จากละครใหม่ ขุนปราบดาบข้ามภพ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มีสาระน่าอ่าน เคดิตคุณ จุ (Ju Jutima)
มาฝากกันค่ะ
เกร็ดประวัติศาสตร์ ผ่านละครแฟนตาซี #ขุนปราบดาบข้ามภพ ตอน ศึกอลองพญา
ตอนแรกของละคร เราพอจะทราบแล้วว่า ขุนปราบ เป็นนายทหารสังกัดสมุหกลาโหม กรมเวียง เป็นทหารผู้มีฤทธิ์
มีวิชาอาคม มีมนตร์พรางตา กายาเหล็ก เสกต่อแตน เชือกงูได้ ซึ่งเรื่องมนตราไว้เล่าวันหลัง ๕๕๕ วันนี้ขอเล่าเรื่องศึกอลองพญาก่อนค่ะ
มีฉากตอนหนึ่งซึ่งขุนปราบบอกว่า จะไปช่วยศึกที่กุยบุรี.....ยุคสมัยของขุนปราบ คืออยุยาตอนปลาย ศึกที่กุยบุรี เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2302
ก่อนที่พระเจ้าอลองพญา กษัตริย์อังวะจะเข้ามาล้อมกรุงศรีในปี 2303 ตรงกับรัชสมัยของพระเจ้าเอกทัศน์ แห่งกรุงศรีอยุธยา
ปฐมเหตุของศึกอลองพญานี้ บางคนเปรียบเทียบว่ามันเกิดขึ้นจากน้ำผึ้งหยดเดียว ทางหัวเมืองมอญฝั่งตะนาวศรี
ที่เข้ามาสวามิภักดิ์ต่อกรุงศรีฯ ขณะที่ฝ่ายอังวะ โดยพระเจ้าอลองพญา กำลังขึ้นสู่อำนาจ กำลังรวมหัวเมืองต่างๆ มาอยู่ใต้การปกครอง
เมื่อเมืองมอญฝักใฝ่มาทางกรุงศรีฯ ก็จำต้องสั่งสอน แรกๆ ก็ขอคืนเมืองทวาย
ส่วนขุนนางไทย ก็เชื่อว่าเราก็ใหญ่นี่หว่า คืนทำไม เขามาสวามิภักดิ์เอง ฝั่งอังวะ พอไม่คืนก็ตีเมืองซิจ๊ะ
ก็เริ่มสงครามกันจากเหตุเมืองมอญนี้แล โดยพระเจ้าอลองพญาสั่งทหารตีหัวเมืองมอญฝั่งตะนาวศรีมาเรื่อยๆ
จนเข้ามาถึงหัวเมืองกรุงศรีฯ ทางกรุงศรีฯ ก็ส่งทหารออกไปรับศึกแบบไม่คิดว่าจะแพ้มั้ง
ทหารที่จารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ของการรบอันดุเดือดครั้งนั้น ก็คือ “ขุนรองปลัดชู” ซึ่งขุนรองปลัดชู
แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของทหารกรุงศรีผู้ไม่ยอมแพ้
แต่อีกด้านก็แสดงถึงความอ่อนแอและไม่ชำนาญการศึกของทหารชั้นผู้ใหญ่ของกรุงศรีเช่นเดียวกัน
*เหตุการณ์ศึกที่กุยบุรีนี้แหละ ที่ขุนปราบกำลังจะไปช่วยรบ*
เล่าต่อ.... ขุนรองปลัดชู ต้านกองทัพพม่าไม่ไหว เปรียบเหมือน 300สปาร์ต้า ตายกันหมด (ขุนรองปลัดชู มีทหาร 400 นาย สู้กับกองทัพอังวะ 8000 นาย) กองทัพกรุงศรีที่ว่าจะเข้าไปช่วย ถอยร่นกลับเข้ามาตั้งรับที่พระนคร
จากนั้นไม่นาน ประมาณ 3 เดือนเศษ กองทัพของพระเจ้าอลองพญาก็ยกเข้ามาล้อมกรุงศรี
ซึ่งในช่วงนั้น ....พระเจ้าเอกทัศน์ได้ไปขอร้องให้ พระเจ้าอุทุมพร น้องชาย มาช่วยศึกพงศาวดารบางเล่มเล่าว่า
เดี๋ยวเสร็จศึกจะคืนบัลลังค์ให้ (แค่บางเล่มนะคะ) ตอนศึกพระเจ้าอลองพญา พระองค์ตั้งทัพอยู่ที่บริเวณวัดหน้าพระเมรุ
ประจันหน้ากับวังหลวงเลย กรุงศรีเราก็ต้านอังวะได้อยู่นะ
ถึงแม้ว่าจะถูกอังวะยิงปืนใหญ่เข้ามาจนยอดปราสาทพระที่นั่งอมรินทร์พังลง (พระอรรคในพิษสวาทก็ไปสู้ศึกครั้งนี้)
