ปัจจุบันเป็นยุคของ Digital IT การใช้งานโทรศัพท์ IPAD Notebook PC เข้ามาช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการติดต่อสื่อสาร หลายต่อหลายครั้งเรามักทิ้งลูกไว้กับ IPAD หรือโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้เค้านั่งอยู่กับที่ไม่เดินไปไหนมาไหนวุ่นวาย และเหมือนต้องมนต์สะกดเด็กน้อยนั่งอยู่กับที่ได้เป็นเวลานาน เมื่อใช้ digital technology ไปนานๆ แล้วเป็นอย่างไรบ้างเราลองมาฟังข้อมูลที่น่าสนใจกัน
"ดิฉันรู้ว่าหลายคนเลือกที่จะไม่ฟังสิ่งที่ฉันพูดในบทความ แต่รู้ไว้เถอะลูก ๆ ของคุณต้องการให้คุณฟังข้อความนี้ แม้ว่าคุณจะไม่เห็นด้วยกับมุมมองของฉัน อย่างน้อยได้โปรดทำตามคำแนะนำที่ท้ายบทความ เมื่อคุณเห็นการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของลูกในเชิงบวกแล้วจะเข้าใจว่าทำไมฉันถึงต้องพูดในสิ่งนี้"
จากการได้พูดคุยกับครูและผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานในภาคสนามในช่วงเวลา 15 ปีที่ผ่านมา เราจะได้ยินความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพจิตของเด็กเช่นเดียวกับฉัน นอกจากนี้ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมานักวิจัยยังได้พบสถิติที่น่าตกใจเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และอาการผิดปกติทางจิตของเด็ก ซึ่งในขณะนี้ได้พบว่า
- 1 ใน 5 ของเด็กๆ มีปัญหาสุขภาพจิต
- ภาวะสมาธิสั้นมีเพิ่มขึ้น 43%
- ภาวะซึมเศร้าในวัยรุ่นมีเพิ่มขึ้น 37%
- การฆ่าตัวตายในวัยรุ่นที่อายุระหว่าง 10-14 ปี มีเพิ่มขึ้น 200% ( และเพิ่มขึ้น 24% ในช่วงอายุอื่นๆ)

วิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่า สมองของมนุษย์เรามีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อม น่าเสียดาย ที่สภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดูที่เรามอบให้ลูกนั้น ทำให้สมองของลูกเราปรับเปลี่ยนไปอย่างผิดทิศทาง และส่งผลให้เกิดปัญหาในชีวิตประจำวันของลูก
ใช่ มันมีเด็กๆ ที่เกิดมาพร้อมกับความบกพร่อง และไม่ว่าพ่อแม่จะพยายามให้การเลี้ยงดูและสภาวะแวดล้อมที่สมดุลเท่าไหร่ เด็กๆ ก็ยังประสบปัญหา แต่ไม่ใช่เด็กๆ กลุ่มที่ฉันกำลังพูดถึง
ฉันกำลังพูดถึงเด็กๆ มากมายที่กำลังมีปัญหาเพราะสมองได้เปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะแวดล้อมที่พ่อแม่มอบให้ เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาเมื่อพ่อแม่เปลี่ยนวิธีการเลี้ยงดู เด็กๆ จำนวนมากก็เกิดความเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี
แล้วอะไรคือสิ่งผิดปกติกับลูกของเรา?
