ให้มีขันติ เพื่อศีล เพื่อทาน และเพื่อที่สุดแห่งญาณภาวนา

๑๒๑.  ประกาศเรื่องคนเสพสุราเมาในวันสงกรานต์
ณ วันอาทิตย์  เดือน ๕  ขึ้น ๑๔ ค่ำ  ปีมะเมีย  ยังเป็นนพศก

ด้วยเจ้าพระยายมราช    ชาติเสนางคนรินทร  มหินทราธิบดีศรีวิไชย  ราชมไหศวรรย์บริรักษ์  ภูมิพิทักษ์โลกากรณ ทัณฑฤทธิธรนครบาลสมุหบดี  อภัยพิริยปรากรมพาหุ   รับพระบรมราชโองการใส่เกล้าใส่กระหม่อม   ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสั่งว่า  เป็นเยี่ยงอย่างสืบมาแต่โบราณยามตรุษยามสงกรานต์  ผู้ชายโดยมาก  เป็นนักเลงบ้างมิใช่นักเลงบ้าง   พากันเสพสุราเมามายไปทุกหนทุกแห่ง  แล้วก็ออกเที่ยวเดินไปในถนนแลซุกซนเข้าไปในวัดวาอาราม   ก่อถ้อยความวิวาท ชก ตี  แทง ฟันกัน  ตรุษสามวันเป็น ๔ วันทั้งวันจ่าย เป็น ๕ ทั้งวันส่งสงกรานต์สามวันหรือสี่วันเป็น ๔ หรือ ๕ ทั้งวันจ่าย เป็น ๕ หรือ ๖ ทั้งวันส่งนั้น   มักเกิดถ้อยความวิวาทตีรันฟันแทงกันหลายแห่งหลายตำบลนัก  ทั้งในกำแพงพระนคร  แลภายนอกพระนคร เหลือกำลังที่นายอำเภอแลกองตระเวนจะระวังดูแล   แต่นี้ไป  เวลาตรุษแลสงกรานต์  ให้เจ้าของบ้านเอาใจใส่ระวังรักษาหน้าบ้านของตัว ถ้ามีคนเมาสุราเอะอะอื้ออึงที่หน้าบ้าน   ก็ให้จับเอาตัวมาส่งกรมพระนครบาลที่หน้าหับเผย  ให้ทันเวลาที่ผู้นั้นยังเมาอยู่อย่าให้ทันสร่างเมา  แต่ห้ามไม่ให้พวกบ้านอื่น ๆ มาพลอยกลุ้มรุมจับด้วย  ถ้าคนเมามีพวกมาก  ต่อสู้เจ้าของบ้าน  ถึงเจ้าของบ้านจะชกตีมีบาดเจ็บก็ดี ถ้าเมื่อจับตัวไปส่งกรมพระนครบาลๆ ชันสูตรรู้แน่ว่าคนนั้นเมาจริง ก็ให้เจ้าของบ้านเป็นชนะ  ถ้าผู้จับมาส่งเห็นว่าถ้าจับตัวคนบุกรุกไปส่ง จะมีพวกของผู้นั้นคอยสกัดกั้นทาง   แก้ไขตามทางที่จะไปส่งจะเกิดวิวาทกัน  ถ้าอย่างนั้นก็ให้ยึดเอาไว้  มาบอกเล่ากับกรมพระนครบาล หรือนายอำเภอคนใดคนหนึ่งให้ไปชันสูตรว่าเมาหรือไม่เมา   อย่าให้ทันคนเมานั้นสร่าง  จะเป็นคำโต้เถียงกันไป  อนึ่งในยามตรุษยามสงกรนต์  ผู้ใดจะเสพสุราเมามากก็ให้อยู่แต่ในบ้านเรือนของตัว ถึงจะมีที่ไปก็ให้งดรอต่อสร่างเมาแล้วจึงไป

หมายประกาศมา ณ วันอาทิตย์  เดือนห้า  ขึ้นสิบสี่ค่ำ  ปีมะเมีย  ยังเป็นนพศก  เป็นวันที่ ๒๕๑๐ ในรัชกาลปัจจุบันนี้



