ตอนที่ 2 เมืองที่เต็มไปด้วยเสียงแตร
กระทู้ก่อนหน้านี้
https://pantip.com/topic/37364297 การเตรียมตัว
https://pantip.com/topic/37383467 ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น ณ หัวลำโพง
เช้าวันที่ 3 ของการเดินทาง
ระหว่างรอด่านเปิด ก็ให้ทำการล้างหน้า แปรงฟันกันไปก่อนนะครับ ตรงนั้นจะมีห้องน้ำ แต่ก็จะเสียค่าเข้านิดหน่อย(เราจำราคาไม่ได้) ใครไม่เข้าก็ใช้ก๊อกน้ำได้ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ


ด้านขวามือของรูปนี้จะมีร้านโชห่วยเล็กๆ และมีขายอาหารรองท้องเล็กๆน้อยๆ และจะมีคนมาเดินขายซิมเวียดนามกัน แต่เราไม่ได้ซื้อเพราะว่าเตรียมซิมจากไทยไปเรียบร้อยแล้ว



ในรูปนี้คือ บรรดาคนที่กำลังรอด่านเปิด
ณ เวลา 07.00 น. พอด่านเปิดปุ๊ป คนก็เริ่มทยอยกันเดินเข้าไป ส่วนพาสปอร์ตที่เราฝากนั้นเค้าจะคืนมาให้เราก่อนด่านเปิด
** ข้อสังเกตุ พยายามจำหน้าตาเพื่อนร่วมรถเราด้วยนะครับ เพราะตรงนี้คนจะเยอะมาก เดี๋ยวจะสับสนปนไปกับกลุ่มอื่น เผลอๆขึ้นรถผิดคันซวยเลย เพราะหลังจากผ่านด่านเข้ามาแล้ว คนรถจะรีบออกรถทันที เพราะว่าจะได้ไปให้ถึงก่อนคันแรกๆและแต๊มเข้าเวียดนามได้เร็วไม่ต้องรอคิวนาน และการเรียกขึ้นรถลงรถของรถบัสนั้น ทั้งด่านลาว - เวียดนาม พี่แกเล่นตะโกนลั่น
"$^&#%^$%@#%^$!!!" เป็นภาษาเวียดนาม คือพูดอะไรมากูไม่รู้เรื่องหรอก แต่กูวิ่งไปหาก่อนละกัน 55555555
ก่อนถึงด่านเข้าเวียดนาม รถบัสจะจอดให้เราเอากระเป๋าออกจากใต้ท้องรถเพื่อไปจุดสแกนกระเป๋า พอแต๊มเข้าเวียดนามเสร็จแล้ว จะมีเคาท์เตอร์ให้แลกเงิน เราคิดว่าเรทที่นี่น่าจะดีแน่เลย เพราะเห็นคนแลกกันเยอะมาก แต่เราพอมีเงินเวียดนามติดตัวมาแล้ว เลยไม่ได้แลก



หลังผ่านด่านเข้ามาแล้ว ให้เดินตามๆกับกลุ่มคนในรถเรานั่นแหละครับ จะมีจุดรอรถบัส เค้าจะมารับเราตรงนั้น พอรถวิ่งไปได้ไม่นานก็จะจอดพักให้แวะกินข้าวเที่ยงและเข้าห้องน้ำกัน มาตรงนี้ก็ถึงจุดพีคสุดๆสำหรับมื้อนี้กันเลยทีเดียว เพราะอะไรหนะหรอครับ อันดับแรกเราต้องแลกบัตรอาหาร จะมีหลายเรทหลายราคา ต้องไปดูที่โต๊ะแลกบัตรครับ(พอดีทางเราก็จำไม่ได้) พอได้บัตรอาหารเสร็จ ก็ยื่นให้กับพนักงานตักอาหาร มันจะเป็นถาดหลุมครับแบบเด็กประถม ประเด็นอยู่ตรงที่ เค้าเอาอาหารของคนที่กินไม่หมด มาเทรวมลงไปในหม้อ คลุกๆให้เข้ากัน เหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น แล้วก็ตักให้เรากินต่อ เรายืนอึ้งไปสักพัก แล้วคว้าถาดพร้อมน้ำตากลับไป (แต่ในใจด่าไอเหี้…...)