เด็กสมัยนี้ขาดสิ่งเหล่านี้ที่จะส่งเสริมให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดี
- พ่อแม่ที่มีเวลาให้อย่างเต็มใจ
- มีกฎและกติกาในการเลี้ยง มีขอบเขตและการชี้แนะที่ชัดเจน
- มีความรับผิดชอบ
- สารอาหารครบถ้วนและการนอนอย่างพอเพียง
- การทำกิจกรรมกลางแจ้ง
- การเล่นอย่างสร้างสรรค์ ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม การสื่อสารกับคนอื่น โอกาสสำหรับเวลาที่ไม่กำหนดและความเบื่อหน่าย
ในทางกลับกันนั้นเด็กๆ กลับถูกเลี้ยงดูโดย
- พ่อแม่ที่เลี้ยงดูลูกโดยใช้ไอทีดึงความสนใจ
- พ่อแม่ที่ละเลย ปล่อยเด็กทำทุกสิ่งตามใจ ปล่อยให้ลูกเป็นคนคุมกฎ
- เรียกร้องสิทธิ์มากกว่าจะมีความรับผิดชอบ
- การนอนหลับที่ไม่พอเพียงและอาหารไม่มีคุณค่าครบถ้วน
- วิถีการใช้ชีวิตที่อยู่แต่ในห้อง กิจวัตรประจำวันที่ไม่เคลื่อนไหวร่างกาย
- การกระตุ้นที่ไม่สิ้นสุด ใช้ไอทีเป็นพี่เลี้ยง อยากได้อะไรก็ได้ทันที และไม่เคยต้องผิดหวัง พี่เลี้ยงที่ติดมือถือ
เราสามารถจินตนาการว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่คนรุ่นใหม่จะมีสุขภาพดีได้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยดังกล่าว? คำตอบก็คือไม่ได้แน่นอน! ไม่มีทางลัดสำหรับการเลี้ยงดูลูกของเรา และเราไม่สามารถหลอกลวงธรรมชาติของมนุษย์ได้ อย่างที่เราเห็นผลลัพธ์ก็จะเป็นความหายนะลูก ๆ ซึ่งต้องจ่ายเป็นการสูญเสียวัยเด็กที่ขาดความสมดุล กับอารมณ์ความรู้สึกของพวกเขา
วิธีการแก้ไข?
ถ้าเราต้องการให้เด็กๆ เติบโตมาเป็นคนที่มีความสุขและสุขภาพดี เราก็ต้องลุกขึ้นมาแล้วกลับไปที่จุดเดิมของเรา มันยังเป็นไปได้ ฉันรู้เพราะฉันได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นในเด็กๆ นับร้อยคนที่ฉันดูแลภายในเวลาไม่กี่อาทิตย์ (และในบางกรณี ภายในไม่กี่วัน) หลังจากที่ทำตามคำแนะนำนี้
กำหนดขอบเขต และจำไว้ว่า คราวนี้คุณเป็นพ่อแม่ ไม่ใช่เพื่อน
ให้เด็กๆ ได้มีชีวิตที่สมดุลดี มอบสิ่งที่เด็กๆ จำเป็นต้องได้ ไม่ใช่แค่สิ่งที่เด็กๆ ต้องการ อย่ากลัวที่จะปฏิเสธถ้าสิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นสำหรับพวกเขา (ขออนุญาตเขียนเพิ่ม สำหรับเด็กๆ ความรักนับเป็นสิ่งที่จำเป็น ไม่ใช่แค่ต้องการ)
• เตรียมอาหารที่มีประโยชน์และจำกัดปริมาณอาหารว่าง หลีกเลี่ยงขนมที่ไม่มีประโยชน์
• ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในพื้นที่สีเขียว: ขี่จักรยาน เดินป่า ตกปลา เฝ้าดูนก / แมลง
• รับประทานอาหารเย็นกับครอบครัว ทุกวัน
• เล่นเกมกระดานวันละครั้ง, การให้เล่นแบบอิสระ
• ชักชวนบุตรหลานของคุณให้ทำงานอย่างน้อยหนึ่งวัน (ซักผ้า พับผ้า เก็บของเล่น แขวนเสื้อผ้า ช่วยจัดของหลังจากไปซื้อมา จัดโต๊ะอาหาร เป็นต้น)
• เข้านอนตรงเวลาทุกวันเพื่อให้มั่นใจว่าเด็กๆพักผ่อนเพียงพอ ในห้องนอนที่ไม่มีอุปกรณ์เทคโนโลยีใดๆ
สอนความรับผิดชอบ และความเป็นอิสระ อย่ากังวลมากเกินไปจากความล้มเหลวเล็ก ๆ มันฝึกทักษะให้เอาชนะความท้าทายในชีวิต
• อย่าจัดกระเป๋าให้ลูก อย่าถือให้ อย่าเอาของที่ลูกลืมไปส่งให้ที่โรงเรียน และอย่าคอยปอกกล้วยให้เด็ก 5 ขวบ สอนให้เขาทำแทนที่จะทำให้
สอนให้รู้จักอดทนรอคอย และให้โอกาสที่จะได้ “เบื่อ” เพราะความเบื่อจะเป็นสิ่งที่ทำให้ความสร้างสรรค์ตื่นขึ้น:
Children Develop Better When You Let Them Be Bored, Psychologists Say
• อย่ารู้สึกต้องรับผิดชอบความสุขของลูก
• อย่าใช้ไอทีเป็นตัวทำให้หายเบื่อ
• หลีกเลี่ยงการใช้ไอทีระหว่างมื้ออาหาร ในรถ ในร้านอาหาร ในห้าง จงใช้โอกาสนี้ฝึกสมองของพวกเขาให้ทำงานได้เมื่อ “เบื่อ”
