3 เดือน เมื่อกลับมาทำงานจขกท. พาแม่กับยายมาช่วยเลี้ยงลูกให้ที่ห้องในที่ทำงาน และคราวเคราะห์ก็มาเยือนอีกครั้ง แม่มีอาการจิตเวชกำเริบหนักเริ่มพูดกันไม่รู้เรื่อง ซึมเศร้า และหงุดหงิด คงเกิดมาจากหลานเริ่มคลานได้ เหนื่อยขึ้น แม่เอาหลานไม่อยู่ จขกท. ยังคงคิดเป็นตราบาปในใจจนถึงบัดนี้ว่าเป็นความผิดของจขกท. คนเดียว ทิ้งบ้านไว้ยังไม่พอยังทำให้แม่กลับไปมีอาการอีกครั้ง สุดท้ายหมดทางเลือกจะให้ใครช่วยดูแลแม่เพราะจขกท. ต้องได้ทำงาน และยังมีหนี้สินมากมายที่ต้องชำระอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่จะปล่อยให้แม่อยู่คนเดียวไม่ได้ จะให้พี่ชายช่วยดูแลก็ได้รับการปฏิเสธกลับมาเพราะไปอยู่ที่บ้านเมีย นี่หรือคำทำนายที่หมอเดาว่าญาติพี่น้องดีมากจะพึ่งพาได้ ส่วนลูกก็ให้พ่อกับแม่สามีช่วยรับเลี้ยงซึ่งต้องส่งค่าเลี้ยงดูแทน ตอนนั้นจขกท. มืดมนไปหมด แต่สุดท้ายก็มีแสงเล็ก ๆ ขึ้นมา และสว่างจ้าขึ้น เมื่อน้องสาวแท้ ๆ ของแม่ทราบเรื่องราว ท่านได้แจ้งแก่จขกท. ว่า “เอาแม่มาอยู่กับกูเดี๋ยวนี้” ส่วนน้องสาวคนสุดท้องช่วยดูแลเรื่องการนัดหมอให้ และน้องก่อนสุดท้องเป็นธุระพาแม่ไปหาหมอ จขพ.ไม่รู้จะทำยังไง อัดอั้นตันใจไปหมด ได้แต่ส่งค่าดูแลแม่ให้น้าสาว
#สุดท้ายคำทำนายของหมอเดาที่ว่าไว้ตอนแรกมันก็เกิดขึ้นจริง #หมอดูคนนี้จำหน้าตาไม่ได้เลยแต่ขอบคุณที่ทักไว้โดยไม่คิดค่าเสียหาย #โปรดใช้วิจารณญาณในการไตร่ตรอง ทุกวันนี้แม่ดีขึ้นมาก ทำกับข้าว งานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้เหมือนเดิม แต่ก็แลกมาด้วยการที่ต้องเพิ่มขนาดยาขึ้น แม่บอกว่า “แม่ขอโทษ แม่สู้เพื่อลูกไม่ได้” แล้วก็ร้องให้ จขกท. บอกว่า “ไม่เลยแม่ แม่เป็นนักสู้มากกว่าหนูหลายเท่านัก อย่าเอาหนูไปเทียบชั้น” และกลั้นน้ำตาไว้ในอก
#แต่ลูกสัญญาว่าจะเข้มแข็งเป็นนักสู้ และเป็นคนดีให้ได้เหมือนแม่หนูจะไม่ทิ้งแม่ไม่ทิ้งครอบครัวของหนูรอหนูหน่อยนะคะ...
