Let's go Hokkaido ไปหาหิมะกัน!



สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ที่ได้การจากไปญี่ปุ่น โดยครั้งนี้เป็นทุนการศึกษาที่ได้ไปเรียนเป็นเวลาหกเดือน เรียกว่ารีวิวทุนตรงๆ เลยก็คงไม่ได้ เรียกว่ามารีวิวออฟชั่นเสริมที่ได้จากการเรียนที่สถาบันที่เราเรียนอยู่จะถูกกว่า

เราเรียนอยู่ที่ สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น (Thai-Nichi Institute of Technology : TNI) คณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business : IB) ในตอนที่ไปเราเรียนอยู่ปีสอง ทางสถาบันมีทุนให้สองประเภท คือหกเดือน และ หนึ่งปี คุณสมบัติที่จะสมัครได้มีความแตกต่างกันที่ระดับการสอบวัดระดับภาษาคือN3และN5




เราเป็นเด็กคนหนึ่งที่ชื่นชอบประเทศญี่ปุ่น เรามีความใฝ่ฝันที่จะไปญี่ปุ่นให้ครบทุกเกาะและสัมผัสประเทศญี่ปุ่นให้ครบทุกฤดู และที่ได้ไปคือ “ฮอกไกโด”  เราอยากไปเห็นหิมะ เราอยากเล่นสกี อีกอย่างไปรอบนี้ก็ไม่ได้ไปอยู่ในเมืองอย่างชิโตเซะ แต่ไปอยู่เมืองที่ห่างออกไปประมาณหนึ่งชั่วโมงอย่าง “ฮิคาชิกาวะ” บอกตรงๆ ว่า หลังจากที่เคยไปอยู่ที่ชนบทหน่อยๆ ที่นางาซากิ เราก็ติดใจการไปอยู่บ้านนอก (ฮ่า) มากๆ เพราะไม่วุ่นวาย อะไรๆ รอบๆ ก็สวย




เรื่องของหอพัก นักเรียนที่ไปช่วงสั้นๆอย่าง 1-2 เดือน จะพักหอพักของโรงเรียน แต่เด็กระยะกลางและระยะยาว จะพักหอพักนอก แบ่งเป็นหอพักชายและหญิง หอพักที่เราอยู่คือ International House หอพักมีโซนหอเก่าและหอใหม่ หอเก่าจะเป็นห้องน้ำรวม ห้องเล็กกว่าโซนหอใหม่เล็กน้อย มีราวตากผ้าเล็กๆ ในห้อง หอพักโซนใหม่แพงกว่าเล็กน้อย พักห้องละ 2 คน เท่ากัน จะพักรวมกับเด็กจากโรงเรียนวิชาชีพอาซาฮีคาวะฟุคุชิ ภาคภาษาญี่ปุ่น หอพักมี 3 ชั้น ชั้น 2 จะเป็นชั้นของเด็กญี่ปุ่นส่วนชั้น 1 และ ชั้น 3 จะเป็นชั้นของเด็กต่างชาติ มีโซนส่วนกลางชั้น 1 สามารถนั่งเล่นหรือจัดปาร์ตี้เล็กๆทำกิจกรรมตรงนี้ได้  มีทีวี  ผู้ชายสามารถอยู่ได้แค่โซนนี้และมีโซนเสื่อญี่ปุ่นมีโต๊ะเล็กๆสามารถมานั่งอ่านหนังสือได้ ส่วนด้านโรงอาหารจะเปิดปิดเป็นเวลา ต้องมากินให้ทันเพราะถ้ามากินไม่ทันจะอดกิน ไม่สามารถยกออกไปกินนอกโรงอาหารได้ จะมีกรณีพิเศษที่จะให้เพื่อนยกไปได้คือไม่สบายและนักเรียนที่ทำพาร์ทไทม์เท่านั้น ทางเข้าหอพักจะมีป้ายชื่อนักเรียนห้อยไว้ตามเลขห้อง ถ้าอยู่ให้ห้อยด้านมีสีออก แต่ถ้าออกไปข้างนอกให้มากลับป้ายชื่อเป็นด้านไม่มีสี เพื่อเป็นการสะดวกหากมีคนมาขอพบนักเรียนคนดูแลหอจะได้รู้  ถ้าหากจะออกไปเที่ยวค้างคืนนอกหอต้องเขียนใบแจ้งไว้เจ้าของหอจะได้ไม่ทำข้าวเช้า-เย็นไว้ให้                






