ละครอิงประวัติศาสตร์จริงเจ็ดเท็จสาม ด้วยทุนสร้างสูงถึงหนึ่งร้อยล้านบาท
อ้างอิงจากเอกสารที่ชำระช่วงกรุงรัตนโกสินทร์เป็น แม่บท ในการเดินเรื่อง
ถ่ายทอดเรื่องราวหลังจากสมัยพระเพทราชา ต้นราชวงศ์บ้านพลูหลวงราว แปดสิบปี
เป็นกึ่งหนึ่งตลอด 150 ปี ที่กรุงศรีว่างศึกใหญ่ เนื่องด้วยพม่ารามัญรบพุ่งกันเอง
โดยกรุงศรีคอยส่งเสริมมอญให้แข็งแกร่งได้ตั้งทัพรุกไล่ตี จนอังวะ แปร ตองอู แตกแยกเสียกระบวน
หน่ำซ้ำมณีปุระ ไทใหญ่ ร่วมผสมโรง ทำให้บรรดาเผ่าต่างๆร่วมแข็งข้อด้วย เช่น นากะ กะเหรี่ยง กะยา
แต่โบราณว่าไว้
สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ
ในคราที่พม่าใกล้เสียทีแก่รามัญนั้นเอง พุกามประเทศได้ประจักษ์ถึงวีรกรรมของสามัญชนนาม อองไชยะ
บุตรผู้ใหญ่บ้านมุตโชโบ เขตภูธรของอังวะ ได้รวบรวมชาวพม่าต่อต้านมอญ พลิกฟื้นคืนกำลังเป็นทัพใหญ่เข้ารบกับทัพมอญ
ท้ายสุดกองทัพพม่ากู้ชาติเอาชนะอาณาจักรมอญได้สำเร็จ จากที่เกือบสิ้นชาติ กลายเป็นบดขยี้ทัพมอญเสียแผ่นดินสิ้นชาติแทน
จำต้องอยู่เป็นชนกลุ่มน้อย หรืออพยพมาพึ่งใบบุญกรุงศรี เป็นชนวนเหตุสงครามเสียกรุงครั้งที่ ๒ ในเวลาต่อมา
หม่องอองไชยะ ได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ทรงพระนามว่า พระเจ้าอลองพญา หรือ อลองเมงตะยาจี
แปลว่า พระโพธิสัตว์ มาโปรดสัตว์ปราบยุคเข็ญให้พุกามประเทศร่มเย็น และกู้ล้านนาคืนจากกรุงศรี
พระราชกรณียกิจที่สำคัญ ได้แก่
ปราบปรามมอญที่ขึ้นมามีอิทธิพลแทนชาวพม่า หลังการล่มสลายของราชวงศ์ตองอู
สถาปนาศูนย์กลางของอาณาจักรพม่าขึ้นใหม่ ที่เมืองชเวโบ ก่อนย้ายมาอังวะ โดยมีเมืองบริวาร เช่น อมรปุระ มณีปุระ สะกาย
พัฒนาเมืองย่างกุ้ง และพระราชทานชื่อเมืองนี้ใหม่เป็นภาษาพม่า จากเดิมที่เป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆของมอญ
องค์ศาสนูปถัมภก ทำนุบำรุงพุทธศาสนา มีพระจริยวัตรที่งดงาม สนับสนุนให้ราษฎรไม่ทำผิดศีล เป็นต้น
พระเจ้าอลองพญา หมู่บ้านชเวโบ ถือเป็นหนึ่งในสามบูรพกษัตริย์ของพม่า และเป็นสามัญชนพม่าหนึ่งเดียวที่เคยครองแผ่นดิน
พระเจ้าอโนรธา เมืองพุกาม ราชวงศ์พุกาม
พระเจ้าบุเรงนอง หรือ พระเจ้าชนะสิบทิศ หงสาวดี ราชวงศ์ตองอู
เหตุสวรรคตพระเจ้าอลองพญา
พงศาวดารไทยและพม่ากล่าวต่างกันเรื่องสาเหตุสวรรคตของพระเจ้าอลองพญา
พงศาวดารไทย สวรรคตเพราะทรงถูกสะเก็ดปืนใหญ่ระเบิด
ส่วนพงศาวดารพม่า สวรรคตด้วยพระอาการประชวร
จากหลักฐานหลายชิ้นพบว่า ระบุสาเหตุการประชวรของพระเจ้าอลองพญาไปหลากหลาย