#หนูไม่รู้ว่าชาติก่อน ๆ แม่เคยทำกรรมอะไรไว้ชาตินี้ถึงมีเคราะห์กรรมสาหัสขนาดนี้แต่ถ้าชาติหน้ามีจริงหนูเชื่อว่าแม่จะได้ไปอยู่ในภพที่ดีแน่นอนเพราะชาตินี้หนูยังไม่เคยเห็นแม่ทำความไม่ดีเลย
#แค่อยากระบายให้มันเบาใจขึ้นบ้างก็แค่นั้นเอง
แม่ผู้เข้มแข็ง และเป็นคนดีที่สุดของลูก
โพสต์นี้จะว่าไปก็เหมือนสาวไส้ให้กากิน แต่ก็อยากเล่าความเข้มแข็ง และความดีของแม่ของเจ้าของกระทู้และเจ้าของกระทู้ก็จะเป็นคนดีเท่าที่ดีได้ และเข้มแข็งให้ได้เหมือนแม่ #มีคนเคยทักเจ้าของกระทู้ว่าต่อไปภายหน้าจะได้พึ่งพาญาติพี่น้องแน่นอนพี่น้องดีมากเลย จขกท.คิดในใจ “นี่แหละเขาถึงเรียกว่าหมอเดา”
เริ่มต้นชีวิตจากการพลัดบ้านจากเมืองถิ่นเกิด
👉🏼ขณะนั้นตา และยายจขกท. มีฐานะค่อนข้างดี เมื่อเทียบกับชาวบ้านนอกธรรมดาทั่วไปสมัย 50 ปีก่อน เพราะตาเป็นคนขยัน ทั้งทำนา การเกษตรผสมผสานหลายอย่าง ส่วนยายก็เป็นคนประหยัดมาก คอยเก็บหอมรอมริบ จนมีวัวควายเต็มบ้าน เป็น 100 ตัวขึ้นไป มีที่ดินที่เป็น นส.3 หลายไร่มากทีเดียวเมื่อเทียบกับคนสมัยนั้น เป็นพื้นที่ป่าส่วนใหญ่จึงเป็นได้แค่ นส.3 อยู่ ยังเป็นโฉนดไม่ได้ แต่ก็มีสิทธิมากกว่าที่สปก.บ้างอยู่ เพราะสามารถซื้อขายได้ ตากับยายมีลูกที่รอดชีวิตอยู่ 6 คน รวมถึงแม่ของจขกท. ด้วย แต่ปัจจุบันมีชีวิตอยู่เพียง 5 คน เนื่องจาก 1 คน เป็นทหารและตายในสนามรบ เป็นผลให้ยายมีเบี้ยยังชีพอยู่ในปัจจุบันจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เดือนละเกือบ 1 หมื่นบาท ย้อนไปขณะที่ชีวิตกำลังรุ่งเรืองอยู่นั้น จขกท. ไม่แน่ใจว่าเพราะสาเหตุใดกัน เพราะถามแม่ก็ได้ความไม่ละเอียดพอ จับความได้ว่ายายไม่ค่อยถูกโฉลกกับเพื่อนบ้านกัน และตาเคยไปขัดผลประโยชน์ผู้ที่พอมีอิทธิพลในหมู่บ้านนั้น หลังจากนั้นก็มีผู้คนปล่อยข่าวว่าตาเป็น “ปอป” นับตั้งแต่นั้นมามักมีคนมาพูดจาเสียดสี ชิงชัง ทำท่าทำทางรังเกียจเดียจฉันท์อย่างออกนอกหน้า และแม่ยังบอกอีกว่าเคยโดยคนทำร้ายด้วยการขว้างก้อนหินใส่หัวจนแตกเลือดไหล ตอนนั้นพ่อกับแม่ของจขกท. ได้พบกันแล้ว และรักกัน แต่งงานกันออกเรือนไปอยู่กับพ่อ พ่อเป็นคนต่างหมู่บ้านต่างตำบลห่างกันประมาณ 3 หมู่บ้าน โดยมิได้รังเกียจข่าวลือเรื่องปอปของตาสักนิด ต่อมาสักพักได้เกิดเหตุไม่คาดฝัน สถานการณ์รุนแรงเรื่องข่าวลือจนถึงขั้นโดนคนในหมู่บ้านรุมกันไล่ออกไปหาที่อยู่ใหม่ “เรียกว่ารุมประชาทัณฑ์ดี ๆ นี่เอง” หลังจากนั้นตากับยายจำเป็นต้องย้ายไปอยู่ที่หมู่บ้านหนึ่งที่เป็นแหล่งอาศัยเป็นที่อยู่ใหม่ของคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นภูติผีปีศาจจากทั่วสารทิศ นั่นก็คือหมู่บ้าน “นาสาวนาน” อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร อยู่ไปอยู่มาก็มีความสุขดีนะ ตากับยายได้กล่าวไว้ ปัจจุบันเหลือแต่ยายที่มีชีวิตอยู่