ในส่วนของการเดินทางไปโรงเรียน คือ “เดิน” เพราะโรงเรียนกับหอพักอยู่ไม่ไกลกันมาก แต่ติดปัญหาอยู่อย่างเดียวคือ หิมะ ช่วงที่เราไปคือตุลาคมถึงมีนาคม ฤดูหนาวเต็มๆ หิมะกำลังหนา ทางที่เกลี่ยแล้วก็จะเปียก เวลาเดินไปเรียนกับเพื่อนสนุกก็สนุก แต่บอกตรงๆ ว่าเหนื่อยมาก เกร็งขาไปหมด กลัวลื่นล้ม จากสิบนาทีถึง กลายเป็นยี่สิบนาทีเกือบครึ่งชั่วโมง







โรงเรียนที่เราไปคือ Higashikawa Japanese School ไปถึงโรงเรียนวันแรกก็เหมือนกับที่อื่นๆ คือมีการสอบวัดระดับเบื้องต้น แต่ละห้องจะมีจำนวนนักเรียนที่แตกต่างกันไป เราได้อยู่ระดับA คือระดับเบื้องต้น มีนักเรียนสิบกว่าคน มีทั้งคนเกาหลี เวียดนาม ไต้หวัน ฮ่องกง และไทย มีเซ็นเซย์สองคนสลับกันมาสอน บรรยากาศในห้องเรียนดีมาก ไม่ได้ต้องเคร่งต้องเครียดกันเกินไป สงสัยตรงไหนยกมือถามได้เลย หรือถ้าไม่กล้าถามในเวลาเรียน เลิกเรียนแล้วก็เข้าไปปรึกษาได้ เซ็นเซย์พร้อมเสมอ เวลาเรียนก็มักจะมีกิจกรรมให้ทำ อย่างเช่น จับคู่ฝึกสนทนาตามบทเรียน เป็นการสร้างความสัมพันธ์กันในห้อง แล้วยังเป็นการฝึกการใช้จริงในสิ่งที่เรียนไป ช่วงบ่ายจะเป็นการให้เรียนด้วยตัวเอง เช่น ทำการบ้านหรืออ่านหนังสือทบทวนด้วยตัวเอง แต่ในช่วงใกล้สอบวัดระดับตอนบ่ายทางโรงเรียนจะมีการจัดติวสอบวัดระดับให้นักเรียน






เรื่องกิจกรรมเสริม ไม่ต้องเป็นห่วง มีทั้งคลาสทำอาหาร  ปั้นชาม  รวมถึงมีการพาไปทัศนศึกษาอย่างเช่น ซัปโปโรและสวนสัตว์ รวมไปถึงการจัดคลาสพิเศษต่างๆ เช่น สอนเขียน Resume ไว้ใช้ยื่นสมัครงาน  ซ้อมสัมภาษณ์งาน  ทุกเย็นวันพฤหัสฯ จะมีสนทนาตอนเย็นที่หอพักหญิง จะเป็นคนในเมืองมาพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและให้นักเรียนฝึกภาษาไปในตัว




