มีหนังไม่กี่เรื่องที่ดูแล้วต้องกดจองตั๋วเครื่องบินไปยังสถานที่จริง ผมอาจแตกต่างจากชาวบ้านชาวเมืองทั่วไป เพราะมักจะสนใจ (เป็นพิเศษ) กับเรื่องราวแสนหดหู่ ไม่ได้ชอบวิชาประวัติศาสตร์นักและก็ไม่ได้ฉลาดวิเคราะห์ประวัติศาสตร์แน่นอน แต่เพราะอะไรไม่รู้ (ฮา) รอบนี้ก็เรื่องนี้ล่ะครับ…
“First They Killed My Father”
เรื่องราวของทั้งสองสถานที่นี้แทบจะไม่ต่างกันเลยครับ โดยเฉพาะความโหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรมของคนที่เรียกตัวเองว่าเป็น “มนุษย์” ที่ทำกับ “มนุษย์” ด้วยกัน ต่างก็แต่ที่เหตุการณ์ทุ่งสังหารนี้เกิดในประเทศเล็กๆ ประเทศหนึ่งในโลก ส่วนของนาซีนี่ทั่วยุโรปเลย
------------------------------
17 เมษายน พ.ศ. 2518
การเริ่มต้น 3 ปี 8 เดือน 20 วันของนรกในเขมร
วันนั้นเป็นวันเริ่มต้นการครอบครองประเทศกัมพูชาของกองกำลังเขมรแดง (Khmer Rouge) ซึ่งนำโดยนายพล พต (Pol Pot) และก็เป็นวันเริ่มต้นการกวาดล้างชาวเขมรกว่า 3 ล้านคนด้วย
แนวคิดของนายคนนี้ คือ ต้องการทำให้ประเทศเป็นแบบระบบสังคมนิยมไม่พึ่งคนอื่น ไม่พึ่งเทคโนโลยีใดๆ ให้ทุกคนอยู่อย่างเท่าเทียมกัน มีการอพยพประชาชนจากกรุงพนมเปญออกไปทำงานใช้แรงงานเพื่อการเกษตรในชนบทที่ทุรกันดาร (แต่พักพวกของตนเสวยสุขอย่างสุขสบาย ได้ตำแหน่งทางการเมืองใหญ่โตกันถ้วนหน้า…)
คนพวกนี้ได้ปิดโรงเรียน โรงพยาบาล ยกเลิกระบบธนาคารและยึดทรัพย์สินจากเอกชน ส่วนผู้ที่ต่อต้านและคนที่มีความรู้ทั้งหลาย (หมอ, วิศวกร, นักวิชาการ ฯลฯ) ก็ถูกฆ่าทิ้งเกือบหมด…ไม่เว้นแม้แต่คนใส่แว่นเพราะพวกมันเชื่อว่าอาจจะเป็นผู้มีความรู้ ที่มันต้องฆ่าหมดก็เพื่อไม่ให้มีปัญหากับกองกำลังของตนเองในภายหลัง นี่ยังไม่รวมถึงการฆ่าเด็กน้อยตาดำๆ เพราะคิดว่าถ้าปล่อยให้มีชีวิตรอด ในอนาคตอาจมาล้างแค้นแทนพ่อแม่ของตนที่ถูกฆ่าตายไป…เลวไหมครับ
หลังจากกองกำลังเขมรแดงเข้ายึดกรุงพนมเปญ ก็เริ่มกวาดล้างประชาชนนับล้านให้อพยพออกไปยังแถบชนบท ให้อยู่รวมกันและทำงานต่างๆ เช่น เกษตรกรรม โดยยึดหลัก…ความเท่าเทียมกัน
สัญลักษณ์และร่องรอยของความโหดเหี้ยมไร้ความเป็นมนุษย์ของคนกลุ่มนี้ยังเหลือให้ชนรุ่นหลังได้เรียนรู้อยู่ 2 ที่หลักๆ ในกรุงพนมเปญครับ คือ
1. ทุ่งสังหาร (Killing Field) ซึ่งในเขมรมีหลายที่มาก แต่ที่ๆ คนรู้จักและจัดให้เป็นที่ท่องเที่ยวเรียนรู้ประวัติศาสตร์ก็คือที่ Choeung Ek ในกรุงพนมเปญนี่เอง
2. พิพิธภัณฑ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Tuol Sleng Genocide Museum) เป็นสถานที่จริงซึ่งในเวลานั้นได้เปลี่ยนโรงเรียนให้เป็นคุกและที่ทรมานนักโทษจำนวนมากมาย ปัจจุบันถูกบูรณะให้เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมๆ
[CR] ทุ่งสังหาร…โลกไม่มีวันลืม
การเริ่มต้น 3 ปี 8 เดือน 20 วันของนรกในเขมร
แนวคิดของนายคนนี้ คือ ต้องการทำให้ประเทศเป็นแบบระบบสังคมนิยมไม่พึ่งคนอื่น ไม่พึ่งเทคโนโลยีใดๆ ให้ทุกคนอยู่อย่างเท่าเทียมกัน มีการอพยพประชาชนจากกรุงพนมเปญออกไปทำงานใช้แรงงานเพื่อการเกษตรในชนบทที่ทุรกันดาร (แต่พักพวกของตนเสวยสุขอย่างสุขสบาย ได้ตำแหน่งทางการเมืองใหญ่โตกันถ้วนหน้า…)
คนพวกนี้ได้ปิดโรงเรียน โรงพยาบาล ยกเลิกระบบธนาคารและยึดทรัพย์สินจากเอกชน ส่วนผู้ที่ต่อต้านและคนที่มีความรู้ทั้งหลาย (หมอ, วิศวกร, นักวิชาการ ฯลฯ) ก็ถูกฆ่าทิ้งเกือบหมด…ไม่เว้นแม้แต่คนใส่แว่นเพราะพวกมันเชื่อว่าอาจจะเป็นผู้มีความรู้ ที่มันต้องฆ่าหมดก็เพื่อไม่ให้มีปัญหากับกองกำลังของตนเองในภายหลัง นี่ยังไม่รวมถึงการฆ่าเด็กน้อยตาดำๆ เพราะคิดว่าถ้าปล่อยให้มีชีวิตรอด ในอนาคตอาจมาล้างแค้นแทนพ่อแม่ของตนที่ถูกฆ่าตายไป…เลวไหมครับ
หลังจากกองกำลังเขมรแดงเข้ายึดกรุงพนมเปญ ก็เริ่มกวาดล้างประชาชนนับล้านให้อพยพออกไปยังแถบชนบท ให้อยู่รวมกันและทำงานต่างๆ เช่น เกษตรกรรม โดยยึดหลัก…ความเท่าเทียมกัน
สัญลักษณ์และร่องรอยของความโหดเหี้ยมไร้ความเป็นมนุษย์ของคนกลุ่มนี้ยังเหลือให้ชนรุ่นหลังได้เรียนรู้อยู่ 2 ที่หลักๆ ในกรุงพนมเปญครับ คือ
1. ทุ่งสังหาร (Killing Field) ซึ่งในเขมรมีหลายที่มาก แต่ที่ๆ คนรู้จักและจัดให้เป็นที่ท่องเที่ยวเรียนรู้ประวัติศาสตร์ก็คือที่ Choeung Ek ในกรุงพนมเปญนี่เอง
2. พิพิธภัณฑ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Tuol Sleng Genocide Museum) เป็นสถานที่จริงซึ่งในเวลานั้นได้เปลี่ยนโรงเรียนให้เป็นคุกและที่ทรมานนักโทษจำนวนมากมาย ปัจจุบันถูกบูรณะให้เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมๆ