
Katyusha - [บทเพลงแปลไทย]
บทเพลงนี้เป็นเพลงเก่าที่แต่งไว้นานแล้ว
แต่นักเรียนสตรีโรงเรียนช่างอุตสาหกรรม Moscow ได้รวมตัวกันมาร้องเพลงนี้
เพื่อส่งทหารโซเวียตรัสเซียไปรบแนวหน้ากับทหารนาซีเยอรมันนี
ทำให้เพลงนี้ได้สร้างความชื่นชมให้กับทหารและชาวบ้านมาก
จนกลายเป็นเพลงดังเพลงประจำชาติอีกเพลงหนึ่งของรัสเซีย
Joe Rosenthal ช่างภาพที่ได้ถ่ายภาพนาวิกโยธินและทหารเรือสหรัฐ
กำลังโบกสะบัดธงชาติสหรัฐหลังมีชัยชนะต่อกองทัพญี่ปุ่นที่
Iwo Jima
ช่างภาพรายนี้ไม่เคยคาดคิดเลยว่า ภาพนี้จะกลายเป็นหนึ่งในภาพที่โด่งดัง
และมีคนจดจำมากที่สุดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
มีการตีพิมพ์เผยแพร่ภาพนี้มากกว่าหลายพันครั้ง
แม้กระทั่งมีภาพดังกล่าวปรากฎอยู่ในแสตมป์ที่ระลึก
ทุกวันนี้ก็ยังมีอนุสาวรีย์
Marine Corps War Memorial ใน Virginia
แต่ที่ Moscow ห่างออกไปหลายพันไมล์เช่นกัน
ด้วยแรงบันดาลใจจาก
Joseph Stalin ก็ทำให้มีภาพชัยชนะครั้งสำคัญ
ของทหารกองทัพแดง
Red Army ที่โบกสะบัดธงชาติโซเวียตรัสเซีย
(บางกระแสข่าวว่า Joseph Stalin น่าจะเคยเห็นภาพนี้มาก่อน จึงได้แนวคิดแบบนี้ในใจและมีดำริถ่ายภาพในแนวนี้
อีกกระแสข่าวหนึ่งว่า Yevgeny Khaldei น่าจะเคยเห็นภาพนี้เช่นกัน เลยอยากถ่ายภาพทำนองเดียวกันนี้)

ธงแดงที่โบกสะบัดเหนืออาคาร
Reichstag เยอรมันนี
ถ่ายภาพโดย
Yevgeny Khaldei คือหนึ่งในภาพสัญลักษณ์ที่สำคัญมากที่สุด
ในประวัติศาสตร์การยึดนคร Berlin ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
Yevgeny Anan'evich Khaldei คือ เจ้าหน้าที่กองทัพแดงและเป็นช่างภาพสงคราม
มันเป็นเวลากว่า 4 ปีแล้วที่กองทัพนาซีเยอรมันได้รุกรานสหภาพโซเวียตในปี 1941
Yevgeny Khaldei ได้ทำหน้าที่ถ่ายภาพในสนามรบอย่างกระตือรือล้น
โดยถ่ายทอดภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ตามที่พบเห็นในสงคราม
ท่านเป็นลูกหลานครอบครัวชาวยิวเมือง Yuzovka (ตอนนี้ Donetsk ของ Ukraine)
ท่านมีความหลงใหลและชื่นชอบการถ่ายภาพตั้งแต่ตอนยังเป็นเยาวชน
หนึ่งในกล้องสมัครเล่นอันแรกสุดของท่าน ทำขึ้นมาจากแว่นตาของยายท่านเอง
ในช่วงท่านทำหน้าที่ช่างภาพสงคราม
ท่านได้บันทึกภาพความตายและหายนะในเขตแนวหน้าด้านตะวันออก
ตั้งแต่ Sevastopol, Murmansk, Manchuria
และท้ายสุดตลอดเส้นทางไปยึดนคร Berlin
ท่านยังได้ถ่ายภาพการเจรจาของสามมหาอำนาจ
Potsdam Conference
และการตัดสินคดีอาชญากรสงครามที่
Nuremberg Trials
ในระหว่างช่วงตอนท้ายของการรบในยุโรป
ขณะที่เยอรมันเริ่มจะพ่ายแพ้แบบหมดทางสู้แล้ว