แล้วผัดกะหล่ำปลีสีเขียวสดๆหวานๆ ที่เรากำลังกินอยู่นั้น ก็หยิบจากกองตรงนี้แหละครับไปผัดในครัวมาให้เราได้กินกัน อร่อยสุดๆเลยฮะ วิตามินจากธรรมชาติเข้าร่างกายกันเต็มๆไปเล้ยยย เย้. ก็ต้องทนฝืนกินกันไป เพราะรถจะวิ่งยาวไปที่ฮานอยเลย ไม่ได้แวะข้างทางแล้ว
ระหว่างทางคนขับรถจะเปิดเพลงเวียดนามพร้อมกับการแสดงสดหรือเป็นเอ็มวี ก็แล้วแต่อารมณ์คนขับขณะนั้น บางทีก็เปิดหนังให้เราดูบ้าง สลับกันไปหนังไม่ยังไม่จบดีพี่แกเปลี่ยนเรื่องเลยก็มี หรือที่หนักสุดเลยตอนกลางคืนแล้วพี่แกยังเปิดเพลงแด๊นซ์อีก แหม่ แสงไฟในรถก็ช่างเป็นใจเหลือเกิน สีแดง สีม่วง นึกว่าผับ ถ้าใครเคยไปเวียดนามมาก่อนแล้วได้นั่งรถบัสนอน ก็คงจะรับชะตากรรมไม่ต่างกัน และสำหรับสุภาพบุรุษที่ต้องการเข้าห้องน้ำในรถบัสนั้น อาจจะต้องใช้วิชาทรงตัวกันหน่อยละขณะยืนปัสสาวะ ถ้าโชคดีก็ไม่เจอจังวะที่เค้าเบรค ถ้าโชคร้ายก็ทั้งเบรค ทั้งเลี้ยว ส่ายไปส่ายมา บันเทิงเลยละครับ
และนี่คือบุคคลที่หลับเป็นตายทั้งวัน



ในที่สุดก็มาถึงฮานอยในสภาพสะบักสะบอม เพราะแทบนอนไม่หลับเลยตั้งแต่ขึ้นรถ(แค่ผมนะ)


เดินออกจากสถานีรถบัสปุ๊บมาจะเจอกลุ่มมอเตอร์ไซด์ตรงนี้ทั้งใส่เสื้อแกร็บไบค์บ้างไม่ใส่บ้าง ใส่กางเกงบ้างไม่ใส่บ้าง (ไม่มีว้อยยย) และแทคซี่อีกมากมายให้คุณได้เลือกสรรค์ แต่ใครที่จะนั่งรถเมล์ตามเรามาทางนี้ หลังออกจากสถานีให้ให้เลี้ยวขวาจะเจอสี่แยกใหญ่เดินตรงไปเรื่อยๆประมาณ 500 เมตร จะเจอป้ายรถเมล์ ให้นั่งสาย 8 ขึ้นไปบนรถบอกพนักงานว่า ฮว๋านเกี๋ยม Hoan Kiem แล้วบอกพนักงานด้วยว่าถ้าถึงแล้วให้เรียกเราด้วย ส่วนใครที่มีอินเตอร์เน็ต ก็ตามลายแทงที่ Google Maps บอกได้เลย (ถ้าลงที่ป้าย ฮว๋านเกี๋ยม Hoan Kiem เราสามารถเดินไปทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม หรือ ทะเลสาบคืนดาบ ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดและสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงใจกลางกรุงฮานอยได้เลย) พอลงรถเมล์ก็เดินหาที่พักได้เลย ส่วนใหญ่ทั้งโรงแรมและโฮสเทลจะกระจุกตัวกันตรงนี้ และสามารถเดินทางไปเที่ยวที่อื่นๆได้ง่าย
นี่คือโฮสเทลที่เราพักกัน Golden Time Hostel 3 เราจองผ่าน booking.com

พอเช็คอินเสร็จ โยนกระเป๋าเข้าไปในห้องเรียบร้อยก็ออกมาหาอะไรกินกันที่ Walking Street ถนนคนเดินครับ ถนนคนเดินนี้อยู่แถว hostel ที่พวกเราพักพอดี จะมีแค่เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น เราเดินเรื่อยๆเพลินๆดีครับ ช่วงที่เราไปเป็นเดินพฤศจิกายน อากาศก็เย็นๆสบายๆ ผู้คนคึกคัก เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว มีร้านอาหารตามข้างทางเยอะมาก โดยเฉพาะร้านเบียร์ แบบนั่งดื่มข้างทาง


