หนังหลายบุคลิก หลากอันตราย เป็นลิสต์ที่นำเสนอหนังที่มีตัวละครเป็นโรคหลายบุคลิกผ่านกลุ่มหนังทริลเลอร์สืบสวน โดยชื่อเรียกทางการแพทย์ของโรคนี้คือ Dissociative Identity Disorder (DID) หรือ Multiple Personality Disorder (MPD) ผู้ป่วยโรคนี้จะมีลักษณะสองบุคลิกหรืออาจมากกว่านั้น ในขณะที่บุคลิกที่ซ่อนอยู่ในจิตใต้สำนึกปรากฏตัว ทางด้านบุคลิกหลักจะเสมือนสูญเสียความทรงจำ ไม่สามารถจดจำเรื่องราวต่างๆในขณะนั้นได้ โดยผู้ป่วยโรคนี้มักเกิดจากผลกระทบที่รุนแรงต่อสภาพจิตใจ จนจิตใต้สำนึกสร้างบุคลิกอื่นขึ้นมาเพื่อเติมเต็มสิ่งที่บุคลิกเดิมไม่สามารถให้ได้ และอาจเป็นบุคลิกที่เกี่ยวเนื่องกับปมฝังใจในอดีต...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
***บางเรื่องการบอกว่าตัวละครในเรื่องเป็นโรคหลายบุคลิก = สปอยล์จุดสำคัญ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
10. Secret Window (2004)
หนุ่มนักเขียนที่กำลังเก็บตัวเพื่อหาไอเดียสร้างสรรค์ผลงาน แต่กลับต้องเจอชายลึกลับคอยตามรังควานและอ้างว่าเขาเคยลอกไอเดียนิยายเล่มหนึ่งไป แน่นอนว่าจากพล็อตคร่าวๆเมื่อเชื่อมโยงกับหัวข้อลิสต์หลายคนก็คงคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ถึงคุณไม่ทราบข้อมูลนี้มาก่อนก็เชื่อว่าระหว่างทางคงคาดเดาได้เช่นกัน เพราะมีหลายโมเม้นท์ที่หนังชี้ให้เห็นว่าตัวเอกมีความผิดปกติทางจิต ชอบคุยกับตัวเอง สร้างตัวตนสมมติขึ้นมาเพื่อประโยชน์ในอาชีพนักเขียน และที่สำคัญความสัมพันธ์กับภรรยา ที่เพิ่งเลิกรากันได้สร้างความเจ็บปวด สภาวะซึมเศร้า ที่ดูจะเป็นผลกระทบร้ายแรงทางจิตใจและอาจเป็นต้นตอของปัญหาทั้งหมด
9. Mr. Brooks (2007)
แนวคิดของ Alfred Hitchcock ที่ว่ากลุ่มคนชั้นสูงมักมีโอกาสที่จะทำเรื่องชั่วร้ายได้มากกว่ากลุ่มคนชั้นล่างทางสังคม เป็นแนวคิดที่น่าสนใจซึ่งถูกสื่อผ่านหนังอย่าง American Psycho หรือจะเป็น Mr. Brooks ที่จะพาไปสำรวจและปลอกเปลือกความชั่วร้ายที่ถูกซุกซ่อนภายใต้กลุ่มคนที่มีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดี มีฐานะมั่นคง และมีหน้ามีตาในสังคม ผ่านพล็อตหนังสืบสวนฆาตกรต่อเนื่องที่ตัวเอกเป็นนักธุรกิจมาดเนี้ยบที่ซ่อนตัวตนชั่วร้ายไว้ภายใน กับบุคลิกกระหายเลือดที่เวลาตกดึกจะออกหาเหยื่อไล่ฆ่าคน
8. Split (2016)
การคืนฟอร์มอย่างแท้จริงของ M Night Shyamalan ผู้กำกับที่มีความครีเอทสูง ชอบสร้างสรรค์พล็อตแปลกๆ ทำได้เยี่ยมกับหนังสเกลเล็กๆ และที่สำคัญเทคนิคการทำหนังจัดว่ายอดเยี่ยมพอตัว รู้ว่าจังหวะไหนควรทำอะไร ต้องใช้มุมกล้องแบบไหนเพื่อที่จะช่วยขับอารมณ์แห่งความสยองขวัญ ความระทึกขวัญให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ใครที่ชอบหนังยุคแรกของเขาอย่าง The Sixth Sense หรือ Unbreakable คุณก็น่าจะชอบ Split เช่นกัน กับหนังที่อิงเค้าโครงจากเรื่องจริงของชายผู้มี 24 บุคลิกที่ได้จับตัวหญิงสาว 3 คนมาขังเอาไว้ แม้หนังจะไม่ได้เล่นกับบุคลิกทั้งหมด แต่ก็ฉลาดในการเลือกหยิบเมนบุคลิกมาใช้สร้างอารมณ์ลุ้นระทึก บรรยากาศกดดันได้ยอดเยี่ยมโดยเฉพาะอย่างยิ่งครึ่งหลังของหนัง ตลอดจนนำไปสู่ไคลแม็กซ์ที่ทำได้อย่างมีชั้นเชิง
