ม่านหัวใจ อุ่นไอรัก บทที่ 4 ตัวตนที่ไม่ลับของเธอ

กระทู้สนทนา
เรื่องโดย ฉัตรชณา

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


บทที่ 4

ตัวตนที่ไม่ลับของเธอ

เจ้าของร่างสูงในชุดลำลองชำเลืองมองไปทางหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของร้านดอกไม้ด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจที่อาบระบายอยู่เหนือริมฝีปากหยักสวย หลังล้มลุกคลุกคลานกับการจัดดอกไม้มาหลายสัปดาห์ ในที่สุดแจกันดอกไม้ของสิสิระก็ออกมาหน้าตาสวยงามทอย่างที่ควรจะเป็นเสียที แม้ฝีมือจะยังไม่อาจเทียบชั้นกับคุณครูสาวคนสวยของเขา แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็เอามันไปวางโชว์ได้อย่างไม่อายใคร

สิสิระอาจจะใช้เรื่องการเรียนจัดดอกไม้มาเป็นเหตุผลในการเข้าใกล้ลัลนาในตอนแรก แต่หลังจากที่เขาได้มาเรียนจริงๆ แม้จะเพียงสัปดาห์ละไม่กี่ชั่วโมง สิสิระพบว่า การได้หลีกหนีจากความวุ่นวายมาใช้เวลาอยู่กับดอกไม้สวยๆ มันทำให้เขาใจเย็นลง และมีสมาธิมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ จะว่าไปแล้ว ก็ต้องขอบคุณวัฒนะ เพื่อนหนุ่มของลัลนาคนนั้น ถ้าวันนั้นเขาไม่ได้บังเอิญมาเจอตอนที่หมอนั่นมาหาเธอ เขาคงไม่ต้องรีบพาตัวเองมาใกล้ชิดกับลัลนา และคงไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งดีๆ ดังเช่นที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้หรอก

ชายหนุ่มนึกไปถึงวันแรกที่เขามาเรียนแล้วยังขำตัวเองไม่หาย ดอกไม้ช่อแรกที่เขาลงมือจัดมันด้วยตัวเอง หน้าตามันช่างน่ากลียดน่าชังจนใครเห็นเป็นต้องหัวเราะคิก ทั้งที่เขาก็ยอมนั่งหลังขดหลังแข็งจัดมันอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่เป็นชั่วโมงๆ แต่ผลงานกลับออกไปไกลกว่าที่เขาจินตนาการไว้แบบลิบลับ นอกจากมันจะไม่สวยแล้วยังดูประหลาดเสียจนเขาไม่กล้าเอาไปอวดครูอีกต่างหาก เขายังจำสีหน้าปูเลี่ยนๆ ของลัลนาในตอนที่เห็นช่อดอกไม้ของเขาทีแรกได้อย่างติดตา เธอเหมือนจะหัวเราะก็ไม่ใช่ จะร้องไห้ก็ไมเชิง เมื่อสองสามเดือนก่อน เขายังคิดว่าการจัดดอกไม้เป็นของกล้วยๆ อยู่เลยแท้ๆ พอมาลงมือทำเองเข้าจริงๆ เขาถึงรู้ว่างานแบบนี้ต้องอาศัยความชำนาญแล้วยังต้องพึ่งพาพรสวรรค์อยู่มาก สำหรับคนที่หยิบจะจับอะไรก็ดูเก้งก้างไม่ได้เรื่องได้ราวอย่างเขา งานจัดดอกไม้จึงกลายเป็นเรื่องยากเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ อย่าได้คิดไปเทียบชั้นกับลัลนาเลย แค่ผู้ช่วยในร้าน สิสิระก็ยอมรับโดยดุษณีแล้วว่าฝีมือของเขายังห่างไกลจากพวกเธออีกหลายขุม

เขาอาจจะไม่ถนัดกับงานพวกนี้ แต่อย่างน้อย วันนี้สิสิระก็ได้พิสูจน์ตัวเอง ว่าถ้าตั้งใจจริงในโลกนี้ไม่มีอะไรที่คนเราจะทำไม่ได้  ชายหนุ่มมองผลงานของตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ ทีนี้ลัลนาก็ได้รู้ว่าที่เธอทุ่มเทสอนเขามา มันไม่ได้เสียเปล่าไปซะทีเดียว คิดแล้วชายหนุ่มจึงยิ้มอย่างอารมณ์ดี

ลัลนาเชื้อเชิญลูกค้าให้ไปนั่งคอยที่โซฟา ส่วนตัวเธอเดินกลับไปเคาน์เตอร์เพื่อสั่งงานกับผู้ช่วย จากนั้นจึงมาที่โต๊ะซึ่งถูกจัดเป็นชั้นเรียนชั่วคราวของสิสิระ แล้วหยิบแจกันที่ชายหนุ่มเพิ่งจัดเสร็จขึ้นมาพิจารณา ริมฝีปากบางใสสีชมพูเผยรอยยิ้มอบอุ่น แต่ยังคงไม่พูดอะไรเหมือนเดิม

