สวัสดีค่ะ จะบอกว่าเป็นคนเขียนเรื่องราวไม่ค่อยเก่งนะคะหากรูปประโยคตรงนั้นติดขัดต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าค่ะ เราขอแทนตัวเองว่าเป็ดนะคะ
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อนเราเจอผู้ชายคนนึงค่ะ (จริงๆ ก่อนหน้านั้นเป็นเฟรนด์กันบนเฟสบุ๊คนานแล้วนะคะ แต่ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย) จนวันนึงเราไม่ค่อยสบายใจค่ะ เขาก็ทักข้อความมาชวนไปกินข้าว เราก็ไปนะคะมื้อแรกตอนแรกในใจก็คิดว่าจะแชร์กันออก แต่ทางนั้นก็ออกค่ะ (ประทับใจนะคะ ต้องบอกเลยว่าในชีวิตนี้นอกจากพ่อหรือแม่แล้วยังไม่มีใครเคยเลี้ยงข้าวเลย 555) วันนั้นก็เมานิดหน่อยค่ะกลับไม่ไหวเขาก็ชวนกลับไปนอนที่คอนโดเขาก็ดีนะคะ เขาไม่ล่วงเกินหรือทำอะไรเลย เขาให้เรานอนบนเตียง ส่วนตัวเขาก็นอนบนพื้น หลังจากนั้นก็เทียวไปเทียวมาเดทกันได้สัก 2-3 ครั้ง ทางเราก็รู้สึกดีค่ะเลยถามกับเขาไปว่าลองคบกันไหม ทางนั้นตอนคบกันบอกเงื่อนไขมาเยอะพอสมควรค่ะ บอกว่ามีเวลาคบกันแค่ 5 ปี เพราะเขามีคู่หมั้นแล้ว เขาต้องไปแต่งงาน เขาโลกส่วนตัวสูงนั่นนี่นู้น เราก็ตอบรับโอเคอย่างเดียวค่ะ (ให้นึกถึงเวลาที่ตัวเองอยากได้อะไรมากๆ นะคะ อารมณ์นั้นเลยค่ะ อะไรก็ได้ยอมหมด) ขอเล่าข้ามๆ หน่อยนะคะ รายละเอียดปลีกย่อยเยอะพอสมควร
ช่วงปีแรกที่คบกัน
เขาคบเราและผู้หญิงอีกคนนึงไปพร้อมๆ กัน ตัวเราก็อยู่กับเขานะคะดูแลห้อง ทำความสะอาด ซักเสื้อผ้าล้างจาน ตัวเขาขายของออนไลน์ค่ะ เราก็สอนเราไปส่งของไปรับของ แพคของ ขายของสร้างเครดิตในโลกออนไลน์ ช่วงแรกๆ เขาก็ยังลงขายของเองปกตินะคะ แต่ช่วงหลังๆ กลายเป็นเราที่ต้องลงขายของและส่งของเองทั้งหมด เราคบกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ตลอดนะคะ เราพยายามขอร้องให้เขาเลิกแต่เขาบอกว่าเขาเลิกไม่ได้เพราะทางนั้นคือคู่หมายที่จะต้องแต่งงานกันในอีก 5 ปีข้างหน้า ก็ทู่ซี่ทนคบกันไปเรื่อยๆ ค่ะ ช่วงนี้เรามีอาการซึมเศร้า(ร้องไห้ไม่มีสาเหตุ นอนไม่หลับ)แต่ก็ยังไม่หนักมากค่ะเลยคิดว่ายังไม่ต้องไปพบแพทย์ให้เป็นเรื่องใหญ่หรอก เจ็บมากนะคะตลอดเวลาที่เขาอยู่กับเราแต่เขาก็แชทบอกทางนั้นเหมือนกันทุกอย่างเลย อย่างเมื่อตอนสิ้นปีต้องไปส่งของให้ลูกค้าที่สุวรรณภูมิเราเดินอยู่ข้างๆ เขาค่ะ แบกกล่องพัสดุอยู่ประมาณ 