กองทัพแดงได้บุกยึดเมืองหลวงนาซีเยอรมัน
เป้าหมายหลักคือ อาคาร Reichstag
ที่ตั้งศูนย์กลางปกครอง/อำนาจของจักรวรรดิเยอรมันนี
ถึงแม้ว่าจะมีการสู้รบประปรายจากพวกนาซีเยอรมันนี้ในบริเวณอาคาร Reichstag
แต่การยึดอาคารได้คือ สัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างแรกที่สุดของกองทัพแดงในเชิงสัญลักษณ์

สภาพอาคาร Reichstag ใน Berlin วันที่ 3 มิถุนายน 1945 Photo credit: Imperial War Museums
30 เมษายน 1945 หลังจากการรบเพียงหนึ่งวัน
กองทัพโซเวียตรัสเซียได้ยึดอาคาร Reichstag ได้
แม้ว่ามีการสู้รบกันภายในอาคารบ้างเล็กน้อย
ตอนเวลา 22:40 น. ท่ามกลางความมืด
และการยิงต่อต้านจากทหารนาซีเยอรมัน
ทหารโซเวียตรัสเซีย 4 คนได้บุกเข้าไปในอาคาร
และพลทหาร Mikhail Minin สามารถปีนขึ้นไปบนหลังคาได้
แล้วปักธงแดง
Red Flag ไว้กับรูปปั้นบนอาคาร Reichstag
ท่ามกลางความมืดและภายใต้สถานะการณ์สู้รบจึงไม่มีการถ่ายภาพนี้
ในวันรุ่งขึ้น ธงผืนนี้ก็ถูกทหารซุ่มยิงนาซีเยอรมันยิงตกลงมา
วันที่ 2 พฤษภาคม 1945
ตอนที่ Yevgeny Khaldei เดินทางมาถึงนคร Berlin
พร้อมกับกล้องถ่ายรูป Leica III rangefinder 35mm f3.5 lens
พร้อมกับธงแดง Red Flag ที่ท่านขอให้ลุงท่านตัดเย็บให้ล่วงหน้าจาก Moscow
โดยธงนี้ทำมาจากผ้าปูโต๊ะจำนวน 3 ผืนที่ขโมยมาจากที่ทำการรัฐการ
ท่านพบว่าท่านมาสายไปสองวันแล้ว
เพราะ Adolf Hitler ได้ยิงตัวตายไปแล้ว (30 เมษายน)
และทหารนาซีเยอรมันบางส่วนเริ่มยอมจำนนแล้ว
ก่อนที่จะมีตัวแทนผู้นำเยอรมันนีลงนามยอมแพ้/ยอมจำนนอย่างเป็นทางการ
ในวันที่ 7 พฤษภาคม 1945 ซึ่งกลายเป็นวัน V-Day ในยุโรป
โดยมีผลบังคับใช้สมบูรณ์ในเย็นวันที่ 8 พฤษภาคม
แต่เป็นวันเริ่มต้นใหม่วันที่ 9 พฤษภาคม ในรัสเซียที่เวลาเร็วกว่า
รัสเซียจึงฉลองชัยวันนี้หลังวัน V-Day ในยุโรป
แต่ยังมีทหารเยอรมันบางส่วนที่อยู่ใน Prague
ที่ยังคงสู้รบกับรัสเซียจนถึงวันที่ 11 พฤษภาคม
อนึ่ง Vladimer Putin เคยให้สัมภาษณ์แบบไม่ค่อยพอใจว่า
ทางยุโรปพยายามละเลย(เนรคุณ) ไม่ให้ความสนใจกับสหายศึกรัสเซีย
ซึ่งมีทหารและชาวรัสเซียบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากกว่าทหารสัมพันธมิตร
ในการต่อต้านและสู้รบกับพวกนาซีเยอรมันจนมีชัยชนะ
แต่ Yevgeny Khaldei รู้ดีว่าต้องถ่ายภาพให้ได้
“
นี่คือ เรื่องที่ผมรอคอยมาถึง 1,400 วันแล้ว ”

Khaldei ได้ถ่ายภาพไว้หลายสถานที่ ภาพแรกคือที่ Tempelhof Airport ภาพที่สองคือ Brandenburg Gate
Yevgeny Khaldei จึงขอให้ทหาร 3 คน
ที่กำลังเดินลาดตระเวนอยู่บนท้องถนน
