เรื่องมันมีอยู่ว่า เราทั้งสองคนก็เจอกันในพันทิปเนี่ยแหละครับ ซึ่งเป็นผมเองที่เข้าไปตอบกระทู้ของเขา มันเป็นกระทู้เกี่ยวกับชช อะครับ
ตอนนั้นกำลังลงตัวเลยครับ เพราะผมก็เป็นนักศึกษาแพทย์คนนึง ที่เรียนทุกวันนี้ก็หนักหน่วงพอตัว การที่ได้คุยกับคนสายอาชีพเดียวกันมันก็ยิ่งทำให้เข้าใจกัน เพราะเรียนในคณะนี้ก็ไม่ค่อยจะว่างอยู่แล้ว การสนทนาจึงเป็นไปได้ไม่บ่อยนัก แต่เราก็เข้าใจเพราะงานบนวอร์ดของพี่เขาก็หนักอยู่ครับ พี่เขาคอยส่งรูปตัวเองถ่ายเซลฟี่มาตลอด ใครๆเห็นก็คงชอบในความเอาใจใส่ของเขา มีโมเม้นร้องเพลงให้ฟังด้วย เพราะมากๆครับ ใครได้ฟังก็เคลิ้มอะ คิดถึงตอนนั้นแล้วมีความสุข
แต่ผมก็ไม่รู้หรอกนะครับว่าตัวจริงเขาเป็นคนอย่างไร เราอยู่คนละจังหวัดกัน ผมเรียนที่ มช ส่วนพี่เขาทำงานอยู่ขอนแก่น เราไม่เคยได้เจอกันมาก่อนเลยตอนนั้น และเขาก็ไม่เปิดเผยตัวตนอะไรแก่ผมมาก ให้แค่ไลน์มา เฟสเขาผมยังไม่มีเลยครับ รพ ที่ทำงานก็ไม่ได้บอกผม ซึ่งผมก็คิดว่ามันคงไม่ใช่ปัญหาของเราหรอกถ้าใจเราตรงกัน มันยากนะที่ต้องคิดไปเองบางครั้งว่าเขาจะเก็บใครคนอื่นไว้รึป่าว แต่อะไรไม่รู้ทำไให้เราคิดว่าเขาไม่ทำหรอก
จนวันนึงผมรู้ตัวเองว่า ผมจะได้ไปแข่งกีฬาเข็มสัมพันธ์ เป็นกีฬาระหว่างคณะแพทยศาสตร์ทั่วประเทศ ซึ่งปีนี้จัดที่มข ผมก็ตื่นเต้นมากคิดว่าการไป มข ครั้งนี้ต้องได้เจอเขาสักครั้งก็ยังดี ทันทีที่ผมรู้ผมก็บอกเขาไปทันที ตอนนั้นเขาก็ทำเป็นรับรู้เฉยๆแหละ แต่เราก็ยังคอย คอยที่จะรอคำตอบจากเขาว่าเขาจะมาหาเรานะ แต่ช่วงนั้นอาจเป็นไปได้ว่าอาจจะติดเวร หรืองานเยอะก็ได้
ในคืนสุดท้ายของการแข่งขันกีฬาต่างๆ เขาก็ได้บอกว่าเขาจะมาเจอผมสักแปป ผมรู้แล้วรู้สึกดีใจมากว่า จะได้เจอกันสักที ผมนั่งรอคอยรอ ว่าเขาจะโทรมา ซึ่งคืนนั้นเป็นคืนทมี่ทาง มข จะมีงานเลี้ยงตอนรับ นักศึกษาแพทย์ที่มาจากต่างที่ ต่างถิ่น บรรยากาศอบอุ่น
ในที่สุดวันที่ได้เจอกันก็มาถึง พี่เขาโทรมาถาม "น้อง A อยู่ไหนครับ พี่ B มาถึงแถวๆหลังเวทีแล้ว" ทันทีที่ได้ยินเสียงนั้นเราก็บอกคนในชมรมเราว่า เดี๋ยวเรากลับเองนะ ไม่กลับพร้อมคณะ และรีบวิ่งไปเจอพี่พยาบาลหนุ่มที่ยืนคอยเราอยู่หลังเวที "สวัสดีครับพี่ B" เป็นประโยคแรกที่ผมทักทายให้พี่เขาหันมา "สวัสดีน้อง A ตัวจริงพี่อาจจะอ้วนๆไม่เหมือนในรูปนะ ขอโทษทีที่ใส่กางเกงขาสั้นมางานนะ มันดูไม่ค่อยสุภาพ"พี่ B ตอบกลับผมด้วยสีหน้าเขินอายด้วย ผมก็เขินอายตาม และก็ถามไถ่เรื่องต่างๆ ชวนคุยกันไปๆมาๆ พี่เขาก็ถามขึ้นว่า "ออกไปขับรถเล่นกันไหม" เราก็ตอบตกลงไปกับพี่เขา จริงๆเรากิยากเห็นขอนแก่นตอนกลางคืนเหมือนกัน มันคงสวยนะ และก็อยากสร้างโมเม้นที่ดีต่อกันของคนที่พึ่งได้เจอกัน
พี่B พาไปขัยรถรอบๆมอ หลังจากนั้นก็พาไปดูอ่างเก็บน้ำ ใกล้ๆวัดอะไรสักอย่างที่มันมี เจดีย์ 9 ชั้น สถานการณ์ตอนนั้นใจเต้นแผ่วๆ หวั่นๆ ของนศพ ตัวเล็กๆ เราถามพี่เขาไปว่า พี่คิดยังไงกับผม พี่เขาก็ยังบอกว่า เราก็คุยๆกันไปเรื่อยๆก่อนศึกษากันไปเรื่อยๆนะ ผมก็โอเครนะ ลึกๆข้างในใจที่หวั่นมันมีความรู้สึกมากมายก่ายกองกว่านั้น
เราไปที่นั้นที่นู้นได้สักพัก ผมก็ของให้พี่พยาบาลหนุ่มไปส่งที่ รร ที่มาพัก ไปถึงหน้าโรงเรียนเขาก็มอบสิ่งหนึ่งให้ผมที่ผมไม่คิดว่าจะได้รับหรอก มันคือการจูบลา ก่อนเราจะจากกัน คืนนั้นมีหลายๆอย่างเก็บเข้ามาคิดในหัวมากมาย ว่า เขาจะใช่จริงๆป่าว ทำไมเรารู้สึกกับเขามากๆขนาดนี้ รู้สึกเหมือนได้รักกันจริงๆ รู้สึกอยากจะมีอนาคตร่วมกับเขา ในวันข้างหน้าจะได้เป็น พ่อหนุ่มแพทย์ฝึกหัดกับพี่บุรุษพยาบาลสุดหล่อ วันรุ่งขึ้นเราคุยกันทางไลน์อย่างปกติ ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่ผมจะต้องขึ้นเครื่องกลับเชียงใหม่แล้ว แต่ยังอยากเจอเขาอีกสักครั้ง ใจมันยังคิดถึงแต่เขาอยู่เลยไม่รู้ทำไม ผมไลน์บอกพี่เขาเมื่อถึงเชียงใหม่อย่างปลอดภัย และบทสนทนานั้นเป็นบทสนทนาสุดท้ายที่พี่เขาตอบว่า "ครับ" จากนั้นพี่เขาก็ไม่ได้ตอบผมอีกเลย แม้ผมจะพยายามทักไป แต่มันก็ไม่มีหนทางจะติดต่ออย่างอื่นอีกแล้ว เพราะผมไม่มีแม้กระทั้งเฟสบุ๊ค หรือ ไอจี หรือเบอร์โทรของเขาเลย ผมยังคงเสียใจอยู่ตลอดว่าทำไมเราถึงต้องคิดมากๆแบบนี้ แล้วจะมีโอกาสได้เจอพี่เขาอีกไหม หรือว่าพี่เขามีคนที่เลือกอยู่แล้วรึเปล่า แต่เรื่องนี้ผมก็แค่อยากนำประสบการณ์ความรักในรูปแบบนึงาแชร์ให้ได้อ่านกัน
หากว่าเป็นพี่คนนั้นอ่านอยู่ก็คงจะดีนะครับ ผมอยากให้พี่กลับมานะครับ ผมยังไม่มีใคร ติดต่อกลับมาหน่อยก็ยังดีนะครับ จากน้องนศพ ที่พี่เคยคุย