6-7 ใบ (กล่องประมาณกล่อง ง ค่ะ) ส่วนตัวเขาก็เดินถือมือถือ แชทไปกับผู้หญิงคนนั้น เจ็บมากตอนที่บังเอิญไปเห็นไลน์ของเขากับผู้หญิงคนนั้นน่ะค่ะ เขาพิมพ์ว่า "เนี้ย วันนี้ต้องมาส่งของที่สุวรรณภูมิเหนื่อยมากๆ" (5555) น้ำตาไหลเลยค่ะ คนที่ถือกล่อง คนที่เดินข้างๆ เขา คนที่ถือของให้เขาเหมือนอากาศเลย
อีกเหตุการณ์นึงก็เป็นเรื่องผู้หญิงคนนั้นก็เล่นกล้องเหมือนกันค่ะ (DSLR) แล้วแฟนเก่าเราคนนี้เขาก็มีกล้องค่ะ ทางนั้นก็ขอยืม (เห็นว่าให้ยืมกันมานานมากแล้วนะคะ ยืมไปยืมมา ไม่ทราบละเอียด) ผู้หญิงคนนั้นรอรับของอยู่ที่สถานีอ่อนนุชนะคะ ส่วนเราที่มากับเขาเนี้ย เขาให้เรายืนรออยู่ตรง BTS ใกล้ๆ เอมควาเรี่ยมจำชื่อสถานีไม่ได้ ยืนรอไปน้ำตาไหลไปค่ะ เจ็บมากอยากเดินออก แต่คำว่ารักอะค่ะมันบังอยู่ตรงนี้ //ชี้ที่ตา
แล้วก็อีกเหตุการณ์ที่ไม่ลืม มีวันนึงค่ะ เขามาบอกเราช่วงตอนนั้นน่าจะเย็นแล้วค่ะบอกว่าเนี้ยต้องไปพัทยาคืนนี้เลย เราก็อ๋อออ เอาสิขอไปด้วยนะ อยากไปเหมือนกันเลย เขาทะเลาะกับเราใหญ่โตมากค่ะเหตุการณ์นี้ เขาบอกกับเราว่าเขาต้องไปถ่ายงานโรงเรียน(งานโรงเรียน พัทยา ตอนกลางคืน?) สรุปมาไล่ดูไทม์ไลน์เขากับผู้หญิงคนนึงค่ะ ตรงกันเลย สรุปว่าเขาไปพัทยากับผู้หญิงคนนี้ค่ะ มีรูปบางส่วนที่ถ่ายในโลเคชั่นที่ดูก็รู้ค่ะว่าเป็นในห้องโรงแรม (เขาอ้างว่าก็ฝนมันตกเลยเปิดห้องเดียว ไม่ได้เปิดแยก)
ช่วงที่ปีสอง
ปีนี้ไม่ค่อยมีเหตุการณ์อะไรมากมายค่ะ กับทางผู้หญิงคนแรกที่คบซ้อนช่วงปีแรกหายไปไร้ร่องรอยค่ะ ผู้หญิงที่ไปพัทยาด้วยกันก็หายไปไม่มีสาเหตุ
แต่เหตุการณ์สำคัญปีนี้จะเป็นเรื่องธุรกิจค่ะ ที่เราท้าวความไปช่วงแรกนะคะว่าเขาขายของออนไลน์ แต่ช่วงหลังๆ เราไม่มั่นใจเรื่องการใช้จ่ายของเขาเท่าไหร่นะคะ แต่เงินที่หากันได้เท่าไหร่ส่วนใหญ่ก็เข้ากองกลางกินใช้กันทั้งคู่ แต่ทีนี้มันมีเหตุการณ์ที่ว่าเขาหมุนเงินลูกค้าไม่ทันแล้วสั่งของให้ลูกค้าไม่ได้ ทำให้เขาเริ่มโดนลูกค้าทวงของ พอลูกค้าทวงของหนักๆ เขาก็ไม่ตอบ แล้วให้เรามาช่วยตอบแทน จนวันนึงเฟสบุ๊คเขาโดนบล็อคเนื่องจากโพสเนื้อหาไม่เหมาะสมน่าจะโดนไปประมาณ 7 วันนะคะ เราก็แบบแฟนเนอะ กลัวเขาคุยกับลูกค้าไม่ได้ เอาบัญชีเฟสบุ๊คให้ใช้ค่ะ หลังจากนั้นเขาก็ใช้บัญชีเฟสบุ๊คเรามาเรื่อยๆ เลยค่ะ ไม่ยอมกลับไปใช้เฟสบุ๊คตัวเอง คือแรกๆ เราโอเคนะคะ แต่หลังๆ มันกลายเป็นเฟสบุ๊คเราที่เราโพสอะไรที่เป็นเราเองไม่ได้เลย แล้วเป็นอย่างนี้มาเรื่อยๆ ค่ะ บัญชีธนาคารที่ใช้ก็เป็นชื่อเราทั้งหมด เราเคยขอร้องให้เขากลับไปใช้บัญชีตัวเองนะคะ แต่เราก็บอกว่าจะกลับไปใช้ก็ต่อเมื่อมีเงินใช้คื นลูกค้าแล้วเท่านั้น (ตัวเขาบอกว่ามีหนี้ 2 แสน ตั้งแต่ก่อนคบเราจนตอนนี้เลิกกับเราก็ยังเท่าเดิมค่ะ งงเหมือนกัน) ปีนี้ช่วงกลางปีเราเริ่มมีอาการซึมเศร้ารุนแรงขึ้นค่ะ มีทำร้ายตัวเอง เคยมีหนักๆ ก็นอนๆ อยู่เห็นภาพหลอนแล้วก็หูแว่วค่ะ (หนักมากเลย) บางวันก็ร้องไห้ไม่มีสาเหตุคิดถึงเหตการณ์เก่าๆ ที่ผ่านๆ มา มีหนักสุดน่าจะช่วงปลายปีนะคะกินยาฆ่าตัวตายแต่ไม่ตายเพราะคิดว่าอยู่ต่อไปไม่ไหว รู้สึกเหมือนโดนกลืนตัวตนไปหมดแล้วไม่เหลืออะไรให้ต้องอยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว
เหตุการณ์ช่วงต้นปีที่ผ่านมาค่ะ (จุดแตกหักที่ทำให้เลิก)
ตอนที่เราอยู่กับเขาต้องบอกเลยว่าเขามักจะติเราตลอดค่ะ ว่าเราร่างกายสูงเกินไป บ่ากว้างเกินไป ผิวไม่ดี ผิวไม่เนียนต่างๆ นาๆ จนเรารู้สึกไม่มั่นใจ เราเลยสร้างกลุ่มๆ นึงขึ้นมาค่ะ เป็นกลุ่มสำหรับขายรูปทำนองนี้แหละค่ะ ก็ดีนะคะ เรารู้สึกดีขึ้นที่มีคนยอมรับ ที่มีคนเห็นร่างกายเราแล้วไม่ได้ด่าหรือติเตียนจนเรารู้สึกว่าเราเป็นขยะ แล้วก็มีลูกค้าเขาคนนึงค่ะอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย แล้วส่วนตัวแฟนเก่าเราเนี้ยติดหนี้ลูกค้าคนนี้อยู่ 5500฿ เขาก็เอาเฟสบุ๊คเราไปตกลงกับลูกค้าเรียบร้อยเลยค่ะ ว่าเราจะให้ภาพที่เราขายเนี้ยแลกกับหนี้ทั้งหมด 5500 ที่ติดไว้ เราก็บอกเขานะคะว่าเราไม่โอเค แต่เราก็ตีหน้ามึนบอกมาค่ะว่าก็ตกลงไปแล้ว เราก็ถูกมัดมือชกค่ะ ก็ต้องส่งไป หลังจากวันนั้นมาความรู้สึกเราก็ไม่โอเคแล้วค่ะ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสิ่งของที่ใครจะขายอะไรยังไงก็ได้ เราเคยแนะนำให้เราไปขาย xxx ให้เด็กคนนึงด้วยนะคะ (เราบอกไม่ได้เรียกนอกใจหรอกแบบเนี้ย เพราะเธอกับเราคบกันมาก็ไม่เคยมีอะไรกันอยู่แล้ว) จริงๆ นะคะ คบกันมา 2 ปีไม่เคยมีอะไรกันเลย ส่วนตัวเขาก็ยังมีอารมณ์กับทุกสิ่งยกเว้นตัวเรา มันเลยทำให้เรารู้สึกเกลียดตัวเองค่ะ รู้สึกเหมือนเป็นขยะ เป็นตัวอะไรสักอย่างที่น่ารังเกียจมากจนเขาไม่แตะต้อง หลังจากนั้นก็มีคนเข้ามาในชีวิตเราค่ะ เป็นกลางๆ โอเคนะคะ ทัศนคติต่างๆ และประโยคนึงที่เขาพูดแล้วทำให้เราร้องไห้หนักมากคือ "กลับไปเรียนให้จบเถอะ ถือว่าเค้าขอร้องนะ ถ้าไม่พอขาดเหลือเค้าช่วยได้เค้าจะช่วยนะ" น้ำตาแตกค่ะ ไม่เคยเจอคนที่มาพูดแบบนี้ หลังจากวันนั้นเลยติดสิ้นใจจะเลิกกับทางคนเดิมขาดเลยค่ะเพราะหลายๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมามันก็หนักหนาพอแล้ว เขาบอกกับเราว่า "คิดว่าเราจะทนลำบากกับเขาได้มากกว่านี้ซะอีก พอเจอคนที่รวยกว่าก็ทิ้งเขาไป" ทุกวันนี้เขาก็ยังมีชีวิตกับการหลอกลวงคนอื่นไปเรื่อยค่ะ ว่าตัวเองติดคุกแล้วเพิ่งออกจากคุกมาไม่มีงานทำต่างๆ นาๆ ส่วนตัวเราพอออกมาแล้วสิ่งที่ทำคือไปหาหมอค่ะ หมอวิเคราะห์ว่าเป็นไบโพลาร์ต้องรับยาต่อเนื่อง (แต่หมอไม่ให้ยาเยอะนะคะ หมอบอกกลัวคิดสั้นกินยาเกินขนาดอีก) แต่ออกมาจากชีวิตเราแล้วก็ดีขึ้นค่ะ หลายๆ อย่าง ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ก็ขอบคุณมากๆ นะคะ ที่รับฟังเราระบาย เพราะเรารู้สึกแย่มากๆ อยากระบายให้ใครสักคนฟัง อยากโดนกอดแบบไม่มีเงื่อนไข (หลายคนที่ผ่านมาในชีวิตเราทุกคนมีเงื่อนไขในการกอด ไม่ว่าจะเงิน ร่างกาย Sex หรือผลประโยชน์ฯลฯ)
จากคนธรรมดาเปลี่ยนเป็นคนไข้จิตเวชภายใน 2 ปี เพราะคนๆ เดียว
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อนเราเจอผู้ชายคนนึงค่ะ (จริงๆ ก่อนหน้านั้นเป็นเฟรนด์กันบนเฟสบุ๊คนานแล้วนะคะ แต่ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย) จนวันนึงเราไม่ค่อยสบายใจค่ะ เขาก็ทักข้อความมาชวนไปกินข้าว เราก็ไปนะคะมื้อแรกตอนแรกในใจก็คิดว่าจะแชร์กันออก แต่ทางนั้นก็ออกค่ะ (ประทับใจนะคะ ต้องบอกเลยว่าในชีวิตนี้นอกจากพ่อหรือแม่แล้วยังไม่มีใครเคยเลี้ยงข้าวเลย 555) วันนั้นก็เมานิดหน่อยค่ะกลับไม่ไหวเขาก็ชวนกลับไปนอนที่คอนโดเขาก็ดีนะคะ เขาไม่ล่วงเกินหรือทำอะไรเลย เขาให้เรานอนบนเตียง ส่วนตัวเขาก็นอนบนพื้น หลังจากนั้นก็เทียวไปเทียวมาเดทกันได้สัก 2-3 ครั้ง ทางเราก็รู้สึกดีค่ะเลยถามกับเขาไปว่าลองคบกันไหม ทางนั้นตอนคบกันบอกเงื่อนไขมาเยอะพอสมควรค่ะ บอกว่ามีเวลาคบกันแค่ 5 ปี เพราะเขามีคู่หมั้นแล้ว เขาต้องไปแต่งงาน เขาโลกส่วนตัวสูงนั่นนี่นู้น เราก็ตอบรับโอเคอย่างเดียวค่ะ (ให้นึกถึงเวลาที่ตัวเองอยากได้อะไรมากๆ นะคะ อารมณ์นั้นเลยค่ะ อะไรก็ได้ยอมหมด) ขอเล่าข้ามๆ หน่อยนะคะ รายละเอียดปลีกย่อยเยอะพอสมควร
