มาถึงวันที่ฟิล์มตื่นเต้นมากที่สุดตั้งแต่ที่ได้อ่านในโปรแกรม ก็คือเราจะได้ลงเรือ ferrari และไปให้อาหารนกนางนวลกันบนเรือ
จากโรงแรมเราเดินทางสู่
ท่าเรือเมืองชิมาบะระ โดยรถบัสคนเดิมเช่นเดิม พอรถบัสจอดบนเรือเสร็จ ทางไกด์ก็ให้เราลงไปพักผ่อนในเรือ ในเรือก็จะมีอาหาร เครื่องดื่มจำหน่าย เรือลำใหญ่ใมากๆ

ไกด์ก็เริ่มแจกฮานิมิ ถุงเล็กไว้ให้คนละถุง ตอนแรกก็คิดว่าให้เรากินเวลาว่างๆหรือเปล่า
อ่อเปล่า... นี่คืออาหารนกนางนวล


บางคนก็แกะกินไปเรียบร้อย ...

นกนางนวลมาแล้ววว บินมายังกับการแสดงอะไรสักอย่าง
อากาศวันนั้นค่อนข้างหนาวมาก บวกกับลมหลังเรือที่พัดแรง แต่นั่นก็คือความสุขของเหล่านกนางนวลทั้งหลาย
ส่วนด้านหลังเรือนั้น วันนี้ท้องฟ้าโปร่งใส เลยทำให้เราเห็นบรรยากาศอันสวยงามที่มีภูเขาไฟอุนเซนที่ใหญ่มากเป็นฉากหลัง
พร้อมทั้งเพลิดเพลินในการโยนฮานามิให้นกกินอีกด้วย


แม้ว่าลมจะแรง นกจะบินเร็วมากกว่าแค่ไหน ตอนแรกก็แอบกลัวว่ากล้อง Canon M100 จะจับภาพได้ยาก
แต่อยากจะบอกว่าสามารถเก็บรายละเอียดได้ดีทุกๆช๊อตจริงๆค่ะ
สังเกตุบางตัวแอบมองกล้องด้วย คิ้วโด่งสวยจริงๆ 555 ( แซวนก )
......................................................
เราสนุกสนานอยู่บนเรือกันได้ประมาณซักครึ่งชั่วโมง ไกด์ก็เรียกเราขึ้นบนรถบัสเพื่อที่จะลงเรือ
และออกเดินทางไปสวนผลไม้ใน
เมืองคุมาโมโต ...
มาญี่ปุ่นถ้าไม่ได้กิน
" สตรอเบอร์รี่ " สดๆ ลูกโตๆ หวานฉ่ำจากต้น ก็คงจะมาไม่ถึง และที่สำคัญกินแบบบุฟเฟ่ต์!!!


พอมาถึงสวนก็มีเจ้าหน้าที่คอยและแนะนำสถานที่และเราควรเด็ดลูกสตอเบอรี่จากต้นอย่างไรถึงจะถูกต้อง
และเจ้าหน้าที่ยังบอกอีกว่า " มีคนสามารถกินได้ทั้งหมด 30 ลูก " ตอนนั้นเราก็คิดว่า ..... ชิลๆ เดี๋ยวเจอกัน

แล้วเขาก็ปล่อยให้เราเดินๆกินๆไปเรือยๆ มีความสุขมากกกกกกก เพราะอร่อยมากๆค่ะ

สตรอเบอร์รี่ถือเป็น 1 ในสุดยอดของข้ึนชื่อจากฟุคุโอกะคือ
พันธุ์อามะโอว( AMAO )
ด้วยขนาดที่ใหญ่ มีสีแดง สดรสชาติหวานอร่อยจึงทำให้
อามะโอ นี้กลายเป็น 1 ในสุดยอด
สตรอเบอร์รี่ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว และที่สำคัญคือ สายพันธุ์น้ีมีการเพาะปลูกเฉพาะที่ฟุคุโอกะเท่านั้น
ชื่อ AMAO (a-ma-o-u) นี้ย่อมาจาก Amai รสหวาน, MArui กลม, Ookii ใหญ่ ,Umai อร่อย ... เพลินมากๆ

