จากคนธรรมดาเปลี่ยนเป็นคนไข้จิตเวชภายใน 2 ปี เพราะคนๆ เดียว

สวัสดีค่ะ จะบอกว่าเป็นคนเขียนเรื่องราวไม่ค่อยเก่งนะคะหากรูปประโยคตรงนั้นติดขัดต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าค่ะ    เราขอแทนตัวเองว่าเป็ดนะคะ  
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อนเราเจอผู้ชายคนนึงค่ะ  (จริงๆ ก่อนหน้านั้นเป็นเฟรนด์กันบนเฟสบุ๊คนานแล้วนะคะ แต่ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย)  จนวันนึงเราไม่ค่อยสบายใจค่ะ เขาก็ทักข้อความมาชวนไปกินข้าว เราก็ไปนะคะมื้อแรกตอนแรกในใจก็คิดว่าจะแชร์กันออก  แต่ทางนั้นก็ออกค่ะ (ประทับใจนะคะ ต้องบอกเลยว่าในชีวิตนี้นอกจากพ่อหรือแม่แล้วยังไม่มีใครเคยเลี้ยงข้าวเลย 555)   วันนั้นก็เมานิดหน่อยค่ะกลับไม่ไหวเขาก็ชวนกลับไปนอนที่คอนโดเขาก็ดีนะคะ เขาไม่ล่วงเกินหรือทำอะไรเลย เขาให้เรานอนบนเตียง ส่วนตัวเขาก็นอนบนพื้น   หลังจากนั้นก็เทียวไปเทียวมาเดทกันได้สัก 2-3 ครั้ง  ทางเราก็รู้สึกดีค่ะเลยถามกับเขาไปว่าลองคบกันไหม  ทางนั้นตอนคบกันบอกเงื่อนไขมาเยอะพอสมควรค่ะ   บอกว่ามีเวลาคบกันแค่ 5 ปี เพราะเขามีคู่หมั้นแล้ว เขาต้องไปแต่งงาน เขาโลกส่วนตัวสูงนั่นนี่นู้น เราก็ตอบรับโอเคอย่างเดียวค่ะ (ให้นึกถึงเวลาที่ตัวเองอยากได้อะไรมากๆ นะคะ อารมณ์นั้นเลยค่ะ  อะไรก็ได้ยอมหมด)   ขอเล่าข้ามๆ หน่อยนะคะ  รายละเอียดปลีกย่อยเยอะพอสมควร

ช่วงปีแรกที่คบกัน
เขาคบเราและผู้หญิงอีกคนนึงไปพร้อมๆ กัน   ตัวเราก็อยู่กับเขานะคะดูแลห้อง ทำความสะอาด ซักเสื้อผ้าล้างจาน  ตัวเขาขายของออนไลน์ค่ะ  เราก็สอนเราไปส่งของไปรับของ แพคของ ขายของสร้างเครดิตในโลกออนไลน์  ช่วงแรกๆ เขาก็ยังลงขายของเองปกตินะคะ แต่ช่วงหลังๆ กลายเป็นเราที่ต้องลงขายของและส่งของเองทั้งหมด    เราคบกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ตลอดนะคะ เราพยายามขอร้องให้เขาเลิกแต่เขาบอกว่าเขาเลิกไม่ได้เพราะทางนั้นคือคู่หมายที่จะต้องแต่งงานกันในอีก 5 ปีข้างหน้า  ก็ทู่ซี่ทนคบกันไปเรื่อยๆ ค่ะ  ช่วงนี้เรามีอาการซึมเศร้า(ร้องไห้ไม่มีสาเหตุ นอนไม่หลับ)แต่ก็ยังไม่หนักมากค่ะเลยคิดว่ายังไม่ต้องไปพบแพทย์ให้เป็นเรื่องใหญ่หรอก     เจ็บมากนะคะตลอดเวลาที่เขาอยู่กับเราแต่เขาก็แชทบอกทางนั้นเหมือนกันทุกอย่างเลย  อย่างเมื่อตอนสิ้นปีต้องไปส่งของให้ลูกค้าที่สุวรรณภูมิเราเดินอยู่ข้างๆ เขาค่ะ แบกกล่องพัสดุอยู่ประมาณ 6-7 ใบ (กล่องประมาณกล่อง ง ค่ะ)   ส่วนตัวเขาก็เดินถือมือถือ แชทไปกับผู้หญิงคนนั้น  เจ็บมากตอนที่บังเอิญไปเห็นไลน์ของเขากับผู้หญิงคนนั้นน่ะค่ะ  เขาพิมพ์ว่า "เนี้ย วันนี้ต้องมาส่งของที่สุวรรณภูมิเหนื่อยมากๆ"  (5555) น้ำตาไหลเลยค่ะ   คนที่ถือกล่อง คนที่เดินข้างๆ เขา คนที่ถือของให้เขาเหมือนอากาศเลย    