ช่วงปีแรกที่คบกัน
เขาคบเราและผู้หญิงอีกคนนึงไปพร้อมๆ กัน ตัวเราก็อยู่กับเขานะคะดูแลห้อง ทำความสะอาด ซักเสื้อผ้าล้างจาน ตัวเขาขายของออนไลน์ค่ะ เราก็สอนเราไปส่งของไปรับของ แพคของ ขายของสร้างเครดิตในโลกออนไลน์ ช่วงแรกๆ เขาก็ยังลงขายของเองปกตินะคะ แต่ช่วงหลังๆ กลายเป็นเราที่ต้องลงขายของและส่งของเองทั้งหมด เราคบกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ตลอดนะคะ เราพยายามขอร้องให้เขาเลิกแต่เขาบอกว่าเขาเลิกไม่ได้เพราะทางนั้นคือคู่หมายที่จะต้องแต่งงานกันในอีก 5 ปีข้างหน้า ก็ทู่ซี่ทนคบกันไปเรื่อยๆ ค่ะ ช่วงนี้เรามีอาการซึมเศร้า(ร้องไห้ไม่มีสาเหตุ นอนไม่หลับ)แต่ก็ยังไม่หนักมากค่ะเลยคิดว่ายังไม่ต้องไปพบแพทย์ให้เป็นเรื่องใหญ่หรอก เจ็บมากนะคะตลอดเวลาที่เขาอยู่กับเราแต่เขาก็แชทบอกทางนั้นเหมือนกันทุกอย่างเลย อย่างเมื่อตอนสิ้นปีต้องไปส่งของให้ลูกค้าที่สุวรรณภูมิเราเดินอยู่ข้างๆ เขาค่ะ แบกกล่องพัสดุอยู่ประมาณ 6-7 ใบ (กล่องประมาณกล่อง ง ค่ะ) ส่วนตัวเขาก็เดินถือมือถือ แชทไปกับผู้หญิงคนนั้น เจ็บมากตอนที่บังเอิญไปเห็นไลน์ของเขากับผู้หญิงคนนั้นน่ะค่ะ เขาพิมพ์ว่า "เนี้ย วันนี้ต้องมาส่งของที่สุวรรณภูมิเหนื่อยมากๆ" (5555) น้ำตาไหลเลยค่ะ คนที่ถือกล่อง คนที่เดินข้างๆ เขา คนที่ถือของให้เขาเหมือนอากาศเลย
อีกเหตุการณ์นึงก็เป็นเรื่องผู้หญิงคนนั้นก็เล่นกล้องเหมือนกันค่ะ (DSLR) แล้วแฟนเก่าเราคนนี้เขาก็มีกล้องค่ะ ทางนั้นก็ขอยืม (เห็นว่าให้ยืมกันมานานมากแล้วนะคะ ยืมไปยืมมา ไม่ทราบละเอียด) ผู้หญิงคนนั้นรอรับของอยู่ที่สถานีอ่อนนุชนะคะ ส่วนเราที่มากับเขาเนี้ย เขาให้เรายืนรออยู่ตรง BTS ใกล้ๆ เอมควาเรี่ยมจำชื่อสถานีไม่ได้ ยืนรอไปน้ำตาไหลไปค่ะ เจ็บมากอยากเดินออก แต่คำว่ารักอะค่ะมันบังอยู่ตรงนี้ //ชี้ที่ตา
แล้วก็อีกเหตุการณ์ที่ไม่ลืม มีวันนึงค่ะ เขามาบอกเราช่วงตอนนั้นน่าจะเย็นแล้วค่ะบอกว่าเนี้ยต้องไปพัทยาคืนนี้เลย เราก็อ๋อออ เอาสิขอไปด้วยนะ อยากไปเหมือนกันเลย เขาทะเลาะกับเราใหญ่โตมากค่ะเหตุการณ์นี้ เขาบอกกับเราว่าเขาต้องไปถ่ายงานโรงเรียน(งานโรงเรียน พัทยา ตอนกลางคืน?) สรุปมาไล่ดูไทม์ไลน์เขากับผู้หญิงคนนึงค่ะ ตรงกันเลย สรุปว่าเขาไปพัทยากับผู้หญิงคนนี้ค่ะ มีรูปบางส่วนที่ถ่ายในโลเคชั่นที่ดูก็รู้ค่ะว่าเป็นในห้องโรงแรม (เขาอ้างว่าก็ฝนมันตกเลยเปิดห้องเดียว ไม่ได้เปิดแยก)
