[CR] ลุยเดี่ยว เที่ยว Benelux + Germany ดินแดนในฝัน

สวัสดีกันอีกรอบค่ะ ห่างหายไปหลายวันเลยจริงๆ ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างต้องขอออกตัวก่อนเลยนะค่ะ
แต่วันนี้ยอมนอนดึกเพราะค้างคามานานแล้วมันหายใจไม่ค่อยโล่งสักเท่าไหร่ แหะๆ

การเดินทางวันนี้เราจะตื่นกันแต่เช้าตรู่ เรียกว่าฟ้ายังมืดอยู่เลยก็ได้ ทริปนี้เที่ยวคนเดียวเลยไม่ต้องเสียเวลาแต่งหน้า แต่งตัวอะไรมาก เพราะเป็น backpack  เต็มตัว แถมไม่ได้ถ่ายรูปตัวเองเท่าไหร่ เลยไม่จำเป็นต้องแต่งเยอะ 55

ออกจากที่พักเดินดุ่มๆ ไปขี้นรถไฟที่ Brussel Central เราออกจากที่พักตี 5 กว่าๆ ถนนหนทางตอนเช้าที่นี่นี่เปลียวได้ใจมาก เดินไปก็แอบคุยไลน์ไป โชคดีที่ที่ไทยเป็นกลางวัน เลยมีคนให้โทรหา เท่าที่จำได้ เราไปซื้อตั๋วที่สถานีเลย เพราะไม่ค่อยแน่ใจเรื่องแพลนการเดินทางกับเรื่องเวลาสักเท่าไหร่ เลยทำการบ้านไว้ตั้งแต่มะคืนก่อนหน้าแล้ว สนนราคาค่าตั๋วไปกลับ 25 ยูโร ตามหน้าตั๋วเลยจร้า
ข้อดีขอการซื้อตั๋วรถไฟที่นี่ก็คือไม่มีการระบุเวลาค่ะ สามารถขึ้นเวลาไหนก็ได้ ตามวันที่กำหนดในตั๋ว
แอบถ่ายพนักงานตรวจตั๋ว ดูสภาพรถไฟแบบสะอาดมากเว่อร์ แถมแอร์เย็นเจี๊ยบ
ใครที่มีสัมภาระก็วางข้างบนนี้ได้เลยค่ะ
รถไฟยุโรปส่วนใหญ่จะมีโซนที่เป็นที่นั่งกลุ่มแบบนี้ ดีจังเหมือนเป็นพื้นที่ของเราเองเลย
ระหว่างทาง บางช่วงก็จะเป็นทุ่งสาลี ไร่ข้าวโพด บางช่วงก็จะเป็นบ้าน เป็นชุมชน ตอนนี้เราใกล้จะสุดชายแดนเบลเยี่ยมละค่ะ
และในที่สุดก็ถึงลักซัมเบิร์กสักที หลังจากนั่งมา 3 ชั่วโมงเต็มๆ ก็เผลอหลับไปบ้าง เพราะตื่นเช้ากะมาชาร์ทแรงบนรถไฟนี่แหละ เพราะเราจะตะลุยกันทั้งวันจริงๆ แต่แปลกเน้อะ เวลาเที่ยวเนี่ย ต่อให้เช้าขนาดนั้นก็ตื่นได้ ต่างจากการทำงานเลยจริงๆ สายกว่านี้ก็ยังตื่นลำบ๊ากลำบาก
มาถึงสิ่งแรกที่แวะเลยคือห้องน้ำค่ะ ปกติในเบลเยี่ยมจะเก็บค่าเข้า 0.50 ยูโร แต่ลักซัมเบิร์กซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่ร่ำรวยสุดในโลก (ข้อมูลจากลิ้งค์นี้นะค่ะ
https://top10reviewof.com/richest-countries-in-the-world/) ค่าใช้บริการห้องน้ำ สนนราคาอยู่ที่ 1 ยูโรค่ะ
แล้วเราก็ตามหาตัว i กันเถอะ เพื่อจะหาข้อมูลและ Map อีกที หลักๆ คือเราจะเก็บในครบตามรูปนี้เลยค่ะ
อีกอย่างที่จะบอกก็คือ รีวิววันนี้ค่อนข้างจะยาวหน่อย เพราะอย่างที่บอกว่าจุดเริ่มต้นของการเขียนรีวิวคือการหาข้อมูลลักซัมเบิร์กนี่เอง ไม่รู้ทำไมข้อมูลน้อยจัง เราเลยอยากแชร์สิ่งที่เราได้เจอมาเพื่อจะเป็นแนวให้คนต่อไปที่อยากจะเดินทางไปที่นี่บ้าง หลังจากที่ได้ Map มาและทำความเข้าใจก็พอจะรู้คร่าวๆ ว่าเมืองลักซัมเบิร์กนี้ แบ่งเป็น 3 ส่วนค่ะ ซึ่งจะมีเมืองใหม่ เมืองเก่า และเมืองล่าง เราจะค่อยๆๅ มาพูดถึงแต่ละส่วนของเมืองกันนะ
เริ่มจากเมืองใหม่ คือ บริเวณที่ประกอบด้วย อาคารบ้านเรือนที่เพิ่งก่อสร้างขึ้นใหม่ในช่วงหลัง ลักษณะสถาปัตยกรรมก็จะเป็นแนวโมเดิร์นๆ ไปเลย
ต่อด้วยเมืองเก่า คือ บริเวณที่ประกอบด้วย บ้านเรือนและตึกที่สร้างตั้งแต่สมัยอดีต ฝั่งนี้ก็จะเป็นสถาปัตยกรรมเป้นแนวแอนทริคๆ
