ม่านหัวใจ อุ่นไอรัก บทที่ 2

กระทู้สนทนา
เรื่องโดย ฉัตรชณา

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

บทที่ 2



ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ร้านดอกไม้ลัลนาฟลอริสต์งานยุ่งเกือบจะที่สุดในรอบปี ถ้าจะวัดกันแล้วก็นับว่ารองๆ จากช่วงเทศกาลเลยทีเดียว เริ่มจากงานเปิดตัวแกเลอรี่แห่งหนึ่งที่เจ้าของงานระบุกับให้บริษัทออแกไนเซอร์ เจาะจงให้ร้านของลัลนาเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการจัดดอกไม้ตลอดทั้งงาน ตั้งแต่ซุ้มดอกไม้ประดับในงาน ช่อดอกไม้สำหรับแขกรับเชิญ ไปจนถึงช่อดอกไม้ติดหน้าอกเจ้าภาพ และหลังจากนั้นก็มีงานลักษณะเดียวกันติดต่อมาอีกสองงาน นอกจากนี้ยังมีบริษัทที่เคยสั่งดอกไม้กันเป็นประจำซึ่งอยู่ห่างออกสองช่วงตึกก็มีการสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้นเรียกว่าเกือบจะทุกวัน  และทั้งหมดนี้ยังไม่รวมลูกค้าอื่นรายวัน เรียกว่าทุกคนในร้านต้องทำงานกันแบบหัวหมุนเลยทีเดียว

แต่แม้จะเหน็ดเหนื่อย ลัลนากลับรู้สึกมีความสุข เพราะสำหรับหล่อนแล้ว การจัดดอกไม้เป็นงานที่สนุก และผ่อนคลายทั้งยังสามารถส่งต่อความสดชื่นสดใสไปยังผู้อื่นได้อีกมากมาย ที่สำคัญคือรายได้จากการทำร้านดอกไม้ก็นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะพอเลี้ยงตัวหล่อนได้แล้ว ยังเพียงพอสำหรับค่ารักษาพยาบาลของบิดาและน้องชายที่นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลได้อีกหญิงต่างหาก สาวคิดว่าในโลกนี้คงไม่มีงานอะไรที่เหมาะกับหล่อนได้เท่ากับงานนี้อีกแล้ว

เป็นเวลาบ่ายแก่แล้ว ทว่าร่างบางยังคงยุ่งจนไม่มีแม้แต่เวลาจะหยิบอาหารใส่ปากใส่ท้อง เนื่องจากเจ้าตัวยังคงสาละวนหมุนไปหมุนมาจัดการงานโน้นทีงานนี้ทีอยู่แต่ภายในร้าน และที่นอกร้านยังมีมอเตอร์ไซค์รับจ้างทั้งประจำและไม่ประจำมายืนรอรับงานเพื่อไปส่งตามที่ต่างๆ อีกหลายคัน ดังนั้นลัลนาจึงไม่ทันสังเกตว่าที่หน้าร้าน มีใครบางคนมาหยุดยืนมองเธออยู่ ภาพที่หญิงสาวเจ้าของร้านเดินหมุนไปหมุนมาอยู่ท่ามกลางดงดอกไม้ ช่างเป็นภาพที่แสนจะวุ่นวายในสายตาของวัฒนะ เพื่อนหนุ่มคนสนิทของลัลนาที่แวะมาเยี่ยมเยียนหญิงสาวถึงที่ร้านแบบไม่ได้นัดหมายไว้ล่วงหน้า

“กำลังยุ่งอยู่เหรอเถ้าแก่เนี้ย?”

