บันทึกการเดินทาง | 48 วันจากกรุงเทพ ถึง มิวนิค ตอนที่ 3 เข้าสู่จีนอย่างเป็นทางการ



ตอนที่ 3 เข้าสู่จีนอย่างเป็นทางการ


กระทู้ก่อนหน้านี้
https://pantip.com/topic/37364297 การเตรียมตัว
https://pantip.com/topic/37383467 ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น ณ หัวลำโพง
https://pantip.com/topic/37391329 ตอนที่ 2 เมืองที่เต็มไปด้วยเสียงแตร

รถไฟมาหยุดจอดที่ด่านเวียดนามตอนประมาณตี1 เรามีหน้าที่แค่ยื่นพาสปอร์ตให้เค้าแต๊มออก แล้วพอก็ขึ้นรถไฟปุ๊บ ด้วยความที่ดึกมากแล้วก็ง่วงก็เตรียมตัวจะนอนพักต่อ คนจีนร่วมตู้ของเราบอกว่าอย่านอนเลย เราเลยถามกลับ ทำไมล่ะ เค้าบอกว่าอีกไม่ถึงชั่วโมงคุณก็ต้องตื่นอีก
เพราะถึงด่านจีน เดี๋ยวจะงัวเงีย แต่เราก็นอนอยู่ดีครับ 555555 รถไฟหยุดจอดอีกทีที่ด่านจีนต้องเอาสัมภาระทั้งหมดลงไปสแกนและแต๊มเข้าจีน เราก็ได้เข้าจีนอย่างเป็นทางการแล้ว เย้ !
หลังจากนั้นก็หลับยาว จนเกือบเก้าโมงได้ ก็เพราะเบาะที่นอนในรถไฟจากฮานอยมาหนานหนิงนั้นหลับสบายแทบจะไม่อยากลุกไปไหน ยังเหลือเวลาอีกร่วมๆชั่วโมงให้เก็บสัมภาระจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อยก่อนที่รถไฟจะจอดที่หนานหนิง

ถึงหนานหนิงแล้ว

ยังไม่ทันออกจากตัวสถานีฝนก็ตกซะแล้ว ยังดีที่เราเตรียมร่มมาไม่งั้นได้ป่วยแน่ๆ เราก็เปิดแผนที่แล้วเดินหา แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ
(อันที่จริงเราเดินผ่านไปแล้วแต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าคือที่นี่ เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาดูแผนที่ไม่เงยหน้าอ่านป้ายไรเลย โง่จริงๆ 55555) แต่ยังดีที่ได้คุณลุงใจดีช่วยโทรไปคุยกับพนักงานที่โฮสเทลแถมยังอาสาพาเราไปส่งถึงที่เลย
ตัวโฮสเทลจะอยู่ชั้น 7 ใช้ลิฟต์ร่วมกับคนชั้นอื่นๆ

เราเลือกที่พักที่ไม่ห่างจากตัวสถานีรถไฟมากเพราะวันที่ไปกุ้ยหลินนั้นรถไฟจะออกแต่เช้า เกรงว่าถ้าพักไกลสถานีจะหารถมาลำบาก เลยเลือกใกล้ๆที่สามารถเดินได้ อย่างโฮสเทลนี่ห่างจากตัวสถานีแค่ 400 เมตรเอง เดิน5นาทีก็ถึงแล้ว
วิวจากห้องพัก

มาทำความรู้จักกับหนานหนิงกันสักนิด

นครหนานหนิง (Nanning) “เมืองเอก” ของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง มีความสำคัญในฐานะเมืองศูนย์กลางการเมืองการปกครองและเศรษฐกิจ (อ่าวเป่ยปู้) ของมณฑล เป็นเมืองที่มีขนาดทางเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 จาก 14 เมือง) ของกว่างซี ทั้งในแง่พื้นที่ ประชากร และขนาดเศรษฐกิจ) ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับอีกหลายเมืองใหญ่ของจีน นครหนานหนิงอาจได้รับการจัดให้เป็น “หัวเมืองชั้น 2” ของประเทศ นครหนานหนิง เป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่จัดถาวรของ “งานมหกรรมแสดงสินค้าจีน-อาเซียน” (China-ASEAN Expo; CAEXPO) ได้รับการขนานนามเป็น “Green City” เป็นบ้านพี่เมืองน้องกับเทศบาลเมืองขอนแก่น และมีสถาบันการศึกษาที่เปิดสอนภาษาไทยมากที่สุดในเขตฯ กว่างซีจ้วง นครหนานหนิง มีพื้นที่ราว 2.2 หมื่น ตร.กม. (ใหญ่กว่า กทม. 14 เท่า) มีประชากรราว 7.1 ล้านคน (ปี 55) แบ่งเป็นการปกครองเป็น 6 เขต 6 อำเภอ นครหนานหนิงเป็นเมืองพี่เมืองน้องกับจังหวัดขอนแก่น

Cr. http://www.thaibizchina.com/thaibizchina/th/about-china/country/guangxi/city.php

เช็คอินเสร็จ เข้าห้องล้างหน้าล้างตา แปรงฟันซะหน่อยเพราะยังไม่ได้แปรงเลยตั้งแต่ตื่น 55555 เราจะค้างหนานหนิงสองคืน คืนพรุ่งนี้เราจะไปน้ำตกเต๋อเทียน น้ำตกชายแดนจีน - เวียดนาม แต่การหาทัวร์นั้นก็เป็นไปยากลำบาก เพราะมองไปทางไหนก็มีแต่ภาษาจีนล้วนๆ ระหว่างเดินหาอยู่ หางตาก็เหลือบไปเห็นไฟระยิบระยับสีแดง อุทานในใจว่า ต๊ายยแล้วว ไม่ใช่ว้อยยย หันไปปุ๊บเราเดาได้ทันทีว่ามันต้องเป็นบริษัททัวร์นำเที่ยวแน่ๆ

อันนี้เราแคปไว้ตรงบริษัทที่เราซื้อ เผื่อใครจะใช้บริการของเจ้านี้นะครับ

พอเข้ามาปุ๊บเราก็เปิดรูปน้ำตกที่จะไปให้เค้าดูทันที เค้าเลยยื่นโบรชัวร์มาให้เรานี่ใช่มั้ย แต่เค้าไม่ได้พูดอังกฤษเลยนะครับ จีนล้วน ดีที่นิด้าพูดจีนได้ เลยสื่อสารกับบริษัททัวร์ได้ใจความว่า ราคาคนละ 140 หยวน รถออก 7 โมงเช้า เราก็ตอบตกลง เค้าก็ยื่นเอกสารอะไรไม่รู้ให้เซ็น ต้องทำสัญญาถึงขั้นนี้เลยหรอแค่ไปเที่ยวแค่นี้ หรือนี่มันจะเป็นขบวนการค้ามนุษย์ เปิดบริษัททัวร์บังหน้า(เมิงก็เวอร์ไป) และเค้าก็พามาที่จุดขึ้นรถ
ไอจุดขึ้นรถเนี่ยภายในอาคารก็เป็นบริษัททัวร์เยอะแยะมากมายเหมือนกัน แล้วแต่ใครจะสะดวกซื้อที่ไหน แต่ราคาไม่รู้เท่ากันมั้ยนะครับลองเอาราคาของเราไปเทียบดู : )

ที่ Nanning International Tourism Distribution Center
ระหว่างทางขากลับ เจอเสื้อกันฝนแบบสวมพร้อมกันสองคน ก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละครับ
พอซื้อตั๋วเสร็จก็หาอะไรลงท้อง แล้วก็กินยานอนพัก เนื่องจากนิด้าเริ่มมีอาการป่วยให้เห็นบ้างแล้ว วันนี้ทั้งวันเราเลยไม่ได้ไปไหน พักเอาแรงเต็มๆดีกว่า
อาหารของคนป่วย

ส่วนผมที่ไม่ได้ป่วยก็ซื้ออะไรเย็นๆดื่มดูบรรยากาศไปสิครับ อิอิ

อันนี้ถ่ายจากส่วนกลางในโฮสเทล

พอดื่มเริ่มได้ที่ ผมก็แวะเข้าไปนอนพักสักงีบ ตื่นมาประมาณ 5 โมงเย็นฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว เลยถือโอกาสนี้ออกไปเดินเล่นในเมืองดู
อันนี้เหมือนข้าวแกงที่บ้านเค้า