ให้มีขันติ เพื่อศีล เพื่อทาน และเพื่อที่สุดแห่งญาณภาวนา

เพราะว่ามุ่งหวังอยู่ว่า ทานของเราพึงปรากฏ ศีลของเราพึงปรากฏ ภาวนาญาณของเราพึงถึงที่สุด พึงปรากฏ, ก็ขันติธรรมเท่านั้นจะเป็นสาเหตุให้ได้ อย่างอื่นไม่มี, ในทศบารมีธรรมนี้แล้ว ธรรมอื่นอันนอกไปจากความสงบระงับ ขันติย่อมนับว่ามาเป็นที่ ๑ ,พ้นจากขันติธรรมไปแล้ว หาใครที่จะได้ประพฤติตน ให้ตนได้ประพฤติสำเร็จแก่หน้าที่ จะหาได้ปรากฏอย่างไร ไม่มี

เมื่อวานเป็นวันที่นับกันว่า เป็นจังหวะแห่งดวงดาวเข้าฤกษ์ แห่งหนทาง แห่งทิศาภาคตามสมัยนิยมของสุริยอำนาจ ที่ได้กระทำพิบัติจากโคจรหมุนวนครั้งเก่า เข้าตั้งอุบัติสู่วงโคจรหมุนวน กระทำครั้งใหม่, เอาตามเดิมทีเดียวเมื่อครั้งแรกๆ แท้ๆนั้น คงนับวันแรกนี้นั้นที่วันอาทิตย์, คงด้วยจะนับไว้เป็นวันอาทิตย์ เพื่อชื่อว่า นี่แหละ! นับว่าเป็นอุบัติแห่งศักราชประจำปี เป็นฉลองเฉลิมภพให้เป็นสิริแก่ปฐพีอำนาจในที่สุดห้วงสาคร ณ แห่งใดแห่งหนึ่ง, นานมาแล้ว และครบเดิมของเทศกาลตามปี ตามนั้น, ตามที่ดวงอาทิตย์เข้าสมมุติว่า ได้เวียนมาที่เดิม สถิตตามฤกษ์ผานาที ที่ให้ปรากฏแก่ที่ไกลออกไปนั้นด้วย ตามเกณฑ์ของดาวฤกษ์อื่นๆ ก็ด้วย

มนุษย์เรากล่าวถึงสิ่งที่ต้องกระทำกันอยู่อย่างมากมายระหว่างฤดูกาล ในสังคมชุมชนดึกดำบรรพ์ที่ใด ตั้งเกษตราธิการได้ผล สงบสุขมากพอสมควรแล้ว เมื่อฤดูแล้งหนึ่งจะเข้ามา ก็มีผลที่เก็บงำมาจากทำไร่ทำนานั้น ไว้กินอยู่สุขสบาย จึงประกาศแถลงสิริและบันเทิงสมบัติในแผ่นดินมนุษย์อยู่ด้วยกัน สอนเด็กด้วยนิทานบ้าง ให้ผู้ใหญ่ได้รับบันเทิงเริงรมย์พ้นจากคดีหนักๆบ้าง และให้ได้มีสาธยายของนักบวช ที่ตั้งแสดงธรรมที่พอสมควรเกี่ยวกับบทสังวรระวังทางวินัยกรรม ที่ควรปรากฏอยู่ทุกยาม ให้เหมือนประดุจว่า มีธรรมอันไม่กลัวเจ็บกลัวตายอยู่นี่เสมอ เป็นหลักชัย

