ต่อจาก อิเนะ เมืองชาวประมงเล็กจิ๋ว แต่ข้าก็ว่าแจ๋ว จากกระทู้ก่อนหน้า
https://pantip.com/topic/37411935

เราก็หลบพายุกลับมาที่ Amanohashidate ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองวิวสวยติด 1 ใน 3 ของประเทศญี่ปุ่น อ้างอิงข้อมูลจาก Japan Guide มี Matsushima / Miyajima / Amanohashidate เมืองนี้เป็นเมืองเล็กริมทะเลญี่ปุ่น (Japan Sea)

ถ้าดูจากแผนที่ประเทศญี่ปุ่น นางก็จะเล็กจิ๋วหลิว ถ้าซูมมาที่เขตเกียวโต (Kyoto Prefecture) ก็จะเห็นหนูอยู่ตรงนี้


ซูมอีกนิด เมืองนี้แปลกนะ มีเกาะที่แบ่งทะเล คล้ายๆสันทราย แต่พอเราไปที่นั่น นางก็มีต้นสนขึ้นเป็นทิวสวยงาม ตอนแรกเราก็นึกถึงสวนสนประดิพัทธ์ที่หัวหิน แต่ที่นี่สะอาดมาก น้ำใสแจ๋ว น้ำที่ไม่เหมือนน้ำทะเล แต่ใช่แก มันคือน้ำทะเล




จากที่สวนสนนี้ ติดกับศาลเจ้าที่ดูศักดิ์สิทธิ์มาก เราเดินลัดเลาะมาเรื่อยๆ เพื่อจะเข้ามาแถวๆหน้าสถานีรถไฟ ฝั่งตรงข้ามสถานีก็จะเป็นพวกร้านขายของที่ระลึก แต่วันนี้ช่างเงียบเหงาเหลือเกิน


มาที่นี่เราต้องไปชมวิวมุมสูง เลยไปขึ้นเคเบิลคาร์ โดยใช้พาสที่เราซื้อมา ใช้ทั้งรถเมล์ ทั้งเรือ ทั้งเคเบิลคาร์ น่าเสียดายที่ chairlift (เก้าอี้ที่นั่งหย่อนขา) ใช้ไม่ได้ไม่งั้นคนกลัวความสูงก็จะตัดใจไปนั่งละ ข้อสังเกต ที่นี่มีแต่ทัวร์อาวุโสโอเค คืออายุ 60up ทั้งนั้นเลย เป็นพวกคนจีน คนญี่ปุ่นมากันเยอะ หรือเป็นเพราะว่ามันเป็นวันธรรมดาก็ไม่รู้


ที่นี่เค้าบอกให้ยืนบนแท่นที่เป็นรูปหลังคาบ้าน กางขาแล้วมองลอดไปชมวิวที่อ่าวจะได้วิวอีกมุม ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่ได้ทำ

เกาะที่กั้น Amanohashidate เป็น 2 ฝั่ง คือ ซ้ายและขวานั้นมีความยาวประมาณ 3.5 กม. วิวนี้พร้อมอากาศ 7 องศานี่ก็สวยดีนะ ข้างบนนั้นมีห้องน้ำ มีร้านขนม ร้านขายของที่ระลึก คนส่วนมากที่เจอ ก็มีอายุเยอะๆ หน่อย เค้าหัวเราะคิกคักน่ารักดี นึกถึงแม่ตัวเองเลย นางจะอยากมามะนะ ฮ่าๆ เดาง่าย ไม่มาแน่ๆ

พอเราชมวิว สูดอากาศดีๆจนชุ่มปอดแล้วเราก็ลงเคเบิ้ลคาร์ ข้ามถนนไปที่ท่าเรือ ที่มีเรือข้ามไปอีกฝั่งของ Amanohashidate ทุกๆ 15นาที แค่โชว์บัตรก็ขึ้นได้เลย เราเลือกนั่งที่ท้ายเรือ ที่เป็นส่วนที่ออกนอกห้องโดยสาร ตอนแรกเหมือนมีแค่เรา อีกพักพอเรือออก มีนกนางนวลบินตามเรือคงเพราะเค้าคุ้นกะการที่มีคนให้ขนม ให้อาหารกับเค้า ออกเรือไปได้นิดเดียว คนก็กรูมาหลังเรือเพื่อให้ขนมนก ซึ่งนอกจากนกนางนวลยังมีพี่เหยี่ยวอีกบินออกมาอย่างเท่ห์





