.
.
.
รีวิวไปญี่ปุ่น ทัวร์ไฟไหม้ราคาถูก+โตเกียวดิสนีย์ซี🎏✈️

.
.
.
จุดประสงค์ของการเขียนกระทู้นี้ คือ อยากจะเก็บเปนความทรงจำทริปแรกที่ท่องเที่ยวไปต่างประเทศกับเพื่อน และอยากจะแชร์สถานที่ท่องเที่ยวให้กับคนที่ยังไม่เคยไป รวมถึงฝึกเขียนกระทู้รีวิวค่าาา😆
ครั้งนี้เราไปทัวร์ไฟไหม้ คือ ได้ราคาทัวร์ถูก แบบจ่ายเงินก่อนวันไปวันเดียวค่ะ (วันที่ไป 17 มีนาคม 2018 - 21 มีนาคม 2018) ซึ่งเรากับเพื่อนว่างกันทุกวัน เลยไปแบบนี้ได้ แล้วยังมีอิสระให้เรา 1 วัน ทริปนี้ไป 5 วัน 3 คืน
ข้างบนขอเกริ่นๆก่อนเล็กน้อย มาเริ่มทริปกันเลยดีกว่าาาา

เริ่มแรกคือไปเจอกับทางทัวร์ที่ท่าอากาศยานดอนเมืองตอน 3 ทุ่ม ถ้าใครที่จะขับรถไปเองช่วงนี้ หรือให้ใครไปส่ง ช่วงนี้เหมือนเขาจะมีทำถนนอยู่ตรงข้ามดอนเมือง ทำให้ต้องไปกลับรถไกลขึ้นอีกนิดนึงง ถ้าไปดึกๆ อาจจะรถไม่ติดมาก แต่ถ้าตอนกลางวันจะรถติดมากค่าา😅
ถึงแม้จะไม่ใช่ช่วงเทศกาล แต่คนเช็คอินเยอะมาก ควรจะไปตามเวลาที่เขานัด เราไป 3 ทุ่ม แต่กว่าจะเช็คอินเสร็จก็ 5 ทุ่มแล้วว😭 สายการบินที่เราไปก็คือ Scoot ค่าาาา น้ำหนักกระเป๋าได้ไม่เกิน 20 กก. ไม่อาหารเสิร์ฟบนเครื่อง ต้องซื้อเพิ่มเอง
เนื่องจากทริปนี้เป็นทริปประหยัด😂 ดังนั้นอะไรฟรีได้ เอาหมดค่าา
พอเข้าเช็คอินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผ่านตม.และตรวจกระเป๋าเสร็จก็เหลือแค่รอขึ้นเครื่อง เนื่องจากของเราไม่มีอาหารบนเครื่องเลยต้องหาของกินก่อน อาหารส่วนใหญ่ในสนามบินก็จะแพงกว่าอาหารข้างนอก แม้จะร้านเดียวกัน ซึ่งถ้าใครมีบัตร citibank ก็จะมีสิทธิพิเศษ คือ 1 บัตร สามารถใช้แลกอาหารที่เขากำหนดให้ได้ 1 อย่าง ตามรูปด้านล่างค่ะ
แต่ในดอนเมืองพอเราเข้าไปข้างใน เจอแค่ subway+น้ำเปล่า ก็เลยได้มาสองเซท ใครมีบัตรมากกว่านี้ ก็เอาได้ตามจำนวนบัตรนะคะ (พอผ่านตม.เลี้ยวซ้าย ตรงไปเรื่อยๆ จนเจอ starbuck จะอยู่ฝั่งตรงข้ามค่าาา)
กินเสร็จเดินไป ก็ขึ้นเครื่องพอดีเลยยย ที่นั่งบนเครื่องเป็นแบบ 3-3-3 พอเครื่องขึ้น สักพักก็จะปิดไฟ เตรียมให้นอนล้ะ...
ในที่สุด ก็ถึงแล้วจ้าา ถึงญี่ปุ่นตอน 8 โมงเช้า (เร็วกว่าเวลาไทย 2 ชม.)