ผ่านไปซักลูกที่ 5 บอกเลยว่าา .... ขอจอด!!!! ไม่ไหวค่ะ อิ่มเหลือเกิน
ไม่น่าจะชิลแล้ว 5555

รีบเดินออกมาจากสวน มาตรงที่ซื้อของฝากดีกว่าค่ะ ของฝากส่วนมากใครที่เห็นก็จะรู้ว่าคือ
คุมะมง
เป็นหมีประจำจังหวัดคุมะมาโมโตของญี่ปุ่น ของฝากส่วนมากก็จะเป็นเกี่ยวกับเจ้าหมีคุมะมงทั้งหมดค่ะ
ไม่ว่าจะเป็น แยมสตอเบอรี่ ขนมเค้ก คุ้กกี้สตอเบอรี่ บลาๆ ....

อาหารกลางวันของเราในวันนี้ เป็นอาหารเซตต้อนรับของเมืองคุมาโมโตค่ะ
จะมีข้าวในหม้อที่ตั้งเตาไว้ให้ข้าวสุกประมาณ 10 นาที พร้อมทานร้อนๆ
แล้วก็จะมีผัดผักกับเนื้อสัตว์ราดซอสหอมๆ บวกกับเครื่องเคียงต่างๆของอาหารญี่ปุ่น
ก็ประทับใจกับอาหารทุกมื้อ แต่มื้อนี้ประทับใจที่สุดค่ะ ....
......................................................
วันนี้การเดินทางค่อนข้างยาวไกลค่ะ แต่เราก็ได้เห็นสองมุมมองข้างทางของเมืองคุมาโมโต ที่ยังคงความเป็นธรรมชาติสวยงามอยู่
ไกด์ก็อธิบายจุดประวัติศาสตร์ต่างๆตามที่รถบัสเราขับผ่านไปเรื่อยๆ จนถึงที่พัก
ซึ่งวันนี้เราเข้าที่พักเร็วค่ะ เพราะเรามีดินเนอร์กันในโรงแรมเลย ....
อาหารก็จะเป็นอาหารแบบฟิวชั่น ออกมาเป็นเซตๆ แต่ต้องขออภัยด้วยค่ะ
ถ่ายมาได้แค่นิดหน่อย เพราะหิวตั้งแต่ลงจากรถแล้ว ....


อาหารดูดีมาก แต่พีคสุดคือ ไอศครีมเลมอนเชอร์เบท home made มันดีมากกกกๆ
แต่ยิ่งพีคเข้าไปอีกก็คือ ที่พัก ... เอาจริงๆทาง JTB THAILAND
ได้จัดที่พักระดับ 4 ดาว ให้ทุกคืนและยังให้นอนพักผ่อนคนเดียวแบบสบายๆอีก
แต่คืนนี้ห้องใหญ่และ VIP มาก ฟินสุดๆ

คืนนี้อิ่มและหลับสบายฝันดีเลยค่ะ .....
......................................................
มอร์นิ่ง!!
สู่วันที่ 4 ในการเดินทาง ....
บางคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ... เมืองฟุกุโอกะได้รับฉายานามว่า
“ เมืองหลวงของออนเซนญี่ปุ่น”
เนื่องจากชนิดของบ่อออนเซนที่มีหลากหลายแบบ อาทิบ่อทรายที่น้ำทรายร้อนมาฝังตัวไว้ บ่อไอน้ำที่ใช้ไอน้ำจากบ่อน้ำแร่
หรือบ่อโคลนที่เอาน้ำโคลนจากบ่อน้ำแร่มาแช่ตัวเช่นกัน
และเมืองที่เราจะไปในวันนี้ก็คือ
เมืองเบปปุ
อยู่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองฟุกุโอกะ เมืองที่มีบ่อน้ำร้อนจากธรรมชาติมากที่สุดในญี่ปุ่น ....
และไปบ่อน้ำแร่ที่ชื่อว่า ..
บ่อน้ำแร่จิโคกุหรือเรียกว่า “จิโคกุ เมงูริ”
บ่อโคลนที่เดือดตามธรรมชาติอยู่ระหว่างหาดเบปปุและภูเขาซึรุมิเกิดจากความร้อนใต้พื้นดิน
ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ อย่างแรกคือกำมะถันซ่ึงแต่ละบ่อจะมีสีสันที่แตกต่างกันออกไปตามอุณหภูมิเช่น
สีแดงเลือดหมูสีม่วงไพลิน ซ่ึ่งเป็นธรรมชาติที่จะหาชมได้จากที่นี่ที่เดียวเท่านั้น ....


ก็จะมีกลิ่นกำมะถันแรงอยู่ค่ะ ตามธรรมาชาติของบ่อน้ำพุร้อน สีสันแปลกตามาก
นี่และค่ะคือ...สิ่งที่ธรรชาติรังสรรค์ขึ้นเพื่อมนุษย์แบบเราๆได้สัมผัสด้วยตา
แต่ถ้าส้มผัสด้วยมือ ลวกแน่นอน

ใครรู้สึกเมื่อยก็มาหย่อยขาแช่น้ำแร่ได้ ถ้าใครอยากแช่ทั้งตัวก็มีนะคะ
หรือใครที่อยากต้มไข่แบบไทยสไตล์บ้านเรา เขาก็มีให้บริการเช่นกันค่ะ ....

นี่ก็เป็นขนมที่เขาใช้อบความร้อนโดยบ่อน้ำแร่ค่ะ ฟิล์มไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าอะไร
แต่ลักษณะเหมือนแป้งลูกเล็กๆยัดไส้ค่ะ นุ่มนิ่มๆ ควันลอยกรุ่นๆ .....
......................................................
เสร็จแล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อสู่
เมืองยูฟูอิน
เป็นเมืองเล็กๆ น่ารักที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลบนเกาะคิวชู ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
ในหุบเขาสีเขียวอันงดงาม เป็นอีกเมืองหนึ่งที่มีชื่อเสียงในเรื่องของบ่อน้ำแร่ธรรมชาติ
นอกจากนั้นภายในเมืองนี้ยังมีถนนที่เต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีเอกลักษณ์ ให้เราได้เดินชมกัน
ซึ่งระยะทางบอกเลยว่า ... เรียกว่าเมืองเล็กๆไม่ได้แล้วค่ะ เพราะกว้างมากกๆ

มีแกลอรี่ขนาดเล็กร้านค้าและร้านกาแฟ ที่ผสมผสานกลิ่นอายสมัยเก่าและสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ...

ตอนนั่งทานข้าวกัน พี่ไกด์ก็แนะนำมาหลังตลาดที่ทะเลสาบอยู่นะ ลองไปถ่ายรูปดูสิ
พอทานข้าวเสร็จ เราก็เลยลองไปดู ....

สวยมากกก น้ำใสมากจนเห็นตัวปลา ....
เลยลองใช้เลนส์ wide ถ่ายดู ก็เลยได้ภาพรวมของที่นี่มาค่ะ

ของโปรด Cinnamon Churros ร้อนๆจากเตา !!!!!
อิ่มแล้วก็เดินทางเข้าสู่โรงแรมเพื่อพักผ่อนค่ะ ....
......................................................
เช้าวันสุดท้าย ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย ....
ตื่นเช้าเข้าวัดกันหน่อยดีกว่าค่ะ ขอพรเอาฤกษ์เอาชัยเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ ปี 2018
ที่ผ่านมาช่วงการเดินทาง ในเมืองรถติดหนักๆมากๆ บางทีแค่ 2 กิโล ใช้เวลา 4 ชั่วโมง
ถ้าเรานำรถบัสมา คงไม่ทันไปขึ้นเครื่องที่สนามบินแน่ๆ
เราเลยเลือกที่จะเดินทางโดยรถไฟ ใช้เวลา 1 ชม ถึง
ศาลเจ้าดาไซฟุ ....
แห่งน้ีถือเป็นวัดชินโตเก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดฟุกุโอกะ
มีประวัติความเป็นมายาวนานนับพันปี ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าศาลเจ้าแห่งน้ีเป็นที่สถิต
และบูชาเทพเจ้า
" สึกะวะระโนะ มิจิสะเนะ " ซ่ึงรู้จักกันดีในนามของ
"เทพเจ้าทางการศึกษา"

ก่อนเข้าไปในวัด เราจะเจอกับรูปปั้นวัวเทพเจ้านอนอยู่ ผิวมันวัววาว
โดยชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อกันว่าหากใครได้ลูบไล้บริเวณหัวและเขาของวัว จะทำให้หายจากอาการเจ็บป่วย
จะมีแต่ความโชคดีและประสบความสำเร็จในเรื่องการเรียน ....




