สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่าน EP 1. Busan เข้ามาดูได้ตาม link นี้เลยครับ
https://pantip.com/topic/37567759
วันเดินทาง : 2 Apr 2018
การเดินทาง : จากปูซาน ขึ้น local bus ออกจากชานชาลาที่ 17 จาก Sasang station (subway line 2, exit 3 หรือ 5) ค่ารถประมาณ 5,100 วอน เดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ช่วงเทศกาลชมดอกพอตกดรถออกทุกๆ 15 นาทีโดยประมาณ คนเยอะมาาาาาาก บางเที่ยวมีประกาศให้สามารถโดยสารไปโดยการยืนได้โดยไม่ต้องรอคิว แต่อย่าเลยฮะ เมื่อยมาก ต้องใช้พลังงานในการทรงตัว
ค่าเข้าชม : ฟรี
Level : 5

ครั้งนี้เรามาต่อกันที่ Jinhae ครับ เขาว่ากันว่าดอกพอตกดที่นี่สวยที่สุดในเกาหลี ไม่รู้จริงไหม อันนี้แล้วแต่คนจะชอบนะครับ แต่ถ้าดูจากปริมาณคนที่แห่กันเข้ามาแล้ว คิดว่าคงมีคนคิดแบบนี้เยอะทีเดียว และหนึ่งในนั่นก็คือ คนไทยครับ เพราะได้ยินเสียงตลอดเวลา และอีกชาติก็คือ คนจีน 555 ผู้มากับรูปแบบเฉพาะตัว ทำให้บรรยากาศที่นี่คึกคักม้าาก แน่นขนัดยังกะงานสัปดาห์หนังสือ แต่ดอกพอตกดที่นี่บานกันทั้งเมืองแบบอู้ฟู่มาก มองไปทางไหนก็เจอแต่สีชมพูเต็มไปหมด

สำหรับการเที่ยวในจินเฮมีข้อควรคำนึงและแนะนำตามนี้ครับ
1. สืบเนื่องจากด้านบนที่ว่า ที่นี่นั้นฮิตมาก ฉะนั้นในวันหยุดเสาร์อาทิตย์คนจากทุกที่ในโลกจะแห่กันมา โดยเฉพาะช่วงสัปดาห์แรกของเดือนเมษา เนื่องจากเป็นช่วงฟูลบลูม จึงขอแนะนำให้เลี่ยงช่วงวันหยุดดังกล่าว
2. แนะนำว่าตอนเย็นๆแสงจะสวยกว่า และคนน้อยกว่า สามารถเดินเล่นรอ light up ตอนกลางคืนได้ด้วย
3. เผื่อใจในการถ่ายรูป ยังไงก็ติดคน แบ่งๆกันถ่าย ใจร่มๆครับ

แผนที่ด้านบนเป็นตัวอย่างการเที่ยวในจินเฮ 1 วัน ตอนแรกผมกะจะเอาตามนี้ แต่ไม่ทันครับ เพราะกว่าจะเดินไปถึง กว่าจะจัดระเบียบทิศทางไม่ให้หลง กว่าจะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ สรุปได้ไปแค่ 2 จุดหลักๆใน 1 วัน แต่ก็เป็นจุดที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง มาดูกันเลยครับ

#บริเวณคลอง Yeojwacheon
จุดนี้สามารถเดินมาจาก Jinhae bus terminal ได้เลย ไกลหน่อยแต่พอไหว ระหว่างทางถ้าเดินตัดผ่านจตุรัสกลางเมืองจะมีบูธเทศกาลดอกพอตกด ซึ่งมีอาหารแนวตามสั่ง ปิ้งย่าง ขนม ละลานตาจนเลือกไม่ถูก สามารถแวะกินเติมพลังได้ ราคาไม่แพงครับ

คลอง Yeojwacheon มีความยาวเกือบ 1 กม. ซึ่งต้นพอตกดขึ้นตลอดทาง อารมณ์คล้ายๆ phillospher’s path ที่เกียวโต แต่คนเยอะกว่า สามารถเดินชมได้ทั้งวัน แวะเซลฟี่ได้ทุกจุด หากปวดเข้าห้องน้ำก็ไม่ต้องห่วงครับ เพราะมีการจัดห้องน้ำเคลื่อนที่ไว้ตามจุดต่างๆ ค่อนข้างสะดวกสบายพอควร ถ้าหิวก็แวะข้างทางได้มีของกินจำพวกปิ้งย่าง สายไหมทำเป็นรูปน่ารักๆ ไอศกรีมโฮมเมดหวานฉ่ำให้เลือกตามใจชอบ

เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ดังที่สุด คนจึงแน่นที่สุดเช่นกัน ถ่ายมุมไหนก็สวย แต่ถ่ายยังให้ให้แตกต่างจากสถานที่อื่นๆนี่เป็นความท้าทายครับ คนที่ชอบถ่ายรูปจะเพลินมาก เพราะสามารถถ่ายได้ทั้งวันตราบที่มีแรงเหลือ 5555 ซึ่งบางทีการที่ถ่ายติดคน ก็ทำให้ภาพดูมีเสน่ห์และสมบูรณ์ขึ้นในตัวของมันครับ

มีจุดให้เดินคือระเบียงไม้สองข้างทาง นอกจากนี้ยังสามารถเดินบริเวณทางเดินหินด้านล่างได้ด้วย อย่างคู่รักคู่นี้ หวานกันสุดๆครับ

ภาพคู่รักสวีทกันมีให้เห็นทั่วไป ทำให้ที่แห่งนี้โรแมนติกมากทีเดียว ใครมาคนเดียวแบบผมมันก็จะเหงาๆหน่อยนะครับ

ข้อสังเกตอย่างหนึ่งของผมก็คือ สาวเกาหลีมักนิยมใช้ลิปติกเฉดสีออกไปทางแดงสดมาก ซึ่งผมว่าทำให้ดูสวยและโดดเด่น สาวๆไทยคนไหนไปเกาหลีก็อย่าลืมลองใช้เฉดสีเหล่านี้บ้างนะครับ

อีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรพลาดก็คือจุดที่ตรงกลางคลองมีร่มสีแดงสดนับร้อยประดับไว้ เพื่อนๆหลายคนคงจะเคยเห็นทางอินเตอร์เน็ท ซึ่งปีที่ไปนี้เขาจัดไว้โซนสุดท้ายโน่นเลยครับ กว่าจะไปถึงก็เล่นเอาซะเหงื่อตกไปตามๆกัน แต่ไหนๆก็มาแล้วแนะนำให้เดินไปชมนะครับ

ผมใช้เวลาตลอดช่วงเช้าถึงบ่ายเดินเรื่อยๆในเส้นทางนี้ หยุดกินบ้าง ส่องคนเกาหลีบ้าง สนุกดีครับ เมื่อได้เวลาอันสมควรก็เดินย้อนกลับมาเพื่อไปจุดหมายต่อไป ซึ่งก็พบว่าตรงทางเข้าคลองนั้นมีการแสดงดนตรีของนักเรียนหญิงชาวเกาหลีด้วยครับ

ยืนฟังได้สักครู่หนึ่งก็ออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปครับ

#สถานีรถไฟ Gyeonghwa
การเดินทาง : นั่ง local bus ฝั่งตรงข้ามจากสถานีรถไฟ Jinhae คนรอขึ้นเยอะ เมื่อถึงแล้วก็ลงกันเยอะ ไม่หลงแน่ๆ ดูจากแผนที่เหมือนใกล้ แต่จริงๆคือ 3 km กว่าๆเลยนะครับ ขึ้นรถเถอะ อย่าเดินเลย
ค่าเข้าชม : ฟรี

บริเวณนี้มีอุโมงค์ดอกพอตกดยาวเกือบ 800 เมตร และมีขบวนรถไฟ KORAIL เป็น landmark สำคัญจอดอยู่ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วย ซึ่งก็...คิวโคตรจะยาวตามคาดครับ หากคุณคิดว่าแถวรอถ่ายรูปกับเจ้าชายน้อยยาวแล้ว มาดูที่นี่จะพบว่ามันเทียบกันไม่ได้เล้ยยย ถ้าใครอดทนรอไว้ ก็จะได้ภาพประมาณด้านล่างนี้ บางคนรอเป็นชั่วโมงเลยครับ

นอกจากขบวนรถไฟแล้ว ก็ยังมีบูธขายอาหารต่างๆ และการแสดงดนตรีด้วย ทำให้บรรยากาศที่นี่ครึกครื้นไม่แพ้กับที่คลอง Yeojwacheon

นี่คือบรรยากาศวันจันทร์ ย้ำนะครับว่า วันจันทร์ ดูปริมาณคนสิครับ!