ถึงญี่ปุ่น โดยที่ไม่มีอาหารเช้าบนเครื่อง พอออกมาจากด่านตรวจ ก็รีบล้างหน้าแปรงฟัน แวะซื้อข้าวปั้นที่แฟมิลี่มาร์ท ไหนๆก็มาญี่ปุ่นแล้ว ต้องประเดิมอาหารญี่ปุ่นต้อนรับมื้อแรกซะหน่อยย5555 ราคา 135 เยนค่ะ
ก่อนจะไปสถานที่แรก มีจอดที่จุดพักรถ ebina คือดีมากๆ ของกินก็เยอะด้วยย
ปุ่มที่ไว้ชักโครกส่วนใหญ่จะอยู่ด้านขวามือนะคะ ส่วนที่ฝาชักโครกจะมีฮีตเตอร์ เวลานั่งรู้สึกสบาย
ร้านขนมจีบ ลูกใหญ่มากกกกก
อันนี้คือเมล่อนปัง!!! ของโปรดโดเรมี่ ข้างนอกจะเป็นเหมือนแป้งกรอบๆเคลือบน้ำตาล ส่วนด้านในเป็นไส้เมล่อน อร่อยค่ะ แต่กินคนเดียวทั้งชิ้นก็เลี่ยนไปหน่อย
อันก่อนสุดท้ายคือ coke peach จะเป็นกลิ่นพีชๆ ถ้ามาที่ญี่ป่นจะเจออะไรที่เป็นพีชเยอะมาก ถ้าเป็นเครื่องดื่ม
อันสุดท้ายคือ coke plus เป็นโค้กที่ไม่มีน้ำตาล ช่วยในการย่อยอาหารและขับถ่าย 0 kcal เหมาะกับคนรักสุขภาพ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีขายประเทศอื่น ใครอยากกินต้องซื้อที่นี่ รสชาติเหมือนโค้กทั่วไป คนไหนอยากผอมแต่ชอบดื่มน้ำอัดลม ควรหันมาดื่มอันนี้แทน เพราะดีต่อสุขภาพมากกว่าและไม่มีน้ำตาล ดื่มแล้วผอม จริงรึเปล่าก็ไม่รู้5555 แต่รู้สึกเหมือนโดนกัดกระเพาะจนผอมมากกว่า
จากที่ฟังจากไกด์มา เขาแนะนำให้กินวันละไม่เกิน 2 ขวด ญี่ปุ่นผลิตออกมา เพื่อให้คนสูงอายุที่ติดน้ำอัดลมดื่มกัน
นั่งรถต่อไป

สถานที่แรกที่ไปก็คือ วนอุทยานแห่งชาติฮาโกเน่ ไปชิมไข่ดำ ที่บอกว่ากินแล้วอายุยืนขึ้นอีก 7 ปี ไม่ควรกินเกิน 2 ลูกนะคะ ที่เอาไปต้มในบ่อกำมะถัน แต่ไม่ได้ขึ้นไปนะคะ เมื่อปีก่อนๆ เคยให้ขึ้นไปดูตอนต้มไข่ แต่เพราะว่าเมื่อปีที่แล้วมีการวัดแรงสั่นสะเทือนบริเวณว่าอันตรายก็เลยไม่ให้ขึ้นไป
ที่นี่ไม่ได้ดังแค่ไข่ดำน้าา แต่มีไอศกรีมชาโคลด้วย เขาบอกว่าช่วย detox สารพิษในร่างกาย ราคาประมาณ 300 เยน เราไม่ได้กิน เพราะว่าแค่นี้ก็หนาวพอแล้ววว
ทานอาหารกลางวันเสร็จ ก็เดินทางไปทะเลสาบอาชิ ล่องเรือโจรสลัด ใครไปช่วงมีนา แนะนำว่าให้เอาเสื้อผ้าหนาๆไปหน่อยนะคะ อุณหภูมิประมาณ 9 องศา
ลมแรงมากๆ แต่วิวก็สวยมากเช่นกันน ถึงจะล่องแค่แปปเดียว แต่มองไปรอบๆจะตื่นเต้นแค่ช่วงแรก เพราะวิวมันคล้ายๆเดิมค่ะ