คนเนืองแน่มากๆ ชื่นชมกับวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นมาตลอด ....
ไม่ว่าจะเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ ทุกคนก็เดินทางมาขอพร ทำบุญ เข้าวัด ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากๆ
สุดท้าย ..... ฟิล์มขอจบการีวิวเมืองฟูกุโอกะ ไว้เพียงเท่านี้นะคะ
ขอบคุณทุกการติดตามการเดินทางของ Trip นี้มากๆนะคะ ....
[SR] Day #3-5 พกกล้องคู่ใจ โบยบินสู่ FUKUOKA บนเกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น
กระทู้นี้ก็จะเป็นรีวิวสรุปแหล่งท่องเที่ยวที่เหลือในช่วงปีใหม่ที่เมือง " ฟุกุโอกะ "
สามารถเข้าไปดูกระทู้ก่อนหน้านี้ ;
https://pantip.com/topic/37312601
เฮ้าส์เทนบอช ( Huis Ten Bosch )
https://pantip.com/topic/37314831
ศาลเจ้ายูโทคุอินาริ (Yutoku Inari Shrine) & GLOVER GARDEN & ยอดเขาอินาสะยามะ ( Mt.Inasa )
11-22mm / 22mm / 15-45 mm / 55-200 mm
และการเดินทางในครั้งนี้ รวมถึงอาหาร ที่พัก ก็สนันสุนนโดยบริษัท www.jtbthailand.com
จากโรงแรมเราเดินทางสู่ท่าเรือเมืองชิมาบะระ โดยรถบัสคนเดิมเช่นเดิม พอรถบัสจอดบนเรือเสร็จ ทางไกด์ก็ให้เราลงไปพักผ่อนในเรือ ในเรือก็จะมีอาหาร เครื่องดื่มจำหน่าย เรือลำใหญ่ใมากๆ
ไกด์ก็เริ่มแจกฮานิมิ ถุงเล็กไว้ให้คนละถุง ตอนแรกก็คิดว่าให้เรากินเวลาว่างๆหรือเปล่า
อ่อเปล่า... นี่คืออาหารนกนางนวล
นกนางนวลมาแล้ววว บินมายังกับการแสดงอะไรสักอย่าง
อากาศวันนั้นค่อนข้างหนาวมาก บวกกับลมหลังเรือที่พัดแรง แต่นั่นก็คือความสุขของเหล่านกนางนวลทั้งหลาย
ส่วนด้านหลังเรือนั้น วันนี้ท้องฟ้าโปร่งใส เลยทำให้เราเห็นบรรยากาศอันสวยงามที่มีภูเขาไฟอุนเซนที่ใหญ่มากเป็นฉากหลัง
พร้อมทั้งเพลิดเพลินในการโยนฮานามิให้นกกินอีกด้วย
แม้ว่าลมจะแรง นกจะบินเร็วมากกว่าแค่ไหน ตอนแรกก็แอบกลัวว่ากล้อง Canon M100 จะจับภาพได้ยาก
แต่อยากจะบอกว่าสามารถเก็บรายละเอียดได้ดีทุกๆช๊อตจริงๆค่ะ
สังเกตุบางตัวแอบมองกล้องด้วย คิ้วโด่งสวยจริงๆ 555 ( แซวนก )
......................................................
เราสนุกสนานอยู่บนเรือกันได้ประมาณซักครึ่งชั่วโมง ไกด์ก็เรียกเราขึ้นบนรถบัสเพื่อที่จะลงเรือ
และออกเดินทางไปสวนผลไม้ในเมืองคุมาโมโต ...
มาญี่ปุ่นถ้าไม่ได้กิน " สตรอเบอร์รี่ " สดๆ ลูกโตๆ หวานฉ่ำจากต้น ก็คงจะมาไม่ถึง และที่สำคัญกินแบบบุฟเฟ่ต์!!!
พอมาถึงสวนก็มีเจ้าหน้าที่คอยและแนะนำสถานที่และเราควรเด็ดลูกสตอเบอรี่จากต้นอย่างไรถึงจะถูกต้อง
และเจ้าหน้าที่ยังบอกอีกว่า " มีคนสามารถกินได้ทั้งหมด 30 ลูก " ตอนนั้นเราก็คิดว่า ..... ชิลๆ เดี๋ยวเจอกัน
แล้วเขาก็ปล่อยให้เราเดินๆกินๆไปเรือยๆ มีความสุขมากกกกกกก เพราะอร่อยมากๆค่ะ
สตรอเบอร์รี่ถือเป็น 1 ในสุดยอดของข้ึนชื่อจากฟุคุโอกะคือ พันธุ์อามะโอว( AMAO )
ด้วยขนาดที่ใหญ่ มีสีแดง สดรสชาติหวานอร่อยจึงทำให้ อามะโอ นี้กลายเป็น 1 ในสุดยอด
สตรอเบอร์รี่ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว และที่สำคัญคือ สายพันธุ์น้ีมีการเพาะปลูกเฉพาะที่ฟุคุโอกะเท่านั้น
