หลังจากที่หยุดพักการเขียนเรื่องทริปเลห์-ลาดักห์ไปพักใหญ่ เพราะมัวแต่ไปร่อนเร่พเนจรที่โน่นที ที่นี่ที ไหนจะการงานที่ต้องรับผิดชอบอีก เลยต้องขอเบรคเรื่องเลห์-ลาดักห์ ไว้ชั่วคราวก่อนครับ ช่วงนี้พอมีเวลาว่างก็เลยกลับมาเขียนต่อ ตั้งใจว่าจะเขียนให้จบๆไปเลย เพราะถ้านานกว่านี้ ความทรงจำของผมเกี่ยวกับเลห์-ลาดักห์ มันจะเลือนลงเรื่อยๆ แม้จะมีรูปถ่ายเป็นหลักฐานและเป็นเครื่องมือในการช่วยเตือนความจำก็ตาม
ความเดิมตอนที่แล้วหากใครจำไม่ได้ก็สามารถกดเข้าไปอ่าน เข้าไปดูรูปได้ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้ได้เลยนะครับ
เรื่องเล่าจากลาดักห์ (My tales from Ladakh part 1)
https://pantip.com/topic/36796356
เรื่องเล่าจากลาดักห์ 2 (My tales from Ladakh part 2)
https://pantip.com/topic/36806805
เรื่องเล่าจากลาดักห์ 3 (My tales from Ladakh part 3)
https://pantip.com/topic/36843966
มีข้อเสนอแนะประการใด เชิญชี้แนะได้เลยนะครับ ขอบคุณมากครับ เกริ่นมาพอสมควรแล้ว มาเริ่มเดินทางต่อกันเลยดีกว่าครับ
5 Let’s go to Pangong Lake

เช้านี้ผมตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เตรียมออกไปเดินเล่นในตัวเมือง หวั่นๆ เหมือนกันว่าจะเจอน้องหมาฝูงเดิม แต่ก็เอาวะ เจอก็เจอ มันคงเห่าไปอย่างนั้น ไม่น่าจะกัดหรอก (มั้ง)... เช้านี้ นอกจากจะเดินถ่ายรูปเล่นแล้ว ยังมีจุดมุ่งหมายที่สำคัญอีกอย่าง คือ เดินหาตู้ไปรษณีย์ เพื่อส่งโปสการ์ด อยู่กลางตัวเมืองอย่างนี้ก็น่าจะหาได้ไม่ยากหรอกเนอะ
ผลปรากฏเช้านี้ผมไม่เจอน้องหมาฝูงนั้น (โชคดีไป) เลยเดินเล่นชิลๆ ได้ด้วยความสบายใจ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมเลยพยายามมองหาคนที่พอจะตอบคำถามของผมได้ว่า “ช้างกูอยู่ไหน???” ไม่ใช่ละ... ตู้ไปรษณีย์อยู่ที่ไหน เดินส่ายสายตามองเรื่อยๆ จนมาเจอพี่ๆ วินรถรับจ้างนั่งคุยกันอยู่ เลยเดินเข้าไปถามซะเลย ในใจยังนึกอยู่ว่าพี่ๆ เขาจะเข้าใจภาษาอังกฤษมั้ยหว่า สรุปว่า เขาเข้าใจ เผลอๆ จะพูดและฟังได้ดีกว่าผมซะด้วย... พอทราบตำแหน่งที่ตั้งคร่าวๆ ผมจะจ้ำอ้าวไปยังจุดหมายทันที ตู้ไปรษณีย์ที่นี่มีสีแดงหมือนของบ้านเรา รูปทรงเก่าๆ ดูคลาสสิคดี
จบภาระกิจสำคัญ ผมก็เดินเล่นต่อไปเรื่อยเปื่อย พยายามกำหนดเส้นทางคร่าวๆ คือ เดินเป็น 4 เหลี่ยมเข้าไว้ กันไม่ให้หลงทาง เช้านี้ร้านค้าต่างๆ ยังไม่ค่อยเปิดให้บริการสักเท่าไหร่ ที่พบเห็นตามทางและเป็นจุดสนใจของผมคือ บรรดาแม่ค้าขายผักทั้งหลาย ที่มาปูผ้าใบนั่งขายผักสดกันอยู่ริมทางเดิน ผมไปยืนด้อมๆ มองๆ แล้วขอถ่ายรูป ซึ่งก็ได้รับความร่วมมืออย่างดี ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน ผมชอบอารมณ์คนปูผ้าขายของที่พื้น มากกว่าที่วางขายบนโต๊ะหรือตามเคาน์เตอร์ เวลาถ่ายรูปออกมามันให้ความรู้สึกของ “ตลาด” มากกว่า มันดูบ้านๆดี เดินถ่ายรูปเล่นสักพัก ผมก็จ้ำอ้าวกลับโรงแรมเพื่อให้ทันเวลาอาหารเช้า วันนี้เรามีโปรแกรมเดินทางไกล และต้องไปพักแรมกันที่โน่นด้วยสิ ได้ยินคำร่ำลือเรื่องความสวยมาพอควรแล้ว วันนี้จะได้เห็นด้วยตากันสักที ว่าตัวจริงจะงามสักเพียงไหน สำหรับ Pangong Lake หรือ ทะเลสาบปันกอง นั่นเอง
บรรยากาศยามเช้าในตัวเมืองเลห์ครับ

ตู้ไปรษณีย์สีแดง เหมือนๆ กับบ้านเรา แต่ทรงของเค้าจะดูโบราณกว่า ผมส่งโปสการ์ดหาใครบ้าง บอกตรงๆ จำได้ไม่ครบแล้วเนี่ย

ที่ทำการไปรษณีย์ครับ หาไม่ยาก เพราะผมถามทางพี่ๆเค้ามา ถ้าให้เดินดุ่มๆ หาเอง สงสัยจะใช้เวลาเกินครึ่งวันแน่ๆ

นี่แหละครับ "ตลาด" ที่ผมอยากจะเห็น ปูขายกับพื้นอย่างนี้กันเลย



ส่วนตราชั่งก็ต้องอย่างนี้ล่ะครับ
ในเมืองมี Street Art ให้ชมกันด้วย

ระหว่างเดินกลับที่พักก็เจอคุณลาเข้ามาทักทายครับ เลยขอถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย อากาศแถบนี้ค่อนข้างเย็นมากครับ ลาเลยขนยาวอย่างนี้

รถบรรทุกที่นี่หน้าตาเหมือนออฟติมัส ไพรม์ เลย เห็นแล้วนึกถึงรถบรรทุกที่ปากีสถานที่ผมเคยเห็นในหนังสือ สักวันคงได้ไปเยือนแน่
[CR] เรื่องเล่าจากลาดักห์ 4 (My tales from Ladakh part 4)
ความเดิมตอนที่แล้วหากใครจำไม่ได้ก็สามารถกดเข้าไปอ่าน เข้าไปดูรูปได้ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้ได้เลยนะครับ
เรื่องเล่าจากลาดักห์ (My tales from Ladakh part 1)
https://pantip.com/topic/36796356
เรื่องเล่าจากลาดักห์ 2 (My tales from Ladakh part 2)
https://pantip.com/topic/36806805
เรื่องเล่าจากลาดักห์ 3 (My tales from Ladakh part 3)
https://pantip.com/topic/36843966
มีข้อเสนอแนะประการใด เชิญชี้แนะได้เลยนะครับ ขอบคุณมากครับ เกริ่นมาพอสมควรแล้ว มาเริ่มเดินทางต่อกันเลยดีกว่าครับ
5 Let’s go to Pangong Lake
เช้านี้ผมตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เตรียมออกไปเดินเล่นในตัวเมือง หวั่นๆ เหมือนกันว่าจะเจอน้องหมาฝูงเดิม แต่ก็เอาวะ เจอก็เจอ มันคงเห่าไปอย่างนั้น ไม่น่าจะกัดหรอก (มั้ง)... เช้านี้ นอกจากจะเดินถ่ายรูปเล่นแล้ว ยังมีจุดมุ่งหมายที่สำคัญอีกอย่าง คือ เดินหาตู้ไปรษณีย์ เพื่อส่งโปสการ์ด อยู่กลางตัวเมืองอย่างนี้ก็น่าจะหาได้ไม่ยากหรอกเนอะ