7. The Double (2013)
เชื่อว่าหลายคนที่ดูหนังเรื่องนี้คงอดไม่ได้ที่จะนำไปเปรียบเทียบกับ Enemy ที่เข้าฉายเวลาไล่เลี่ยกัน และเล่นไอเดียการปรากฏตัวของ 'ดอพเพลแกงเกอร์' เช่นเดียวกัน แต่ต่างกันที่ The Double ทำออกมาได้ย่อยง่ายกว่า สอดแทรกความเป็นตลกร้าย และที่สำคัญบ่งบอกว่าหนังเซ็ทตัวอยู่ในโลกจิตใต้สำนึกอย่างชัดเจน ด้วยการใช้โทนสีอันจัดๆสื่อถึงความเซอร์เรียลและให้ความรู้สึกว่าออฟฟิศเปรียบดั่งโรงงานมนุษย์ ที่สะท้อนให้เห็นความเป็นจริงของสภาพสังคมและโลกที่ใครสักคนต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว กับพล็อตที่ว่าด้วยหนุ่มพนักงานออฟฟิศที่เป็นพวกลูสเซอร์ ทำอะไรก็ล้มเหลว ต้องพบกับเพื่อนร่วมงานคนใหม่ที่มีรูปร่าง หน้าตาเหมือนกับเขาทุกอย่าง แต่ต่างกันที่บุคลิกเเละอุปนิสัย
6. Identity (2003)
เมื่อคน 11 คนต้องอยู่รวมกันที่โรงแรงแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะมีคนค่อยๆล้มหายตายจากกันไปด้วยน้ำมือของใครบางคน จากพล็อตที่กล่าวมานับหนังสืบสวน whodunit สไตล์คลาสสิก ที่ฝั่งมือเขียนบทมีการปรุงแต่งรายละเอียดด้วยการใส่ปมทางจิตวิทยา ที่จะเชื่อมโยงกับอีกเส้นเรื่องที่เกี่ยวกับนักโทษรายหนึ่งซึ่งกำลังได้รับการรักษาโรคบุคลิกภาพซ้ำซ้อนที่แสดงออกมาเป็น 11 บุคลิกที่ปรากฏอยู่ในโรงแรม โดยหมอจะใช้การดึงบุคลิกและกำจัดตัวตนที่ชั่วร้ายออกไปเพื่อพิสูจน์เนื้อแท้ของนักโทษรายนี้ให้ทางศาลเห็นว่าเขาเป็นคนดี แต่ทว่าก็เกิดเรื่องที่ราวที่ไม่คาดคิดขึ้นที่จะกลายเป็นอีกจุดหักมุมสำคัญของเรื่อง
5. Dressed to Kill (1980)
ยุค 70-80 เรียกว่าเป็นช่วงท็อปฟอร์มของ Brian De Palma ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคนิคการถ่ายทำและการเขียนบทที่ยอดเยี่ยมจนมีคำกล่าวว่าเขาคือ Hitchcock ในเวอร์ชั่นแห่งความรุนแรงและโรแมนซ์อันวาบหวิว สำหรับเรื่องนี้การเปิดเผยว่ามีตัวละครหลายบุคลิกปรากฏอยู่ในหนังระดับความรุนแรงของการสปอยล์คงไม่ต่างจาก Psycho ถึงอย่างนั้นก็เชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะทายถูกว่าใครกันแน่ที่เป็นโรคบุคลิกซ้ำซ้อนและนั่นจะทำให้คุณยังรู้สึกตื่นเต้นกับจุดหักมุมตอนท้ายเรื่องได้ โดยพล็อตว่าด้วยการสืบสวนคดีฆาตกรรมหญิงแม่ม่าย โดยมีสาวขายบริการคนหนึ่งซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่จะไขตัวตนที่แท้จริงของฆาตกร
4. Primal Fear (1996)