ชื่อ AMAO (a-ma-o-u) นี้ย่อมาจาก Amai รสหวาน, MArui กลม, Ookii ใหญ่ ,Umai อร่อย ... เพลินมากๆ
ผ่านไปซักลูกที่ 5 บอกเลยว่าา .... ขอจอด!!!! ไม่ไหวค่ะ อิ่มเหลือเกิน
ไม่น่าจะชิลแล้ว 5555
รีบเดินออกมาจากสวน มาตรงที่ซื้อของฝากดีกว่าค่ะ ของฝากส่วนมากใครที่เห็นก็จะรู้ว่าคือ คุมะมง
เป็นหมีประจำจังหวัดคุมะมาโมโตของญี่ปุ่น ของฝากส่วนมากก็จะเป็นเกี่ยวกับเจ้าหมีคุมะมงทั้งหมดค่ะ
ไม่ว่าจะเป็น แยมสตอเบอรี่ ขนมเค้ก คุ้กกี้สตอเบอรี่ บลาๆ ....
อาหารกลางวันของเราในวันนี้ เป็นอาหารเซตต้อนรับของเมืองคุมาโมโตค่ะ
จะมีข้าวในหม้อที่ตั้งเตาไว้ให้ข้าวสุกประมาณ 10 นาที พร้อมทานร้อนๆ
แล้วก็จะมีผัดผักกับเนื้อสัตว์ราดซอสหอมๆ บวกกับเครื่องเคียงต่างๆของอาหารญี่ปุ่น
ก็ประทับใจกับอาหารทุกมื้อ แต่มื้อนี้ประทับใจที่สุดค่ะ ....
......................................................
วันนี้การเดินทางค่อนข้างยาวไกลค่ะ แต่เราก็ได้เห็นสองมุมมองข้างทางของเมืองคุมาโมโต ที่ยังคงความเป็นธรรมชาติสวยงามอยู่
ไกด์ก็อธิบายจุดประวัติศาสตร์ต่างๆตามที่รถบัสเราขับผ่านไปเรื่อยๆ จนถึงที่พัก
ซึ่งวันนี้เราเข้าที่พักเร็วค่ะ เพราะเรามีดินเนอร์กันในโรงแรมเลย ....
อาหารก็จะเป็นอาหารแบบฟิวชั่น ออกมาเป็นเซตๆ แต่ต้องขออภัยด้วยค่ะ
ถ่ายมาได้แค่นิดหน่อย เพราะหิวตั้งแต่ลงจากรถแล้ว ....
อาหารดูดีมาก แต่พีคสุดคือ ไอศครีมเลมอนเชอร์เบท home made มันดีมากกกกๆ
แต่ยิ่งพีคเข้าไปอีกก็คือ ที่พัก ... เอาจริงๆทาง JTB THAILAND
ได้จัดที่พักระดับ 4 ดาว ให้ทุกคืนและยังให้นอนพักผ่อนคนเดียวแบบสบายๆอีก
แต่คืนนี้ห้องใหญ่และ VIP มาก ฟินสุดๆ
คืนนี้อิ่มและหลับสบายฝันดีเลยค่ะ .....
......................................................
มอร์นิ่ง!!
สู่วันที่ 4 ในการเดินทาง ....
บางคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ... เมืองฟุกุโอกะได้รับฉายานามว่า “ เมืองหลวงของออนเซนญี่ปุ่น”
เนื่องจากชนิดของบ่อออนเซนที่มีหลากหลายแบบ อาทิบ่อทรายที่น้ำทรายร้อนมาฝังตัวไว้ บ่อไอน้ำที่ใช้ไอน้ำจากบ่อน้ำแร่
หรือบ่อโคลนที่เอาน้ำโคลนจากบ่อน้ำแร่มาแช่ตัวเช่นกัน
และเมืองที่เราจะไปในวันนี้ก็คือ เมืองเบปปุ
อยู่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองฟุกุโอกะ เมืองที่มีบ่อน้ำร้อนจากธรรมชาติมากที่สุดในญี่ปุ่น ....
และไปบ่อน้ำแร่ที่ชื่อว่า .. บ่อน้ำแร่จิโคกุหรือเรียกว่า “จิโคกุ เมงูริ”
บ่อโคลนที่เดือดตามธรรมชาติอยู่ระหว่างหาดเบปปุและภูเขาซึรุมิเกิดจากความร้อนใต้พื้นดิน
ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ อย่างแรกคือกำมะถันซ่ึงแต่ละบ่อจะมีสีสันที่แตกต่างกันออกไปตามอุณหภูมิเช่น
สีแดงเลือดหมูสีม่วงไพลิน ซ่ึ่งเป็นธรรมชาติที่จะหาชมได้จากที่นี่ที่เดียวเท่านั้น ....
ก็จะมีกลิ่นกำมะถันแรงอยู่ค่ะ ตามธรรมาชาติของบ่อน้ำพุร้อน สีสันแปลกตามาก
นี่และค่ะคือ...สิ่งที่ธรรชาติรังสรรค์ขึ้นเพื่อมนุษย์แบบเราๆได้สัมผัสด้วยตา
แต่ถ้าส้มผัสด้วยมือ ลวกแน่นอน
ใครรู้สึกเมื่อยก็มาหย่อยขาแช่น้ำแร่ได้ ถ้าใครอยากแช่ทั้งตัวก็มีนะคะ