อีกเหตุการณ์นึงก็เป็นเรื่องผู้หญิงคนนั้นก็เล่นกล้องเหมือนกันค่ะ (DSLR) แล้วแฟนเก่าเราคนนี้เขาก็มีกล้องค่ะ   ทางนั้นก็ขอยืม (เห็นว่าให้ยืมกันมานานมากแล้วนะคะ  ยืมไปยืมมา ไม่ทราบละเอียด)   ผู้หญิงคนนั้นรอรับของอยู่ที่สถานีอ่อนนุชนะคะ  ส่วนเราที่มากับเขาเนี้ย เขาให้เรายืนรออยู่ตรง BTS ใกล้ๆ เอมควาเรี่ยมจำชื่อสถานีไม่ได้    ยืนรอไปน้ำตาไหลไปค่ะ เจ็บมากอยากเดินออก  แต่คำว่ารักอะค่ะมันบังอยู่ตรงนี้ //ชี้ที่ตา

แล้วก็อีกเหตุการณ์ที่ไม่ลืม มีวันนึงค่ะ เขามาบอกเราช่วงตอนนั้นน่าจะเย็นแล้วค่ะบอกว่าเนี้ยต้องไปพัทยาคืนนี้เลย  เราก็อ๋อออ เอาสิขอไปด้วยนะ อยากไปเหมือนกันเลย   เขาทะเลาะกับเราใหญ่โตมากค่ะเหตุการณ์นี้  เขาบอกกับเราว่าเขาต้องไปถ่ายงานโรงเรียน(งานโรงเรียน พัทยา ตอนกลางคืน?)  สรุปมาไล่ดูไทม์ไลน์เขากับผู้หญิงคนนึงค่ะ  ตรงกันเลย  สรุปว่าเขาไปพัทยากับผู้หญิงคนนี้ค่ะ  มีรูปบางส่วนที่ถ่ายในโลเคชั่นที่ดูก็รู้ค่ะว่าเป็นในห้องโรงแรม (เขาอ้างว่าก็ฝนมันตกเลยเปิดห้องเดียว ไม่ได้เปิดแยก)  

ช่วงที่ปีสอง
ปีนี้ไม่ค่อยมีเหตุการณ์อะไรมากมายค่ะ  กับทางผู้หญิงคนแรกที่คบซ้อนช่วงปีแรกหายไปไร้ร่องรอยค่ะ    ผู้หญิงที่ไปพัทยาด้วยกันก็หายไปไม่มีสาเหตุ
แต่เหตุการณ์สำคัญปีนี้จะเป็นเรื่องธุรกิจค่ะ   ที่เราท้าวความไปช่วงแรกนะคะว่าเขาขายของออนไลน์ แต่ช่วงหลังๆ เราไม่มั่นใจเรื่องการใช้จ่ายของเขาเท่าไหร่นะคะ แต่เงินที่หากันได้เท่าไหร่ส่วนใหญ่ก็เข้ากองกลางกินใช้กันทั้งคู่ แต่ทีนี้มันมีเหตุการณ์ที่ว่าเขาหมุนเงินลูกค้าไม่ทันแล้วสั่งของให้ลูกค้าไม่ได้  ทำให้เขาเริ่มโดนลูกค้าทวงของ  พอลูกค้าทวงของหนักๆ เขาก็ไม่ตอบ แล้วให้เรามาช่วยตอบแทน   จนวันนึงเฟสบุ๊คเขาโดนบล็อคเนื่องจากโพสเนื้อหาไม่เหมาะสมน่าจะโดนไปประมาณ 7 วันนะคะ   เราก็แบบแฟนเนอะ กลัวเขาคุยกับลูกค้าไม่ได้  เอาบัญชีเฟสบุ๊คให้ใช้ค่ะ หลังจากนั้นเขาก็ใช้บัญชีเฟสบุ๊คเรามาเรื่อยๆ เลยค่ะ ไม่ยอมกลับไปใช้เฟสบุ๊คตัวเอง คือแรกๆ เราโอเคนะคะ แต่หลังๆ มันกลายเป็นเฟสบุ๊คเราที่เราโพสอะไรที่เป็นเราเองไม่ได้เลย   แล้วเป็นอย่างนี้มาเรื่อยๆ ค่ะ  บัญชีธนาคารที่ใช้ก็เป็นชื่อเราทั้งหมด  เราเคยขอร้องให้เขากลับไปใช้บัญชีตัวเองนะคะ แต่เราก็บอกว่าจะกลับไปใช้ก็ต่อเมื่อมีเงินใช้คื นลูกค้าแล้วเท่านั้น (ตัวเขาบอกว่ามีหนี้ 2 แสน ตั้งแต่ก่อนคบเราจนตอนนี้เลิกกับเราก็ยังเท่าเดิมค่ะ งงเหมือนกัน)   ปีนี้ช่วงกลางปีเราเริ่มมีอาการซึมเศร้ารุนแรงขึ้นค่ะ มีทำร้ายตัวเอง เคยมีหนักๆ ก็นอนๆ อยู่เห็นภาพหลอนแล้วก็หูแว่วค่ะ (หนักมากเลย)   บางวันก็ร้องไห้ไม่มีสาเหตุคิดถึงเหตการณ์เก่าๆ ที่ผ่านๆ มา    มีหนักสุดน่าจะช่วงปลายปีนะคะกินยาฆ่าตัวตายแต่ไม่ตายเพราะคิดว่าอยู่ต่อไปไม่ไหว รู้สึกเหมือนโดนกลืนตัวตนไปหมดแล้วไม่เหลืออะไรให้ต้องอยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว  


