"ความอดทนอันยิ่งใหญ่จะนำมาซึ่งความสำเร็จอันใหญ่ยิ่ง" พี่โป๊ป ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นจริง


"ความอดทนอันยิ่งใหญ่จะนำมาซึ่งความสำเร็จอันใหญ่ยิ่ง"

นี่คือคำพูดหนึ่งของพี่โป๊ปที่ให้สัมภาษณ์ไว้กับนิตยสาร Secret
เขาบอกกับตัวเองเสมอว่า "ความอดทนอันยิ่งใหญ่จะนำมาซึ่งความสำเร็จอันใหญ่ยิ่ง ถ้าเราอดทน เราจะประสบความสำเร็จได้ทุกเรื่อง" และวันนี้ผู้ชายคนนี้ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า คุณค่าของการอดทนรอมันสวยงามแค่ไหน

เส้นทางการเป็นนักแสดงของ 'โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ' หรือ 'คุณพี่หมื่นสุนทรเทวา' พระเอกจากละครเรื่องบุพเพสันนิวาสที่กำลังโด่งดังทั่วบ้านทั่วเมืองอยู่ในตอนนี้ ใครจะรู้บ้างว่ากว่าเขาจะมาถึงจุดนี้ได้มันไม่ง่าย 10 กว่าปีที่ผ่านมาในวงการบันเทิง เส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ และเต็มไปด้วยขวากนามมากมายให้เขาฟันฝ่า พบเจอทั้งความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชีวิตไม่เคยได้อะไรมาง่ายๆโดยที่ไม่ต้องพยายามอะไรเลย พบเจอกับการรอคอยที่แสนยาวนานและไม่รู้ว่าต้องรอไปถึงเมื่อไหร่ แต่ผู้ชายคนนี้ก็อดทนรอและพยายามก้าวข้ามผ่านขวากหนามมากมายมาได้จนโด่งดังเป็นพลุแตกอยู่ในตอนนี้


ก่อนที่พี่โป๊ปจะมาเป็นนักแสดง เขาเรียนจบนิเทศศิลป์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และทำงานแรกในชีวิตที่บริษัทเฟอร์นิเจอร์โมเดิร์นฟอร์ม

จนเมื่อปี 2549 ทางช่อง 9 ได้มีโครงการ 'ตามหาจะเด็ด' เพื่อหาพระเอกหน้าใหม่มารับบท 'จะเด็ด' ในละคร 'ผู้ชนะสิบทิศ' เพื่อนและแม่เชียร์ให้เขาไปสมัคร แล้วในที่สุดก็ชนะได้รับเลือกให้รับบทจะเด็ด ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นของการเข้าวงการบันเทิง และเป็นบทพิสูจน์ของระยะเวลาและระยะทางของชีวิตที่เต็มไปด้วยขวางหนาม

หลังประกวดชนะ พี่โป๊ปได้ลาออกจากงานประจำที่ทำได้ประมาณ 5 เดือนเพื่อมาเป็นนักแสดงเต็มตัว และทางทีมงานได้ส่งให้ไปซ้อมขี่ม้า เรียนฟันดาบ เตรียมรับบทในละครที่จะเปิดกล้อง แต่ก็ได้รับแจ้งเลื่อนการเปิดกล้องออกไปเรื่อยๆ นักแสดงคนอื่นๆก็เริ่มหายไปหายไปทีละคน จนผ่านไป 2 ปีก็ยังไม่ได้เปิดกล้อง และเขาต้องมานั่งคิดและถามกับตัวเองว่าแล้วจะเอายังไงต่อกับชีวิตดี จะกลับไปทำงานประจำเหมือนเดิม หรือเดินหน้าต่อไปในเส้นทางการเป็นนักแสดง

"ช่วงนั้นก็แค่คิดว่า อยากไปให้ถึงความฝัน คิดว่าเราต้องทำได้ และน่าจะไปถึงตรงนั้นได้"
"ใจตอนนั้นทุกข์มาก มีแต่เรื่องราวที่ทำให้ปวดใจ นั่งร้องไห้น้อยใจในโชคชะตา เหมือนเห็นประตูรอคอยตรงหน้าจะก้าวถึงอยู่แล้วแต่ก็เหมือนมันยิ่งห่างออกไป "
นี่คือคำพูดของพี่โป๊ปที่กล่าวถึงความรู้สึกช่วงนั้นในรายการทูไนท์โชว์ เมื่อปี 2555