ชีวิตของการเป็นสะใภ้
👉🏼ไม่สวยหรูอย่างที่คิดไว้ แม่เป็นหม้ายเมื่ออายุ 43 ปี เนื่องจากพ่อเสียชีวิตด้วยอายุ 47 ปี ด้วยภาวะไตวาย ก่อนตายพ่อได้บอกประโยคนี้กับแม่ และลูกทุกคนว่า “ถ้ากูตายพวกก็เป็นได้แค่หมา” และจากไปอย่างสงบ ย้อนกลับไปหน้านั้นแม่เป็นโรคจิตเวชเมื่อคลอดลูกคนแรก แต่ปัจจุบันก็ต้องกินยาประจำอยู่ เคยเป็นหนักพูดไม่รู้เรื่องรวมทั้งหมดในชีวิต 3 ครั้ง แม่ต้องเผชิญชะตากรรมหลังพ่อเสียชีวิตทำงานหนักดูแลคนภายในครอบครัวของพ่อ แต่ก็ต้องเป็นของแม่ และของจขกท. ด้วย เพราะเป็นสะใภ้ และลูกสาวเค้านี่เอง แม่ไม่หลีกหนีชะตากรรมที่ต้องดูแลพ่อสามีที่เดินไม่ได้ ดูแลช่วยกันกับป้าพี่สาวของพ่อ ทั้ง ๆ ที่ยายมากระซิบกับแม่ว่า “ไม่ต้องไปดูแลเขาหรอกลูกเขาก็มีมาอยู่กับกูนี่คอยดูแลเลี้ยงกูดีกว่าเงินกูก็มีที่ดินกูก็มี” (ปัจจุบันเหลือแค่ยายที่ยังมีชีวิตอยู่ตาเสียไปนานมากแล้วตั้งแต่จขกท. เด็ก ๆ ประมาณอนุบาล 2) แต่แม่ก็ไม่ยอมไปไหนดูแลปู่ด้วยกันกับป้าจนปู่เสียชีวิตด้วยความเหนื่อยยากหนักหนาสาหัสมากนัก ขณะนั้นจขกท. เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 1 ปู่ใกล้ตายลูกทุกคนมานอนเฝ้าดูแลต่างน้อยอกน้อยใจเพราะปู่เรียกหาแต่แม่ และหลานก็คือจขกท. ตลอดไม่เรียกลูกที่มานอนเฝ้าเลย และเฝ้าบอกป้าว่า “ที่ดินของให้นังนุชเด้อ อย่าให้ใคร” นุชเป็นชื่อจริงพยางค์แรกของจขกท. ปู่จะเรียกแบบนี้มาตลอด ลูกอีกคนเคยจะพาปู่ไปดูแล แต่ไปได้ไม่ถึง 1 คืน จนต้องกลับมาส่ง เพราะปู่โวยวายจะกลับบ้านท่าเดียว
ป้ากับแม่
👉🏼ป้าเป็นมะเร็งรังไข่ ได้ตัดรังไข่ และมดลูกทั้งหมด กลับมาจากไปทำงานเป็นแม่บ้านที่จังหวัดนครนายก ป้าเป็นคนดูแลเรื่องข้าวของเงินทองในบ้าน คอยช่วยเหลือพ่อเรื่องเงินเสมอเมื่อพ่อยืมเงินทีไรก็ได้แต่บ่นว่าไม่ได้คืนสักที แต่ก็ไม่มีครั้งไหนเลยที่พ่อไม่ได้เงินกับป้า ป้าของจขกท. ไม่มีลูกผัวที่ไหน เคยถามท่านว่าทำไมไม่หาสามีคะ ท่านตอบว่า “ไม่อยากให้ใครมาลำบากกับตัวเองรู้แค่นี้ก็พอ” จขกท. เป็นความหวังเดียวของป้ากับแม่ โชคร้ายโรคมะเร็งของป้ากลับมาอยู่ที่ตับเพราะป้าหายจากมะเร็งรังไข่แล้วแต่หมอก็นัดทุก 6 เดือน เพื่อตรวจการกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็ง และสุดท้ายมันก็กลับมา ตอนนั้นจขกท.ใกล้จบม.ปลายแล้ว ป้าก็ทำคีโมเรื่อย ๆ แม่ก็ดูแลป้ามาตลอด ค่าใช้จ่ายไปหาหมอที่อุดรธานีป้าก็ออกเอง ไม่เว้นแม่กระทั่งพี่น้องที่คลานตามกันมาก็เก็บค่าใช้จ่ายด้วย โดยคงคิดว่าคงไม่ได้ในทรัพย์สินของป้า เพราะถึงแม้จะมีไม่มากมายแต่ก็พอให้ตั้งตัวได้ ป้าก็ได้ทำพินัยกรรมยกให้จขกท. ทั้งหมดแล้ว ป้าชอบไปบ้านหลังนั้น ไปพูดคุย นอนเล่น แต่บางครั้งที่กลับมาก็ตาแดงกลับมาบ้าง จขพ.