เรื่องของเด็กหนุ่มนักเรียนแพทย์ คนนึงกับหนุ่มพยาบาลคนนึง ที่อยากแชร์(ชช)
ตอนนั้นกำลังลงตัวเลยครับ เพราะผมก็เป็นนักศึกษาแพทย์คนนึง ที่เรียนทุกวันนี้ก็หนักหน่วงพอตัว การที่ได้คุยกับคนสายอาชีพเดียวกันมันก็ยิ่งทำให้เข้าใจกัน เพราะเรียนในคณะนี้ก็ไม่ค่อยจะว่างอยู่แล้ว การสนทนาจึงเป็นไปได้ไม่บ่อยนัก แต่เราก็เข้าใจเพราะงานบนวอร์ดของพี่เขาก็หนักอยู่ครับ พี่เขาคอยส่งรูปตัวเองถ่ายเซลฟี่มาตลอด ใครๆเห็นก็คงชอบในความเอาใจใส่ของเขา มีโมเม้นร้องเพลงให้ฟังด้วย เพราะมากๆครับ ใครได้ฟังก็เคลิ้มอะ คิดถึงตอนนั้นแล้วมีความสุข
แต่ผมก็ไม่รู้หรอกนะครับว่าตัวจริงเขาเป็นคนอย่างไร เราอยู่คนละจังหวัดกัน ผมเรียนที่ มช ส่วนพี่เขาทำงานอยู่ขอนแก่น เราไม่เคยได้เจอกันมาก่อนเลยตอนนั้น และเขาก็ไม่เปิดเผยตัวตนอะไรแก่ผมมาก ให้แค่ไลน์มา เฟสเขาผมยังไม่มีเลยครับ รพ ที่ทำงานก็ไม่ได้บอกผม ซึ่งผมก็คิดว่ามันคงไม่ใช่ปัญหาของเราหรอกถ้าใจเราตรงกัน มันยากนะที่ต้องคิดไปเองบางครั้งว่าเขาจะเก็บใครคนอื่นไว้รึป่าว แต่อะไรไม่รู้ทำไให้เราคิดว่าเขาไม่ทำหรอก
จนวันนึงผมรู้ตัวเองว่า ผมจะได้ไปแข่งกีฬาเข็มสัมพันธ์ เป็นกีฬาระหว่างคณะแพทยศาสตร์ทั่วประเทศ ซึ่งปีนี้จัดที่มข ผมก็ตื่นเต้นมากคิดว่าการไป มข ครั้งนี้ต้องได้เจอเขาสักครั้งก็ยังดี ทันทีที่ผมรู้ผมก็บอกเขาไปทันที ตอนนั้นเขาก็ทำเป็นรับรู้เฉยๆแหละ แต่เราก็ยังคอย คอยที่จะรอคำตอบจากเขาว่าเขาจะมาหาเรานะ แต่ช่วงนั้นอาจเป็นไปได้ว่าอาจจะติดเวร หรืองานเยอะก็ได้
ในคืนสุดท้ายของการแข่งขันกีฬาต่างๆ เขาก็ได้บอกว่าเขาจะมาเจอผมสักแปป ผมรู้แล้วรู้สึกดีใจมากว่า จะได้เจอกันสักที ผมนั่งรอคอยรอ ว่าเขาจะโทรมา ซึ่งคืนนั้นเป็นคืนทมี่ทาง มข จะมีงานเลี้ยงตอนรับ นักศึกษาแพทย์ที่มาจากต่างที่ ต่างถิ่น บรรยากาศอบอุ่น
ในที่สุดวันที่ได้เจอกันก็มาถึง พี่เขาโทรมาถาม "น้อง A อยู่ไหนครับ พี่ B มาถึงแถวๆหลังเวทีแล้ว" ทันทีที่ได้ยินเสียงนั้นเราก็บอกคนในชมรมเราว่า เดี๋ยวเรากลับเองนะ ไม่กลับพร้อมคณะ และรีบวิ่งไปเจอพี่พยาบาลหนุ่มที่ยืนคอยเราอยู่หลังเวที "สวัสดีครับพี่ B" เป็นประโยคแรกที่ผมทักทายให้พี่เขาหันมา "สวัสดีน้อง A