ช่วยปีนขึ้นบนยอดอาคาร Reichstag
และแสดงอาการโบกสะบัดธงแดงประวัติศาสตร์
พลทหาร Alexei Kovalyov วัย 18 ปีจาก Kiev เป็นผู้โบกธง
ขณะที่ Abdulkhakim Ismailov จาก Dagestan
และ Leonid Gorychev จาก Minsk อยู่ร่วมด้วย
Yevgeny Khaldei ได้ถ่ายภาพดังกล่าวจนหมดม้วนถึง 36 ภาพ
หนึ่งในภาพที่ถูกคัดเลือกและตีพิมพ์โดยนิตยสาร
Ogoniok ในวันที่ 13 พฤษภาคม 1945
ย้อนกลับไปที่ Moscow
เจ้าหน้าที่ฝ่ายกลั่นกรองภาพถ่ายพบว่ามีปัญหาอย่างหนึ่งเกิดขึ้น
เพราะมีทหารรัสเซียคนหนึ่งสวมนาฬิกาที่ข้อมือทั้งสองข้าง
ซึ่งแน่นอนว่านาฬิกาดังกล่าวมาจากการปล้นสะดมมาอย่างแน่นอน
ภาพดังกล่าวนี้ ถ้าปรากฎออกสู่สายตาชาวโลก
จะแสดงถึงความเลวร้ายของทหารโซเวียตรัสเซีย
Yevgeny Khaldei จึงได้รับการขอร้องให้ลบนาฬิกาออกจากภาพนี้
ท่านจึงขูดมันออกด้วยเข็ม และเติมความหมองหม่นลงไปในภาพด้วย
ด้วยการเพิ่มเงามืดบนท้องฟ้า กลุ่มหมอกควันไฟ ในด้านหลังภาพนี้
เพื่อแก้ไขวิกฤติการณ์ภาพดังกล่าวที่เกิดขึ้นมา
ตราบจนวันสิ้นลมหายใจ
Yevgeny Khaldei ยังยืนหยัดและชื่นชอบภาพนี้มาก
"
มันเป็นภาพที่ดีและเป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ "
แม้ท่านจะรู้ว่า ภาพนี้จะเป็นการโฆษณาชวนเชื่อก็ตาม
แต่ท่านเชื่อว่า เรื่องราวนี้มีสาเหตุความเป็นมา
เพราะในช่วงรัสเซียทำสงครามกับพวกสมุนบริวาร Hitler
ท่านต้องสูญเสียบิดาและน้องสาวสามคนจากสี่คนพี่น้อง
ด้วยการฆ่าของฆาตกรนาซีเยอรมันนีในช่วงสงคราม
“
ผมให้อภัยพวกมัน แต่ผมไม่เคยลืมพวกมันเลย "
ท่านเคยกล่าวไว้ และท่านสิ้นลมในเดือนตุลาคม 1997

ภาพตกแต่ง ให้สังเกตสีดำ กลุ่มขมุกขมัวของควัน
และภาพนาฬิกาโจรที่หายไปด้านขวามือทหารโจร

ภาพเปรียบเทียบธงสะบัด

อาคาร Reichstag ในทุกวันนี้ Photo credit: Roman Lashkin/Flickr

กล้องถ่ายรูป Leica III rangefinder 35mm f3.5 lens
ที่ Yevgeny Khaldei ใช้ถ่ายภาพประวัติศาสตร์
https://bit.ly/2IzSwSD
เรียบเรียง/ที่มา
http://bit.ly/2rCECp9
http://bit.ly/2GaYxzR
เรื่องเล่าไร้สาระ
ชาวโซเวียตรัสเซียล้มตายไปกว่า 26.6 ล้านคน เป็นทหารรัสเซียราว 8.6 ล้านคน
ตายจากการรบกับนาซีเยอรมันนี ตายเพราะความอดหยากหิวโหยและอากาศที่หนาวเย็น
รวมทั้งตายเพราะถูกเนรเทศไปทำงานหนัก ตายเพราะเป็นศัตรูกับรัฐบาลโซเวียตรัสเซีย
สาเหตุอย่างหนึ่งของทหารรัสเซียที่ตายกันมาก
เพราะความโหดและบ้าเลือดของ
Georgy Konstantinovich Zhukov
ที่เวลาสั่งทหารบุกไปข้างหน้าก็จะมีทหารอีกชุดคอยยิงคนที่ถอยหนี
แบบกดดันให้ทุกคนต้องมุ่งไปข้างหน้าด้วยการยอมตายด้วยกระสุนศัตรู