“อ้าว! นะ ไปไงมาไงละนี่ วันนี้ว่างเหรอถึงแวะมาหาลัลได้” ลัลนาถามเหมือนประหลาดใจที่เห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาในร้าน ทั้งที่เวลานี้น่าจะยังเป็นเวลาทำงานของเขา

“พอดีลูกค้าเลื่อนนัดกะทันหัน เราออกจากบริษัทมาแล้วเลยถือโอกาสแวบมาดูลัลเสียหน่อย เห็นช่วงนี้หายๆ ไป”

“ไม่ได้หายไปไหนหรอก อยู่ที่ร้านตลอดแหละ แต่ก็อย่างที่เห็น ช่วงนี้งานเยอะ” หล่อนยิ้มสดใสขณะบอกพร้อมกับพยักพเยิดไปที่ดอกไม้กองพะเนิน

“ดอกไม้เยอะมากเลย ท่าทางกิจการจะดี”

“ก็โอเคอยู่ ช่วงนี้มีออเดอร์เข้าตลอด เลยต้องสั่งดอกไม้เพิ่ม”

“ถ้ารู้แต่แรกว่ากิจการร้านดอกไม้มันดีแบบนี้ นะคงมาขอเป็นหุ้นส่วนกับลัลไปแล้ว จะได้ไม่ต้องเป็นลูกจ้างเขาเหมือนตอนนี้””

“แหม นะก็พูดซะเว่อร์เลย มันก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้น แค่พอเลี้ยงตัวเองได้เท่านั้นแหละ”

ลัลนารู้ว่าเพื่อนหนุ่มพูดเล่น คนมีความสามารถแบบวัฒนะ บริษัทไหนๆ ก็ต้องการตัว ดูจากรถที่เขาขับเสื้อผ้าข้าวของที่เจ้าตัวใช้ ก็น่าจะพอบอกได้ว่าค่าจ้างค่าออนที่เจ้าตัวได้รับคงมากโข หากจะให้ชายหนุ่มมาหมกตัวอยู่ในร้านดอกไม้เหมือนเธอ จะกลายเป็นความสูญเปล่าทางทรัพยากรมนุษย์ไปเสียเปล่าๆ

“งานยุ่งขนาดนี้ ลัลได้แวะไปดูพ่อกับน้องบ้างรึเปล่า?” วัฒนะถามถึงญาติเพียงสองคนที่เหลืออยู่บนโลกของลัลนา

“ไปสิ ไปทุกวันแหละ แต่ไปช่วงค่ำๆ” ลัลนาตอบไปพลาง มือก็จัดดอกไม้ไปพลาง

“พ่ออาการดีขึ้นบ้างไหม”

“ก็เหมือนเดิมยังหลับอยู่ แต่หมอบอกว่า ระบบต่างๆ ในร่างกายปกติดี”

“แล้วรินล่ะ” ชายหนุ่มถามต่อไปถึงน้องชายซึ่งป่วยเป็นโรคหัวใจมาแต่กำเนิดของลัลนา

สารินมีภาวะผนังหัวใจรั่วมาตั้งแต่เกิด ทำให้เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ร่างกายไม่แข็งแรงและเติบโตช้า สาเหตุเพราะครอบครัวของเขารับรู้เรื่องโรคที่เขาเป็นช้าเกินไป โรคที่รู้เร็วก็รักษาได้จึงลุกลามจนกลายเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว และนับแต่นั้นมาหนุ่มน้อยก็ต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ต่อมาเมื่อบิดาของลัลนาประสบอุบัติเหตุ หญิงสาวจึงได้กลายมาเป็นทั้งผู้ปกครอง และผู้แบกรับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของบิดาและน้องชายแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนก็นับว่าเป็นจำนวนเงินที่สูงอยู่พอควร ลัลนาเคยคิดเล่นๆ ว่า หากเธอรวมเงินค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ใช้ไปตลอดช่วงระยะเวลาสามปี บางทีอาจจะพอซื้อบ้านดีๆ สักหลังได้เลยกระมัง