ถ้าใครรอถ่ายด้านหน้ารถไฟไม่ไหว แนะนำให้เดินมาถ่ายด้านหลังครับ ซึ่งจะมีทางรถไฟด้วย ดูคลาสสิคขึ้นมาก แต่คนก็ยังเยอะอยู่ดี 555

ด้วยความที่แถวนี้ดอกพอตกดเยอะมาก เมื่อถ่ายรูปออกมาเลยดูเหมือนเป็นอุโมงค์สีชมพู ยิ่งวันไหนแดดดีจะสวยมากๆ อ้อ ร้อนมากด้วยครับ อย่าลืมทาครีมกันแดดและพกร่ม แว่นกันแดดมาด้วยครับ

ผมเดินจนเย็นพระอาทิตย์เริ่มลดความร้อนแรงลงแล้ว เลยตัดสินใจย้อนกลับไปที่คลอง Yeojwacheon เพื่อรอชม light up ตอนกลางคืนครับ

#คลอง Yeojwacheon ยามเย็นและ Light up

อย่างที่กล่าวไว้ตอนต้นว่า ยามเย็นแสงจะสวย และคนน้อยกว่าช่วงสายๆถึงบ่ายๆมาก อาจจะเป็นเพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางมาจากต่างเมืองซึ่งเริ่มเดินทางกลับไปแล้ว ทำให้ตอนเย็นเป็นชาวเมืองจินเฮที่เริ่มออกมาชมกันบ้าง บรรยากาศจึงไม่อึกทึกและแน่นมากเหมือนตอนกลางวัน แถมอากาศยังเย็นขึ้น และที่สำคัญ แสงสวยขึ้นอย่างมากครับ

ผู้คนเริ่มลงมาเดินตามทางเดินหินข้างล่างมากขึ้น เวลาที่ลมพัดมากลีบดอกพอตกดจะร่วงพรูมายังผู้คนเหล่านั้น เพื่อนๆจะได้ยินเสียงอุทานเป็นระยะ ซึ่งผมคิดว่าช่วงที่ดอกพอตกด หรือซากุระ ที่สวยที่สุดคือช่วงที่ฟุลบลูมจนเริ่มร่วงบ้างนี่เองครับ (แต่ก็แล้วแต่คนจะชอบนะครับ)

ก่อนจะมืด โมเดลประดับไฟที่เห็นเป็นโครงสร้างก็เริ่มส่องสว่าง เป็นรูปสัตว์ต่างๆ ซุ้มประตู ทำให้อุโมงค์ดอกพอตกดดูมีสีสันมากขึ้นกว่าตอนกลางวันมาก ซึ่งในงานเขาก็ไม่ได้แค่ประดับไฟครับ ยังมีการแสดงแสงสีเสียง มีดนตรีสนุกบรรเลงตลอดทางด้วย

และก็มาถึงจุดเด่นที่สุดของงานครับ คือตอนสุดท้ายของคลองนั่นเอง (เดินมารอบที่สอง ซึ่งตอนนี้ขาสั่นไปหมดแล้ว 555) ร่มสีสันสดใสนับร้อยคันกำลังอวดแสงแข่งกันในยามค่ำคืน เป็นภาพที่ผมบอกเลยว่า อยากให้เพื่อนๆที่มาจินเฮอยู่รอชมช่วง Light up นี่อย่างมากครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ถึงแม้วันนี้จะเที่ยวเฉพาะจินเฮ แต่ผมคิดว่าภาพทุกภาพที่เพื่อนๆได้เห็นนั้น คงจะเป็นตัวสะท้อนได้อย่างดีว่า ที่แห่งนี้ควรค่าแก่การมาเที่ยวสักแค่ไหน แนะนำเลยครับว่า ให้เวลากับเมืองนี้สัก 1 วันครับ เพื่อนๆจะประทับใจไม่รู้ลืม

สำหรับวันนี้คงจบเท่านี้ครับ ครั้งต่อไป EP 3 จะพาไปเที่ยวเมือง Gyoungju ซึ่งเป็นเมืองที่สะท้อนความเป็นเกาหลีได้อย่างดี แถมดอกพอตกดที่นั่นก็สวยมากๆ ด้วยครับ อย่าลืมนะครับว่า "ซากุระไม่ได้มีเฉพาะเกาหลี และเกาหลีไม่ได้มีดีแค่โซล"  แล้วเจอกันใหม่ฮะ