หลังจากนั้นก็กลับเข้าโรงแรม ก็มีบุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์รออยู่ หลายๆคนอาจจะคิดว่าวันแรกค่อนข้างไปเที่ยวน้อย แต่เป็นเพราะเดินทางค่อนข้างนาน ออกนอกเมือง ใช้เวลาก็ประมาณ 2-3 ชั่วโมง รวมทั้งเหนื่อยจากการเดินทางมาอีกด้วยค่ะ
บุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์ ก็จะมีอย่างอื่นให้ทานด้วย อย่างที่โรงแรมของเรา มีเหมือนยำแซลม่อนให้ มีข้าวผัด ข้ามต้มปลาแซลมอน เกี๊ยว มันทอด ซุปมิโสะ สลัด เต้าหู้ นัทโตะ และอื่นๆ ของหวานก็มีผลไม้กับขนมเค้ก แล้วก็ดังโงะ แล้วก็เวลาแกะปู ให้หักตรงกลาง แล้วดึงข้างใดข้างนึงออก แล้วค่อยเอากรรไกรตัดเลาะอีกข้าง ทางทัวร์ก็จะมีน้ำจิ้มซีฟู้ดบริการให้ด้วย
โรงแรมที่เข้าพักวันนี้ ชื่อ ROUTE-INN KAWAGUCHIKO เป็นโรงแรมที่มีออนเซ็น ห้องไม่ได้ใหญ่มาก แต่สะอาดดีค่ะ ภายในห้องมีไวไฟให้นะคะ
ภายในห้องก็จะประมาณนี้นะคะ
ต่อไป คือ ไฮไลท์!!! ของโรงแรมนี้ ก็คือออนเซ็น ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปอาบสัก 3 ทุ่ม กลับกลายเป็นว่าคนเยอะมาก ก็เลยไปตอน 5 ทุ่มแทน เนื่องจากเพื่อนไม่ไป นั่งแช่น้ำร้อนในห้อง ได้แช่คนเดียวเลย
ถ้าแช่ตอนเช้าจะเห็นภูเขาฟูจิ ตอนกลางคืนมองไม่ค่อยชัด
จะมีล็อกเกอร์ไว้เก็บของมีค่า แล้วห้อยกุญแจไว้กับข้อมือตอนไปแช่น้ำ
สีน้ำเงินของผู้ชาย สีแดงของผู้หญิง ภายในนั้นจะมีห้องน้ำ
ออกมาจากออนเซ็น ถ้าใครอยากดื่มเบียร์หรือดื่มน้ำ ก็จะมีตู้ขายน้ำอัตโนมัติดักทางรออยู่
วันต่อมา...วันที่ 3 ของทัวร์นี้
ตื่นมา ให้ลองเปิดหน้าต่างออกไป ก็จะได้วิวแบบนี้เลย👇🏼
อาหารจะเป็นบุฟเฟ่ต์ตามปกติของโรงแรมเลยค่ะ ถ้าแตกต่างจากไทย ก็น่าจะตรงที่มีไข่หวาน ซุปมิโสะ หรือนัทโต๊ะให้กิน
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ ก็เดินทางต่อออ

สถานที่แรกของวันนี้ก็คือ หมู่บ้านน้ำใส (oshino hakkai) เป็นบ่อน้ำธรรมชาติ มีความเชื่อว่าน้ำไหลมาจากการละลายของหิมะบนภูเขา
หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่ยังมีคนอาศัยอยู่ตามปกตินะคะ
ถ้ามองจากหมู่บ้านนี้ จะเห็นภูเขาฟูจิแบบชัดๆเลยค่ะ
แล้วพอเข้าไปในหมู่บ้าน ที่กลางหมู่บ้านก็จะมีบ่อน้ำ ลึก 8 เมตร น้ำใสมาก เห็นปลาว่ายชัดมากๆ สีน้ำฟ้าแบบสวยมากก แล้วจะมีน้ำที่ไหลจากปากมังกร ซึ่งบางคนก็อาจจะเอามาดื่ม เอาขวดมารองน้ำ เอากลับไปใช้ที่บ้าน เอาน้ำลูบหน้า เสริมสิริมงคล บางคนบอกว่า ถ้าเอาไปหุงข้าวจะหอมมาก (อันนี้ไม่รู้ว่าจริงไหม5555 แต่สามารถดื่มได้ค่ะ) สำหรับใครที่ไม่ได้เอาขวดไป แต่อยากรองน้ำกลับไปใช้ ก็จะมีขวดขาย ราคา 100 เยน
ภายในหมู่บ้านก็จะมีของฝากขายกัน มีลูกเกด สาหร่าย ถั่วรสวาซาบิ ผักดองและอื่นๆ มีให้ชิมเยอะแยะ ชิมจนอิ่มเลย มีชาพีชกับชาเห็ดหอมที่แนะนำให้ซื้อค่ะ ส่วนของฝากแบบอื่นที่สามารถหาได้ในเมือง ถ้าซื้อในเมืองจะถูกกว่าเยอะค่ะ
พอมาที่หน้าหมู่บ้านก็จะมีมันญี่ปุ่นเผาา ถ้าเข้าไปในโตเกียว จะไม่ค่อยเจอมันญี่ปุ่นเผาขายค่ะ แนะนำว่าให้ซื้อ เราซื้อสองอัน มีลดให้ด้วย คนขายน่ารักก แล้วก็ซื้อโมจิย่าง ข้างในเป็นไส้ถั่วแดง เหนียวๆ อร่อยมากๆๆ อีกอันคือ โมจิที่เสียบไม้ แล้วมีน้ำซอสหวานๆเค็มๆราด (อันนี้เราไม่ได้กิน แต่เพื่อนบอกว่าอร่อยกว่า โมจิย่างอีก)
(มีภาษาไทยด้วยยย)
ต่อไปก็เดินทางไปขึ้นภูเขาฟูจิ ซึ่งในแต่ละครั้งที่ไป แล้วแต่โชคว่าใครจะได้ขึ้นไปชั้นที่เท่าไร อย่างครั้งแรกที่เราไป เราได้ขึ้นแค่ชั้น 3 ครั้งนี้ได้ขึ้นถึงชั้น 4 ก่อนขึ้น ใครที่เมารถ แนะนำว่าให้นอน เรารู้สึกว่ามันเหวี่ยงมาก ถึงแม้จะไม่เท่าตอนขึ้นดอยที่ไทย แต่ก็พอควรเลย😵
พอขึ้นไป ก็จะเหมือนให้ชมวิวซะมากกว่า เพราะไม่ค่อยน่าถ่ายรูป แถมอากาศก็หนาว ถ้าอยากถ่ายภูเขาฟูจิ ให้ถ่ายจากด้านหลังจะดูรู้เรื่องมากกว่านะคะ😂 ใครจะขึ้นไป ก็เตรียมเสื้อผ้าไปหนาๆค่ะ บางทีในพยากรณ์อาจจะเขียนว่าแค่ไม่กี่องศา สบายๆ แต่ลมมาที จะร้องไห้กันเลยทีเดียว😭
พอลงมาจากเขาปุ๊ป ก็คือกินอาหารกลางวันนั่นเอง มื้อนี้เรากิน เป็นอุด้งกับหมูราดน้ำซอสคล้ายๆซีอิ๊วหวานๆ จริงๆเราเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบกินอุด้ง แต่พอมากินที่นี่ คือเส้นมันนิ่มมาก แบบนุ่มม ใครมา ต้องลองอุด้ง!!!
อ่านต่อในคอมเม้นนะคะ
[CR] รีวิวทริปประหยัดทัวร์ไฟไหม้+โตเกียวดิสนีย์ซีกับเด็กอายุ 17 ปี😝🛫⛩
.
.
รีวิวไปญี่ปุ่น ทัวร์ไฟไหม้ราคาถูก+โตเกียวดิสนีย์ซี🎏✈️
.
.
จุดประสงค์ของการเขียนกระทู้นี้ คือ อยากจะเก็บเปนความทรงจำทริปแรกที่ท่องเที่ยวไปต่างประเทศกับเพื่อน และอยากจะแชร์สถานที่ท่องเที่ยวให้กับคนที่ยังไม่เคยไป รวมถึงฝึกเขียนกระทู้รีวิวค่าาา😆
ครั้งนี้เราไปทัวร์ไฟไหม้ คือ ได้ราคาทัวร์ถูก แบบจ่ายเงินก่อนวันไปวันเดียวค่ะ (วันที่ไป 17 มีนาคม 2018 - 21 มีนาคม 2018) ซึ่งเรากับเพื่อนว่างกันทุกวัน เลยไปแบบนี้ได้ แล้วยังมีอิสระให้เรา 1 วัน ทริปนี้ไป 5 วัน 3 คืน
เริ่มแรกคือไปเจอกับทางทัวร์ที่ท่าอากาศยานดอนเมืองตอน 3 ทุ่ม ถ้าใครที่จะขับรถไปเองช่วงนี้ หรือให้ใครไปส่ง ช่วงนี้เหมือนเขาจะมีทำถนนอยู่ตรงข้ามดอนเมือง ทำให้ต้องไปกลับรถไกลขึ้นอีกนิดนึงง ถ้าไปดึกๆ อาจจะรถไม่ติดมาก แต่ถ้าตอนกลางวันจะรถติดมากค่าา😅
ถึงแม้จะไม่ใช่ช่วงเทศกาล แต่คนเช็คอินเยอะมาก ควรจะไปตามเวลาที่เขานัด เราไป 3 ทุ่ม แต่กว่าจะเช็คอินเสร็จก็ 5 ทุ่มแล้วว😭 สายการบินที่เราไปก็คือ Scoot ค่าาาา น้ำหนักกระเป๋าได้ไม่เกิน 20 กก. ไม่อาหารเสิร์ฟบนเครื่อง ต้องซื้อเพิ่มเอง
เนื่องจากทริปนี้เป็นทริปประหยัด😂 ดังนั้นอะไรฟรีได้ เอาหมดค่าา
พอเข้าเช็คอินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผ่านตม.และตรวจกระเป๋าเสร็จก็เหลือแค่รอขึ้นเครื่อง เนื่องจากของเราไม่มีอาหารบนเครื่องเลยต้องหาของกินก่อน อาหารส่วนใหญ่ในสนามบินก็จะแพงกว่าอาหารข้างนอก แม้จะร้านเดียวกัน ซึ่งถ้าใครมีบัตร citibank ก็จะมีสิทธิพิเศษ คือ 1 บัตร สามารถใช้แลกอาหารที่เขากำหนดให้ได้ 1 อย่าง ตามรูปด้านล่างค่ะ
แต่ในดอนเมืองพอเราเข้าไปข้างใน เจอแค่ subway+น้ำเปล่า ก็เลยได้มาสองเซท ใครมีบัตรมากกว่านี้ ก็เอาได้ตามจำนวนบัตรนะคะ (พอผ่านตม.เลี้ยวซ้าย ตรงไปเรื่อยๆ จนเจอ starbuck จะอยู่ฝั่งตรงข้ามค่าาา)
กินเสร็จเดินไป ก็ขึ้นเครื่องพอดีเลยยย ที่นั่งบนเครื่องเป็นแบบ 3-3-3 พอเครื่องขึ้น สักพักก็จะปิดไฟ เตรียมให้นอนล้ะ...
ในที่สุด ก็ถึงแล้วจ้าา ถึงญี่ปุ่นตอน 8 โมงเช้า (เร็วกว่าเวลาไทย 2 ชม.)
ถึงญี่ปุ่น โดยที่ไม่มีอาหารเช้าบนเครื่อง พอออกมาจากด่านตรวจ ก็รีบล้างหน้าแปรงฟัน แวะซื้อข้าวปั้นที่แฟมิลี่มาร์ท ไหนๆก็มาญี่ปุ่นแล้ว ต้องประเดิมอาหารญี่ปุ่นต้อนรับมื้อแรกซะหน่อยย5555 ราคา 135 เยนค่ะ
ก่อนจะไปสถานที่แรก มีจอดที่จุดพักรถ ebina คือดีมากๆ ของกินก็เยอะด้วยย
อันสุดท้ายคือ coke plus เป็นโค้กที่ไม่มีน้ำตาล ช่วยในการย่อยอาหารและขับถ่าย 0 kcal เหมาะกับคนรักสุขภาพ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีขายประเทศอื่น ใครอยากกินต้องซื้อที่นี่ รสชาติเหมือนโค้กทั่วไป คนไหนอยากผอมแต่ชอบดื่มน้ำอัดลม ควรหันมาดื่มอันนี้แทน เพราะดีต่อสุขภาพมากกว่าและไม่มีน้ำตาล ดื่มแล้วผอม จริงรึเปล่าก็ไม่รู้5555 แต่รู้สึกเหมือนโดนกัดกระเพาะจนผอมมากกว่า
จากที่ฟังจากไกด์มา เขาแนะนำให้กินวันละไม่เกิน 2 ขวด ญี่ปุ่นผลิตออกมา เพื่อให้คนสูงอายุที่ติดน้ำอัดลมดื่มกัน
นั่งรถต่อไป
สถานที่แรกที่ไปก็คือ วนอุทยานแห่งชาติฮาโกเน่ ไปชิมไข่ดำ ที่บอกว่ากินแล้วอายุยืนขึ้นอีก 7 ปี ไม่ควรกินเกิน 2 ลูกนะคะ ที่เอาไปต้มในบ่อกำมะถัน แต่ไม่ได้ขึ้นไปนะคะ เมื่อปีก่อนๆ เคยให้ขึ้นไปดูตอนต้มไข่ แต่เพราะว่าเมื่อปีที่แล้วมีการวัดแรงสั่นสะเทือนบริเวณว่าอันตรายก็เลยไม่ให้ขึ้นไป
ที่นี่ไม่ได้ดังแค่ไข่ดำน้าา แต่มีไอศกรีมชาโคลด้วย เขาบอกว่าช่วย detox สารพิษในร่างกาย ราคาประมาณ 300 เยน เราไม่ได้กิน เพราะว่าแค่นี้ก็หนาวพอแล้ววว
ทานอาหารกลางวันเสร็จ ก็เดินทางไปทะเลสาบอาชิ ล่องเรือโจรสลัด ใครไปช่วงมีนา แนะนำว่าให้เอาเสื้อผ้าหนาๆไปหน่อยนะคะ อุณหภูมิประมาณ 9 องศา
ลมแรงมากๆ แต่วิวก็สวยมากเช่นกันน ถึงจะล่องแค่แปปเดียว แต่มองไปรอบๆจะตื่นเต้นแค่ช่วงแรก เพราะวิวมันคล้ายๆเดิมค่ะ
หลังจากนั้นก็กลับเข้าโรงแรม ก็มีบุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์รออยู่ หลายๆคนอาจจะคิดว่าวันแรกค่อนข้างไปเที่ยวน้อย แต่เป็นเพราะเดินทางค่อนข้างนาน ออกนอกเมือง ใช้เวลาก็ประมาณ 2-3 ชั่วโมง รวมทั้งเหนื่อยจากการเดินทางมาอีกด้วยค่ะ
บุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์ ก็จะมีอย่างอื่นให้ทานด้วย อย่างที่โรงแรมของเรา มีเหมือนยำแซลม่อนให้ มีข้าวผัด ข้ามต้มปลาแซลมอน เกี๊ยว มันทอด ซุปมิโสะ สลัด เต้าหู้ นัทโตะ และอื่นๆ ของหวานก็มีผลไม้กับขนมเค้ก แล้วก็ดังโงะ แล้วก็เวลาแกะปู ให้หักตรงกลาง แล้วดึงข้างใดข้างนึงออก แล้วค่อยเอากรรไกรตัดเลาะอีกข้าง ทางทัวร์ก็จะมีน้ำจิ้มซีฟู้ดบริการให้ด้วย
โรงแรมที่เข้าพักวันนี้ ชื่อ ROUTE-INN KAWAGUCHIKO เป็นโรงแรมที่มีออนเซ็น ห้องไม่ได้ใหญ่มาก แต่สะอาดดีค่ะ ภายในห้องมีไวไฟให้นะคะ
ภายในห้องก็จะประมาณนี้นะคะ
ต่อไป คือ ไฮไลท์!!! ของโรงแรมนี้ ก็คือออนเซ็น ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปอาบสัก 3 ทุ่ม กลับกลายเป็นว่าคนเยอะมาก ก็เลยไปตอน 5 ทุ่มแทน เนื่องจากเพื่อนไม่ไป นั่งแช่น้ำร้อนในห้อง ได้แช่คนเดียวเลย
ออกมาจากออนเซ็น ถ้าใครอยากดื่มเบียร์หรือดื่มน้ำ ก็จะมีตู้ขายน้ำอัตโนมัติดักทางรออยู่
วันต่อมา...วันที่ 3 ของทัวร์นี้
ตื่นมา ให้ลองเปิดหน้าต่างออกไป ก็จะได้วิวแบบนี้เลย👇🏼
