ภาพที่เป็นตราบาปจนวันตาย

.
วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2511
ภาพที่เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์
Nguyen Ngoc Loan ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
เหนี่ยวไกปืนยิงหัวเวียตกง

คนส่วนมากที่เห็นภาพนี้มักจะพูดว่า

" แน่นอน ไอ้เลว ยิงคนเวียตนาม
ที่น่าสงสารอย่างเลือดเย็น "

แต่เรื่องจริงกลับหน้ามือเป็นหลังมือ
เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ในวันเกิดเหตุ
มียุทธการรบในเมืองวันตรุษญวนของพวกเวียตกง
เพราะพวกมันแทรกซึมเข้ามาในไซง่อน
ได้ก่อเหตุร้ายภายในเมืองขึ้นอย่างรุนแรง/ต่อเนื่อง
ก่อนที่อีก 7 ปีต่อมา 30 เมษายน 2519
พวกเวียตกงกับกองทัพเวียตนามเหนือก็มีชัยเหนือไซ่ง่อน

Nguyen Ngoc Loan ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ขณะที่กำลังพยายามจะยุติสงครามกลางเมือง
สงครามกองโจรของพวกเวียตกง
ที่มีการรบภายในเมืองกับฝ่ายรัฐบาล
ทำให้ Nguyen Ngoc Loan ต้องยิงทิ้ง Nguyen Van Lem
นักโทษระดับหัวหน้าเวียตกงสายเหยี่ยว/นักล่าสังหารระดับร้อยเอก

Eddie Adams ช่างภาพ AP ได้ยิงภาพถ่ายนี้ไว้ได้
และได้รับรางวัล Pulitzer Prize จากภาพนี้
หลังจากนั้นหลายสิ่งหลายอย่างก็ตาม ๆ กันมา
ทำให้มติมหาชนในสหรัฐอเมริกาต่างต่อต้านสงครามเวียตนาม

แต่จริง ๆ แล้ว คนที่น่าสงสาร Nguyen Van Lem
มีเรื่องราวที่น่ากลัวก่อนตายเพียงไม่กี่นาที
มันไม่ใช่คนดีหรือผู้บริสุทธิ์แต่อย่างใดเลย
เพราะมันคือ ร้อยเอกเวียตกงนักล่าสังหาร
เพิ่งสังหารหมู่คนอย่างเลือดเย็นไม่น้อยกว่า 8 ศพ
ได้แก่ รองผู้บัญชาการตำรวจเวียตนามใต้
กับคนในครอบครัวตำรวจ
ด้วยการใช้มีดปาดคอเหยื่อทุกคน


.
สายข่าว/แหล่งข่าวเวียตนามใต้จำได้ว่า
มันคือ Nguyen Van Lem ร้อยเอกเวียตกงนักฆ่าสังหารหมู่
ในวันนั้น มันเพิ่งจะฆ่าตำรวจเวียตนามใต้
และครอบครัวตำรวจที่พักอยู่ในแฟลตตำรวจ
มันถูกจับตัวได้ใกล้กับคูน้ำที่มีศพตำรวจและครอบครัวตำรวจถึง 34 ราย
และมีเด็กอีก 6 รายเป็นลูกอุปถัมภ์ของ Nguyen Ngoc Loan

The man who shot ของ Eddie Adams
ได้รับรางวัล 1969 Pulitzer Prize for Spot News Photography
ภาพ Nguyen Ngoc Loan กำลังยิงหัวเวียตกง
กลายเป็นภาพที่โด่งดัง/ภาพสัญญลักษณ์ต่อต้านสงคราม

ต่อมา Adams รู้สึกเสียใจกับตราบาปของภาพครั้งนี้
ได้เขียนลงใน Time News ว่า

" ท่านนายพลได้ฆ่าเวียตกง
ผมได้ฆ่านายพลด้วยภาพถ่าย "

ภาพถ่าย คือ อาวุธที่ทรงพลังที่สุดในโลก
ชาวบ้านต่างเชื่อมัน แต่ภาพถ่ายกลับโกหก
แม้กระทั่งการชักใยทางการเมือง/ปั่นกระแส

ภาพถ่ายมักมีความจริงเพียงครึ่งเดียว
แต่มีบางอย่างที่ภาพถ่ายไม่เคยบอกก็คือ

คุณจะทำอย่างไร ถ้าคุณเป็นนายพลในตอนนั้น
และคุณจับตัวคนชั่วร้ายได้
หลังจากมันเพิ่งฆ่าทหารอเมริกาไป 1 2 3 ราย "

Adams ได้กล่าวคำขอโทษพร้อมมอบดอกไม้
ให้นายพล Nguyen กับครอบครัวของท่าน
หลังจากที่ท่านตายด้วยโรคมะเร็งที่ Virginia
เพราะเรื่องนี้ได้ทำลายชื่อเสียงและเกียรติภูมิของท่าน