เพราะมุ่งหวังกันมาแบบนั้น เกษตราธิการของชุมชนที่ใด มีความไม่ประมาท สะสมผลผลาอาหาร จากการไร่การนา ทั้งเวลาสวน ได้สำคัญความดี คุณธรรม ยกเวลาของจักรวาลเอามาตรวจช่วยกัน, ถึงที่รู้ จนตั้งต้นเอาดีกันใหม่ในปีนี้ ก็เกิดกิจกรณีแก่มหาสงกรานต์ขึ้น ให้เดิมทีเดียวนั้น เป็นวันอาทิตย์วันแรกเถลิงทิศพิภพถาวร ให้มีศาสนสโมธานประชากร สโมสรตั้งเป็นที่ และเหตุสำเริงสำราญด้วย, ในบ้านใดที่พลั้งพลาดไปมาก การไร่การนาอาหารถึงที่พร่องอยู่ ก็ได้มาอิ่มหนำสำราญด้วยตั้งใจด้วยกับบ้านที่มี หวังเอาดีตอบ ให้มีต่อๆไปในปีรุ่ง ที่จะเกิดมุ่งเกิดมีขึ้นในฤดูหน้าฟ้าฟื้น คืนชีวิตสมบูรณ์ ให้ดีต่อไป ฉันนั้น

อธิบายนั้น ก็เพราะเกิดแก่หน้าที่ อย่าว่าให้อะไรให้เป็นเองนัก ประวัติที่อื่นก็คงไม่เกี่ยวกับประวัติของเราซะทุกอย่าง, ที่แน่ๆที่สุดคือเกษตราธิการ งานไร่งานนา ทั้งเวลาสวน ที่จะให้สันติสุขแก่ปีหนึ่งๆ ในการกระทำหน้าที่อันนั้น ตั้งแต่โบราณมา, จึงว่าอะไรจะเกิดแก่หน้าที่แล้วจงคิดกระทำไว้ให้ได้, พระสัทธรรมเมื่อนี้ กล่าวปฏิรูป จึงตั้งเรื่องจะให้คนรักษาขันติธรรมเอาไว้ หวังพากเพียรให้พอแก่ทศธรรมสโมธานบารมี อันจะมีแก่ตน ในแต่ละคน และแต่ละราย, วันจะถึงนี้ เห็นว่าดวงฤกษ์สงกรานต์มีพิเศษ คือวันสถิตอุบัติของดวงอาทิตย์แรก เป็นวันตกลงตรงกับวันแรกของสัตตาหกรณีในสมัยของเราพอดี ซึ่งถือเอาวันอาทิตย์ เป็นวันแรก, เช่นนี้แล้วในแต่ละหน้าที่ๆ ก็ควรเซ่นสังเวยชีวิตแก่ขันติธรรมไว้ให้จงหนัก ด้วยถือว่าเราจะเริ่มไปแต่ทางเจริญให้ได้ เพราะให้มีขันติแล้ว สันติจึงจะเข้ามาสืบเนื่อง ดำเนินว่างวาระยกเป็นวิเศษสุขสันต์ วันนั้นๆ ให้ดำเนินการต่อไปได้,

ข้าพเจ้าขอแสดงธรรม แสดงความมุ่งมาตรปรารถนาแด่มหาสงกรานต์ไว้เท่านี้ เพื่อที่จะได้ไว้เป็นที่พิจารณาต่อกัน ถึงอุบัติ และพิบัติในสุริยมาตรา อันหนึ่งในจักรวาลของมนุษย์เรา ที่จะต้องเกิดขึ้นแก่ทุกๆคน ซึ่งขันติธรรมอย่างไรมี จงมี บารมีสิ่งไรจะเสริมเพิ่มเติมสิ่งให้ อย่างไรไว้ ก็จงหนัก จงเร่งอดเร่งทน อดตนมอบจิตไว้กับน้ำใจที่ดีงาม ที่พาตนได้พากเพียรกระทำเสมอ และได้กระทำอยู่แล้ว ให้เป็นที่ที่สมควรแก่ความดี, ที่ซึ่งจบแล้วจะทวีมโนมยอัตตาอันนั้น แก่ตน ไว้เป็นทัศนะสันติสืบส่องสโมสร ถึงที่แก่สโมธานถ้วนนับ ๑๐ เป็นนิจนิรันดร์อยู่เรื่อยไป กว่าอาทิตย์แถบแสงตลอดทั้ง ๗ ลำ จะได้เวลากระทำพิษ พิฆาตส่องแสงพินาศลงมา เมื่อนั้น จะให้จิตใจมนุษย์ต้องถึงที่หวั่นไหวนั้น ไม่ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่