และไม่ใช่หลักฐานไทยทุกชิ้นที่ระบุว่า พระเจ้าอลองพญาสวรรคตเพราะถูกสะเก็ดปืนใหญ่
บางชิ้นกลับระบุไว้สอดคล้องกับหลักฐานพม่า
ในละครอ้างอิงจากหลักฐานฝั่งไทย ที่สวรรคตด้วยสะเก็ดปืนใหญ่แตกระหว่างยิง
เป็นเหตุให้พระเจ้ามังระ ที่รอดจากศึกครั้งนั้นหมายแก้แค้นกรุงศรีในเวลาต่อมา
บท
เขียนได้ดีกระจายบทได้เหมาะสม ฉลาดทุกตัวละคร บทเจรจาเนื้อๆเน้นๆ อธิบายที่มาที่ไปนำเรื่องให้คนดูเข้าใจง่าย
ไม่ข้ามไปมา แต่ต้องตั้งใจดูตั้งใจฟัง ไม่เช่นนั้นอาจพลาดได้ เพราะเดินเรื่องกระชับฉับไว ด้วยเนื้อหาอัดแน่นเข้มข้น
อารมณ์ในเรื่องเพิ่งผ่านศึกหนักเกือบเสียเมืองมา ซ้ำบ้านเมืองฝืดเคือง ข้าวยากหมากแพง ผู้คนจึงไม่ค่อยแจ่มใสชื่นบานนัก
นักแสดง
ผู้ประพันธ์ตั้งธงไว้แล้วว่าผู้ใดเป็นพระเอก การรอพระเอกมารับบทจึงได้สมใจหมายแม่ยกทั้งหลาย
พระเอกมาดนิ่ง แสดงทางสายตาเป็นหลัก แบบเดียวกับคุณชายพุฒิภัทร พูดน้อยต่อยหนัก
พัฒนาการดีกว่าเดิมมาก ตีสีหน้าได้ดี สื่อให้เข้าใจง่าย แสดงตัวตนในแต่ละหน้าได้ชัดเจน
สูงใหญ่ หน้าหวาน พูดเพราะ เรียบร้อย สะอาดสะอ้าน ถ้าไม่เป็นขันทีคงถูกสาวฉุดตอนเดินตลาดไปแล้ว
นางเอก แม้ต้องกระชากวัย แต่ไม่ทำให้ผิดหวัง เข้าคู่กับพระเอกยังละอ่อนได้ แค่ปีนป่ายลำบากหน่อย
เสียงแปดหลอดได้แก้ไขมาแล้ว แม้เหน่ออยุธยาไม่คล่องเท่าสำเนียงเหนือ อีสาน
แต่ความแก่นแก้วออดอ้อนชดเชยได้ ขนาดกรมขุนยังให้ท้าย แต่มือตีนหนักเอาการไม่ใช่พระเอกอย่าเกี้ยว
นักแสดงท่านอื่นนั้นติดขัดในเรื่องเหน่อกรุงเก่าเช่นกัน แต่ขึ้นตอนสอง เจรจาลื่นไหลขึ้นมาก
การหายใจ เปล่งเสียง ยังไม่สัมพันธ์กันนัก พูดเร็วไป เกร็ง กลัวผิด พอคล่องปากสำเนียงดีขึ้นแบบชาวบ้านในเรื่อง
ตรง เป็น กง
ขวา เป็น ฝา
เขวี้ยง เป็น เฟี้ยง
ชาวบ้านแถบลุ่มเจ้าพระยา กรุงศรี อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท ปัจจุบันออกเสียงสำเนียงคล้ายคลึงกัน เหน่อหน่อยๆไม่เท่าสุพรรณ
น้อยกว่าบุญชูมากึ่งหนึ่งกำลังดี ไม่งั้นคนกทม.ฟังแล้วนึกกว่าชาวบ้านคุยกัน แทนที่เป็นผู้ดีคุยกัน
ปลายกรุงศรีมีพยัญชนะครบ ๔๔ ตัวแล้ว แต่ชาวบ้านไม่นิยมออกเสียงตามฉันทลักษณ์ทั้งหมด ภาษาพูดกับเขียนจึงต่างกันมาก
การที่บทเจรจา ร่วมสมัยไปบ้างอาจเพราะใกล้กับรัตนโกสินทร์มาก แต่ภาคแสดงอยู่หัวท้ายต่างกันในแต่ละประโยค หรือวลีต่างๆ
หาได้เจื้อยแจ้วเป็นโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอนไปเสียหมด
นักแสดงหลักในเรื่องแสดงได้ดี ส่วนขันทีตีความให้ตุ้งติ้งบางคน ไม่ใช่ทั้งหมด แต่กริยานุ่มนิ่ม สุภาพ เจรจาอ่อนหวานทุกคน
นักเทศบางคนเลี้ยง ลูกสวาท หรือ นายบำเรอไว้นอกวัง แต่ออกไปปะกันยาก กลัวเอาอัฐที่ให้ไปเลี้ยงเมียน้อย
จึงแอบพาเข้าวังแต่ความยังไม่แตก ทำให้ฝ่ายในมีขันเทียมมากกว่า พวกพระเอกสองคน รวมทั้งจารบุรุษ หรือ อุปนิกขิต จากอังวะด้วย
คณะจากขุนศึกมากันเกือบครบ ส่วนน้องใหม่ ลูกหม้อ รุ่นใหญ่ ชั่วโมงบินสูง
ถ่ายภาพ
ฉากในตำหนัก ที่พระเอกโกรธเมื่อฟังบ่าวเจ้าจอมเพ็ญใส่ร้ายแม่ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วชักสีหน้าโกรธแค้นต่อหน้าธารกำนัล
ควรถ่ายอีกช้อคตอนเข้ามาอีกห้อง แล้วชักสีหน้าโกรธพร้อมกับพูดปลอบใจตัวเอง
จากนั้นเหลือบไปเห็นออกญาพลเทพ เข้าเฝ้าเจ้าจอมเพ็ญ จึงแอบฟัง
หนึ่งด้าวและบุพเพ แม้เป็นละครทุนสูงของช่อง แต่ติดปัญหาเดียวกัน คือ ไม่ใช้กล้องถ่ายภาพยนตร์มาถ่ายทำ
เนื่องจากราคากล้องหลักล้านบาท และไม่ได้เช่าถ่ายทำ เพราะถ่ายนานเกือบปีเศษ ทำให้ภาพที่ได้ดีในระดับละครHD
ถ้าได้ ARRi ALEXA 3.5K
RED WEAPON 8K ที่ถ่ายทำ Guardian of galaxy Vol.2
ถ่ายที่ 60fps Raw 12-14Bit 4-6K
ภาพที่ได้ฉายโรงสบาย แก้สีง่าย จัดแสงสวย ใช้ไฟเย็นสะดวก ใครจะคิดว่ากระแสเปรี้ยงขนาดนี้ แถมขายให้จีนได้อีก
ละครสองเรื่องนี้ช่องออกทุนไปก่อนหลายสิบล้าน เตรียมงานแรมปี ถ่ายทำเกินปี CGตามงบ เนื้องานดีสมราคา
นักแสดงแถวหน้า มากฝีมือล้นจอ สมกับฉายา บุพเพอเวนเจอร์ ได้มาสมศักดิ์ศรี ไม่ใช่ราคาคุย
หวังว่าทางช่องจะพิจารณาในเรื่องนี้ เพราะราคากล้อง4K ถูกลงมาก ราคาหลักแสนเปลี่ยนเลนส์ได้แล้ว
กำกับศิลป์
ฉากใหญ่ มุมภาพกว้าง พบเห็นตลอดเรื่อง แม้ฉากในตำหนักดูใหม่ไปบ้าง แต่งานปิดทองดูไม่หลอกตานัก
เรือนนางเอก ถ่ายต่างสถานที่กัน เรือนเครื่องผูก เครื่องสับ แยกตามฐานะแบบขุนศึก
ฉากอุทยานฝ่ายใน ดูร่มรื่น ทางเดินเป็นอิฐมอญปูพื้น สมัยนั้นมีสนามหญ้าสืบจากยุคพระนารายณ์ตามคติยุโรป
เครื่องแต่งกาย
แสดงความต่างชนชั้นได้ดี การตัดเย็บ สีสัน ลวดลายต่างกัน
แต่ภาพนักเทศของไทยโพกผ้าอย่างเดียว ไม่พบภาพใส่หมวกหัวหอมพร้อมโพกผ้า ซึ่งหมวกหัวหอมมักเป็นหมวกรบ
กริชในละครเป็นเครื่องประดับ พระเอกจึงซ่อนมีดอีกเล่ม แต่กริชจากอาหรับตีจากเหล็กกล้า ถือเป็นอาวุธประจำกาย
สีเสื้อผ้า แสดงออกถึงภาวะบ้านเมืองขณะนั้น ไม่สดใสชวนฝัน เพราะสถานการณ์ช่วงนั้นมีแต่เลวร้ายลงเรื่อยๆ
บันทึกเสียง