สำหรับ Edward Norton เป็นอีกคนที่เคยผ่านการแสดงชั้นเยี่ยมมาอย่างโชกโชนทั้งจาก Fight Club, American History X, Birdman รวมถึง Primal Fear ที่ต้องรับบทเป็นเด็กหนุ่มที่กลายเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมบาทหลวง ที่ดูจากภายนอกก็เหมือนเด็กซื่อๆคนหนึ่ง ดูไม่มีพิษภัยอะไร แต่ภายในดูเหมือนซ่อนตัวตนที่ดำมืดเอาไว้ เป็นสภาวะที่ยากจะคาดเดาถึงตัวตนแท้จริง ซึ่งแสดงออกมาเป็นบุคลิกสองขั้วที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งหนังจะพาไปสำรวจความจริงผ่านการสืบสวนของทนายชื่อดังที่คิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นผู้บริสุทธิ์
3. Enemy (2013)
ประโยคเปิดเรื่องอันน่าฉงนใจ “Chaos is order yet undeciphered” ที่ดูเป็นการบอกใบ้บางอย่างที่เชื่อมโยงกับคีย์เวิร์ด 'ระเบียบ' และ 'ความยุ่งเหยิง' ทั้งยังเป็นสัญญาณเตือนเพื่อให้คนดูเตรียมรับมือต่อบางสิ่งที่ดูผิดแปลกและยากที่จะเข้าใจ กับพล็อตที่เล่าถึงอาจารย์มหาลัยที่ได้เห็นดาราที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกับตัวเองในหนังเรื่องหนึ่ง จนต้องสืบหาความจริงของเหตุการณ์ครั้งนี้ ซึ่งข้อเท็จจริงที่แน่ชัดตามหัวข้อลิสต์คือทั้งสองตัวตนที่ปรากฏเป็นบุคลิกที่ถูกสร้างจากความขัดแย้งของจิตใจ และ Jake Gyllenhaal ที่รับบทเป็นสองตัวละครนี้ก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติ
2. Fight Club (1999)
อาจเรียกได้ว่าเป็นหนังของ David Fincher ที่ใกล้เคียงสถานะความเป็นหนังอินดี้มากที่สุด ทั้งลวดลายการเล่า การตัดต่อ การสอดแทรกสัญญะต่างๆตลอดทั้งเรื่อง แต่ทว่าก็ไม่ได้ทำให้หนังดูยากจนคนดูไม่สามารถรับรู้สาระสำคัญของเรื่องราวได้ กับประเด็นที่พูดถึงสังคมที่เสพติดวัตถุนิยม และคุณค่าของคนถูกตัดสินจากองค์ประกอบภายนอก โดยเล่าผ่านตัวเอกซึ่งเป็นหนุ่มพนักงานบริษัท ที่ถูกความเครียด ความวิตกต่างๆเข้าถาโถมจนเกิดอาการอินซอมเนียหรือโรคนอนไม่หลับ และหนังก็จะพาไปสำรวจสภาวะจิตใจที่มืดมน พร้อมทั้งตีแผ่อุดมการณ์ความคิดอันยิ่งใหญ่ที่ถูกซ่อนอยู่ในเบื้องลึกของจิตใจ
1. Psycho (1960)
การเก็บความลับอย่างรัดกุมและเฉลยอย่างแยบคาย ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นที่จดจำในฐานะหนึ่งในหนังหักมุมชั้นเยี่ยมตลอดกาล แน่นอนว่าจุดสำคัญคือความแข็งแรงของบทหนัง suspense ที่ Alfred Hitchcock มักให้ความสำคัญในการสร้างภูมิหลังของตัวละครโดยผสมปมทางจิตวิทยาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการกระทำและความซับซ้อนของตัวละคร ซึ่งการถูกทารุณกรรมในวัยเด็ก การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก กลายเป็นปมฝังใจที่ฝังลึกลงไปจนเป็นที่มาของบุคลิกที่ทับซ้อนขึ้นมา
.
.
.
.
.
.
.

ทวิตเตอร์เพจ @Review_Me_ พูดคุยหนังเเละซีรีส์
ขออนุญาตฝากเพจนะครับ
https://www.facebook.com/Criticalme
เเละขออนุญาตฝากไอจีเพจด้วยนะครับ @review_me__
เป็นพื้นที่สำหรับรีวิวหนังสือนิยายต่างๆโดยเฉพาะแนวสืบสวน
10 หนัง "หลายบุคลิก หลากอันตราย" ที่คุณไม่ควรพลาด (spoiler alert!!!)