นักเรียนที่ไปสามาถทำงานพาร์ทไทม์ได้ เริ่มจากการไปแจ้งครูประจำชั้น แล้วไปสมัครด้ยตัวเอง เมื่อได้งานแล้วต้องแจ้งให้โรงเรียนรู้เกี่ยวกับรายละเอียดทั้งหมด ว่าทำงานที่ไหน ทำกี่วัน เดินทางยังไง เราเองก็มีโอกาสได้ทำงานเหมือนกัน แต่จะเรียกว่าโชคดีก็ได้ที่ไม่ต้องไปนั่งหางาน เพราะทางผู้ดูแลลานสกีติดต่อมาทางโรงเรียนว่าอยากได้เด็กไปทำงาน เราเลยถือโอกาสสมัครไป ได้งานที่ Canmore Ski Village มีรถไปรับไปส่งเวลาทำงาน เราเริ่มทำงานตั้งแต่ช่วงหยุดฤดูหนาวจนถึงวันกลับ ช่วงปิดเทอมฤดูหนาวทำเกือบทุกวันแล้วแต่เขาจัดตารางให้ แต่พอเปิดเทอมทำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ แปดโมงถึงบ่ายสอง ไม่มีพักกลางวันนะคะ เราได้มีโอกาสลองทำทุกอย่างทั้ง ล้างห้องน้ำ ทำความสะอาดที่นั่งพัก ขายตั๋ว จัดอุปกรณ์สกีให้ลูกค้า ค่าตอบแทนถือว่าดีในระดับหนึ่ง แต่เราว่าสิ่งที่ได้มากกว่านั้นคือประสบการณ์ เพราะเราไม่เคยทำงานมาก่อน ได้เรียนรู้การทำงาน ได้มิตรภาพกับเพื่อนร่วมงาน ได้พบเจอกับคนหลายๆ คน เราอยากขอบคุณเพื่อนร่วมงานมากๆ ทุกคนใจดีและพร้อมจะสอนงานเราตลอด






สรุปแล้ว ค่าใช้จ่ายที่ได้จากทุน ก็มี
ค่าหอพัก (จ่ายแค่ค่าไฟ ไม่มีค่าน้ำเพราะใช้น้ำจากภูเขา)                                                                                              
อาหารเช้า-เย็นที่หอพัก                                                                                                                                      
ค่าเล่าเรียนรวมถึงหนังสือและเอกสารทั้งหมด                                                                                                                  
มีคูปองใช้แทนเงินสดใบละ 500 เยน เดือนละ 16 ใบ ไว้ใช้ซื้อของในร้านต่างๆภายในเมือง เช่นซุปเปอร์มาร์เกต ร้านขายขนมเค้ก          

ขั้นตอนการสมัครทุน (เฉพาะนักศึกษาในสถาบันเท่านั้น)
เขียนเรียงความว่าทำไมถึงอยากไป (เท่าที่เราเห็นก็มีเขียนทั้งสามภาษาเลย ทั้ง ไทย อังกฤษ ญี่ปุ่น)
สัมภาษณ์ เป็นคำถามทั่วไป แต่ก็ใช้ทั้งสามภาษาเหมือนกัน
วันประกาศผลทางสถาบันจะส่งอีเมล์มาให้ว่าเราได้ทุน หลังจากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่จากศูนย์สนับสนุนการศึกษาต่อเมืองฮิกาชิคาวะ ฮอกไกโดติดต่อมาเพื่อให้รายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับทุน
เว็บรายละเอียด : http://higashikawa-th.com/
เว็บไซต์สถาบัน: http://www.tni.ac.th/

อย่ากลัวที่จะออกจาก comfort zone ของตัวเองนะคะ เราเป็นคนนึงที่ไม่ค่อยกล้าที่จะไปไหน ทำอะไรด้วยตัวเอง แต่การไปครั้งนี้ทำให้เราได้ประสบการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาภาษา การได้รู้จักเพื่อนจากประเทศต่างๆ การได้แลกเปลี่ยนความคิดแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การได้ลองใช้ชีวิตด้วยตัวเอง มีอะไรอีกมากมายให้เราได้เรียนรู้ อย่าคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ค่ะ ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง ไม่แน่ผลลัพธ์อาจจะดีกว่าที่เราคิดไว้นะคะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและเป็นกำลังใจให้นะคะ ช่วยเป็นกำลังใจให้เราจบทันเพื่อนด้วย (ฮ่า)


แถม! อาหารที่ทางหอพักเตรียมไว้ให้







สุดท้ายจริงๆ เเล้ว




ไม่ต้องบอกก็รู้เนอะว่ากลับมากลมขนาดไหน (ฮ่า)
ฝากเป็นกำลังใจในการลงกระทู้ครั้งนี้และในอนาคตด้วยนะคะ หวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับน้องๆ ที่สนใจ ขอบคุณค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่