“ก็เหมือนเดิมอีกนั่นแหละ รินยังเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลเหมือนเดิม แต่ครั้งหลังนี่อยู่โรงพยาบาลนานหน่อย หมอบอกว่า ถ้ายาเริ่มเอาไม่อยู่ อาจต้องเข้าผ่าตัดอีกรอบ”

“แล้วลัลจะไหวเหรอ ค่าใช่จ่ายไม่ใช่น้อยๆ เลย เท่าที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนก็มากมายอยู่แล้ว” ชายหนุ่มฟังแล้วชักเป็นห่วงสถานภาพทางการเงินของหญิงสาวขึ้นมาทันที

การที่วัฒนะเป็นห่วงเรื่องการเงินของลัลนาไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะคนทั้งสองเป็นเพื่อนกันมานานหลายปีตั้งแต่สมัยที่ทั้งคู่ยังอาศัยอยู่ในละแวกบ้านเดียวกัน และแม้วัฒนะจะวัยห่างจากลัลนาอยู่ถึงสี่ปี แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา ทั้งสองต่างคบหากันมาจนกลายเป็นเพื่อนสนิท จนกระทั่งสามปีก่อนที่บิดาลัลนาประสบอุบัติเหตุและต้องอยู่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลมานับแต่นั้น หญิงสาวจึงจำเป็นต้องย้ายออกจากบ้านหลังเก่าแล้วมาเช่าบ้านอยู่ใกล้ๆ กับโรงพยาบาลและร้านดอกไม้ซึ่งเป็นที่ทำงานของเธอ เพื่อทุ่นเวลาและประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แต่ถึงกระนั้น วัฒนะก็ยังพาตัวเองมาเยี่ยมเยียนหญิงสาวทั้งที่บ้าน และที่ร้านอยู่เป็นประจำ

“ไหวสิ ตอนนี้ร้านเราก็เริ่มอยู่ตัวแล้ว รายได้แต่ละเดือนยังพอจะเหลือเก็บไว้เป็นค่าผ่าตัดให้รินได้ ลัลคิดว่าไม่น่าจะลำบากอะไร ถึงจะเหนื่อยหน่อย แต่ก็คุ้ม” หญิงสาวพูดพลางยิ้ม ชีวิตนี้ของหล่อนยังมีความหวัง

“ค่อยโล่งใจหน่อย แต่ถ้าลัลมีความจำเป็น หรือขาดเหลืออะไร บอกเราได้ทันทีเลยนะ เราพร้อมจะช่วยลัลเสมอ” วัฒนะบอกกับลัลนาอย่างมีน้ำใจ

“ขอบใจจ้ะ เอาไว้ถ้ามีแล้วลัลจะบอก แต่ตอนนี้นะไปนั่งรอตรงโน้นก่อนดีกว่า เดี๋ยวเสร็จงานแล้วเราไปหาอะไรอร่อยๆ กินกัน วันนี้ลัลเลี้ยงเอง” หญิงสาวบอกอย่างใจป้ำ วันนี้หล่อนอารมณ์ดี ถึงงานจะเยอะแต่ก็ได้สตางค์ แถมวัฒนะยังมาหา อารมณ์ของหล่อนจึงครึกครื้นขึ้นอีกเยอะ

“โอเค ลัลทำงานไปเถอะ เดี๋ยวนะออกไปโทรศัพท์ลูกค้าก่อน”

“ได้เลยจ้ะ ตามสบายนะ”

วัฒนะเดินออกไปนอกร้าน ขณะที่ร่างสูงของชายหนุ่มอีกคนเดินสวนเข้ามา สิสิระมาถึงตั้งแต่เมื่อครู่ก่อนแต่เขากลับไม่ยอมเข้ามา ได้แต่ยืนรีๆ รอๆ อยู่ที่หน้าร้าน สาเหตุเพราะตอนที่สิสิระมาถึง เขาเห็นหญิงสาวกำลังพูดคุยอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสกับชายหนุ่มอีกคนที่ในร้าน แล้วให้เกิดความรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขาจึงยืนรอจนกระทั่งหนุ่มคนนั้นเดินผละออกไป เขาจึงก้าวเข้าไปข้างใสด้วยใบหน้าที่ติดจะบึ้งตึงและอารมณ์ขุ่นมัวอยู่เล็กน้อย