หนังหลายบุคลิก หลากอันตราย เป็นลิสต์ที่นำเสนอหนังที่มีตัวละครเป็นโรคหลายบุคลิกผ่านกลุ่มหนังทริลเลอร์สืบสวน โดยชื่อเรียกทางการแพทย์ของโรคนี้คือ Dissociative Identity Disorder (DID) หรือ Multiple Personality Disorder (MPD) ผู้ป่วยโรคนี้จะมีลักษณะสองบุคลิกหรืออาจมากกว่านั้น ในขณะที่บุคลิกที่ซ่อนอยู่ในจิตใต้สำนึกปรากฏตัว ทางด้านบุคลิกหลักจะเสมือนสูญเสียความทรงจำ ไม่สามารถจดจำเรื่องราวต่างๆในขณะนั้นได้ โดยผู้ป่วยโรคนี้มักเกิดจากผลกระทบที่รุนแรงต่อสภาพจิตใจ จนจิตใต้สำนึกสร้างบุคลิกอื่นขึ้นมาเพื่อเติมเต็มสิ่งที่บุคลิกเดิมไม่สามารถให้ได้ และอาจเป็นบุคลิกที่เกี่ยวเนื่องกับปมฝังใจในอดีต...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
***บางเรื่องการบอกว่าตัวละครในเรื่องเป็นโรคหลายบุคลิก = สปอยล์จุดสำคัญ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
10. Secret Window (2004)
หนุ่มนักเขียนที่กำลังเก็บตัวเพื่อหาไอเดียสร้างสรรค์ผลงาน แต่กลับต้องเจอชายลึกลับคอยตามรังควานและอ้างว่าเขาเคยลอกไอเดียนิยายเล่มหนึ่งไป แน่นอนว่าจากพล็อตคร่าวๆเมื่อเชื่อมโยงกับหัวข้อลิสต์หลายคนก็คงคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ถึงคุณไม่ทราบข้อมูลนี้มาก่อนก็เชื่อว่าระหว่างทางคงคาดเดาได้เช่นกัน เพราะมีหลายโมเม้นท์ที่หนังชี้ให้เห็นว่าตัวเอกมีความผิดปกติทางจิต ชอบคุยกับตัวเอง สร้างตัวตนสมมติขึ้นมาเพื่อประโยชน์ในอาชีพนักเขียน และที่สำคัญความสัมพันธ์กับภรรยา ที่เพิ่งเลิกรากันได้สร้างความเจ็บปวด สภาวะซึมเศร้า ที่ดูจะเป็นผลกระทบร้ายแรงทางจิตใจและอาจเป็นต้นตอของปัญหาทั้งหมด
9. Mr. Brooks (2007)
แนวคิดของ Alfred Hitchcock ที่ว่ากลุ่มคนชั้นสูงมักมีโอกาสที่จะทำเรื่องชั่วร้ายได้มากกว่ากลุ่มคนชั้นล่างทางสังคม เป็นแนวคิดที่น่าสนใจซึ่งถูกสื่อผ่านหนังอย่าง American Psycho หรือจะเป็น Mr. Brooks ที่จะพาไปสำรวจและปลอกเปลือกความชั่วร้ายที่ถูกซุกซ่อนภายใต้กลุ่มคนที่มีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดี มีฐานะมั่นคง และมีหน้ามีตาในสังคม ผ่านพล็อตหนังสืบสวนฆาตกรต่อเนื่องที่ตัวเอกเป็นนักธุรกิจมาดเนี้ยบที่ซ่อนตัวตนชั่วร้ายไว้ภายใน กับบุคลิกกระหายเลือดที่เวลาตกดึกจะออกหาเหยื่อไล่ฆ่าคน
8. Split (2016)
การคืนฟอร์มอย่างแท้จริงของ M Night Shyamalan ผู้กำกับที่มีความครีเอทสูง ชอบสร้างสรรค์พล็อตแปลกๆ ทำได้เยี่ยมกับหนังสเกลเล็กๆ และที่สำคัญเทคนิคการทำหนังจัดว่ายอดเยี่ยมพอตัว รู้ว่าจังหวะไหนควรทำอะไร ต้องใช้มุมกล้องแบบไหนเพื่อที่จะช่วยขับอารมณ์แห่งความสยองขวัญ ความระทึกขวัญให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ใครที่ชอบหนังยุคแรกของเขาอย่าง The Sixth Sense หรือ Unbreakable คุณก็น่าจะชอบ Split เช่นกัน กับหนังที่อิงเค้าโครงจากเรื่องจริงของชายผู้มี 24 บุคลิกที่ได้จับตัวหญิงสาว 3 คนมาขังเอาไว้ แม้หนังจะไม่ได้เล่นกับบุคลิกทั้งหมด แต่ก็ฉลาดในการเลือกหยิบเมนบุคลิกมาใช้สร้างอารมณ์ลุ้นระทึก บรรยากาศกดดันได้ยอดเยี่ยมโดยเฉพาะอย่างยิ่งครึ่งหลังของหนัง ตลอดจนนำไปสู่ไคลแม็กซ์ที่ทำได้อย่างมีชั้นเชิง