เหตุการณ์ช่วงต้นปีที่ผ่านมาค่ะ (จุดแตกหักที่ทำให้เลิก)
ตอนที่เราอยู่กับเขาต้องบอกเลยว่าเขามักจะติเราตลอดค่ะ  ว่าเราร่างกายสูงเกินไป บ่ากว้างเกินไป ผิวไม่ดี ผิวไม่เนียนต่างๆ นาๆ  จนเรารู้สึกไม่มั่นใจ   เราเลยสร้างกลุ่มๆ นึงขึ้นมาค่ะ เป็นกลุ่มสำหรับขายรูปทำนองนี้แหละค่ะ   ก็ดีนะคะ เรารู้สึกดีขึ้นที่มีคนยอมรับ ที่มีคนเห็นร่างกายเราแล้วไม่ได้ด่าหรือติเตียนจนเรารู้สึกว่าเราเป็นขยะ   แล้วก็มีลูกค้าเขาคนนึงค่ะอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย  แล้วส่วนตัวแฟนเก่าเราเนี้ยติดหนี้ลูกค้าคนนี้อยู่ 5500฿  เขาก็เอาเฟสบุ๊คเราไปตกลงกับลูกค้าเรียบร้อยเลยค่ะ ว่าเราจะให้ภาพที่เราขายเนี้ยแลกกับหนี้ทั้งหมด 5500 ที่ติดไว้   เราก็บอกเขานะคะว่าเราไม่โอเค  แต่เราก็ตีหน้ามึนบอกมาค่ะว่าก็ตกลงไปแล้ว   เราก็ถูกมัดมือชกค่ะ ก็ต้องส่งไป หลังจากวันนั้นมาความรู้สึกเราก็ไม่โอเคแล้วค่ะ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสิ่งของที่ใครจะขายอะไรยังไงก็ได้   เราเคยแนะนำให้เราไปขาย xxx ให้เด็กคนนึงด้วยนะคะ  (เราบอกไม่ได้เรียกนอกใจหรอกแบบเนี้ย เพราะเธอกับเราคบกันมาก็ไม่เคยมีอะไรกันอยู่แล้ว)  จริงๆ นะคะ  คบกันมา 2 ปีไม่เคยมีอะไรกันเลย  ส่วนตัวเขาก็ยังมีอารมณ์กับทุกสิ่งยกเว้นตัวเรา    มันเลยทำให้เรารู้สึกเกลียดตัวเองค่ะ  รู้สึกเหมือนเป็นขยะ เป็นตัวอะไรสักอย่างที่น่ารังเกียจมากจนเขาไม่แตะต้อง    หลังจากนั้นก็มีคนเข้ามาในชีวิตเราค่ะ เป็นกลางๆ โอเคนะคะ ทัศนคติต่างๆ และประโยคนึงที่เขาพูดแล้วทำให้เราร้องไห้หนักมากคือ "กลับไปเรียนให้จบเถอะ ถือว่าเค้าขอร้องนะ   ถ้าไม่พอขาดเหลือเค้าช่วยได้เค้าจะช่วยนะ"   น้ำตาแตกค่ะ ไม่เคยเจอคนที่มาพูดแบบนี้ หลังจากวันนั้นเลยติดสิ้นใจจะเลิกกับทางคนเดิมขาดเลยค่ะเพราะหลายๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมามันก็หนักหนาพอแล้ว   เขาบอกกับเราว่า "คิดว่าเราจะทนลำบากกับเขาได้มากกว่านี้ซะอีก พอเจอคนที่รวยกว่าก็ทิ้งเขาไป"   ทุกวันนี้เขาก็ยังมีชีวิตกับการหลอกลวงคนอื่นไปเรื่อยค่ะ  ว่าตัวเองติดคุกแล้วเพิ่งออกจากคุกมาไม่มีงานทำต่างๆ นาๆ     ส่วนตัวเราพอออกมาแล้วสิ่งที่ทำคือไปหาหมอค่ะ  หมอวิเคราะห์ว่าเป็นไบโพลาร์ต้องรับยาต่อเนื่อง (แต่หมอไม่ให้ยาเยอะนะคะ หมอบอกกลัวคิดสั้นกินยาเกินขนาดอีก)   แต่ออกมาจากชีวิตเราแล้วก็ดีขึ้นค่ะ หลายๆ อย่าง   ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ก็ขอบคุณมากๆ นะคะ ที่รับฟังเราระบาย  เพราะเรารู้สึกแย่มากๆ  อยากระบายให้ใครสักคนฟัง   อยากโดนกอดแบบไม่มีเงื่อนไข (หลายคนที่ผ่านมาในชีวิตเราทุกคนมีเงื่อนไขในการกอด ไม่ว่าจะเงิน ร่างกาย Sex หรือผลประโยชน์ฯลฯ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่