และอาจจะเป็นเพราะดวงของกรุงศรียังไม่ถึงฆาต กองทัพของพระเจ้าอลองพญาถอยทัพกลับเอง
ในพงศาวดารบางเล่มบอกว่า พระองค์ป่วย บางเล่มบอกว่า พระองค์บาดเจ็บจากปืนใหญ่ที่ระเบิดใส่ แต่ผลครั้งนั้นพระองค์สวรรคตระหว่างทาง
กระทั่งในปี 2309 พระเจ้ามังระ ลูกชายที่ขึ้นครองราชญ์แทนก็ยกทัพกลับมาสู้กับกรุงศรีอีกครั้ง
และครั้งนี้ กรุงศรีอยุธยาก็แตก ในปี 2310 (ในศึกอลองพญา มีความน่าสนใจที่ว่า....ทหารกรุงศรีฯ
มีฝีมือ แต่พ่ายแพ้ น่าสนใจว่าเพราะอะไร? ไว้ว่างๆ จะแตกแขนงเม้าท์ใหม่นะคะ)
เล่ามายาวเลย...เกี่ยวกับขุนปราบตรงไหนเนี่ย....เกี่ยวตรงที่ ขุนปราบ กำลังจะไปช่วยศึกที่กุยบุรี
แต่ดูสิ ขุนนางบางคนยังขัดแข้งขัดขา เอาเรื่องส่วนตัวมาก่อน
มันสะท้อนให้เห็นว่า “น้องแท็ค” เนี่ยเป็นตัวอย่างของทหารที่ไม่ตระหนักถึงอันตรายของแผ่นดินเลย
ซึ่งนักวิชาการก็เชื่อว่า กรุงศรีแตก เพราะขุนนางเหล่านี้แหละ หาประโยชน์เข้าตัว
โดยไม่คำนึงถึงแผ่นดิน ไม่สามัคคีกัน แทนที่จะไปช่วยรบ ดันมาลอบทำร้ายกันเอง ปล่อยให้ “ขุนรองปลัดชู” ตาย “น้องกั้ง” ก็ไปช่วยไม่ทัน^^
เดี๋ยวตอน ๒ เป็นเรื่องขุนนาง ไพร่ ทาส ระดับชนชั้นของกรุงศรีนะคะ
ปล. เล่าจากความทรงจำ หนังสืออ้างอิงไม่มี อ่านเอาสนุกๆ นะคะ แล้วอย่าลืม ติดตามชม #ขุนปราบดาบข้ามภพ ด้วยจ้า
สาระน่าอ่านจากเรื่อง ขุนปราบดาบข้ามภพ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มีสาระน่าอ่าน เคดิตคุณ จุ (Ju Jutima)
มาฝากกันค่ะ
เกร็ดประวัติศาสตร์ ผ่านละครแฟนตาซี #ขุนปราบดาบข้ามภพ ตอน ศึกอลองพญา
ตอนแรกของละคร เราพอจะทราบแล้วว่า ขุนปราบ เป็นนายทหารสังกัดสมุหกลาโหม กรมเวียง เป็นทหารผู้มีฤทธิ์
มีวิชาอาคม มีมนตร์พรางตา กายาเหล็ก เสกต่อแตน เชือกงูได้ ซึ่งเรื่องมนตราไว้เล่าวันหลัง ๕๕๕ วันนี้ขอเล่าเรื่องศึกอลองพญาก่อนค่ะ
มีฉากตอนหนึ่งซึ่งขุนปราบบอกว่า จะไปช่วยศึกที่กุยบุรี.....ยุคสมัยของขุนปราบ คืออยุยาตอนปลาย ศึกที่กุยบุรี เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2302
ก่อนที่พระเจ้าอลองพญา กษัตริย์อังวะจะเข้ามาล้อมกรุงศรีในปี 2303 ตรงกับรัชสมัยของพระเจ้าเอกทัศน์ แห่งกรุงศรีอยุธยา
ปฐมเหตุของศึกอลองพญานี้ บางคนเปรียบเทียบว่ามันเกิดขึ้นจากน้ำผึ้งหยดเดียว ทางหัวเมืองมอญฝั่งตะนาวศรี
ที่เข้ามาสวามิภักดิ์ต่อกรุงศรีฯ ขณะที่ฝ่ายอังวะ โดยพระเจ้าอลองพญา กำลังขึ้นสู่อำนาจ กำลังรวมหัวเมืองต่างๆ มาอยู่ใต้การปกครอง
เมื่อเมืองมอญฝักใฝ่มาทางกรุงศรีฯ ก็จำต้องสั่งสอน แรกๆ ก็ขอคืนเมืองทวาย
ส่วนขุนนางไทย ก็เชื่อว่าเราก็ใหญ่นี่หว่า คืนทำไม เขามาสวามิภักดิ์เอง ฝั่งอังวะ พอไม่คืนก็ตีเมืองซิจ๊ะ