“ผมมารับดอกไม้” สิสิระบอกวัตถุประสงค์การมาของเขากับลัลนา

“คะ?” ลัลนาถามพร้อมกับทำหน้างง เพราะนึกไม่ออกว่าชายหนุ่มมาสั่งดอกไม้กับหล่อนไว้ตอนไหน

“ของ ศิลาพัฒน์กรุ๊ป”

“อ๋อ... ค่ะ” หญิงสาวเพิ่งถึงบางอ้อ จึงถามต่ออย่างร่าเริง “ทำไมมารับเองล่ะคะ อีกประเดี๋ยวทางร้านก็จะไปส่งให้ที่บริษัทอยู่แล้ว” ลัลนาเพิ่งรู้ว่าชายหนุ่มที่ยืนตรงหน้า แท้จริงแล้วทำงานอยู่ที่ศิลาพัฒน์ซึ่งเป็นลูกค้าประจำของหล่อนนั่นเอง

“พอดีผมต้องผ่านมาทางนี้อยู่แล้ว เลยคิดว่าแวะมารับเองก็สะดวกดี”

ลัลนารู้สึกว่าเสียงของชายหนุ่มฟังดูห้วนๆ แข็งๆ ปราศจากรอยขี้เล่น ผิดจากวันก่อน จึงแอบตั้งข้อสังเกตอยู่ในใจ ‘หรือว่าวันนี้เขาจะอารมณ์ไม่ค่อยดี’

“อ้อ ค่ะ งั้น รอเดี๋ยวนะคะ อีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้วค่ะ”

“วันนี้คุณยุ่งเหรอครับ” สิริสะยังชวนหล่อนคุย

“ค่ะ ช่วงนี้ที่ร้านงานเยอะ เลยค่อนข้างยุ่ง”

“แล้วคนเมื่อกี้... เป็นลูกค้ามาสั่งดอกไม้หรือครับ”

“คะ? อะ... อ๋อ ไม่ใช่หรอกค่ะ เป็นเพื่อน พอดีเขาผ่านมาทางนี้เลยแวะมาหา”

“อ้อ... ท่าทางจะว่าง เวลางานแท้ๆ ยังแวะมาร้านดอกไม้ได้” ชายหนุ่มเปรยเบาๆ เหมือนเขากำลังพูดกับตัวเอง หญิงสาวจึงได้ยินไม่ค่อยถนัด

“คะ? เมื่อกี้...คุณว่าไงนะคะ”

“ อ๋อ เปล่าครับเปล่า” สิสิระปฏิเสธ ลัลนามองเขาแบบงงๆ รู้สึกว่าวันนี้ชายหนุ่มดูแปลกไปจากเมื่อวันก่อนราวกับเป็นคนละคน

“คุณไปนั่งรอก่อนก็ได้นะคะ เดี๋ยวลัลให้เด็กยกน้ำมาให้” ลัลนาบอกกับเขาแล้วหันไปสั่งกับผู้ช่วย แล้วตัวหล่อนก็หันกลับมาสนใจกับงานตรงหน้า ไม่ได้ใส่ใจกับสิสิระที่เดินไปนั่งรอที่ชุดรับแขก แต่ยังส่งสายตามองมายังหล่อนอยู่เป็นระยะๆ เพียงไม่ถึงสิบนาทีดอกไม้ช่อสวยก็ถูกยื่นมาตรงหน้า สิสิระมองช่อดอกไม้อย่างขัดใจ

“เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอโทษนะคะ ที่ต้องให้รอ”

“เท่าไหร่ครับ”