ดีกว่าถูกทหารพวกเดียวกันยิงทิ้งจากข้างหลัง
โศกนาฏกรรมของรัสเซียเลยมีส่วนทำให้ทหารรัสเซียชำระหนี้แค้นกับชาวเยอรมันนี
ด้วยการข่มขืนสตรีเยอรมันนีอย่างเมามัน และทำร้ายผู้ชายชาวเยอรมันนีอย่างสะใจ
จนมีคำกล่าวขานว่า เป็นทาสสัมพันธมิตรดีกว่าอยู่ใต้การยึดครองของรัสเซีย
เหตุการณ์เลวร้ายและจุดด่างพร้อยในประวัติศาสตร์เยอรมันนี
ที่มีผู้นำโรคจิตวิปริต
Adolf Hitler กับพลพรรคนาซีเยอรมัน
ทำให้จำต้องมีการชำระประวัติศาสตร์ การเมือง และการทหารเยอรมันนี
พร้อมทั้งวางระบบกลไกตรวจสอบป้องกันพวกคนบ้าวิปริตขึ้นมาปกครองประเทศอีก
ขณะเดียวกันก็สร้างวาทกรรม
ฮิตเลอร์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย
รวมทั้งชาวเยอรมันมักจะไม่ยอมพูดถึงเรื่องเลวร้ายของคนเยอรมันในอดีต
ที่มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวและเคยตกเป็นพวกโง่งมงายหลงใหลผู้นำ/ลัทธิชนเผ่าอารยัน
เยาวชนรุ่นใหม่มักจะออกมาปฏิเสธและอ้างว่าเป็นเรื่องของบรรพบุรุษที่เคยทำไว้เอง
ทำไมคนรุ่นหลังต้องมาแบกรับความรับผิดชอบและต้องมามีส่วนร่วมรับรู้เรื่องเลว ๆ แบบนี้ด้วย
ธงแดงโบกสะบัดเหนืออาคาร Reichstag ในเยอรมันนี
Katyusha - [บทเพลงแปลไทย]
บทเพลงนี้เป็นเพลงเก่าที่แต่งไว้นานแล้ว
แต่นักเรียนสตรีโรงเรียนช่างอุตสาหกรรม Moscow ได้รวมตัวกันมาร้องเพลงนี้
เพื่อส่งทหารโซเวียตรัสเซียไปรบแนวหน้ากับทหารนาซีเยอรมันนี
ทำให้เพลงนี้ได้สร้างความชื่นชมให้กับทหารและชาวบ้านมาก
จนกลายเป็นเพลงดังเพลงประจำชาติอีกเพลงหนึ่งของรัสเซีย
Iwo Jima 23 กุมภาพันธ์ 1945 ที่มา http://bit.ly/2wAmTnh
Iwo Jima 23 กุมภาพันธ์ 1945 ที่มา http://bit.ly/2wAmTnh
Joe Rosenthal ช่างภาพที่ได้ถ่ายภาพนาวิกโยธินและทหารเรือสหรัฐ
กำลังโบกสะบัดธงชาติสหรัฐหลังมีชัยชนะต่อกองทัพญี่ปุ่นที่ Iwo Jima
ช่างภาพรายนี้ไม่เคยคาดคิดเลยว่า ภาพนี้จะกลายเป็นหนึ่งในภาพที่โด่งดัง
และมีคนจดจำมากที่สุดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
มีการตีพิมพ์เผยแพร่ภาพนี้มากกว่าหลายพันครั้ง
แม้กระทั่งมีภาพดังกล่าวปรากฎอยู่ในแสตมป์ที่ระลึก
ทุกวันนี้ก็ยังมีอนุสาวรีย์ Marine Corps War Memorial ใน Virginia
แต่ที่ Moscow ห่างออกไปหลายพันไมล์เช่นกัน
ด้วยแรงบันดาลใจจาก Joseph Stalin ก็ทำให้มีภาพชัยชนะครั้งสำคัญ
ของทหารกองทัพแดง Red Army ที่โบกสะบัดธงชาติโซเวียตรัสเซีย
(บางกระแสข่าวว่า Joseph Stalin น่าจะเคยเห็นภาพนี้มาก่อน จึงได้แนวคิดแบบนี้ในใจและมีดำริถ่ายภาพในแนวนี้
อีกกระแสข่าวหนึ่งว่า Yevgeny Khaldei น่าจะเคยเห็นภาพนี้เช่นกัน เลยอยากถ่ายภาพทำนองเดียวกันนี้)
ธงแดงที่โบกสะบัดเหนืออาคาร Reichstag เยอรมันนี
ถ่ายภาพโดย Yevgeny Khaldei คือหนึ่งในภาพสัญลักษณ์ที่สำคัญมากที่สุด
ในประวัติศาสตร์การยึดนคร Berlin ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
Yevgeny Anan'evich Khaldei คือ เจ้าหน้าที่กองทัพแดงและเป็นช่างภาพสงคราม
มันเป็นเวลากว่า 4 ปีแล้วที่กองทัพนาซีเยอรมันได้รุกรานสหภาพโซเวียตในปี 1941
Yevgeny Khaldei ได้ทำหน้าที่ถ่ายภาพในสนามรบอย่างกระตือรือล้น
โดยถ่ายทอดภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ตามที่พบเห็นในสงคราม
ท่านเป็นลูกหลานครอบครัวชาวยิวเมือง Yuzovka (ตอนนี้ Donetsk ของ Ukraine)
ท่านมีความหลงใหลและชื่นชอบการถ่ายภาพตั้งแต่ตอนยังเป็นเยาวชน
หนึ่งในกล้องสมัครเล่นอันแรกสุดของท่าน ทำขึ้นมาจากแว่นตาของยายท่านเอง
ในช่วงท่านทำหน้าที่ช่างภาพสงคราม
ท่านได้บันทึกภาพความตายและหายนะในเขตแนวหน้าด้านตะวันออก
ตั้งแต่ Sevastopol, Murmansk, Manchuria
และท้ายสุดตลอดเส้นทางไปยึดนคร Berlin
ท่านยังได้ถ่ายภาพการเจรจาของสามมหาอำนาจ Potsdam Conference
และการตัดสินคดีอาชญากรสงครามที่ Nuremberg Trials
ในระหว่างช่วงตอนท้ายของการรบในยุโรป
ขณะที่เยอรมันเริ่มจะพ่ายแพ้แบบหมดทางสู้แล้ว
กองทัพแดงได้บุกยึดเมืองหลวงนาซีเยอรมัน
เป้าหมายหลักคือ อาคาร Reichstag
ที่ตั้งศูนย์กลางปกครอง/อำนาจของจักรวรรดิเยอรมันนี
ถึงแม้ว่าจะมีการสู้รบประปรายจากพวกนาซีเยอรมันนี้ในบริเวณอาคาร Reichstag
แต่การยึดอาคารได้คือ สัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างแรกที่สุดของกองทัพแดงในเชิงสัญลักษณ์
สภาพอาคาร Reichstag ใน Berlin วันที่ 3 มิถุนายน 1945 Photo credit: Imperial War Museums
30 เมษายน 1945 หลังจากการรบเพียงหนึ่งวัน
กองทัพโซเวียตรัสเซียได้ยึดอาคาร Reichstag ได้
แม้ว่ามีการสู้รบกันภายในอาคารบ้างเล็กน้อย
ตอนเวลา 22:40 น. ท่ามกลางความมืด
และการยิงต่อต้านจากทหารนาซีเยอรมัน
ทหารโซเวียตรัสเซีย 4 คนได้บุกเข้าไปในอาคาร
และพลทหาร Mikhail Minin สามารถปีนขึ้นไปบนหลังคาได้
แล้วปักธงแดง Red Flag ไว้กับรูปปั้นบนอาคาร Reichstag
ท่ามกลางความมืดและภายใต้สถานะการณ์สู้รบจึงไม่มีการถ่ายภาพนี้
ในวันรุ่งขึ้น ธงผืนนี้ก็ถูกทหารซุ่มยิงนาซีเยอรมันยิงตกลงมา
วันที่ 2 พฤษภาคม 1945
ตอนที่ Yevgeny Khaldei เดินทางมาถึงนคร Berlin
พร้อมกับกล้องถ่ายรูป Leica III rangefinder 35mm f3.5 lens
พร้อมกับธงแดง Red Flag ที่ท่านขอให้ลุงท่านตัดเย็บให้ล่วงหน้าจาก Moscow