“คุณลัลจะไม่พูดอะไรสักหน่อยหรือครับ” เพราะอยากรู้สิสิระจึงถาม แม้จะพอเดาออกว่าเธอพอใจ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังอยากได้ยินคำชมจากเธออยู่ดี

“คุณจะให้ลัลพูดอะไรละคะ”

“ก็... อย่างเช่น คุณชอบไหม หรือว่า ผมเก่งขึ้นรึเปล่า” พูดออกไปแล้วสิสิระก็ให้นึกเขินตัวเองขึ้นมาเหมือนกัน ชีวิตนี้สิสิระไม่เคยต้องรอคำชมจากใคร แต่หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้ที่ทำให้เขาต้องเฝ้ารอมันอย่างใจจดใจจ่อ สำหรับสิสิระแล้ว คำชมของเจ้าหล่อนกลายเป็นสิ่งมีค่ายิ่งกว่าทองเสียอีก

ลัลนาชำเลืองมองเขาอย่างขันๆ ไม่นึกว่าคนตัวโตๆ อย่างเขาจะยังมีความเป็นเด็กอยู่ในตัวเหมือนกัน

“ต้องชมด้วยเหรอคะ”” เธอถามแกมหัวเราะ ขณะที่มือบางกำลังจับดอกไม้ในแจกันขยับไปมาอย่างคล่องแคล่ว

“ต้องสิครับ อย่างน้อยผมจะได้มีกำลังใจ” ชายหนุ่มพูดอ้อนๆ จนลัลนารู้สึกเหมือนเขาเป็นเด็กที่กำลังอ้อนขอขนมจากผู้ใหญ่ไม่มีผิด

“คุณนี่ก็ตลกดีเหมือนกันนะคะ ไม่นึกว่าจะมีมุมเด็กๆ กับเขาเหมือนกัน” เธอยื่นส่งแจกันกลับมาให้เขา สิสิระมองมันแบบทึ่งๆ

“แปลกจัง ตอนแรกผมก็ว่ามันสวยดีอยู่แล้วนะครับ แต่แค่คุณจับมันขยับนิดๆ หน่อยๆ มันกลับสวยขึ้นได้อีกเป็นกอง คุณลัลนี่เก่งจริงๆ” สิสิระชมเธอตรงๆ

“ทำจนชินมากกว่าค่ะ ไม่ได้เก่งเท่าไหร่หรอก อันที่จริงที่คุณจัดไว้มันก็ดีอยู่แล้ว ลัลแค่ปรับให้มันบาลานซ์เท่านั้นเอง” เธออธิบายขณะทอดตามองแจกันอย่างรักใคร่ มาถึงตอนนี้ใครบ้างจะไม่รู้ว่าหญิงสาวรักดอกไม้ขนาดไหน ดอกไม้ทุกดอก ใบไม้ทุกใบ มีค่าสำหรับลัลนายิ่งกว่าเพชรพลอยเสียอีก

“เมื่อไหร่ผมจะทำได้เก่งๆ เหมือนคุณก็ไม่รู้”

“อย่าใจร้อนค่ะ ของแบบนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป การจัดดอกไม้ก็เป็นศิลปะแขนงหนึ่งเร่งรัดตัวเองเกินไปจะกลายเป็นกดดัน หรือไม่ก็พานจะเบื่อเอาเสียก่อน ลัลเข้าใจเพราะลัลเองก็เคยใจร้อนอยากจะทำเป็นเร็วๆ เหมือนกัน” หญิงสาวบอกเล่าจากประสบการณ์ตรงของตัวเธอเอง

“ครับ ผมจะพยายาม แล้ว...เย็นนี้คุณลัลว่างหรือเปล่าครับ” ลัลนาหันไปมองเขาแล้วเลิกคิ้วเป็นคำถาม “ผมอยากชวนคุณไปทานเข้าด้วยกัน”

ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกับลัลนา สิ่งที่สิสิระพยายามทำมาโดยตลอดคือสร้างโอกาสให้ตัวเขาได้ใกล้ชิด และรู้จักกับเธอให้มากขึ้น ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่เขาเจอเธอ ชายหนุ่มพบว่า รอบๆ ตัวหญิงสาวมักมีกำแพงที่เขามองไม่เห็น แม้ว่าหญิงสาวจะยิ้มแย้มต้อนรับเขาเป็นอย่างดี แต่ทุกครั้งที่เขาก้าวเข้าไปใกล้เธอหนึ่งก้าว เธอก็จะถอยห่างออกจากเขาหนึ่งก้าวเช่นกัน  ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ยินยอมให้เขาเข้าใกล้เธอมากกว่าที่เป็นอยู่ หรือจะพูดให้ถูกก็คือ หญิงสาวไม่เคยยอมให้ใครเข้าใกล้เธอเกินกว่าเส้นที่ตัวเธอเองขีดไว้