ช่วงที่ปีสอง
ปีนี้ไม่ค่อยมีเหตุการณ์อะไรมากมายค่ะ กับทางผู้หญิงคนแรกที่คบซ้อนช่วงปีแรกหายไปไร้ร่องรอยค่ะ ผู้หญิงที่ไปพัทยาด้วยกันก็หายไปไม่มีสาเหตุ
แต่เหตุการณ์สำคัญปีนี้จะเป็นเรื่องธุรกิจค่ะ ที่เราท้าวความไปช่วงแรกนะคะว่าเขาขายของออนไลน์ แต่ช่วงหลังๆ เราไม่มั่นใจเรื่องการใช้จ่ายของเขาเท่าไหร่นะคะ แต่เงินที่หากันได้เท่าไหร่ส่วนใหญ่ก็เข้ากองกลางกินใช้กันทั้งคู่ แต่ทีนี้มันมีเหตุการณ์ที่ว่าเขาหมุนเงินลูกค้าไม่ทันแล้วสั่งของให้ลูกค้าไม่ได้ ทำให้เขาเริ่มโดนลูกค้าทวงของ พอลูกค้าทวงของหนักๆ เขาก็ไม่ตอบ แล้วให้เรามาช่วยตอบแทน จนวันนึงเฟสบุ๊คเขาโดนบล็อคเนื่องจากโพสเนื้อหาไม่เหมาะสมน่าจะโดนไปประมาณ 7 วันนะคะ เราก็แบบแฟนเนอะ กลัวเขาคุยกับลูกค้าไม่ได้ เอาบัญชีเฟสบุ๊คให้ใช้ค่ะ หลังจากนั้นเขาก็ใช้บัญชีเฟสบุ๊คเรามาเรื่อยๆ เลยค่ะ ไม่ยอมกลับไปใช้เฟสบุ๊คตัวเอง คือแรกๆ เราโอเคนะคะ แต่หลังๆ มันกลายเป็นเฟสบุ๊คเราที่เราโพสอะไรที่เป็นเราเองไม่ได้เลย แล้วเป็นอย่างนี้มาเรื่อยๆ ค่ะ บัญชีธนาคารที่ใช้ก็เป็นชื่อเราทั้งหมด เราเคยขอร้องให้เขากลับไปใช้บัญชีตัวเองนะคะ แต่เราก็บอกว่าจะกลับไปใช้ก็ต่อเมื่อมีเงินใช้คื นลูกค้าแล้วเท่านั้น (ตัวเขาบอกว่ามีหนี้ 2 แสน ตั้งแต่ก่อนคบเราจนตอนนี้เลิกกับเราก็ยังเท่าเดิมค่ะ งงเหมือนกัน) ปีนี้ช่วงกลางปีเราเริ่มมีอาการซึมเศร้ารุนแรงขึ้นค่ะ มีทำร้ายตัวเอง เคยมีหนักๆ ก็นอนๆ อยู่เห็นภาพหลอนแล้วก็หูแว่วค่ะ (หนักมากเลย) บางวันก็ร้องไห้ไม่มีสาเหตุคิดถึงเหตการณ์เก่าๆ ที่ผ่านๆ มา มีหนักสุดน่าจะช่วงปลายปีนะคะกินยาฆ่าตัวตายแต่ไม่ตายเพราะคิดว่าอยู่ต่อไปไม่ไหว รู้สึกเหมือนโดนกลืนตัวตนไปหมดแล้วไม่เหลืออะไรให้ต้องอยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว
เหตุการณ์ช่วงต้นปีที่ผ่านมาค่ะ (จุดแตกหักที่ทำให้เลิก)