ตัวจริงพี่อาจจะอ้วนๆไม่เหมือนในรูปนะ ขอโทษทีที่ใส่กางเกงขาสั้นมางานนะ มันดูไม่ค่อยสุภาพ"พี่ B ตอบกลับผมด้วยสีหน้าเขินอายด้วย ผมก็เขินอายตาม และก็ถามไถ่เรื่องต่างๆ ชวนคุยกันไปๆมาๆ พี่เขาก็ถามขึ้นว่า "ออกไปขับรถเล่นกันไหม" เราก็ตอบตกลงไปกับพี่เขา จริงๆเรากิยากเห็นขอนแก่นตอนกลางคืนเหมือนกัน มันคงสวยนะ และก็อยากสร้างโมเม้นที่ดีต่อกันของคนที่พึ่งได้เจอกัน
พี่B พาไปขัยรถรอบๆมอ หลังจากนั้นก็พาไปดูอ่างเก็บน้ำ ใกล้ๆวัดอะไรสักอย่างที่มันมี เจดีย์ 9 ชั้น สถานการณ์ตอนนั้นใจเต้นแผ่วๆ หวั่นๆ ของนศพ ตัวเล็กๆ เราถามพี่เขาไปว่า พี่คิดยังไงกับผม พี่เขาก็ยังบอกว่า เราก็คุยๆกันไปเรื่อยๆก่อนศึกษากันไปเรื่อยๆนะ ผมก็โอเครนะ ลึกๆข้างในใจที่หวั่นมันมีความรู้สึกมากมายก่ายกองกว่านั้น
เราไปที่นั้นที่นู้นได้สักพัก ผมก็ของให้พี่พยาบาลหนุ่มไปส่งที่ รร ที่มาพัก ไปถึงหน้าโรงเรียนเขาก็มอบสิ่งหนึ่งให้ผมที่ผมไม่คิดว่าจะได้รับหรอก มันคือการจูบลา ก่อนเราจะจากกัน คืนนั้นมีหลายๆอย่างเก็บเข้ามาคิดในหัวมากมาย ว่า เขาจะใช่จริงๆป่าว ทำไมเรารู้สึกกับเขามากๆขนาดนี้ รู้สึกเหมือนได้รักกันจริงๆ รู้สึกอยากจะมีอนาคตร่วมกับเขา ในวันข้างหน้าจะได้เป็น พ่อหนุ่มแพทย์ฝึกหัดกับพี่บุรุษพยาบาลสุดหล่อ วันรุ่งขึ้นเราคุยกันทางไลน์อย่างปกติ ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่ผมจะต้องขึ้นเครื่องกลับเชียงใหม่แล้ว แต่ยังอยากเจอเขาอีกสักครั้ง ใจมันยังคิดถึงแต่เขาอยู่เลยไม่รู้ทำไม ผมไลน์บอกพี่เขาเมื่อถึงเชียงใหม่อย่างปลอดภัย และบทสนทนานั้นเป็นบทสนทนาสุดท้ายที่พี่เขาตอบว่า "ครับ" จากนั้นพี่เขาก็ไม่ได้ตอบผมอีกเลย แม้ผมจะพยายามทักไป แต่มันก็ไม่มีหนทางจะติดต่ออย่างอื่นอีกแล้ว เพราะผมไม่มีแม้กระทั้งเฟสบุ๊ค หรือ ไอจี หรือเบอร์โทรของเขาเลย ผมยังคงเสียใจอยู่ตลอดว่าทำไมเราถึงต้องคิดมากๆแบบนี้ แล้วจะมีโอกาสได้เจอพี่เขาอีกไหม หรือว่าพี่เขามีคนที่เลือกอยู่แล้วรึเปล่า แต่เรื่องนี้ผมก็แค่อยากนำประสบการณ์ความรักในรูปแบบนึงาแชร์ให้ได้อ่านกัน
หากว่าเป็นพี่คนนั้นอ่านอยู่ก็คงจะดีนะครับ ผมอยากให้พี่กลับมานะครับ ผมยังไม่มีใคร ติดต่อกลับมาหน่อยก็ยังดีนะครับ จากน้องนศพ ที่พี่เคยคุย