อาหารจะเป็นบุฟเฟ่ต์ตามปกติของโรงแรมเลยค่ะ ถ้าแตกต่างจากไทย ก็น่าจะตรงที่มีไข่หวาน ซุปมิโสะ หรือนัทโต๊ะให้กิน
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ ก็เดินทางต่อออ
สถานที่แรกของวันนี้ก็คือ หมู่บ้านน้ำใส (oshino hakkai) เป็นบ่อน้ำธรรมชาติ มีความเชื่อว่าน้ำไหลมาจากการละลายของหิมะบนภูเขา
หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่ยังมีคนอาศัยอยู่ตามปกตินะคะ
ถ้ามองจากหมู่บ้านนี้ จะเห็นภูเขาฟูจิแบบชัดๆเลยค่ะ
แล้วพอเข้าไปในหมู่บ้าน ที่กลางหมู่บ้านก็จะมีบ่อน้ำ ลึก 8 เมตร น้ำใสมาก เห็นปลาว่ายชัดมากๆ สีน้ำฟ้าแบบสวยมากก แล้วจะมีน้ำที่ไหลจากปากมังกร ซึ่งบางคนก็อาจจะเอามาดื่ม เอาขวดมารองน้ำ เอากลับไปใช้ที่บ้าน เอาน้ำลูบหน้า เสริมสิริมงคล บางคนบอกว่า ถ้าเอาไปหุงข้าวจะหอมมาก (อันนี้ไม่รู้ว่าจริงไหม5555 แต่สามารถดื่มได้ค่ะ) สำหรับใครที่ไม่ได้เอาขวดไป แต่อยากรองน้ำกลับไปใช้ ก็จะมีขวดขาย ราคา 100 เยน
ภายในหมู่บ้านก็จะมีของฝากขายกัน มีลูกเกด สาหร่าย ถั่วรสวาซาบิ ผักดองและอื่นๆ มีให้ชิมเยอะแยะ ชิมจนอิ่มเลย มีชาพีชกับชาเห็ดหอมที่แนะนำให้ซื้อค่ะ ส่วนของฝากแบบอื่นที่สามารถหาได้ในเมือง ถ้าซื้อในเมืองจะถูกกว่าเยอะค่ะ
พอมาที่หน้าหมู่บ้านก็จะมีมันญี่ปุ่นเผาา ถ้าเข้าไปในโตเกียว จะไม่ค่อยเจอมันญี่ปุ่นเผาขายค่ะ แนะนำว่าให้ซื้อ เราซื้อสองอัน มีลดให้ด้วย คนขายน่ารักก แล้วก็ซื้อโมจิย่าง ข้างในเป็นไส้ถั่วแดง เหนียวๆ อร่อยมากๆๆ อีกอันคือ โมจิที่เสียบไม้ แล้วมีน้ำซอสหวานๆเค็มๆราด (อันนี้เราไม่ได้กิน แต่เพื่อนบอกว่าอร่อยกว่า โมจิย่างอีก)
ต่อไปก็เดินทางไปขึ้นภูเขาฟูจิ ซึ่งในแต่ละครั้งที่ไป แล้วแต่โชคว่าใครจะได้ขึ้นไปชั้นที่เท่าไร อย่างครั้งแรกที่เราไป เราได้ขึ้นแค่ชั้น 3 ครั้งนี้ได้ขึ้นถึงชั้น 4 ก่อนขึ้น ใครที่เมารถ แนะนำว่าให้นอน เรารู้สึกว่ามันเหวี่ยงมาก ถึงแม้จะไม่เท่าตอนขึ้นดอยที่ไทย แต่ก็พอควรเลย😵
พอขึ้นไป ก็จะเหมือนให้ชมวิวซะมากกว่า เพราะไม่ค่อยน่าถ่ายรูป แถมอากาศก็หนาว ถ้าอยากถ่ายภูเขาฟูจิ ให้ถ่ายจากด้านหลังจะดูรู้เรื่องมากกว่านะคะ😂 ใครจะขึ้นไป ก็เตรียมเสื้อผ้าไปหนาๆค่ะ บางทีในพยากรณ์อาจจะเขียนว่าแค่ไม่กี่องศา สบายๆ แต่ลมมาที จะร้องไห้กันเลยทีเดียว😭
พอลงมาจากเขาปุ๊ป ก็คือกินอาหารกลางวันนั่นเอง มื้อนี้เรากิน เป็นอุด้งกับหมูราดน้ำซอสคล้ายๆซีอิ๊วหวานๆ จริงๆเราเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบกินอุด้ง แต่พอมากินที่นี่ คือเส้นมันนิ่มมาก แบบนุ่มม ใครมา ต้องลองอุด้ง!!!
อ่านต่อในคอมเม้นนะคะ