ผลปรากฏเช้านี้ผมไม่เจอน้องหมาฝูงนั้น (โชคดีไป) เลยเดินเล่นชิลๆ ได้ด้วยความสบายใจ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมเลยพยายามมองหาคนที่พอจะตอบคำถามของผมได้ว่า “ช้างกูอยู่ไหน???” ไม่ใช่ละ... ตู้ไปรษณีย์อยู่ที่ไหน เดินส่ายสายตามองเรื่อยๆ จนมาเจอพี่ๆ วินรถรับจ้างนั่งคุยกันอยู่ เลยเดินเข้าไปถามซะเลย ในใจยังนึกอยู่ว่าพี่ๆ เขาจะเข้าใจภาษาอังกฤษมั้ยหว่า สรุปว่า เขาเข้าใจ เผลอๆ จะพูดและฟังได้ดีกว่าผมซะด้วย... พอทราบตำแหน่งที่ตั้งคร่าวๆ ผมจะจ้ำอ้าวไปยังจุดหมายทันที ตู้ไปรษณีย์ที่นี่มีสีแดงหมือนของบ้านเรา รูปทรงเก่าๆ ดูคลาสสิคดี
จบภาระกิจสำคัญ ผมก็เดินเล่นต่อไปเรื่อยเปื่อย พยายามกำหนดเส้นทางคร่าวๆ คือ เดินเป็น 4 เหลี่ยมเข้าไว้ กันไม่ให้หลงทาง เช้านี้ร้านค้าต่างๆ ยังไม่ค่อยเปิดให้บริการสักเท่าไหร่ ที่พบเห็นตามทางและเป็นจุดสนใจของผมคือ บรรดาแม่ค้าขายผักทั้งหลาย ที่มาปูผ้าใบนั่งขายผักสดกันอยู่ริมทางเดิน ผมไปยืนด้อมๆ มองๆ แล้วขอถ่ายรูป ซึ่งก็ได้รับความร่วมมืออย่างดี ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน ผมชอบอารมณ์คนปูผ้าขายของที่พื้น มากกว่าที่วางขายบนโต๊ะหรือตามเคาน์เตอร์ เวลาถ่ายรูปออกมามันให้ความรู้สึกของ “ตลาด” มากกว่า มันดูบ้านๆดี เดินถ่ายรูปเล่นสักพัก ผมก็จ้ำอ้าวกลับโรงแรมเพื่อให้ทันเวลาอาหารเช้า วันนี้เรามีโปรแกรมเดินทางไกล และต้องไปพักแรมกันที่โน่นด้วยสิ ได้ยินคำร่ำลือเรื่องความสวยมาพอควรแล้ว วันนี้จะได้เห็นด้วยตากันสักที ว่าตัวจริงจะงามสักเพียงไหน สำหรับ Pangong Lake หรือ ทะเลสาบปันกอง นั่นเอง
บรรยากาศยามเช้าในตัวเมืองเลห์ครับ
ตู้ไปรษณีย์สีแดง เหมือนๆ กับบ้านเรา แต่ทรงของเค้าจะดูโบราณกว่า ผมส่งโปสการ์ดหาใครบ้าง บอกตรงๆ จำได้ไม่ครบแล้วเนี่ย
ที่ทำการไปรษณีย์ครับ หาไม่ยาก เพราะผมถามทางพี่ๆเค้ามา ถ้าให้เดินดุ่มๆ หาเอง สงสัยจะใช้เวลาเกินครึ่งวันแน่ๆ
นี่แหละครับ "ตลาด" ที่ผมอยากจะเห็น ปูขายกับพื้นอย่างนี้กันเลย
ส่วนตราชั่งก็ต้องอย่างนี้ล่ะครับ
ในเมืองมี Street Art ให้ชมกันด้วย
ระหว่างเดินกลับที่พักก็เจอคุณลาเข้ามาทักทายครับ เลยขอถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย อากาศแถบนี้ค่อนข้างเย็นมากครับ ลาเลยขนยาวอย่างนี้
รถบรรทุกที่นี่หน้าตาเหมือนออฟติมัส ไพรม์ เลย เห็นแล้วนึกถึงรถบรรทุกที่ปากีสถานที่ผมเคยเห็นในหนังสือ สักวันคงได้ไปเยือนแน่