ตอนที่เราอยู่กับเขาต้องบอกเลยว่าเขามักจะติเราตลอดค่ะ ว่าเราร่างกายสูงเกินไป บ่ากว้างเกินไป ผิวไม่ดี ผิวไม่เนียนต่างๆ นาๆ จนเรารู้สึกไม่มั่นใจ เราเลยสร้างกลุ่มๆ นึงขึ้นมาค่ะ เป็นกลุ่มสำหรับขายรูปทำนองนี้แหละค่ะ ก็ดีนะคะ เรารู้สึกดีขึ้นที่มีคนยอมรับ ที่มีคนเห็นร่างกายเราแล้วไม่ได้ด่าหรือติเตียนจนเรารู้สึกว่าเราเป็นขยะ แล้วก็มีลูกค้าเขาคนนึงค่ะอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย แล้วส่วนตัวแฟนเก่าเราเนี้ยติดหนี้ลูกค้าคนนี้อยู่ 5500฿ เขาก็เอาเฟสบุ๊คเราไปตกลงกับลูกค้าเรียบร้อยเลยค่ะ ว่าเราจะให้ภาพที่เราขายเนี้ยแลกกับหนี้ทั้งหมด 5500 ที่ติดไว้ เราก็บอกเขานะคะว่าเราไม่โอเค แต่เราก็ตีหน้ามึนบอกมาค่ะว่าก็ตกลงไปแล้ว เราก็ถูกมัดมือชกค่ะ ก็ต้องส่งไป หลังจากวันนั้นมาความรู้สึกเราก็ไม่โอเคแล้วค่ะ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสิ่งของที่ใครจะขายอะไรยังไงก็ได้ เราเคยแนะนำให้เราไปขาย xxx ให้เด็กคนนึงด้วยนะคะ (เราบอกไม่ได้เรียกนอกใจหรอกแบบเนี้ย เพราะเธอกับเราคบกันมาก็ไม่เคยมีอะไรกันอยู่แล้ว) จริงๆ นะคะ คบกันมา 2 ปีไม่เคยมีอะไรกันเลย ส่วนตัวเขาก็ยังมีอารมณ์กับทุกสิ่งยกเว้นตัวเรา มันเลยทำให้เรารู้สึกเกลียดตัวเองค่ะ รู้สึกเหมือนเป็นขยะ เป็นตัวอะไรสักอย่างที่น่ารังเกียจมากจนเขาไม่แตะต้อง หลังจากนั้นก็มีคนเข้ามาในชีวิตเราค่ะ เป็นกลางๆ โอเคนะคะ ทัศนคติต่างๆ และประโยคนึงที่เขาพูดแล้วทำให้เราร้องไห้หนักมากคือ "กลับไปเรียนให้จบเถอะ ถือว่าเค้าขอร้องนะ ถ้าไม่พอขาดเหลือเค้าช่วยได้เค้าจะช่วยนะ" น้ำตาแตกค่ะ ไม่เคยเจอคนที่มาพูดแบบนี้ หลังจากวันนั้นเลยติดสิ้นใจจะเลิกกับทางคนเดิมขาดเลยค่ะเพราะหลายๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมามันก็หนักหนาพอแล้ว เขาบอกกับเราว่า "คิดว่าเราจะทนลำบากกับเขาได้มากกว่านี้ซะอีก พอเจอคนที่รวยกว่าก็ทิ้งเขาไป" ทุกวันนี้เขาก็ยังมีชีวิตกับการหลอกลวงคนอื่นไปเรื่อยค่ะ ว่าตัวเองติดคุกแล้วเพิ่งออกจากคุกมาไม่มีงานทำต่างๆ นาๆ ส่วนตัวเราพอออกมาแล้วสิ่งที่ทำคือไปหาหมอค่ะ หมอวิเคราะห์ว่าเป็นไบโพลาร์ต้องรับยาต่อเนื่อง (แต่หมอไม่ให้ยาเยอะนะคะ หมอบอกกลัวคิดสั้นกินยาเกินขนาดอีก) แต่ออกมาจากชีวิตเราแล้วก็ดีขึ้นค่ะ หลายๆ อย่าง ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ก็ขอบคุณมากๆ นะคะ ที่รับฟังเราระบาย เพราะเรารู้สึกแย่มากๆ อยากระบายให้ใครสักคนฟัง อยากโดนกอดแบบไม่มีเงื่อนไข (หลายคนที่ผ่านมาในชีวิตเราทุกคนมีเงื่อนไขในการกอด ไม่ว่าจะเงิน ร่างกาย Sex หรือผลประโยชน์ฯลฯ)