• ช่วยพวกเขาสร้าง “ชุดปฐมพยาบาลความเบื่อ” โดยใส่ไอเดียกิจกรรมต่างๆ ไว้สำหรับช่วงเวลาที่ “หนูเบื่อ”
• จงพร้อมที่จะรับอารมณ์เพื่อเชื่อมต่อกับเด็กๆ และสอนการควบคุมตัวเองและทักษะทางสังคม
• ปิดโทรศัพท์ของคุณจนกว่าเด็ก ๆ จะอยู่บนเตียงเพื่อไม่ให้เกิดความคิดที่สับสน ความว้าวุ่นใจ (digital distraction)
• เป็นโค้ชหรือครูสอนทางอารมณ์ให้เด็กๆ สอนให้รู้จักและรับมือกับความขุ่นมัว และความโกรธ
• สอนการทักทาย ผลัดกันเล่น แบ่งปัน ความเข้าใจและเห็นใจ มารยาทบนโต๊ะอาหาร ทักษะการสนทนา
• เชื่อมต่อทางอารมณ์ – ยิ้ม กอด จูบ จั๊กจี้ อ่าน เต้นรำ กระโดด หรือคลานไปกับลูก
เราต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงในช่วงชีวิตของลูก ก่อนที่ทั้งรุ่นนี้จะต้องได้รับการรักษา ตอนนี้มันยังไม่สายเกินไป แต่มันจะสายเกินไปในอีกไม่ช้า ...
ขอขอบคุณ นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ที่นำบทความนี้มาให้พวกเราได้อ่านกัน
Referance:
https://www.facebook.com/prasertpp/
http://deeprootsathome.com/raising-children-technology/
http://www.jaacap.com/article/S0890-8567%2813%2900594-7/abstract
https://www.lifehack.org/419154/children-develop-better-when-you-let-them-be-bored-psychologists-say
ติดตามอ่านบทความที่น่าสนใจ
มาค้นหาพรสวรรค์ของลูกด้วยทฤษฏีพหุปัญญา (Multiple intelligences) ของ Howard Gardner
https://pantip.com/topic/33338979
โศกนาฏกรรมเงียบ: ผู้ปกครองทุกคนที่สนใจเกี่ยวกับอนาคตของเด็กควรอ่าน
"ดิฉันรู้ว่าหลายคนเลือกที่จะไม่ฟังสิ่งที่ฉันพูดในบทความ แต่รู้ไว้เถอะลูก ๆ ของคุณต้องการให้คุณฟังข้อความนี้ แม้ว่าคุณจะไม่เห็นด้วยกับมุมมองของฉัน อย่างน้อยได้โปรดทำตามคำแนะนำที่ท้ายบทความ เมื่อคุณเห็นการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของลูกในเชิงบวกแล้วจะเข้าใจว่าทำไมฉันถึงต้องพูดในสิ่งนี้"
จากการได้พูดคุยกับครูและผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานในภาคสนามในช่วงเวลา 15 ปีที่ผ่านมา เราจะได้ยินความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพจิตของเด็กเช่นเดียวกับฉัน นอกจากนี้ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมานักวิจัยยังได้พบสถิติที่น่าตกใจเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และอาการผิดปกติทางจิตของเด็ก ซึ่งในขณะนี้ได้พบว่า
- 1 ใน 5 ของเด็กๆ มีปัญหาสุขภาพจิต
- ภาวะสมาธิสั้นมีเพิ่มขึ้น 43%
- ภาวะซึมเศร้าในวัยรุ่นมีเพิ่มขึ้น 37%
- การฆ่าตัวตายในวัยรุ่นที่อายุระหว่าง 10-14 ปี มีเพิ่มขึ้น 200% ( และเพิ่มขึ้น 24% ในช่วงอายุอื่นๆ)
วิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่า สมองของมนุษย์เรามีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อม น่าเสียดาย ที่สภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดูที่เรามอบให้ลูกนั้น ทำให้สมองของลูกเราปรับเปลี่ยนไปอย่างผิดทิศทาง และส่งผลให้เกิดปัญหาในชีวิตประจำวันของลูก
ใช่ มันมีเด็กๆ ที่เกิดมาพร้อมกับความบกพร่อง และไม่ว่าพ่อแม่จะพยายามให้การเลี้ยงดูและสภาวะแวดล้อมที่สมดุลเท่าไหร่ เด็กๆ ก็ยังประสบปัญหา แต่ไม่ใช่เด็กๆ กลุ่มที่ฉันกำลังพูดถึง
ฉันกำลังพูดถึงเด็กๆ มากมายที่กำลังมีปัญหาเพราะสมองได้เปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะแวดล้อมที่พ่อแม่มอบให้ เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาเมื่อพ่อแม่เปลี่ยนวิธีการเลี้ยงดู เด็กๆ จำนวนมากก็เกิดความเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี
แล้วอะไรคือสิ่งผิดปกติกับลูกของเรา?