รู้ว่าป้าร้องไห้มา แต่ก็ไม่เคยถามว่าเรื่องอะไร ป้าเก็บมันไว้ในหัวอก แล้วก็เฝ้าแต่บอกให้จขกท. เรียนให้จบจะได้ดูแลแม่กับป้าได้ จนจขกท. เรียนจบ ได้ทำงาน ช่วงปลายปี 56 ป้าทำคีโมไม่ได้แล้วเพราะเกล็ดเลือดต่ำมาก ได้แอดมิดที่ศูนย์มะเร็งอุดรธานี แม่ไม่ได้มาด้วยรอบนี้ป้ามากับพี่ตัวเอง แต่ท่านต้องกลับก่อน จขกท. ต้องลางานไปเฝ้าไข้ป้าที่โรงบาล 3-5 วันหรือเปล่าไม่แน่ใจ และแม่ก็เดินทางมาเฝ้าไข้ป้าแทนจขกท. ช่วงนั้นแม่อยู่บ้าน 2 คนกับป้า เพราะน้องชายจขกท. ติดทหาร 2 ปี สุดท้ายแม่ดูแลป้าคนเดียวไม่ไหวแล้ว จขกท. จำต้องลาออกจากงานสัตวบาลทันทีทันใดเพิ่งทำได้เพียงแค่ 1 ปี วันที่เดินทางกลับถึงบ้านจขกท. จำได้ดีวันนั้นคือวันที่ทหารปฏิวัติยึดอำนาจรัฐบาลนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร จขกท. สงสารแม่มากที่ต้องรับผิดชอบดูแลคนในครอบครัวมาแล้วอย่างหนักถึง 3 คน คือพ่อ ปู่ และป้า พี่น้องของพ่อ และป้า แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีใครสนใจเราทั้ง 3 คนเลย แต่กระนั้นแม่ยังสอนจขกท. ว่า ถึงยังไงพี่ของพ่อทุกคนก็ช่วยกันเลี้ยงพ่อมาตั้งแต่ยังแบเบาะ “ต้องเรียกเขาว่าพ่อแม่นะลูก เพราะเขาเปรียบเสมือนพ่อแม่ของลูกจริง ๆ” จขกท. อึ้ง คิดในใจแม่ ๆ เป็นคนดีเกินไปแล้วนะ คนอะไรเขาทำกับเราขนาดนั้นแต่ไม่เคยคิดเคียดแค้นสักนิดเลยเหรอ??? ทั้งถูกเขาพูดเสียดสีว่าเป็นสมทรง เป็นผีบ้าบ้างล่ะ ก็แค่สงสัยในใจ เหมือนนางเอกละครไปไหมแม่ พ่อก็ไม่ใช่พ่อตัวเอง ป้าก็ไม่ใช่พี่แท้ ๆ ของตัวเอง ก็แค่พี่สาวของผัว แต่แม่ดูแลเอาใจใส่จนสุดชีวิตของตัวเอง จขกท. กลับมาบ้านก็ไม่ใช่ดูแลป้าช่วยแม่อย่างเดียว เงินล่ะจะเอาจากไหน ค่าผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ค่ากับข้าวอีกล่ะ ถึงจะมีบ้านมีที่ดินคุ้มหัว มีคนทำนาให้กิน แต่ไม่มีเงินล่ะจะดูแลป้ากับแม่ยังไง สุดท้ายจขกท. ได้งานราชการเป็นผู้ช่วยทันตแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านมาก ๆ แต่เงินเดือนไม่ได้ครึ่งหนึ่งของงานสัตวบาลที่เคยทำ จึงต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดที่สุด แต่เรื่องที่หน้าเศร้าวันที่จขกท. ไปรายงานตัวเพื่อเข้าทำงานนั่นคือวันที่จัดงานศพให้ป้าของจขกท. จนขอร้องทางโรงพยาบาลเพื่อขอเลื่อนวันทำงานไป 3 วัน
ชีวิตแม่ และจขกท. หลังจากป้าผู้พึ่งพาได้เป็นคนสุดท้ายในชีวิต