" ชายผู้นี้ คือ วีรบุรุษที่แท้จริง
ชาวอเมริกาควรจะเสียใจกับเรื่องนี้
ผมไม่สบายใจที่เห็นเขาเป็นเช่นนี้เลย
โดยไม่มีใครรู้เรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย "


.
Nguyen Ngoc Loan คือ 1 ในบรรดาลูก 11 คน
ของช่างยนต์ที่ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนานในเมือง Hue
ท่านเป็นนักศึกษาระดับหัวกะทิของ University of Hue
เป็นนักบินกองทัพอากาศ South Vietnamese Air Force
เป็นเพื่อนสนิทของ Nguyen Cao Ky นักบินจอมดีเดือด
ที่ต่อมาได้เป็นนายกรัฐมนตรีเวียดนามในปี 1965
และต่อมา นาวาเอก Loan ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
และนักข่าวชาวตะวันตกรู้จักท่านดี
ในเรื่องอารมณ์ร้อนและการสู้รบกับพวกเวียตกง
ที่มีเป้าหมายมุ่งโจมตีพลเรือนเป็นหลัก

บางคนกล่าวว่า รู้จักท่านนายพล Loan ดีว่า
ท่านคงไม่ยิงเป้านักโทษในตอนนั้น
ถ้าไม่มีช่างภาพและนักข่าวอยู่ในบริเวณนั้น

เรื่องนี้ต่อมา Loan ได้ชี้แจงว่า

" การยิงทิ้ง ผมยังไม่ได้ยิงในทันทีเลย
แต่ดูเหมือนว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของผม
ที่ผมสั่งให้ยิง มีอาการลังเลใจ

ผมเลยคิดว่า ผมต้องยิงมัน
ถ้าคุณลังเลใจ ไม่ทำตามที่สั่ง
พวกลูกน้องจะไม่เชื่อฟังคุณอีก "

Vo Suu ช่างภาพ NBC News ที่อยู่ในเหตุการณ์ 
รำลึกว่า ท่านนายพลได้เดินมาหาผู้สื่อข่าวแล้วพูดว่า

" พวกมันได้ฆ่าชาวบ้านเราจำนวนมาก
ผมคิดว่า พระเจ้าจะให้อภัยผม "

3 เดือนต่อมา นายพล Loan ได้รับบาดเจ็บสาหัส
จากการปะทะกับพวกเวียตกงและถูกพาไปรักษาตัวที่ออสเตรเลีย
แต่มีการต่อต้านท่านอย่างรุนแรงที่ไปรักษาตัวที่นั่น
เพราะข่าวเรื่องทารุณกรรมเชลยศึก
ผิดกฎหมายระหว่างประเทศเรื่อง กติกาสงคราม
ทำให้ต้องย้ายไปรักษาที่ Walter Reed Army Medical Center ในรัฐ Washington
แต่ท่านยังถูกรัฐสภาสหรัฐประณามในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

หลังจากกลับไปไซ่ง่อน
Loan ก็ถูกปลดประจำการเพราะความพิการ
ทำให้ท่านหันไปทุ่มเทเวลากับการดูแลพวกเด็กกำพร้า

ในฤดูใบไม้ร่วงหลังจากที่ไซ่ง่อนแตก
แม้ว่าท่านจะขอให้กองทัพสหรัฐช่วยเหลือในการหลบหนี
แต่ทหารอเมริกันกลับละเลยในเรื่องนี้
ทำให้ท่านและครอบครัวต้องหลบหนีออกมาด้วยเครื่องบินเวียดนามใต้

หลังจากที่ท่านปรากฏตัวในสหรัฐอเมริกา
ท่านกลายเป็นที่รู้จักเพราะภาพที่เป็นตราบาป
ทำให้มีชาวบ้านเดินขบวนขับไล่
และกล่าวหาว่าท่านคือ อาชญากรสงคราม
แต่เรื่องราวดังกล่าวสิ้นสุดลงในเวลาต่อมา

Loan ขาขวาด้วน ได้รับอนุญาตให้ตั้งรกราก
อยู่ในภาคเหนือของรัฐเวอร์จิเนีย
ซึ่งในเวลาต่อมา ท่านก็เปิดร้านอาหาร

จนกระทั่งในปี 1991 สื่อท้องถิ่นได้ลงข่าวเรื่องราวในอดีตของท่าน
ทำให้ธุรกิจของท่านมีปัญหาในการค้าขายทันที
เพราะคนในท้องถิ่นหลายคนต่างต่อต้าน
รวมทั้งมีใครบางคนเข้าไปในห้องน้ำ แล้วแอบเขียนบนฝาผนังว่า