วันที่ 7 ของการเดินทาง

06.00 น. เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น เรารีบลุกขึ้นตื่นแล้วดิ่งไปยังห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน แต่ไม่อาบน้ำนะ 555555 เพื่อที่จะไปให้ทันรถออกตอน 7 โมง แต่พอเข้าไปภายในอาคาร(ที่เค้าพาเรามาเมื่อวาน) เราก็หาป้ายชื่อบริษัทที่จะพาเราไป หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ เราเลยยื่นโบรชัวร์ให้คนพนักงานในนั้นดู ต่างส่ายหัวกันทุกคน เราเริ่มใจเสีย เลยโทรหาคนที่ขายทัวร์ให้เราเมื่อวานแล้วยื่นให้พนักงานในอาคารคุย พนักงานวางสายแล้วพูดเป็นภาษาจีนกับเราประโยคยาวมาก แต่นิด้ารู้เรื่องแค่คำเดียวว่า “สีเหลือง” เราเลยรีบหาทุกอย่างที่เป็นสีเหลือง ซึ่งก็ไปเจอธงสีเหลืองเลยรีบตรงดิ่งไปหา แล้วยื่นใบที่เราเซ็นเมื่อวานให้ดู เค้าก็เชครายชื่อลูกทัวร์ ไม่นานนักเค้าหันมาหาเรา แล้วส่ายหัว น้ำตาเราไหลออกมาไม่รู้ตัว ซึ่งตอนนั้นจะ 7 โมงแล้ว หมายความว่าเรากำลังจะตกรถและเสียเงินฟรีๆ เปล่าหรอกครับ เค้าหันมาพยักหน้าแล้วชี้นิ้วให้ไปขึ้นรถทางนั้น
7 โมงไม่ตรงดี รถก็เคลื่อนตัวออกไป ในรถทัวร์นั้นมีแค่เราสองคนที่เป็นคนไทย นอกนั้นเป็นพี่จีนหมด ไกด์ก็ทำหน้าที่บรรยายประวัติความเป็นมา โน่นนี่นั่น(อ่าวไหนว่าฟังจีนไม่รู้เรื่อง) พิมพ์ใส่ไปเท่ๆงั้นแหละครับ 555555555
รถวิ่งได้ประมาณ 2 ชั่วโมง(มั้ง) ก็จอดแวะให้เข้าห้องน้ำห้องท่า หลังจากนั้นรถจะจอดอีกทีตอนเที่ยง เพื่อกินข้าวกันก่อนจะเข้าไปตัวน้ำตก
พอกินข้าวอิ่มผมรู้สึกปวดท้องหนักมาก เลยรีบวิ่งไปหาห้องน้ำแต่กลับพบว่า มัน !!!!
ผมหายปวดทันที 55555555

ก่อนจะลงจากรถ ไกด์แจกแจงเวลากับพวกเราว่ามีเวลาเดินเที่ยวในตัวน้ำตก 2 ชั่วโมงนะ แล้วรถจะจอดตรงนี้
ทางเข้าก่อนถึงตัวน้ำตก

ประวัติคร่าวๆ (มีสาระบ้าง)
น้ำตกเต๋อเทียน อยู่ห่างจากตัวเมืองหนานหนิง เมืองเอกของกว่างซีจ้วง ประมาณ 145 กิโลเมตร  เป็นน้ำตกชายแดนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย เป็นน้ำตกชายแดนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก(รองจากน้ำตกไนแองการ่า) และเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ลำดับต้นๆของเอเชีย ตัวน้ำตกมีความกว้าง 120 เมตร สูงประมาณ 70 เมตร ที่อยู่ในจีนมี 3 ชั้น มีขนาดใหญ่กว่าฝั่งเวียดนาม ที่เป็นลักษณะน้ำตกชั้นเดียว(เวียดนามเรียกน้ำตกตาปาเกรียน)
Cr. https://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000012045

ถ้าใครมากับทัวร์เผื่อเวลาถ่ายรูปขากลับด้วยนะครับ จะมีจุดชมวิวก่อนออก
ค่าล่องแพชมน้ำตกแบบใกล้ชิด ถ้าจำไม่ผิดคนละ 30 หยวนนะครับ

พอกลับขึ้นรถปุ๊บ รถก็จะพามายังอุทยานอะไรสักอย่าง ซึ่งเราไม่มีข้อมูลอะไรเลย แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่ามันมีอุทยานที่ใกล้กับน้ำตกเต๋อเทียน เราเลยไม่ได้เข้าไป(จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) ระหว่างรอกลุ่มพี่ๆชาวจีน ก็นั่งรอหน้าอุทยานหาไรกินไปเพลินๆ กว่าจะถึงหนานหนิงก็ร่วมๆ 4 ทุ่มแล้วครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่