ช่วงๆเวลาสั้นๆนี้ เราที่สุขสลบมาตลอดก็เกือบฟิวส์ขาดเนื่องจาก นักท่องเที่ยวชาวเอเชียชาตินึงให้อาหารนก ข้ามหัว ข้ามหน้า แขนพาดหัวเรา อย่างกับเราไม่มีตัวตน.... จนเรามองแรงและบอกว่า เห้ยยยย คุณนี่หัวเพื่อนชั้นนะระวังหน่อย เอาจริงๆ แขนพี่ป้าน้าอา ได้พาดมาบนหัวเราแล้ว

ตอนนี้นักท่องเที่ยวแผ่นดินใหญ่ในญี่ปุ่นมีเยอะขึ้นมาก เราไม่มีปัญหาถ้าเค้าทำทุกอย่างอย่างพอดี พยายามเข้าใจเรื่องของความต่างของวัฒนธรรมแต่ก็นั่นแหล่ะ บางทีพี่ก็เหลือเกิ้น

พอถึงท่าเรือ เราก็เดินไปถามเรื่องเช่าจักรยานเพื่อที่จะขี่เล่นบนเกาะ ที่เป็นสวนสน จ้าหน้าที่บอกว่า ตอนนี้ใกล้ปิดแล้ว ซึ่งระยะทางไปกลับบนเกาะเนี่นสัก 1 ชั่วโมง คุณไม่น่ากลับมาทัน ข้านั้นต้องการแค่ว่า ปั่นๆ เหนื่อยก็เอากลับมาคืน อ่ะเมือไม่ได้ก็เดินเล่น ข้านั้นโคตรชอบสวนสนตรงเกาะนี่มาก คือมันชิว เย็นสบาย เงียบ คนน้อย นั่งมองน้ำไหล เนื่องจากเกาะนี่ เป็นเกาะที่กั้นทะเลญี่ปุ่นเขตเมือง Amanohashidate ทำให้เค้าเหมือนมีถนนตัดจากฝั่งเหนือมาใต้ จะมีข่วงนึงที่น้ำไหลผ่านกันได้ มีสะพานไม่ใหญ่มาก มีชายหาดเล็กๆ ที่หน้าร้อนคงมีวอลเล่ย์บอลชายหาด เพราะเราเห็นว่ามีที่นั่งของ Life Guard และที่ขึงตาข่ายวางอยู่




ต่อจากตรงนี้เราเลือกที่จะกลับโรงแรมเพราะว่าวันนี้เริ่มวันเช้ามาก และเดินทางทั้งวันคิดว่าควรกลับมานอนเค้งที่โรงแรม
อ้อ ลืมบอกไปว่า โรงแรมที่เราพักชื่อ Jinpuso เป็นเรียวกังที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟมากกกก คือ เดิน 1-2 นาทีเท่านั้น รร. จะอยู่ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟเลย อันนี้เราจองจาก booking.com
เอาหล่ะ พอกลับมาก็เจอคุณป้าเจ้าของเรียวกัง แกพาเข้าห้อง ห้องที่ได้ใหญ่พอควร มีฟูกนอนแบบญี่ปุ่น 2 อัน โต๊ะเก้าอี้เตี้ยๆไว้ชมวิว 1 ชุด ห้องของเราเดินออกไปหลังบ้านได้จากประตูหลังห้องที่หันหน้าสู่ทะเลและภูเขา โต๊ะญี่ปุ่นสำหรับดื่มชา 1 ชุด อ่างล้างหน้าแปรงฟันในห้อง แต่ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำที่เป็นแบบออนเซน ต้องไปใช้รวม แต่บอกเลยว่า มาที่นี่ข้าไม่มีปัญหาเลยเนื่องจากญี่ปุ่นสะอาดมาก อีกอย่างเรียวกังวันนี้เราไม่เจอใครเลย อ่อ นอกจาก ชายหน่มญี่ปุ่น 1 คน ที่เราเจอตอนอาหารเช้าของวันถัดมา หลังเช็คอินคุณป้าก็มาบอกว่า อาหารเย็นตอน 18.00 เราสองคนโอเคมาก เพราะยังคงอิ่มจากขนมของกินเล่นระหว่างทาง


เอาล่ะ อาหารเย็นมันเป็นไฮไลท์ของทุกวันจริงๆ เราออกมาตรงเวลา ไมใช่ไรหรอก ก็หิวนั่นแหล่ะ ออกมาก็เจออาหารวางไว้บางส่วน ตอนแรกมันดูจุ๋มจิ๋มคงจะไม่อิ่ม แต่ไม่นะคะป้าขนออกมาทีละอย่าง 2 อย่าง ลำเลียงมาไม่หยุด ข้าวออกมาเป็นโถ เยอะจริงจัง







อร่อยมากกกกกจริงๆ ข้ายอมใจคุณป้าคนนี้มาก วันทั้งวันเหมือนเห็นเค้าคนเดียวที่นี่ทำทุกอย่างรวมถึงอาหารที่โคตรอร่อยนี่ด้วย ทุกอย่างบรรจงจัดสรรมาเสริฟ เราสองคนอิ่มมาก อร่อยมากกกก ตื่นเต้นกับทุกคำอย่างไม่รู้จะบอกยังไง เอาจริงๆนะ การจ่าย Half Board (รวมอาหารเย็นและอาหารเช้า) ในญี่ปุ่นแพงกว่าโรงแรมทั่วไปแต่คุ้มมาก คุ้มในที่นี้ไม่ใช่แค่อิ่ม แต่มันคุ้มในแง่ที่ว่า เราได้อาหารดี เราได้อยู่กะวัฒนธรรมการกิน การใช้ชีวิตของคนที่นี่จริงๆ อร่อยเหลือเกิน คืนนี้เรานอนหลับฝันดีจริงๆ

เช้าวันนี้คุณป้าเตรียมอาหารไว้ตั้งแต่เช้า เราแจ้งเอาไว้ว่า 8 โมง พอ 8 โมงปุ๊ป ทุกอย่างได้เตรียมไว้บนโต๊ะ ตื่นตาตื่นใจกับความใส่ใจของคุณป้าจริงๆ นะ คือเราไม่ประมาทความเล็กของอาหารที่ป้าทยอยเอามาวาง เราคิดว่า เออน่าจะอันสุดท้ายล่ะ เปล่าเลย ป้าก็ยังเอาออกมาอีก อาหารเช้านี้เป็นปลาย่าง และนานาสิ่ง มันอร่อย ปลื้มปริ่มเช่นเดิม





เมื่อคืนหิมะตกเบาๆ ทำให้ยอดเขาหลังบ้านขาวโพลน ที่สนามหญ้ามีหิมะบางๆเกาะอยู่ อากาศเย็นๆทำให้จมูกเราเย็นเจี๊ยบ เราเดินออกมาสูดอากาศหลังบ้าน ตอนนี้ไม่มีฝน ไม่มีหิมะ มีแต่ความเย็นและลมตึงๆจากชายทะเลกระทบหน้า วิวข้างหน้าเวิ้งว้างแต่อบอุ่นชอบกล สงสัยเป็นเพราะอาหารเช้าของคุณป้าแน่เลย แพลนวันนี้ของเราก็คือ ออกจาก Amanohashidate ไปยัง Kinosaki Onsen  เราก็ลาที่นี่ และก็ไม่แน่ใจว่าจะได้มาอีกมั๊ย แต่ข้าชอบนะ ถ้ามีเพื่อนถามว่า มาแถวนี้ควรไปที่ไหน แน่นอนเราแนะนำที่นี่เลย  


เขียนไปเขียนมา เรื่องของ Amanohashidate เหมือนรีวิว บ้านคุณป้า Jinpuso เลยแต่อันนี้ข้าชอบจริงๆ ข้าเห็นบางคนทำที่นี่เป็น Day Trip จาก โอซาก้า อยากบอกมากว่าน่าเสียดาย เพราะที่นี่เมืองเงียบเหมือนไม่มีอะไรมาก แต่เป็นที่ที่สงบ เติมพลังจริงๆนะ อยากให้มา เราเชื่อว่าถ้ามาหน้าร้อนคงสนุกกว่านี้เพราะที่นี่ดูเป็นที่ตากอากาศ แคมปิ่ง
ถ้ามีโอกาส อย่าลืมแวะมาเมืองที่สวย 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นน้าาาาาาา