" We know who you are." F . . . หรือ Mother F . . ker 
 
จนท่านต้องเก็บตัวเงียบและเลิกทำร้านอาหารไปในที่สุด



หนังสือในปี 2010 This Time We Win: Revisiting the Tet Offensive
ได้ให้รายละเอียดที่เห็นอกเห็นใจ Loan
บอกถึงภาพลักษณ์การเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ซื่อสัตย์
ไม่มีข้อด่างพร้อยในเรื่องการฉ้อราษฏร์บังหลวง
และมุ่งมั่นกับการรักษาสถานการณ์ความปลอดภัยให้กับเมืองไซ่ง่อน

ท่านเป็นนายทหารที่ชาตินิยมเวียตนามใต้อย่างแรง
บอกปัดการให้สิทธิดูแลพิเศษกับชาวอเมริกันในพื้นที่ของท่าน
ตัวอย่างเช่น ท่านไม่ยอมให้สารวัตรทหารอเมริกัน
จับกุมนายกเทศมนตรีชาวเวียตนาม
โดยยืนยันว่า มีแต่เจ้าหน้าที่เวียตนามใต้เท่านั้น
จึงมีสิทธิจับกุมและกักขังประชาชนเวียตนามใต้

ท่านยังยืนยันว่า พลเรือนรวมทั้งบรรดานักข่าวของสหรัฐอเมริกา
ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย/คำสั่งของเวียตนามในขณะอยู่ในไซง่อน
การยืนกรานและแน่วแน่ในการทำงานของท่าน
ทำให้ท่านไม่เป็นที่ถูกใจของพวกบริวารประธานาธิบดี Johnson

ทั้งนี้ Loan ยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยจาก
U.S. CIA-backed Phoenix Program
ว่าเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีทำลายสถานที่เป็นกลาง
ในการเจรจาอย่างลับ ๆ ระหว่างสหรัฐอเมริกากับเวียตกง
ในเรื่องการเจรจาหาข้อตกลงหยุดยิง


This Time We Win: Revisiting the Tet Offensive by James S Robbins (Pages 94-104, 105-106)
.
อนึ่ง ผู้ใต้บังคับบัญชาของ Loan ยังมีส่วนร่วมในการจับกุม
สายลับเวียตกง 2 คนของ (NLF National Liberation Front)
ซึ่งได้รับการทาบทามให้เข้ามาเจรจาสันติภาพกับเจ้าหน้าที่สหรัฐ ฯ
ในพื้นที่แนวหลังของประเทศเวียดนามใต้

แต่ท่านยืนกรานไม่ยอมรับรู้เรื่องการเจรจาอย่างลับ ๆ
และปฏิเสธที่จะปล่อยตัวสายลับคอมมิวนิสต์ที่มาเจรจาต่อรอง
เรื่องนี้สร้างความโกรธแค้นให้กับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯเป็นอย่างมาก

ท่านยังแจ้งให้ทางการสหรัฐฯทราบว่า
ทั้งท่านกับเวียดนามใต้ทราบดีและรู้เรื่องดีกว่าพวกอเมริกา
ในเรื่องการเจรจาต่อรองทางการทูต
เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับชาติตนเอง

Loan ยังเคยเป็นนักบินที่ประสบความสำเร็จ
ในการนำกองทัพอากาศโจมตีทางอากาศ
กองทัพเวียดกง ที่ Bo Duc ในปี 2510
ไม่นานหลังจากนั้น ท่านก็ได้รับการเลื่อนยศเป็นนายพล
พวกอเมริกันค่อนข้างไม่พอใจกับการเลื่อนยศของท่าน
แต่ไม่นานหลังจากนั้น Loan ก็ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง

" เรื่องนี้มีการเชื่อกันอย่างมากเลยว่า
Loan ถูกบังคับให้ลาออกโดยพวกอเมริกัน
เพราะเปิดเผยเรื่องการเจรจาลับสหรัฐฯกับพวกเวียตกง
เพราะท่านยึดมั่นในหลักการอย่างเหนียวแน่น
ไม่ยอมทำตามสหรัฐฯ ที่ขอให้ปล่อยตัวทูตเวียตกง/คอมมิวนิสต์  "

Sau Ha ให้ข้อมูลเพิ่มเติม

เรื่องนี้ภายหลัง คณะรัฐมนตรีเวียดนามใต้ปฏิเสธการลาออกของ Loan
ต่อมา สหรัฐ ฯ ยุคประธานาธิบดี Richard Nixon
ได้แอบไปเจรจาต่อรองข้อตกลงหยุดยิงแยกต่างหากกับเวียตนามเหนือ
ทำให้กองกำลังคอมมิวนิสต์อยู่ในตำแหน่งยุทธภูมิที่ดีกว่าภายในเวียดนามใต้
และสหรัฐ ฯ ยังบังคับให้รัฐบาลเวียตนามใต้ยอมรับตามเงื่อนไขนี้ด้วย