และส่วนสุดท้าย คือ เมืองล่าง จะเป็นส่วนที่อยู่ต่ำลงไป เนื่องจากตัวเมืองทั้งหมดตั้งในอยู่ในหุบเขา การเดินทางในส่วนนี้ก้จะขึ้นเขาลงเนินหน่อย ถ้าใครที่มีปัญหาข้อเข่าเด๋วจะบอกวิธีการเที่ยวในส่วนนี้ค่ะ นอกจากนั้นในส่วนของเมืองล่างนั้นยังเป็นเมืองที่ได้รับการอนุรักษ์จากองค์การ UNESSCO อีกด้วย น่าเที่ยวขึ้นมาทันทีเลยใช่มั้ย 555
อันนี้หน้าสถานีรถไฟเลย ซึ่งฝั่งนี้เรียกว่า New Town เป็นเมืองแนวโมเดิร์นๆ หน่อย
จะเห็นว่าถนนหนทางแถวนี้ค่อนข้างจะเงียบมาก ทั้งๆ ที่เป็นเวลา 10 โมงกว่าแล้ว
เราจะเดินจากสถานีรถไฟไปฝั่ง Old Town นะ เดินเรื่อยๆ ชิลๆ ค่ะ หน้าร้อนก็จริง แต่อากาศดีมาก ไม่ร้อนเลย แอบเย็นๆ ด้วยซ้ำ เดินมาเรื่อยๆ ก็จะเจอ Hema ร้านสะดวกซื้อ
แล้วก็มาถึงสะพานที่จะข้ามไปฝั่งเมืองเก่า ซึ่งข้างล่างสะพานนั้นเป็นอะไรให้ทายกันเล่นๆ ค่ะ ก่อนที่จะไปชมภาพถัดไป
สะพาน Adolphe ถือว่าเป็นสะพานประวัติศาสตร์แห่งนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งอิสรภาพของลักเซมเบิร์กและมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในด้านทิวทัศน์ที่สวยงาม
เลื่องชื่อที่สุดแห่งหนึ่งลักเซมเบิร์ก ซึ่งมักจะปรากฏโฉมให้เห็นบนโปสการ์ดและโบรชัวร์การท่องเที่ยวของเมือง สะพานแห่งนี้เชื่อมระหว่างเมืองตอนบนกับที่ราบสูง Bourbon เดินข้ามสะพานเพื่อชมวิวอันงดงามเหนือหุบเขา Petrusse และตัวเมือง แม้ว่าสะพานจะมีอายุกว่าหนึ่งศตวรรษ แต่คุณก็ยังอาจได้ยินคนท้องถิ่นเรียกสะพานแห่งนี้ว่า Nei Breck (สะพานใหม่)
คิดว่าน่าจะมีคนทายว่าเป็นน้ำบ้าง ก็แน่นอนสะพานก็ต้องคู่กับน้ำใช่ป่าว
แต่..ไม่ใช่ค่ะ เป็นป่า 555 เขียวขจีเชียว จากตรงนี้เราก็จะเห็นฝั่งเมืองใหม่ได้อย่างชัดเจน มันดูโมเดิร์นมาก ไม่เหมือนภาพลักซัมเบิร์กที่เคยมีมาในหัวเลย ดีนะที่พอเห็นภาพคร่าวๆ มาบ้าง ไม่งั้นคงคิดว่ามาผิดเมือง
แล้วข้างล่างสะพานก็จะมีสนามเด็กเล่นค่ะ น่าไปเล่นบ้างจัง
ซูมให้เห็นกันชัดๆ
แล้วก็มาถ่ายอีกฝั่งบ้างดีกว่า ฝั่งที่เป็นเมืองเก่า
เดินชมนกชมไม้มาเกือบๆ 20 นาที ก็มาถึงฝั่งเมืองเก่าละค่ะ ก็จะเจอสิ่งนี้ ซึ่งเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอะไร จริงๆ ต้องบอกว่าถ้าคนเดินเก่งเดินไวอาจจะใช้เวลา 10-15 นาทีเท่านั้นเองนะ แต่เรานั้น...ก็อย่างที่บอกไปค่ะ
แล้วก็เจอป้ายสิงโต ซึ่งสิงโตก็ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้นี่เอง
ถัดมาหน่อยก็จะเป็นตึกนี้ แถวๆ นี้ก็จะเป็นส่วนของราชการและพื้นที่ของโบสถ์
มหาวิหาร Notre-Dame เป็นวิหารแบบโกธิกช่วงปลาย ตื่นตากับหน้าต่างกระจกสีอันวิจิตร และประติมากรรมรูปปั้นพระแม่มารีที่มีความสำคัญ หากมองขึ้นไปเหนือบริเวณประตูทางเข้าวิหารก็จะเห็นรูปปั้นต่างๆ ที่แสดงถึงพระแม่ นักบุญเปโตร และนักบุญเปาโล ประตูทางด้านเหนือของวิหารเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของสถาปัตยกรรมสไตล์เรอเนซองส์และบาโรก พบกับรูปปั้นสิงโตสำริดสองตัวที่เฝ้าอยู่บริเวณทางเข้าห้องเก็บศพ ห้องเก็บศพแห่งนี้ใช้สำหรับเก็บพระศพของหัวหน้าบาทหลวงและผู้ปกครองลักเซมเบิร์ก อย่างเช่น เคานท์แห่งลักเซมเบิร์ก จอห์นที่ 1 แห่งโบฮีเมีย, แกรนด์ดัชเชสมารี-อาเดลาอีด และแกรนด์ดัชเชสชาร์ล็อต ภายในมหาวิหาร ก็จะได้ชื่นชมกับผลงานศิลปะที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และหน้าต่างกระจกสีที่งดงาม หากโชคดีอาจจะได้พบกับการแสดงคอนเสิร์ตบรรเลงออร์แกนที่จัดให้ชมฟรีเป็นประจำ
ช่วงเวลาการจัดงาน Octave of Our Lady of Luxembourg จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ห้าหลังจากเทศกาลอีสเตอร์ของแต่ละปี ในปัจจุบัน มีการแห่รูปปั้นพระแม่ไปตามท้องถนนของเมือง และผู้แสวงบุญหลายพันคนต่างสวดอ้อนวอนขอความคุ้มครองจากพระแม่
บางคนก็เอามือกวักน้ำมาพรมหัว พรมตัว แต่เราไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่ามันคือน้ำมนต์จริงหรือแค่ทำประดับตกแต่งไว้เฉยๆ
ถ้าใครเดินไม่ทน เดินไม่เก่ง ก็สามารถนั่งบัสชมเมืองได้ค่ะ สบายดีแต่จะดำหน่อยๆ เพราะโดนแดดเต็มๆ เลย
เดินมาอีกนิดก็จะเจอรูปปั้นสีทอง สูงเด่นมาตั้งแต่สะพายละ 555 ออกจะเว่อร์ๆ ไปนะ
อนุสาวรีย์รำลึก (Gëlle Fra) เป็นอนุสรณ์สถานที่อุทิศแด่ผู้ที่เสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1-2 และในสงครามเกาหลี ถ้าเดินชมรอบๆ อนุสาวรีย์ ก็จะพบแผ่นจารึกที่อยู่ใกล้กับส่วนฐาน ซึ่งจารึกชื่อของทหารที่เสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2  ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งอิสรภาพของลักซัมเบิร์ก หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ Gelle Fra ("Golden Lady") เนื่องจากมีรูปปั้นสตรีเคลือบทองประดับอยู่ที่ส่วนยอดของเสาหินที่สูงตระหง่าน อนุสาวรีย์แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณใจกลางของจัตุรัส Place de la Constitution ซึ่งเป็นจุดที่สามารถชมทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองได้อีกจุดนึงค่ะ
ทิ้งท้ายกันด้วยภาพนี้นะค่ะ ไม่ไหวแล้ว ตาจะปิด เพื่อเสรีภาพของเรา เด๋วกลับมาต่อกันใหม่ พยายามจะไม่ค้างนะ 55

สำหรับรีวิวที่เที่ยวในวันอื่นๆ ของทริปนี้ติดตามได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้นะค่ะ
https://pantip.com/topic/37500575 วันแรกเที่ยว Amsterdam
https://pantip.com/topic/37507648 วันที่ 2 Zaanse Schans กับ Volendam
https://pantip.com/topic/37510980 วันที่ 3 เก็บตกอัมสเตอร์ดัม + นั่งรถไฟไปบรัสเซล
https://pantip.com/topic/37533741 วันที่ 4 เที่ยว Bruges + Gent เมืองมรดกโลก
https://pantip.com/topic/37718956 เก็บตก วันที่ 5 Flower Carpet ที่ Brussels
https://pantip.com/topic/37715596 วันที่ 6 เที่ยวโคโลจน์ ประเทศเยอรมนี เจออะไรบ้าง ต้องขยาย!!
https://pantip.com/topic/37719102 วันสุดท้ายที่โคโลจน์ อะไรกันเนี๊ยะ!!
ชื่อสินค้า:   วันที่ 5 นั่งรถไฟตะลุย Luxembourg
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่