ก็เริ่มสงครามกันจากเหตุเมืองมอญนี้แล โดยพระเจ้าอลองพญาสั่งทหารตีหัวเมืองมอญฝั่งตะนาวศรีมาเรื่อยๆ
จนเข้ามาถึงหัวเมืองกรุงศรีฯ ทางกรุงศรีฯ ก็ส่งทหารออกไปรับศึกแบบไม่คิดว่าจะแพ้มั้ง
ทหารที่จารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ของการรบอันดุเดือดครั้งนั้น ก็คือ “ขุนรองปลัดชู” ซึ่งขุนรองปลัดชู
แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของทหารกรุงศรีผู้ไม่ยอมแพ้
แต่อีกด้านก็แสดงถึงความอ่อนแอและไม่ชำนาญการศึกของทหารชั้นผู้ใหญ่ของกรุงศรีเช่นเดียวกัน
*เหตุการณ์ศึกที่กุยบุรีนี้แหละ ที่ขุนปราบกำลังจะไปช่วยรบ*
เล่าต่อ.... ขุนรองปลัดชู ต้านกองทัพพม่าไม่ไหว เปรียบเหมือน 300สปาร์ต้า ตายกันหมด (ขุนรองปลัดชู มีทหาร 400 นาย สู้กับกองทัพอังวะ 8000 นาย) กองทัพกรุงศรีที่ว่าจะเข้าไปช่วย ถอยร่นกลับเข้ามาตั้งรับที่พระนคร
จากนั้นไม่นาน ประมาณ 3 เดือนเศษ กองทัพของพระเจ้าอลองพญาก็ยกเข้ามาล้อมกรุงศรี
ซึ่งในช่วงนั้น ....พระเจ้าเอกทัศน์ได้ไปขอร้องให้ พระเจ้าอุทุมพร น้องชาย มาช่วยศึกพงศาวดารบางเล่มเล่าว่า
เดี๋ยวเสร็จศึกจะคืนบัลลังค์ให้ (แค่บางเล่มนะคะ) ตอนศึกพระเจ้าอลองพญา พระองค์ตั้งทัพอยู่ที่บริเวณวัดหน้าพระเมรุ
ประจันหน้ากับวังหลวงเลย กรุงศรีเราก็ต้านอังวะได้อยู่นะ
ถึงแม้ว่าจะถูกอังวะยิงปืนใหญ่เข้ามาจนยอดปราสาทพระที่นั่งอมรินทร์พังลง (พระอรรคในพิษสวาทก็ไปสู้ศึกครั้งนี้)
และอาจจะเป็นเพราะดวงของกรุงศรียังไม่ถึงฆาต กองทัพของพระเจ้าอลองพญาถอยทัพกลับเอง
ในพงศาวดารบางเล่มบอกว่า พระองค์ป่วย บางเล่มบอกว่า พระองค์บาดเจ็บจากปืนใหญ่ที่ระเบิดใส่ แต่ผลครั้งนั้นพระองค์สวรรคตระหว่างทาง
กระทั่งในปี 2309 พระเจ้ามังระ ลูกชายที่ขึ้นครองราชญ์แทนก็ยกทัพกลับมาสู้กับกรุงศรีอีกครั้ง
และครั้งนี้ กรุงศรีอยุธยาก็แตก ในปี 2310 (ในศึกอลองพญา มีความน่าสนใจที่ว่า....ทหารกรุงศรีฯ
มีฝีมือ แต่พ่ายแพ้ น่าสนใจว่าเพราะอะไร? ไว้ว่างๆ จะแตกแขนงเม้าท์ใหม่นะคะ)
เล่ามายาวเลย...เกี่ยวกับขุนปราบตรงไหนเนี่ย....เกี่ยวตรงที่ ขุนปราบ กำลังจะไปช่วยศึกที่กุยบุรี
แต่ดูสิ ขุนนางบางคนยังขัดแข้งขัดขา เอาเรื่องส่วนตัวมาก่อน
มันสะท้อนให้เห็นว่า “น้องแท็ค” เนี่ยเป็นตัวอย่างของทหารที่ไม่ตระหนักถึงอันตรายของแผ่นดินเลย
ซึ่งนักวิชาการก็เชื่อว่า กรุงศรีแตก เพราะขุนนางเหล่านี้แหละ หาประโยชน์เข้าตัว
โดยไม่คำนึงถึงแผ่นดิน ไม่สามัคคีกัน แทนที่จะไปช่วยรบ ดันมาลอบทำร้ายกันเอง ปล่อยให้ “ขุนรองปลัดชู” ตาย “น้องกั้ง” ก็ไปช่วยไม่ทัน^^
เดี๋ยวตอน ๒ เป็นเรื่องขุนนาง ไพร่ ทาส ระดับชนชั้นของกรุงศรีนะคะ
ปล. เล่าจากความทรงจำ หนังสืออ้างอิงไม่มี อ่านเอาสนุกๆ นะคะ แล้วอย่าลืม ติดตามชม #ขุนปราบดาบข้ามภพ ด้วยจ้า