โดยธงนี้ทำมาจากผ้าปูโต๊ะจำนวน 3 ผืนที่ขโมยมาจากที่ทำการรัฐการ
ท่านพบว่าท่านมาสายไปสองวันแล้ว
เพราะ Adolf Hitler ได้ยิงตัวตายไปแล้ว (30 เมษายน)
และทหารนาซีเยอรมันบางส่วนเริ่มยอมจำนนแล้ว
ก่อนที่จะมีตัวแทนผู้นำเยอรมันนีลงนามยอมแพ้/ยอมจำนนอย่างเป็นทางการ
ในวันที่ 7 พฤษภาคม 1945 ซึ่งกลายเป็นวัน V-Day ในยุโรป
โดยมีผลบังคับใช้สมบูรณ์ในเย็นวันที่ 8 พฤษภาคม
แต่เป็นวันเริ่มต้นใหม่วันที่ 9 พฤษภาคม ในรัสเซียที่เวลาเร็วกว่า
รัสเซียจึงฉลองชัยวันนี้หลังวัน V-Day ในยุโรป
แต่ยังมีทหารเยอรมันบางส่วนที่อยู่ใน Prague
ที่ยังคงสู้รบกับรัสเซียจนถึงวันที่ 11 พฤษภาคม
อนึ่ง Vladimer Putin เคยให้สัมภาษณ์แบบไม่ค่อยพอใจว่า
ทางยุโรปพยายามละเลย(เนรคุณ) ไม่ให้ความสนใจกับสหายศึกรัสเซีย
ซึ่งมีทหารและชาวรัสเซียบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากกว่าทหารสัมพันธมิตร
ในการต่อต้านและสู้รบกับพวกนาซีเยอรมันจนมีชัยชนะ
แต่ Yevgeny Khaldei รู้ดีว่าต้องถ่ายภาพให้ได้
“ นี่คือ เรื่องที่ผมรอคอยมาถึง 1,400 วันแล้ว ”
Khaldei ได้ถ่ายภาพไว้หลายสถานที่ ภาพแรกคือที่ Tempelhof Airport ภาพที่สองคือ Brandenburg Gate
Yevgeny Khaldei จึงขอให้ทหาร 3 คน
ที่กำลังเดินลาดตระเวนอยู่บนท้องถนน
ช่วยปีนขึ้นบนยอดอาคาร Reichstag
และแสดงอาการโบกสะบัดธงแดงประวัติศาสตร์
พลทหาร Alexei Kovalyov วัย 18 ปีจาก Kiev เป็นผู้โบกธง
ขณะที่ Abdulkhakim Ismailov จาก Dagestan
และ Leonid Gorychev จาก Minsk อยู่ร่วมด้วย
Yevgeny Khaldei ได้ถ่ายภาพดังกล่าวจนหมดม้วนถึง 36 ภาพ
หนึ่งในภาพที่ถูกคัดเลือกและตีพิมพ์โดยนิตยสาร Ogoniok ในวันที่ 13 พฤษภาคม 1945
ย้อนกลับไปที่ Moscow
เจ้าหน้าที่ฝ่ายกลั่นกรองภาพถ่ายพบว่ามีปัญหาอย่างหนึ่งเกิดขึ้น
เพราะมีทหารรัสเซียคนหนึ่งสวมนาฬิกาที่ข้อมือทั้งสองข้าง
ซึ่งแน่นอนว่านาฬิกาดังกล่าวมาจากการปล้นสะดมมาอย่างแน่นอน
ภาพดังกล่าวนี้ ถ้าปรากฎออกสู่สายตาชาวโลก
จะแสดงถึงความเลวร้ายของทหารโซเวียตรัสเซีย
Yevgeny Khaldei จึงได้รับการขอร้องให้ลบนาฬิกาออกจากภาพนี้
ท่านจึงขูดมันออกด้วยเข็ม และเติมความหมองหม่นลงไปในภาพด้วย
ด้วยการเพิ่มเงามืดบนท้องฟ้า กลุ่มหมอกควันไฟ ในด้านหลังภาพนี้
เพื่อแก้ไขวิกฤติการณ์ภาพดังกล่าวที่เกิดขึ้นมา
ตราบจนวันสิ้นลมหายใจ
Yevgeny Khaldei ยังยืนหยัดและชื่นชอบภาพนี้มาก
" มันเป็นภาพที่ดีและเป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ "
แม้ท่านจะรู้ว่า ภาพนี้จะเป็นการโฆษณาชวนเชื่อก็ตาม
แต่ท่านเชื่อว่า เรื่องราวนี้มีสาเหตุความเป็นมา