👉🏼หลังจากนั้นไม่นานจขกท. ก็แต่งงาน และสามีก็ช่วยส่งเสียดูแลเมีย และแม่ยาย จขกท. อยากกลับไปทำงานที่เดิมมาก แต่จำเป็นต้องรอน้องชายกลับมาจากทหารเพื่อที่แม่จะได้มีคนดูแล และน้องชายก็กลับมา จขกท. ลาออกจากงานราชการที่โรงพยาบาล และกลับมาทำงานที่เดิมแผนกเดียวกับสามี มีน้องชายอยู่ด้วยแล้วก็ไม่ห่วงอะไรมาก ซึ่งตอนนั้นยายมาอยู่กับแม่ด้วย แต่สุดท้ายคนแก่ก็ได้อยู่ด้วยกัน 2 คน เพราะน้องชายจขกท. ก็มีภาระเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียเหมือนกัน โดยที่จขกท. ลืมข้อนี้ไปเสียสนิท แต่เพราะความคุ้มค่าของเงินมันต่างกันมากจริง ๆ จขกท. ต้องจำยอมปล่อย 2 ท่านนั้นอยู่ด้วยกัน ได้เพียงแต่ส่งเงินไปให้พอค่าดูแลในบ้าน น้องชายก็ย้ายของเข้าไปอยู่ห้องเช่าในเมือง เพื่อสะดวกแก่การเดินทางไปทำงาน ปี 59 จขกท. คลอดลูก ลาคลอด 3 เดือน เมื่อกลับมาทำงานจขกท. พาแม่กับยายมาช่วยเลี้ยงลูกให้ที่ห้องในที่ทำงาน และคราวเคราะห์ก็มาเยือนอีกครั้ง แม่มีอาการจิตเวชกำเริบหนักเริ่มพูดกันไม่รู้เรื่อง ซึมเศร้า และหงุดหงิด คงเกิดมาจากหลานเริ่มคลานได้ เหนื่อยขึ้น แม่เอาหลานไม่อยู่ จขกท. ยังคงคิดเป็นตราบาปในใจจนถึงบัดนี้ว่าเป็นความผิดของจขกท. คนเดียว ทิ้งบ้านไว้ยังไม่พอยังทำให้แม่กลับไปมีอาการอีกครั้ง สุดท้ายหมดทางเลือกจะให้ใครช่วยดูแลแม่เพราะจขกท. ต้องได้ทำงาน และยังมีหนี้สินมากมายที่ต้องชำระอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่จะปล่อยให้แม่อยู่คนเดียวไม่ได้ จะให้พี่ชายช่วยดูแลก็ได้รับการปฏิเสธกลับมาเพราะไปอยู่ที่บ้านเมีย นี่หรือคำทำนายที่หมอเดาว่าญาติพี่น้องดีมากจะพึ่งพาได้ ส่วนลูกก็ให้พ่อกับแม่สามีช่วยรับเลี้ยงซึ่งต้องส่งค่าเลี้ยงดูแทน ตอนนั้นจขกท. มืดมนไปหมด แต่สุดท้ายก็มีแสงเล็ก ๆ ขึ้นมา และสว่างจ้าขึ้น เมื่อน้องสาวแท้ ๆ ของแม่ทราบเรื่องราว ท่านได้แจ้งแก่จขกท. ว่า “เอาแม่มาอยู่กับกูเดี๋ยวนี้” ส่วนน้องสาวคนสุดท้องช่วยดูแลเรื่องการนัดหมอให้ และน้องก่อนสุดท้องเป็นธุระพาแม่ไปหาหมอ จขพ.ไม่รู้จะทำยังไง อัดอั้นตันใจไปหมด ได้แต่ส่งค่าดูแลแม่ให้น้าสาว
#สุดท้ายคำทำนายของหมอเดาที่ว่าไว้ตอนแรกมันก็เกิดขึ้นจริง #หมอดูคนนี้จำหน้าตาไม่ได้เลยแต่ขอบคุณที่ทักไว้โดยไม่คิดค่าเสียหาย #โปรดใช้วิจารณญาณในการไตร่ตรอง ทุกวันนี้แม่ดีขึ้นมาก ทำกับข้าว งานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้เหมือนเดิม แต่ก็แลกมาด้วยการที่ต้องเพิ่มขนาดยาขึ้น แม่บอกว่า “แม่ขอโทษ แม่สู้เพื่อลูกไม่ได้” แล้วก็ร้องให้ จขกท. บอกว่า “ไม่เลยแม่ แม่เป็นนักสู้มากกว่าหนูหลายเท่านัก อย่าเอาหนูไปเทียบชั้น” และกลั้นน้ำตาไว้ในอก
#แต่ลูกสัญญาว่าจะเข้มแข็งเป็นนักสู้ และเป็นคนดีให้ได้เหมือนแม่หนูจะไม่ทิ้งแม่ไม่ทิ้งครอบครัวของหนูรอหนูหน่อยนะคะ...
#หนูไม่รู้ว่าชาติก่อน ๆ แม่เคยทำกรรมอะไรไว้ชาตินี้ถึงมีเคราะห์กรรมสาหัสขนาดนี้แต่ถ้าชาติหน้ามีจริงหนูเชื่อว่าแม่จะได้ไปอยู่ในภพที่ดีแน่นอนเพราะชาตินี้หนูยังไม่เคยเห็นแม่ทำความไม่ดีเลย
#แค่อยากระบายให้มันเบาใจขึ้นบ้างก็แค่นั้นเอง