เสียงไมด์ลอยจากนักแสดงดังเบาไม่เท่ากัน เสียงไม่สม่ำเสมอ เสียงก้องในบางฉาก
ควรใช้ไมค์ลอยดิจิตอล และไมค์บูมแทนที่ฉากในตำหนัก เวลายกมือไหว้เสียงพูดจะไม่หาย เสียงกำไลไม่ดังกลบ
ดนตรีประกอบ
เสียงเพลงประกอบฉาก ดังกลบเสียงสนทนา ควรลดระดับ หรืองดลงในบทเจรจาสำคัญ
พอเร่งเสียงมากดนตรีกลบไปหมด ฟังไม่ได้ศัพท์นัก ไปทางรกมาว่าเสริมอารมณ์ในหลายฉาก จังหวะที่ใส่ดนตรียังขาดๆเกินๆ
เช่น ท้องพระโรงอังวะ พระเจ้ามังระเรียกประชุม กับอะแซหวุ่นกี้ออกปากห้ามศึก
การลงเสียงหลายชั้น หลายทิศทาง ถ้าไม่บีบแบบDolby Atmos เสียงจะแบนและขุ่นกว่ามาก ต้นทุนสูงและมีที่เดียวที่ทำได้ในไทย
ละครก่อนหน้าเสียงพูดไม่โดนดนตรีกลบขนาดนี้ ช่วงระดับเสียงดังเบากำลังดี
ตัดต่อ
เดินเรื่องเร็ว กระชับ กำลังดี ไม่ควรช้ากว่านี้ เพราะบางช่วงเล่าขยายความไม่ยืดไป มีช้าเร็วสลับในแต่ละเส้นเรื่อง
ใครข้ามไปช่วงเดียวตามไม่ทันได้บางรายละเอียด ทำให้ผู้ชมต้องเตรียมตัวก่อนดู เพราะย้อนหลังภาพกระตุก มัว ดูไม่สนุก
(Mello ยังดูใน Appel TV ไม่ได้รีบดำเนินการด่วน คนไทยทั่วโลกใช้เยอะมาก ในไทยไม่น้อย)
เล่าเรื่องมีชั้นเชิง ทิ้งปมให้คนดูคิดตาม ใครจำเรื่องไม่ได้งงได้ไม่ยาก ภาพเล่าเรื่องเยอะมาก รายละเอียดยิบย่อยแยะ
ดูย้อนหลังแล้วจะทึ่ง ว่าคนไทยทำได้ไม่แพ้ต่างชาติ นำเสนอแบบสากลแต่คงเอกลักษณ์ อัจฉริยภาพของบรรพชนไทย
ถ้ามีเรื่องดี บทดี ผู้จัดและคณะฝีมือ ทุนสร้างสูง นายทุนใจถึง ผู้ชมเปิดใจไม่ยึดติด
การแก้กลบท ควรทำCg ให้ดูง่าย เช่น ทำอักษรเรืองแสง สลับอักษร รวมความให้ปรากฏในจอ ผู้ชมจะเข้าใจได้ง่าย
คำบรรยายชื่อตัวละคร สถานที่ ดีอยู่แล้ว ช่วยคนจำง่ายไม่สับสน ขนาดตัวอักษรกำลังดีแต่วางต่ำไปหน่อย
ทางช่องปล่อยตัววิ่งบังจนอ่านไม่ออก ในตอนสองดีขึ้นปล่อยตัววิ่งช่วงไม่ขึ้นชื่อ
กำกับการแสดง
ตอนหนึ่ง นักแสดงเกร็งค่อนข้างมาก พูดจังหวะไม่เป็นธรรมชาติ
ตอนสอง ลื่นไหลขึ้นรับส่งกันดี คล่องปากกันบ้างแล้ว พูดช้าเนิบนาบ ไม่เร่งเป็นชาวกทม.ขณะรถติดน้ำท่วมเข้ารถ
ตอนต่อๆไปน่าจะดีขึ้นตามลำดับ เพราะต้องทุกตัวละครเจอมรสุมชีวิตอีกเพียบ ว่าจะมีเอกราชได้
ขอขอบคุณช่อง3 ผู้จัดและคณะ ที่ทุ่มเทสร้างสรรค์ละครอิงประวัติศาสตร์ที่ห่างหายไปนาน
ในวาระครบ ๒๕๐ ปี พระเจ้าตากสิน และ 25 ปี ทีวีซีน ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างกว่าขุนศึกนัก
ท้ายนี้ผิดพลาดประการใด ผู้เขียนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ขอบคุณครับ
หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ขันทีกำมะลอ เข้าวังไขรหัสคดี
อ้างอิงจากเอกสารที่ชำระช่วงกรุงรัตนโกสินทร์เป็น แม่บท ในการเดินเรื่อง
ถ่ายทอดเรื่องราวหลังจากสมัยพระเพทราชา ต้นราชวงศ์บ้านพลูหลวงราว แปดสิบปี
เป็นกึ่งหนึ่งตลอด 150 ปี ที่กรุงศรีว่างศึกใหญ่ เนื่องด้วยพม่ารามัญรบพุ่งกันเอง
โดยกรุงศรีคอยส่งเสริมมอญให้แข็งแกร่งได้ตั้งทัพรุกไล่ตี จนอังวะ แปร ตองอู แตกแยกเสียกระบวน
หน่ำซ้ำมณีปุระ ไทใหญ่ ร่วมผสมโรง ทำให้บรรดาเผ่าต่างๆร่วมแข็งข้อด้วย เช่น นากะ กะเหรี่ยง กะยา
แต่โบราณว่าไว้ สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ
ในคราที่พม่าใกล้เสียทีแก่รามัญนั้นเอง พุกามประเทศได้ประจักษ์ถึงวีรกรรมของสามัญชนนาม อองไชยะ
บุตรผู้ใหญ่บ้านมุตโชโบ เขตภูธรของอังวะ ได้รวบรวมชาวพม่าต่อต้านมอญ พลิกฟื้นคืนกำลังเป็นทัพใหญ่เข้ารบกับทัพมอญ
ท้ายสุดกองทัพพม่ากู้ชาติเอาชนะอาณาจักรมอญได้สำเร็จ จากที่เกือบสิ้นชาติ กลายเป็นบดขยี้ทัพมอญเสียแผ่นดินสิ้นชาติแทน
จำต้องอยู่เป็นชนกลุ่มน้อย หรืออพยพมาพึ่งใบบุญกรุงศรี เป็นชนวนเหตุสงครามเสียกรุงครั้งที่ ๒ ในเวลาต่อมา
หม่องอองไชยะ ได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ทรงพระนามว่า พระเจ้าอลองพญา หรือ อลองเมงตะยาจี
แปลว่า พระโพธิสัตว์ มาโปรดสัตว์ปราบยุคเข็ญให้พุกามประเทศร่มเย็น และกู้ล้านนาคืนจากกรุงศรี
พระราชกรณียกิจที่สำคัญ ได้แก่
ปราบปรามมอญที่ขึ้นมามีอิทธิพลแทนชาวพม่า หลังการล่มสลายของราชวงศ์ตองอู
สถาปนาศูนย์กลางของอาณาจักรพม่าขึ้นใหม่ ที่เมืองชเวโบ ก่อนย้ายมาอังวะ โดยมีเมืองบริวาร เช่น อมรปุระ มณีปุระ สะกาย
พัฒนาเมืองย่างกุ้ง และพระราชทานชื่อเมืองนี้ใหม่เป็นภาษาพม่า จากเดิมที่เป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆของมอญ
องค์ศาสนูปถัมภก ทำนุบำรุงพุทธศาสนา มีพระจริยวัตรที่งดงาม สนับสนุนให้ราษฎรไม่ทำผิดศีล เป็นต้น
พระเจ้าอลองพญา หมู่บ้านชเวโบ ถือเป็นหนึ่งในสามบูรพกษัตริย์ของพม่า และเป็นสามัญชนพม่าหนึ่งเดียวที่เคยครองแผ่นดิน
พระเจ้าอโนรธา เมืองพุกาม ราชวงศ์พุกาม
พระเจ้าบุเรงนอง หรือ พระเจ้าชนะสิบทิศ หงสาวดี ราชวงศ์ตองอู
เหตุสวรรคตพระเจ้าอลองพญา
พงศาวดารไทยและพม่ากล่าวต่างกันเรื่องสาเหตุสวรรคตของพระเจ้าอลองพญา
พงศาวดารไทย สวรรคตเพราะทรงถูกสะเก็ดปืนใหญ่ระเบิด
ส่วนพงศาวดารพม่า สวรรคตด้วยพระอาการประชวร
จากหลักฐานหลายชิ้นพบว่า ระบุสาเหตุการประชวรของพระเจ้าอลองพญาไปหลากหลาย