เด็กสมัยนี้ขาดสิ่งเหล่านี้ที่จะส่งเสริมให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดี
- พ่อแม่ที่มีเวลาให้อย่างเต็มใจ
- มีกฎและกติกาในการเลี้ยง มีขอบเขตและการชี้แนะที่ชัดเจน
- มีความรับผิดชอบ
- สารอาหารครบถ้วนและการนอนอย่างพอเพียง
- การทำกิจกรรมกลางแจ้ง
- การเล่นอย่างสร้างสรรค์ ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม การสื่อสารกับคนอื่น โอกาสสำหรับเวลาที่ไม่กำหนดและความเบื่อหน่าย
ในทางกลับกันนั้นเด็กๆ กลับถูกเลี้ยงดูโดย
- พ่อแม่ที่เลี้ยงดูลูกโดยใช้ไอทีดึงความสนใจ
- พ่อแม่ที่ละเลย ปล่อยเด็กทำทุกสิ่งตามใจ ปล่อยให้ลูกเป็นคนคุมกฎ
- เรียกร้องสิทธิ์มากกว่าจะมีความรับผิดชอบ
- การนอนหลับที่ไม่พอเพียงและอาหารไม่มีคุณค่าครบถ้วน
- วิถีการใช้ชีวิตที่อยู่แต่ในห้อง กิจวัตรประจำวันที่ไม่เคลื่อนไหวร่างกาย
- การกระตุ้นที่ไม่สิ้นสุด ใช้ไอทีเป็นพี่เลี้ยง อยากได้อะไรก็ได้ทันที และไม่เคยต้องผิดหวัง พี่เลี้ยงที่ติดมือถือ
เราสามารถจินตนาการว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่คนรุ่นใหม่จะมีสุขภาพดีได้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยดังกล่าว? คำตอบก็คือไม่ได้แน่นอน! ไม่มีทางลัดสำหรับการเลี้ยงดูลูกของเรา และเราไม่สามารถหลอกลวงธรรมชาติของมนุษย์ได้ อย่างที่เราเห็นผลลัพธ์ก็จะเป็นความหายนะลูก ๆ ซึ่งต้องจ่ายเป็นการสูญเสียวัยเด็กที่ขาดความสมดุล กับอารมณ์ความรู้สึกของพวกเขา
วิธีการแก้ไข?