ในปี 2518 รัฐสภาสหรัฐได้ตัดความช่วยเหลือเวียตนามใต้
กรุงไซ่ง่อนจึงแตกในปี 2519 แล้วถูกเปลี่ยนชื่อเป็น โฮจิมินห์




ในตอนเช้าของวันที่ 2 ของตรุษญวน (31 มกราคม 2511)
ขณะที่นายพล Nguyen Ngoc Loan กำลังเป็นผู้นำในการสู้รบขั้นรุนแรง
ใกล้เจดีย์ An Quang Pagoda ในเขตชุมชนชาวจีนไซง่อน
นายทหาร 2 นายได้จับกุมแกนนำพวกคอมมิวนิสต์รายหนึ่ง
ที่ได้ฆ่าผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมากอย่างเลือดเย็น ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา
มันคือ ร้อยเอก Nguyen Van Lem ชื่อจัดตั้ง Bay Lop

ไม่กี่นาทีก่อนที่มันจะถูกจับกุมนั้น
Bay Lop เพิ่งจะใช้มีดปาดคอฆ่าภรรยาของรองผู้บัญชาการตำรวจ
และสมาชิกทุกคนในครอบครัวของท่านรวมทั้งลูก ๆ ของท่าน

04:30 Nguyen Van Lem ได้นำหน่วยก่อวินาศกรรม
พร้อมกับพวกเวียดกงบุกเข้าโจมตีค่ายทหาร Armor Camp ใน Go Vap
หลังจากที่กองโจรพรรคคอมมิวนิสต์เข้าควบคุมฐานทัพได้แล้ว

Bay Lop ได้จับกุมพันโท Nguyen Tuan กับครอบครัว
บังคับให้ท่านบอกวิธีการขับรถถังสหรัฐ
แต่พันโท Tuan ปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ
Bay Lop จึงใช้มีดเชือดคอทุกคน
รวมทั้งพันโท กับแม่วัย 80 ปีด้วย
แต่ลูกชายวัย 10 ขวบที่รอตตายคนเดียว
แต่ที่ลำคอบาดเจ็บสาหัส

Nguyen Van Lem ถูกจับตัวได้ใกล้กับคูน้ำขนาดใหญ่
พร้อมกับศพผู้บริสุทธิ์จำนวน 34 ศพ
Nguyen Van Lem ยอมรับอย่างภาคภูมิใจว่า

มัน คือ ผู้นำหน่วยก่อการร้ายครั้งนี้
และเป็นคนสั่งให้ฆ่าคนเหล่านี้ทั้งหมด

มันแต่งตัวในชุดเสื้อแขนสั้นและกางเกงขาสั้น
อาวุธปืนยังอยู่ในตัวมันตอนที่ถูกจับได้
แขนทั้งสองข้างของมันถูกมัดไขว้หลัง
นายพล Nguyen Ngoc Loan
จึงยิงมันทิ้งในสถานที่เกิดเหตุ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

VIET NAM SHOOTING 68
.
" ผมเพิ่งเดินตามหลังพวกท่านทั้ง 3 คน
ตอนที่พวกท่านเดินนำหน้าพวกเรา
มันเป็นโอกาสที่ดี ที่จะได้ถ่ายภาพอย่างใกล้ชิด
ราว ๆ 5 ฟุตไม่ไกลไปกว่านี้
แล้วทหารก็หยุดเดินแล้วถอยห่างออกไป

ผมเห็นชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในมุมกล้องด้านซ้าย(ซึ่งก็คือท่าน)
ท่านดึงปืนสั้นออกจากซองปืนแล้วยกมันขึ้นมา
ผมไม่คิดว่าท่านจะยิงมัน
เพราะเป็นเรื่องธรรมดามาก
ที่จะเอาปืนจ่อหัวนักโทษตอนสอบถาม

ดังนั้น ในตอนที่ผมเดินกล้องถ่ายภาพ
ผมคิดแต่เพียงว่าแค่เป็นการคุกคาม
แค่วิธีการสอบสวน ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ชายคนนั้นเพิ่งดึงปืนสั้นออกจากซองปืน
จ่อไปที่หัวเวียตกงแล้วยิงมันทันที
ผมเลยได้ภาพถ่ายนี้ในทันทีทันใด "

ท่านนายพลเดินมาหา Adams
แล้วพูดก่อนเดินจากไปว่า

" พวกมันฆ่าชาวบ้าน ฆ่าทุกคน รวมทั้งพวกคุณด้วย "
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่