และไม่ใช่หลักฐานไทยทุกชิ้นที่ระบุว่า พระเจ้าอลองพญาสวรรคตเพราะถูกสะเก็ดปืนใหญ่
บางชิ้นกลับระบุไว้สอดคล้องกับหลักฐานพม่า
ในละครอ้างอิงจากหลักฐานฝั่งไทย ที่สวรรคตด้วยสะเก็ดปืนใหญ่แตกระหว่างยิง
เป็นเหตุให้พระเจ้ามังระ ที่รอดจากศึกครั้งนั้นหมายแก้แค้นกรุงศรีในเวลาต่อมา
บท
เขียนได้ดีกระจายบทได้เหมาะสม ฉลาดทุกตัวละคร บทเจรจาเนื้อๆเน้นๆ อธิบายที่มาที่ไปนำเรื่องให้คนดูเข้าใจง่าย
ไม่ข้ามไปมา แต่ต้องตั้งใจดูตั้งใจฟัง ไม่เช่นนั้นอาจพลาดได้ เพราะเดินเรื่องกระชับฉับไว ด้วยเนื้อหาอัดแน่นเข้มข้น
อารมณ์ในเรื่องเพิ่งผ่านศึกหนักเกือบเสียเมืองมา ซ้ำบ้านเมืองฝืดเคือง ข้าวยากหมากแพง ผู้คนจึงไม่ค่อยแจ่มใสชื่นบานนัก
นักแสดง
ผู้ประพันธ์ตั้งธงไว้แล้วว่าผู้ใดเป็นพระเอก การรอพระเอกมารับบทจึงได้สมใจหมายแม่ยกทั้งหลาย
พระเอกมาดนิ่ง แสดงทางสายตาเป็นหลัก แบบเดียวกับคุณชายพุฒิภัทร พูดน้อยต่อยหนัก
พัฒนาการดีกว่าเดิมมาก ตีสีหน้าได้ดี สื่อให้เข้าใจง่าย แสดงตัวตนในแต่ละหน้าได้ชัดเจน
สูงใหญ่ หน้าหวาน พูดเพราะ เรียบร้อย สะอาดสะอ้าน ถ้าไม่เป็นขันทีคงถูกสาวฉุดตอนเดินตลาดไปแล้ว
นางเอก แม้ต้องกระชากวัย แต่ไม่ทำให้ผิดหวัง เข้าคู่กับพระเอกยังละอ่อนได้ แค่ปีนป่ายลำบากหน่อย
เสียงแปดหลอดได้แก้ไขมาแล้ว แม้เหน่ออยุธยาไม่คล่องเท่าสำเนียงเหนือ อีสาน
แต่ความแก่นแก้วออดอ้อนชดเชยได้ ขนาดกรมขุนยังให้ท้าย แต่มือตีนหนักเอาการไม่ใช่พระเอกอย่าเกี้ยว
นักแสดงท่านอื่นนั้นติดขัดในเรื่องเหน่อกรุงเก่าเช่นกัน แต่ขึ้นตอนสอง เจรจาลื่นไหลขึ้นมาก
การหายใจ เปล่งเสียง ยังไม่สัมพันธ์กันนัก พูดเร็วไป เกร็ง กลัวผิด พอคล่องปากสำเนียงดีขึ้นแบบชาวบ้านในเรื่อง
ตรง เป็น กง
ขวา เป็น ฝา
เขวี้ยง เป็น เฟี้ยง
ชาวบ้านแถบลุ่มเจ้าพระยา กรุงศรี อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท ปัจจุบันออกเสียงสำเนียงคล้ายคลึงกัน เหน่อหน่อยๆไม่เท่าสุพรรณ
น้อยกว่าบุญชูมากึ่งหนึ่งกำลังดี ไม่งั้นคนกทม.ฟังแล้วนึกกว่าชาวบ้านคุยกัน แทนที่เป็นผู้ดีคุยกัน
ปลายกรุงศรีมีพยัญชนะครบ ๔๔ ตัวแล้ว แต่ชาวบ้านไม่นิยมออกเสียงตามฉันทลักษณ์ทั้งหมด ภาษาพูดกับเขียนจึงต่างกันมาก
การที่บทเจรจา ร่วมสมัยไปบ้างอาจเพราะใกล้กับรัตนโกสินทร์มาก แต่ภาคแสดงอยู่หัวท้ายต่างกันในแต่ละประโยค หรือวลีต่างๆ
หาได้เจื้อยแจ้วเป็นโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอนไปเสียหมด
นักแสดงหลักในเรื่องแสดงได้ดี ส่วนขันทีตีความให้ตุ้งติ้งบางคน ไม่ใช่ทั้งหมด แต่กริยานุ่มนิ่ม สุภาพ เจรจาอ่อนหวานทุกคน
นักเทศบางคนเลี้ยง ลูกสวาท หรือ นายบำเรอไว้นอกวัง แต่ออกไปปะกันยาก กลัวเอาอัฐที่ให้ไปเลี้ยงเมียน้อย
จึงแอบพาเข้าวังแต่ความยังไม่แตก ทำให้ฝ่ายในมีขันเทียมมากกว่า พวกพระเอกสองคน รวมทั้งจารบุรุษ หรือ อุปนิกขิต จากอังวะด้วย
คณะจากขุนศึกมากันเกือบครบ ส่วนน้องใหม่ ลูกหม้อ รุ่นใหญ่ ชั่วโมงบินสูง
ถ่ายภาพ
ฉากในตำหนัก ที่พระเอกโกรธเมื่อฟังบ่าวเจ้าจอมเพ็ญใส่ร้ายแม่ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วชักสีหน้าโกรธแค้นต่อหน้าธารกำนัล
ควรถ่ายอีกช้อคตอนเข้ามาอีกห้อง แล้วชักสีหน้าโกรธพร้อมกับพูดปลอบใจตัวเอง
จากนั้นเหลือบไปเห็นออกญาพลเทพ เข้าเฝ้าเจ้าจอมเพ็ญ จึงแอบฟัง
หนึ่งด้าวและบุพเพ แม้เป็นละครทุนสูงของช่อง แต่ติดปัญหาเดียวกัน คือ ไม่ใช้กล้องถ่ายภาพยนตร์มาถ่ายทำ
เนื่องจากราคากล้องหลักล้านบาท และไม่ได้เช่าถ่ายทำ เพราะถ่ายนานเกือบปีเศษ ทำให้ภาพที่ได้ดีในระดับละครHD
ถ้าได้ ARRi ALEXA 3.5K
RED WEAPON 8K ที่ถ่ายทำ Guardian of galaxy Vol.2
ถ่ายที่ 60fps Raw 12-14Bit 4-6K
ภาพที่ได้ฉายโรงสบาย แก้สีง่าย จัดแสงสวย ใช้ไฟเย็นสะดวก ใครจะคิดว่ากระแสเปรี้ยงขนาดนี้ แถมขายให้จีนได้อีก
ละครสองเรื่องนี้ช่องออกทุนไปก่อนหลายสิบล้าน เตรียมงานแรมปี ถ่ายทำเกินปี CGตามงบ เนื้องานดีสมราคา
นักแสดงแถวหน้า มากฝีมือล้นจอ สมกับฉายา บุพเพอเวนเจอร์ ได้มาสมศักดิ์ศรี ไม่ใช่ราคาคุย
หวังว่าทางช่องจะพิจารณาในเรื่องนี้ เพราะราคากล้อง4K ถูกลงมาก ราคาหลักแสนเปลี่ยนเลนส์ได้แล้ว
กำกับศิลป์
ฉากใหญ่ มุมภาพกว้าง พบเห็นตลอดเรื่อง แม้ฉากในตำหนักดูใหม่ไปบ้าง แต่งานปิดทองดูไม่หลอกตานัก
เรือนนางเอก ถ่ายต่างสถานที่กัน เรือนเครื่องผูก เครื่องสับ แยกตามฐานะแบบขุนศึก
ฉากอุทยานฝ่ายใน ดูร่มรื่น ทางเดินเป็นอิฐมอญปูพื้น สมัยนั้นมีสนามหญ้าสืบจากยุคพระนารายณ์ตามคติยุโรป
เครื่องแต่งกาย
แสดงความต่างชนชั้นได้ดี การตัดเย็บ สีสัน ลวดลายต่างกัน
แต่ภาพนักเทศของไทยโพกผ้าอย่างเดียว ไม่พบภาพใส่หมวกหัวหอมพร้อมโพกผ้า ซึ่งหมวกหัวหอมมักเป็นหมวกรบ
กริชในละครเป็นเครื่องประดับ พระเอกจึงซ่อนมีดอีกเล่ม แต่กริชจากอาหรับตีจากเหล็กกล้า ถือเป็นอาวุธประจำกาย
สีเสื้อผ้า แสดงออกถึงภาวะบ้านเมืองขณะนั้น ไม่สดใสชวนฝัน เพราะสถานการณ์ช่วงนั้นมีแต่เลวร้ายลงเรื่อยๆ
บันทึกเสียง