7. The Double (2013)
เชื่อว่าหลายคนที่ดูหนังเรื่องนี้คงอดไม่ได้ที่จะนำไปเปรียบเทียบกับ Enemy ที่เข้าฉายเวลาไล่เลี่ยกัน และเล่นไอเดียการปรากฏตัวของ 'ดอพเพลแกงเกอร์' เช่นเดียวกัน แต่ต่างกันที่ The Double ทำออกมาได้ย่อยง่ายกว่า สอดแทรกความเป็นตลกร้าย และที่สำคัญบ่งบอกว่าหนังเซ็ทตัวอยู่ในโลกจิตใต้สำนึกอย่างชัดเจน ด้วยการใช้โทนสีอันจัดๆสื่อถึงความเซอร์เรียลและให้ความรู้สึกว่าออฟฟิศเปรียบดั่งโรงงานมนุษย์ ที่สะท้อนให้เห็นความเป็นจริงของสภาพสังคมและโลกที่ใครสักคนต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว กับพล็อตที่ว่าด้วยหนุ่มพนักงานออฟฟิศที่เป็นพวกลูสเซอร์ ทำอะไรก็ล้มเหลว ต้องพบกับเพื่อนร่วมงานคนใหม่ที่มีรูปร่าง หน้าตาเหมือนกับเขาทุกอย่าง แต่ต่างกันที่บุคลิกเเละอุปนิสัย
6. Identity (2003)
เมื่อคน 11 คนต้องอยู่รวมกันที่โรงแรงแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะมีคนค่อยๆล้มหายตายจากกันไปด้วยน้ำมือของใครบางคน จากพล็อตที่กล่าวมานับหนังสืบสวน whodunit สไตล์คลาสสิก ที่ฝั่งมือเขียนบทมีการปรุงแต่งรายละเอียดด้วยการใส่ปมทางจิตวิทยา ที่จะเชื่อมโยงกับอีกเส้นเรื่องที่เกี่ยวกับนักโทษรายหนึ่งซึ่งกำลังได้รับการรักษาโรคบุคลิกภาพซ้ำซ้อนที่แสดงออกมาเป็น 11 บุคลิกที่ปรากฏอยู่ในโรงแรม โดยหมอจะใช้การดึงบุคลิกและกำจัดตัวตนที่ชั่วร้ายออกไปเพื่อพิสูจน์เนื้อแท้ของนักโทษรายนี้ให้ทางศาลเห็นว่าเขาเป็นคนดี แต่ทว่าก็เกิดเรื่องที่ราวที่ไม่คาดคิดขึ้นที่จะกลายเป็นอีกจุดหักมุมสำคัญของเรื่อง
5. Dressed to Kill (1980)
ยุค 70-80 เรียกว่าเป็นช่วงท็อปฟอร์มของ Brian De Palma ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคนิคการถ่ายทำและการเขียนบทที่ยอดเยี่ยมจนมีคำกล่าวว่าเขาคือ Hitchcock ในเวอร์ชั่นแห่งความรุนแรงและโรแมนซ์อันวาบหวิว สำหรับเรื่องนี้การเปิดเผยว่ามีตัวละครหลายบุคลิกปรากฏอยู่ในหนังระดับความรุนแรงของการสปอยล์คงไม่ต่างจาก Psycho ถึงอย่างนั้นก็เชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะทายถูกว่าใครกันแน่ที่เป็นโรคบุคลิกซ้ำซ้อนและนั่นจะทำให้คุณยังรู้สึกตื่นเต้นกับจุดหักมุมตอนท้ายเรื่องได้ โดยพล็อตว่าด้วยการสืบสวนคดีฆาตกรรมหญิงแม่ม่าย โดยมีสาวขายบริการคนหนึ่งซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่จะไขตัวตนที่แท้จริงของฆาตกร
4. Primal Fear (1996)