หรือใครที่อยากต้มไข่แบบไทยสไตล์บ้านเรา เขาก็มีให้บริการเช่นกันค่ะ ....
นี่ก็เป็นขนมที่เขาใช้อบความร้อนโดยบ่อน้ำแร่ค่ะ ฟิล์มไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าอะไร
แต่ลักษณะเหมือนแป้งลูกเล็กๆยัดไส้ค่ะ นุ่มนิ่มๆ ควันลอยกรุ่นๆ .....
......................................................
เสร็จแล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อสู่ เมืองยูฟูอิน
เป็นเมืองเล็กๆ น่ารักที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลบนเกาะคิวชู ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
ในหุบเขาสีเขียวอันงดงาม เป็นอีกเมืองหนึ่งที่มีชื่อเสียงในเรื่องของบ่อน้ำแร่ธรรมชาติ
นอกจากนั้นภายในเมืองนี้ยังมีถนนที่เต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีเอกลักษณ์ ให้เราได้เดินชมกัน
ซึ่งระยะทางบอกเลยว่า ... เรียกว่าเมืองเล็กๆไม่ได้แล้วค่ะ เพราะกว้างมากกๆ
มีแกลอรี่ขนาดเล็กร้านค้าและร้านกาแฟ ที่ผสมผสานกลิ่นอายสมัยเก่าและสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ...
ตอนนั่งทานข้าวกัน พี่ไกด์ก็แนะนำมาหลังตลาดที่ทะเลสาบอยู่นะ ลองไปถ่ายรูปดูสิ
พอทานข้าวเสร็จ เราก็เลยลองไปดู ....
สวยมากกก น้ำใสมากจนเห็นตัวปลา ....
เลยลองใช้เลนส์ wide ถ่ายดู ก็เลยได้ภาพรวมของที่นี่มาค่ะ
ของโปรด Cinnamon Churros ร้อนๆจากเตา !!!!!
อิ่มแล้วก็เดินทางเข้าสู่โรงแรมเพื่อพักผ่อนค่ะ ....
......................................................
เช้าวันสุดท้าย ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย ....
ตื่นเช้าเข้าวัดกันหน่อยดีกว่าค่ะ ขอพรเอาฤกษ์เอาชัยเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ ปี 2018
ที่ผ่านมาช่วงการเดินทาง ในเมืองรถติดหนักๆมากๆ บางทีแค่ 2 กิโล ใช้เวลา 4 ชั่วโมง
ถ้าเรานำรถบัสมา คงไม่ทันไปขึ้นเครื่องที่สนามบินแน่ๆ
เราเลยเลือกที่จะเดินทางโดยรถไฟ ใช้เวลา 1 ชม ถึง ศาลเจ้าดาไซฟุ ....
แห่งน้ีถือเป็นวัดชินโตเก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดฟุกุโอกะ
มีประวัติความเป็นมายาวนานนับพันปี ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าศาลเจ้าแห่งน้ีเป็นที่สถิต
และบูชาเทพเจ้า" สึกะวะระโนะ มิจิสะเนะ " ซ่ึงรู้จักกันดีในนามของ "เทพเจ้าทางการศึกษา"
ก่อนเข้าไปในวัด เราจะเจอกับรูปปั้นวัวเทพเจ้านอนอยู่ ผิวมันวัววาว
โดยชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อกันว่าหากใครได้ลูบไล้บริเวณหัวและเขาของวัว จะทำให้หายจากอาการเจ็บป่วย
จะมีแต่ความโชคดีและประสบความสำเร็จในเรื่องการเรียน ....
คนเนืองแน่มากๆ ชื่นชมกับวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นมาตลอด ....
ไม่ว่าจะเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ ทุกคนก็เดินทางมาขอพร ทำบุญ เข้าวัด ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากๆ
สุดท้าย ..... ฟิล์มขอจบการีวิวเมืองฟูกุโอกะ ไว้เพียงเท่านี้นะคะ
ขอบคุณทุกการติดตามการเดินทางของ Trip นี้มากๆนะคะ ....