“ยังไม่ต้องจ่ายค่ะ ทางเราจะส่งบิลไปวางที่บริษัทคุณตอนสิ้นเดือน ทางบริษัทคุณติดต่อขอเครดิตไว้ ลัลเห็นว่าเป็นลูกค้าประจำ เลยให้เครดิตสิบห้าวันค่ะ” ลัลนาตอบพลางยิ้มพลางตามประสาใจดีที่กำลังอารมณ์ดีเป็นพิเศษ สิสิระยิ่งเห็นก็ยิ่งขัดตา มิหนำซ้ำยังขัดใจ

“ซื้อดอกไม้นี่นะ ต้องขอเครดิต?” สิสิระถึงกับงง ไม่รู้ว่าเขาควรจะชมหรือบ่นฝ่ายจัดซื้อของบริษัทตัวเองดี กับอีแค่ดอกไม้ราคาพันนิดๆ ยังต้องขอเครดิต อะไรมันจะเคี่ยวได้ใจขนาดนี้

สิสิระอาจจะยุ่งจนลืมไปแล้วว่าระยะหลังเขาสั่งให้เลขาเป็นคนจัดการสั่งดอกไม้พวกนี้ให้กับเขาทุกวัน ดังนั้นการสั่งซื้อจึงได้เข้าสู่กระบวนการทางธุรกิจของบริษัทไปตามปกติ และเขาก็คงไม่ได้สังเกตเช่นกัน ว่ายอดสั่งซื้อดอกไม้ของเขาจนถึงวันนี้ รวมๆ แล้วปาเข้าไปร่วมสามหมื่น นี่ขนาดว่าทางร้านใจดีให้ส่วนลดในฐานะลูกค้าประจำมาแล้วยอดสั่งซื้อก็ยังสูง มิหนำซ้ำยังทำท่าว่าจะกลายเป็นค่าใช้จ่ายประจำของบริษัทไปเสียแล้ว และนี่คือเหตุผลว่าทำไมฝ่ายจัดซื้อของเขาจึงต้องวิ่งมาขอเครดิตกับทางร้านตามนโยบายของบริษัทแบบด่วนๆ

“อ้อ ครับ ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มยื่นมือไปรับช่อดอกไม้จากลัลนา ทว่าเมื่อรับมาแล้วเขากลับยืนนิ่ง ไม่ได้รีบเดินออกจากร้านไปอย่างที่หญิงสาวคาดเดา ‘หรือว่าเขาไม่รีบ?’ ลัลนายิ่งเห็นก็ยิ่งคิดว่าวันนี้ชายหนุ่มช่างแปลกไปกว่าที่เคย

“ไม่รีบไปเหรอคะ”

“ครับ? อ๋อ ครับ ไม่รีบ”

“งั้น...จะรับน้ำเพิ่มไหมคะ หรือว่าจะดื่มกาแฟดี?” หล่อนถามอย่างคนที่มีน้ำใจ

“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร ผมจะไปแล้ว“

“ค่ะ งั้นโอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ” หญิงสาวบอกพร้อมกับส่งยิ้มแล้วหันตัวกลับเข้าไปด้านในทันทีหลังพูดจบ สิสิระมองตามร่างบาง อดน้อยใจขึ้นมาไม่ได้ ‘ทีกับเขาละรีบไล่ แต่กับหมอนั่นกลับคืนคุยอยู่นานสองนาน’ ชายหนุ่มแอบบ่นอยู่ในใจ แล้วหอบดอกไม้เดินกลับไปขึ้นรถ

ทันทีที่สิสิระออกจากร้าน ลัลนาจึงเงยหน้าขึ้นมองตามร่างสูงที่เดินห่างออกไป แล้วเปรยกับตัวเองเบาๆ

“เป็นอะไรของเขา?”

จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป ไม่ได้สนใจจะเก็บเรื่องอะไรมาใส่ใจคิดต่อ

---------------------------------------------
(ยังมีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่