สำหรับ Edward Norton เป็นอีกคนที่เคยผ่านการแสดงชั้นเยี่ยมมาอย่างโชกโชนทั้งจาก Fight Club, American History X, Birdman รวมถึง Primal Fear ที่ต้องรับบทเป็นเด็กหนุ่มที่กลายเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมบาทหลวง ที่ดูจากภายนอกก็เหมือนเด็กซื่อๆคนหนึ่ง ดูไม่มีพิษภัยอะไร แต่ภายในดูเหมือนซ่อนตัวตนที่ดำมืดเอาไว้ เป็นสภาวะที่ยากจะคาดเดาถึงตัวตนแท้จริง ซึ่งแสดงออกมาเป็นบุคลิกสองขั้วที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งหนังจะพาไปสำรวจความจริงผ่านการสืบสวนของทนายชื่อดังที่คิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นผู้บริสุทธิ์
3. Enemy (2013)
ประโยคเปิดเรื่องอันน่าฉงนใจ “Chaos is order yet undeciphered” ที่ดูเป็นการบอกใบ้บางอย่างที่เชื่อมโยงกับคีย์เวิร์ด 'ระเบียบ' และ 'ความยุ่งเหยิง' ทั้งยังเป็นสัญญาณเตือนเพื่อให้คนดูเตรียมรับมือต่อบางสิ่งที่ดูผิดแปลกและยากที่จะเข้าใจ กับพล็อตที่เล่าถึงอาจารย์มหาลัยที่ได้เห็นดาราที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกับตัวเองในหนังเรื่องหนึ่ง จนต้องสืบหาความจริงของเหตุการณ์ครั้งนี้ ซึ่งข้อเท็จจริงที่แน่ชัดตามหัวข้อลิสต์คือทั้งสองตัวตนที่ปรากฏเป็นบุคลิกที่ถูกสร้างจากความขัดแย้งของจิตใจ และ Jake Gyllenhaal ที่รับบทเป็นสองตัวละครนี้ก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติ
2. Fight Club (1999)
อาจเรียกได้ว่าเป็นหนังของ David Fincher ที่ใกล้เคียงสถานะความเป็นหนังอินดี้มากที่สุด ทั้งลวดลายการเล่า การตัดต่อ การสอดแทรกสัญญะต่างๆตลอดทั้งเรื่อง แต่ทว่าก็ไม่ได้ทำให้หนังดูยากจนคนดูไม่สามารถรับรู้สาระสำคัญของเรื่องราวได้ กับประเด็นที่พูดถึงสังคมที่เสพติดวัตถุนิยม และคุณค่าของคนถูกตัดสินจากองค์ประกอบภายนอก โดยเล่าผ่านตัวเอกซึ่งเป็นหนุ่มพนักงานบริษัท ที่ถูกความเครียด ความวิตกต่างๆเข้าถาโถมจนเกิดอาการอินซอมเนียหรือโรคนอนไม่หลับ และหนังก็จะพาไปสำรวจสภาวะจิตใจที่มืดมน พร้อมทั้งตีแผ่อุดมการณ์ความคิดอันยิ่งใหญ่ที่ถูกซ่อนอยู่ในเบื้องลึกของจิตใจ
1. Psycho (1960)
การเก็บความลับอย่างรัดกุมและเฉลยอย่างแยบคาย ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นที่จดจำในฐานะหนึ่งในหนังหักมุมชั้นเยี่ยมตลอดกาล แน่นอนว่าจุดสำคัญคือความแข็งแรงของบทหนัง suspense ที่ Alfred Hitchcock มักให้ความสำคัญในการสร้างภูมิหลังของตัวละครโดยผสมปมทางจิตวิทยาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการกระทำและความซับซ้อนของตัวละคร ซึ่งการถูกทารุณกรรมในวัยเด็ก การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก กลายเป็นปมฝังใจที่ฝังลึกลงไปจนเป็นที่มาของบุคลิกที่ทับซ้อนขึ้นมา
.
.
.
.
.
.
.
ทวิตเตอร์เพจ @Review_Me_ พูดคุยหนังเเละซีรีส์
ขออนุญาตฝากเพจนะครับ
https://www.facebook.com/Criticalme
เเละขออนุญาตฝากไอจีเพจด้วยนะครับ @review_me__
เป็นพื้นที่สำหรับรีวิวหนังสือนิยายต่างๆโดยเฉพาะแนวสืบสวน