เมื่อยังไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิตดี เขาจึงได้ไปสมัครงานที่เอเจนซี่แห่งหนึ่ง ปรากฎว่าได้งาน และได้เงินเดือนสูงพอสมควร แต่ก็ตัดสินใจไม่ไปทำงานที่นั่น ด้วยความหวังที่ว่าจะได้เป็นนักแสดง และสู้ต่อไปเพื่อให้ได้เป็นนักแสดงโดยที่ไม่เห็นว่าทางข้างหน้าจะเป็นยังไง

ในช่วงที่ภาพยนตร์ 'พระนเรศวรภาค3' กำลังจะเปิดกล้อง เขาก็ได้ไป casting และได้รับบทเป็นทหารของพระราชมนู ตอนที่ถ่ายทำก็ได้แสดงฝีมือที่เรียนมา แต่พอภาพยนต์ออกฉายจริงกลับมีบทอยู่แค่นิดเดียว ออกมาแค่แวบๆ จนแทบจะไม่มีใครจำได้ หลังจากนั้นเขาได้รับโอกาสให้ไปเล่นภาพยนตร์เรื่อง October Sonata เป็นภาพยนตร์ที่ดีได้รับรางวัลแต่ไม่ได้ประสบความสำเร็จทางรายได้ จึงยังไม่มีใครรู้จักเขาเท่าไหร่

และต่อมาทางช่องไทยพีบีเอสได้ติดต่อมาให้ไปเล่นละครเรื่อง 'เขาชื่อกานต์' ได้รับบทพระเอก แต่หลังจากถ่ายทำจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
กลับไม่ได้ออกอากาศ

ชีวิตติดๆขัดๆมาหลายปี จึงตัดสินใจได้ว่าคงจะเป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วที่จะบวชเพราะตั้งใจจะบวชตั้งแต่เรียนจบ แต่ก็ไม่ได้บวชสักที จึงคิดว่านี่เป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วที่จะต้องบวช พี่โป๊ปบอกว่าเมื่อบวชแล้วก็ทำให้สบายขึ้นเหมือนได้เกิดใหม่ ชีวิตที่ผ่านมาขรุขระและทุกข์ใจมาตลอด ปล่อยวางได้มากขึ้น คิดว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อะไรจะได้ก็ได้ อะไรที่เป็นของเราก็เป็นของเรา
และก็คงจะเป็นอย่างที่พี่โป๊ปบอกว่าอะไรที่เป็นของเราก็เป็นของเรา หลังจากบวชไปหนึ่งพรรษาแฟนที่คบกันมาก็ได้เลิกลากันไป

หลังจากที่สึกออกมา เขาก็ได้รับการติดต่อให้มาเป็นนักแสดงรับเชิญในละคร 'ดอกส้มสีทอง' บทของ 'นัท' ผู้ชายอบอุ่นที่หลงรักเรยาอย่างบริสุทธิ์ใจ ทำให้เขาเป็นที่รู้จักและคนพูดถึงผู้ชายคนนี้พอสมควร ต่อจากนั้นมาก็ได้เล่นละครมาเรื่อยๆ

ในช่วงเวลาที่ท้อแท้และยากลำบาก แรงสนับสนุนจากคนสำคัญและครอบครัวเป็นกำลังใจและแรงผลักดันที่ดีที่สามารถสร้างพลังใจให้กับเขาได้เป็นอย่างมาก

พี่โป๊ปบอกว่าเขามีความตั้งใจอยากจะเป็นนักแสดงที่ดี ให้คนเลือกไปแสดงด้วยความสามารถ ผ่านมาหลายปี จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ผู้ชายคนนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความอดทนและความพยายามจะนำมาซึ่งความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ เขาได้รับการยอมรับและกล่าวถึงว่าเป็นนักแสดงที่ดี มีความสามารถ จนโด่งดังเป็นพลุแตกอยู่ในตอนนี้ และมาพร้อมกับฉายา "พี่หมื่นห้างแตก" ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

คุณค่าของการรอคอยและอดทนมันสวยงามอย่างนี้นี่เอง ขอบคุณพี่หมื่นที่เป็นแบบอย่างที่ดีและทำให้พวกเราได้เห็นว่าตราบใดที่เราไม่สิ้นหวังอดทนต่อทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตจะนำมาซึ่งปลายทางที่สวยงามและยิ่งใหญ่เสมอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่