เสียงไมด์ลอยจากนักแสดงดังเบาไม่เท่ากัน เสียงไม่สม่ำเสมอ เสียงก้องในบางฉาก
ควรใช้ไมค์ลอยดิจิตอล และไมค์บูมแทนที่ฉากในตำหนัก เวลายกมือไหว้เสียงพูดจะไม่หาย เสียงกำไลไม่ดังกลบ
ดนตรีประกอบ
เสียงเพลงประกอบฉาก ดังกลบเสียงสนทนา ควรลดระดับ หรืองดลงในบทเจรจาสำคัญ
พอเร่งเสียงมากดนตรีกลบไปหมด ฟังไม่ได้ศัพท์นัก ไปทางรกมาว่าเสริมอารมณ์ในหลายฉาก จังหวะที่ใส่ดนตรียังขาดๆเกินๆ
เช่น ท้องพระโรงอังวะ พระเจ้ามังระเรียกประชุม กับอะแซหวุ่นกี้ออกปากห้ามศึก
การลงเสียงหลายชั้น หลายทิศทาง ถ้าไม่บีบแบบDolby Atmos เสียงจะแบนและขุ่นกว่ามาก ต้นทุนสูงและมีที่เดียวที่ทำได้ในไทย
ละครก่อนหน้าเสียงพูดไม่โดนดนตรีกลบขนาดนี้ ช่วงระดับเสียงดังเบากำลังดี
ตัดต่อ
เดินเรื่องเร็ว กระชับ กำลังดี ไม่ควรช้ากว่านี้ เพราะบางช่วงเล่าขยายความไม่ยืดไป มีช้าเร็วสลับในแต่ละเส้นเรื่อง
ใครข้ามไปช่วงเดียวตามไม่ทันได้บางรายละเอียด ทำให้ผู้ชมต้องเตรียมตัวก่อนดู เพราะย้อนหลังภาพกระตุก มัว ดูไม่สนุก
(Mello ยังดูใน Appel TV ไม่ได้รีบดำเนินการด่วน คนไทยทั่วโลกใช้เยอะมาก ในไทยไม่น้อย)
เล่าเรื่องมีชั้นเชิง ทิ้งปมให้คนดูคิดตาม ใครจำเรื่องไม่ได้งงได้ไม่ยาก ภาพเล่าเรื่องเยอะมาก รายละเอียดยิบย่อยแยะ
ดูย้อนหลังแล้วจะทึ่ง ว่าคนไทยทำได้ไม่แพ้ต่างชาติ นำเสนอแบบสากลแต่คงเอกลักษณ์ อัจฉริยภาพของบรรพชนไทย
ถ้ามีเรื่องดี บทดี ผู้จัดและคณะฝีมือ ทุนสร้างสูง นายทุนใจถึง ผู้ชมเปิดใจไม่ยึดติด
การแก้กลบท ควรทำCg ให้ดูง่าย เช่น ทำอักษรเรืองแสง สลับอักษร รวมความให้ปรากฏในจอ ผู้ชมจะเข้าใจได้ง่าย
คำบรรยายชื่อตัวละคร สถานที่ ดีอยู่แล้ว ช่วยคนจำง่ายไม่สับสน ขนาดตัวอักษรกำลังดีแต่วางต่ำไปหน่อย
ทางช่องปล่อยตัววิ่งบังจนอ่านไม่ออก ในตอนสองดีขึ้นปล่อยตัววิ่งช่วงไม่ขึ้นชื่อ
กำกับการแสดง
ตอนหนึ่ง นักแสดงเกร็งค่อนข้างมาก พูดจังหวะไม่เป็นธรรมชาติ
ตอนสอง ลื่นไหลขึ้นรับส่งกันดี คล่องปากกันบ้างแล้ว พูดช้าเนิบนาบ ไม่เร่งเป็นชาวกทม.ขณะรถติดน้ำท่วมเข้ารถ
ตอนต่อๆไปน่าจะดีขึ้นตามลำดับ เพราะต้องทุกตัวละครเจอมรสุมชีวิตอีกเพียบ ว่าจะมีเอกราชได้
ขอขอบคุณช่อง3 ผู้จัดและคณะ ที่ทุ่มเทสร้างสรรค์ละครอิงประวัติศาสตร์ที่ห่างหายไปนาน
ในวาระครบ ๒๕๐ ปี พระเจ้าตากสิน และ 25 ปี ทีวีซีน ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างกว่าขุนศึกนัก
ท้ายนี้ผิดพลาดประการใด ผู้เขียนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ขอบคุณครับ