ถ้าเราต้องการให้เด็กๆ เติบโตมาเป็นคนที่มีความสุขและสุขภาพดี เราก็ต้องลุกขึ้นมาแล้วกลับไปที่จุดเดิมของเรา มันยังเป็นไปได้ ฉันรู้เพราะฉันได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นในเด็กๆ นับร้อยคนที่ฉันดูแลภายในเวลาไม่กี่อาทิตย์ (และในบางกรณี ภายในไม่กี่วัน) หลังจากที่ทำตามคำแนะนำนี้
กำหนดขอบเขต และจำไว้ว่า คราวนี้คุณเป็นพ่อแม่ ไม่ใช่เพื่อน
ให้เด็กๆ ได้มีชีวิตที่สมดุลดี มอบสิ่งที่เด็กๆ จำเป็นต้องได้ ไม่ใช่แค่สิ่งที่เด็กๆ ต้องการ อย่ากลัวที่จะปฏิเสธถ้าสิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นสำหรับพวกเขา (ขออนุญาตเขียนเพิ่ม สำหรับเด็กๆ ความรักนับเป็นสิ่งที่จำเป็น ไม่ใช่แค่ต้องการ)
• เตรียมอาหารที่มีประโยชน์และจำกัดปริมาณอาหารว่าง หลีกเลี่ยงขนมที่ไม่มีประโยชน์
• ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในพื้นที่สีเขียว: ขี่จักรยาน เดินป่า ตกปลา เฝ้าดูนก / แมลง
• รับประทานอาหารเย็นกับครอบครัว ทุกวัน
• เล่นเกมกระดานวันละครั้ง, การให้เล่นแบบอิสระ
• ชักชวนบุตรหลานของคุณให้ทำงานอย่างน้อยหนึ่งวัน (ซักผ้า พับผ้า เก็บของเล่น แขวนเสื้อผ้า ช่วยจัดของหลังจากไปซื้อมา จัดโต๊ะอาหาร เป็นต้น)
• เข้านอนตรงเวลาทุกวันเพื่อให้มั่นใจว่าเด็กๆพักผ่อนเพียงพอ ในห้องนอนที่ไม่มีอุปกรณ์เทคโนโลยีใดๆ
สอนความรับผิดชอบ และความเป็นอิสระ อย่ากังวลมากเกินไปจากความล้มเหลวเล็ก ๆ มันฝึกทักษะให้เอาชนะความท้าทายในชีวิต
• อย่าจัดกระเป๋าให้ลูก อย่าถือให้ อย่าเอาของที่ลูกลืมไปส่งให้ที่โรงเรียน และอย่าคอยปอกกล้วยให้เด็ก 5 ขวบ สอนให้เขาทำแทนที่จะทำให้
สอนให้รู้จักอดทนรอคอย และให้โอกาสที่จะได้ “เบื่อ” เพราะความเบื่อจะเป็นสิ่งที่ทำให้ความสร้างสรรค์ตื่นขึ้น:
Children Develop Better When You Let Them Be Bored, Psychologists Say
• อย่ารู้สึกต้องรับผิดชอบความสุขของลูก
• อย่าใช้ไอทีเป็นตัวทำให้หายเบื่อ
• หลีกเลี่ยงการใช้ไอทีระหว่างมื้ออาหาร ในรถ ในร้านอาหาร ในห้าง จงใช้โอกาสนี้ฝึกสมองของพวกเขาให้ทำงานได้เมื่อ “เบื่อ”
• ช่วยพวกเขาสร้าง “ชุดปฐมพยาบาลความเบื่อ” โดยใส่ไอเดียกิจกรรมต่างๆ ไว้สำหรับช่วงเวลาที่ “หนูเบื่อ”
• จงพร้อมที่จะรับอารมณ์เพื่อเชื่อมต่อกับเด็กๆ และสอนการควบคุมตัวเองและทักษะทางสังคม
• ปิดโทรศัพท์ของคุณจนกว่าเด็ก ๆ จะอยู่บนเตียงเพื่อไม่ให้เกิดความคิดที่สับสน ความว้าวุ่นใจ (digital distraction)
• เป็นโค้ชหรือครูสอนทางอารมณ์ให้เด็กๆ สอนให้รู้จักและรับมือกับความขุ่นมัว และความโกรธ
• สอนการทักทาย ผลัดกันเล่น แบ่งปัน ความเข้าใจและเห็นใจ มารยาทบนโต๊ะอาหาร ทักษะการสนทนา
• เชื่อมต่อทางอารมณ์ – ยิ้ม กอด จูบ จั๊กจี้ อ่าน เต้นรำ กระโดด หรือคลานไปกับลูก
เราต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงในช่วงชีวิตของลูก ก่อนที่ทั้งรุ่นนี้จะต้องได้รับการรักษา ตอนนี้มันยังไม่สายเกินไป แต่มันจะสายเกินไปในอีกไม่ช้า ...
ขอขอบคุณ นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ที่นำบทความนี้มาให้พวกเราได้อ่านกัน
Referance:
https://www.facebook.com/prasertpp/
http://deeprootsathome.com/raising-children-technology/
http://www.jaacap.com/article/S0890-8567%2813%2900594-7/abstract
https://www.lifehack.org/419154/children-develop-better-when-you-let-them-be-bored-psychologists-say
ติดตามอ่านบทความที่น่าสนใจ
มาค้นหาพรสวรรค์ของลูกด้วยทฤษฏีพหุปัญญา (Multiple intelligences) ของ Howard Gardner
https://pantip.com/topic/33338979