“เนื่องในโอกาสอะไรคะ” ลัลนาถาม ดวงหน้าสวยยังคงยิ้มแย้ม สิสิระยิ้มตอบ เขารู้ดีว่าครั้งนี้ก็คงจะถูกเธอปฏิเสธเหมือนเคย

“ฉลองที่ในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ แล้วก็ขอบคุณที่คุณช่วยสอน”

“จะต้องขอบคุณทำไมกันคะ ในเมื่อคุณจ่ายค่าจ้างให้ลัลแล้ว ลัลไม่ได้สอนให้คุณฟรีๆ เสียหน่อย อีกอย่าง คุณเองก็ยังต้องมาเรียนอีกตั้งหลายครั้ง ” หญิงสาวพูดเรื่อยๆ แต่ฟังดูก็รู้ว่าเธอกำลังปฏิเสธ แม้ว่าตอนนี้เธอจะคุ้นเคยกับเขามากขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นแค่ลูกค้าของเธออยู่ดี

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับค่าจ้างนะครับ คุณคงไม่รู้ว่าการที่คุณยอมสละเวลามาสอนผม มันทำให้ผมได้ค้นพบสิ่งดีๆ อีกตั้งหลายอย่าง นอกจากการจัดดอกไม้เป็น” อย่างน้อยลัลนาก็ไม่ได้ปฏิเสธเขาในทันที การที่เธอซักถาม นั่นยอมหมายความว่าเธอยอมเริ่มจะเปิดใจรับเขามากขึ้น สิสิระหวังว่าเขาจะไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป

“เช่นอะไรบ้างคะ” เธอถาม ดวงตากลมใสมองสบตาเขาขณะรอฟังคำตอบ

“ความรู้สึกปลอดโปร่ง ความสบายใจ การมาที่นี่ทำให้ผมหลุดออกมาจากโลกที่จำเจ ความเครียดลดลง สมาธิผมดีขึ้น และที่สำคัญคือมิตรภาพระหว่างเรา” ร่างสูงให้คำอธิบายที่ลัลนาฟังแล้วยิ้ม จะมีก็แต่คำสุดท้ายของเขาเท่านั้นแหละที่ทำให้เธอรู้สึกขัดเขิน

“ดีใจที่ได้ยินแบบนี้นะคะ” ลัลนาตอบเขาแล้วแก้เขินด้วยการเดินกลับไปทำงานของเธอที่เคาน์เตอร์ โดยมีสิสิระเดินตามไปขอคำตอบจากเธอ

“สรุปว่าคุณลัลไปทานข้าวกับผมนะครับ”

“ขอบคุณนะคะ แต่คงไม่สะดวก บังเอิญว่าลัลมีนัดแล้วน่ะค่ะ” หญิงสาวอ้างนัดเพื่อปฏิเสธเขาเหมือนเคย จะว่าไปแล้วเธอก็ไม่ได้โกหกเขาเสียหน่อย เธอมีนัดอยู่แล้วจริงๆ เพียงแต่นัดที่ว่าก็คือการไปเยี่ยมพ่อและน้องตามปกติของเธอนั่นเอง

“เหรอครับ แหม น่าเสียดายจัง ผมนี่จังหวะไม่ค่อยดีเลยนะครับ ชวนทีไรคุณมีนัดอยู่แล้วทุกที” สิสิระพูดเหมือนรู้ทัน หลังจากถูกเธอปฏิเสธมาหลายหน ในที่สุดเขาก็รู้ว่าหญิงสาวเป็นคนที่ใจแข็งมากคนหนึ่งเลยทีเดียว

“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ” เธอขอโทษทั้งใบหน้ายิ้ม สิสิระอยากจะเคืองก็เคืองไม่ลง เขาจะทำอย่างไรได้นอกจากรับสภาพไปตามเคย

“ไม่เป็นไรครับ เอาไว้คราวหน้าก็ได้”

อย่างน้อยสิสิระไม่ได้พยายามจะตามตื๊ออย่างที่เธอนึกกลัว เรื่องของคราวหน้าก็ส่วนคราวหน้าเอาไว้เธอค่อยคิดหาทางปฏิเสธเขาอีกทีแล้วกัน

“ค่ะ ยังไงก็... ขอบคุณนะคะ หมดชั่วโมงเรียนแล้ว คุณจะกลับเลยไหมคะ”

สิสิระยังไม่ทันตอบ เสียงกระดิ่งกรุ๋งกริ๋งก็ดังขึ้นเรียกความสนใจของคนทั้งสองให้หันไปมองที่หน้าประตู และพบกับร่างสูงที่กำลังเดินผ่านเข้ามาในร้านทั้งในมือยังมีข้าวของสองสามอย่างเจ้าตัวตั้งใจซื้อมาฝาก ภาพของชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ทำเอาสิสิระเปลี่ยนใจไม่ยอมกลับขึ้นมาเสียดื้อๆ

--------------------------------------
(ยังมีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่