เพราะในช่วงรัสเซียทำสงครามกับพวกสมุนบริวาร Hitler
ท่านต้องสูญเสียบิดาและน้องสาวสามคนจากสี่คนพี่น้อง
ด้วยการฆ่าของฆาตกรนาซีเยอรมันนีในช่วงสงคราม
“ผมให้อภัยพวกมัน แต่ผมไม่เคยลืมพวกมันเลย "
ท่านเคยกล่าวไว้ และท่านสิ้นลมในเดือนตุลาคม 1997
ภาพตกแต่ง ให้สังเกตสีดำ กลุ่มขมุกขมัวของควัน
และภาพนาฬิกาโจรที่หายไปด้านขวามือทหารโจร
ภาพเปรียบเทียบธงสะบัด
อาคาร Reichstag ในทุกวันนี้ Photo credit: Roman Lashkin/Flickr
กล้องถ่ายรูป Leica III rangefinder 35mm f3.5 lens
ที่ Yevgeny Khaldei ใช้ถ่ายภาพประวัติศาสตร์ https://bit.ly/2IzSwSD
เรียบเรียง/ที่มา
http://bit.ly/2rCECp9
http://bit.ly/2GaYxzR
เรื่องเล่าไร้สาระ
ชาวโซเวียตรัสเซียล้มตายไปกว่า 26.6 ล้านคน เป็นทหารรัสเซียราว 8.6 ล้านคน
ตายจากการรบกับนาซีเยอรมันนี ตายเพราะความอดหยากหิวโหยและอากาศที่หนาวเย็น
รวมทั้งตายเพราะถูกเนรเทศไปทำงานหนัก ตายเพราะเป็นศัตรูกับรัฐบาลโซเวียตรัสเซีย
สาเหตุอย่างหนึ่งของทหารรัสเซียที่ตายกันมาก
เพราะความโหดและบ้าเลือดของ Georgy Konstantinovich Zhukov
ที่เวลาสั่งทหารบุกไปข้างหน้าก็จะมีทหารอีกชุดคอยยิงคนที่ถอยหนี
แบบกดดันให้ทุกคนต้องมุ่งไปข้างหน้าด้วยการยอมตายด้วยกระสุนศัตรู
ดีกว่าถูกทหารพวกเดียวกันยิงทิ้งจากข้างหลัง
โศกนาฏกรรมของรัสเซียเลยมีส่วนทำให้ทหารรัสเซียชำระหนี้แค้นกับชาวเยอรมันนี
ด้วยการข่มขืนสตรีเยอรมันนีอย่างเมามัน และทำร้ายผู้ชายชาวเยอรมันนีอย่างสะใจ
จนมีคำกล่าวขานว่า เป็นทาสสัมพันธมิตรดีกว่าอยู่ใต้การยึดครองของรัสเซีย
เหตุการณ์เลวร้ายและจุดด่างพร้อยในประวัติศาสตร์เยอรมันนี
ที่มีผู้นำโรคจิตวิปริต Adolf Hitler กับพลพรรคนาซีเยอรมัน
ทำให้จำต้องมีการชำระประวัติศาสตร์ การเมือง และการทหารเยอรมันนี
พร้อมทั้งวางระบบกลไกตรวจสอบป้องกันพวกคนบ้าวิปริตขึ้นมาปกครองประเทศอีก
ขณะเดียวกันก็สร้างวาทกรรม ฮิตเลอร์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย
รวมทั้งชาวเยอรมันมักจะไม่ยอมพูดถึงเรื่องเลวร้ายของคนเยอรมันในอดีต
ที่มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวและเคยตกเป็นพวกโง่งมงายหลงใหลผู้นำ/ลัทธิชนเผ่าอารยัน
เยาวชนรุ่นใหม่มักจะออกมาปฏิเสธและอ้างว่าเป็นเรื่องของบรรพบุรุษที่เคยทำไว้เอง
ทำไมคนรุ่นหลังต้องมาแบกรับความรับผิดชอบและต้องมามีส่วนร่วมรับรู้เรื่องเลว ๆ แบบนี้ด้วย
คนไร้รูปร้ายนาม
30 ปีของการพบกันอีกครั้งระหว่างคู่ศึกสหรัฐกับเวียตนาม
1965-1975 ภาพถ่ายสงครามเวียตนามจากผู้ชนะ
ภาพที่เป็นตราบาปจนวันตาย