หลังจากที่โดนข้าวมื้อกลางวันเล่นงานซะไม่เป็นท่า มื้อเย็นนี้เราเลยไม่พลาดที่จะต้องมาหาอะไรอร่อยๆกินให้หนำใจกันไปเล้ยยยย
และนี่คือเซทปิ้งย่างครับ ชุดใหญ่ พร้อมเครื่องเคียง เนื้อสัตว์ ผักเอย น้ำจิ้มเอย จัดมาสวยงาม ใหญ่โต เยี่ยงราชา เป็นไงครับน่าทานมั้ยครับ
แต่อันนี้ไม่ใช่ของพวกเราหรอก เป็นของครอบครัวชาวเกาหลีโต๊ะข้างๆ
พอท้องอิ่ม เราก็เดินหาของกินเล่นกันต่อ มาสะดุดเจอร้านข้างทางโต๊ะเก้าอี้เตี้ยๆ หน้าร้านมีตู้กระจกใส่เนื้อแท่งเหมือนเคบับ ที่สำคัญเบียร์แก้วละ 8 บาท ฟังไม่ผิดหรอกครับ เราจึงไม่รอช้ารีบนั่งทันที พร้อมสั่งเครื่องดื่มเย็นๆ ดื่มให้ชื่นใจก่อนกลับที่พักวันนี้


เช้าวันใหม่ สภาพที่นอนเต็มตื่นแล้วรู้สึกสดชื่นอย่างมาก ทำอะไรก็ดูจะคล่องตัวไปซะทุกอย่าง
รีบจัดแจงทำกิจธุระส่วนตัว แล้วรีบลงไปกินอาหารเช้าโปรแกรมวันนี้ของเราจะไปทัวร์ฮาลองเบย์ Ha Long Bay กัน รถจะมารับเราตอน 08.30 และทยอยไปรับคนอื่นๆตามโรงแรมต่างๆ จนครบ
วิธีการไปฮาลองเบย์ง่ายที่สุดคือซื้อทัวร์กับทางโรงแรมหรือโฮสเทลที่เราพักนั่นแหละครับ ราคาจะอยู่ที่ (ตามที่หาข้อมูลมา 25-30 USD) แต่ไหงเราโดนไปคนละ 35 USD หัวแบะซะแล้ว ในราคานี้จะรวมทุกอย่างแล้วไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม
พอรถไปรับครบทุกคนเสร็จ รถก็จะวิ่งออกเมืองและใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง ระหว่างนั้นไกด์ก็จะเริ่มบรรยายถึงตัวเมืองฮานอยว่า คนรวยนั้นจะอยู่นอกเมือง และปล่อยตึกที่มีในเมืองให้เช่าแทน และภาษีรถยนต์แพงมาก คนเลยใช้มอเตอร์ไซด์กันเยอะ เยอะขนาดที่ว่า คนอยู่ในฮานอย 9 ล้านคน แต่มอเตอร์ไซด์นั้นมากกว่า 4 ล้านคัน ไกด์ยังเล่าว่ามอเตอร์ไซด์ในฮานอยนั้นที่เค้าเคยเห็นคนซ้อนมากถึง 6 คนบนมอเตอร์ไซด์คันเดียว และซาปาเมืองทางตอนเหนือนั้นมากถึง 10 คน (โหดไปไหน)

ไกด์บรรยายไปได้สักพักเราก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว ตื่นมาอีกทีรถก็แวะจอดให้พัก 20 นาที จะซื้อของฝากหรือเข้าห้องน้ำห้องท่า ก็ให้อยู่ภายในเวลานี้จะได้ไม่เป็นภาระคนอื่นๆที่รอ เพราะมีกลุ่มคนอินเดียมาเลทมาก ทำไกด์โมโหถึงขั้นเดินไปตามขึ้นรถกันเลยทีเดียว
จากจุดที่รถแวะจอดใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึง ให้เดินตามไกด์ไปเรื่อยๆนะครับ และเกาะกลุ่มกับสมาชิกที่นั่งรถมาด้วยกัน เพราะคนตรงนี้จะเยอะมากครับ
เดี๋ยวจะหลง


เราจะกินข้าวเที่ยงกันบนเรือ อาหารก็ทยอยออกมา มีกับข้าวอยู่ประมาณ 6 อย่าง กินร่วมกันโต๊ะละ 6 คน กรุ๊ปเดียวกันกับที่นั่งรถมา บนเรือก็จะมีน้ำเปล่า เบียร์ขาย อันนี้ต้องซื้อต่างหากไม่รวมอยู่ในแพ็คเกจทัวร์


วิวสองข้างทาง
พอกินข้าวเสร็จ เรือก็แล่นมาจอดที่จุดแรก เป็นจุดล่องเรือ ให้เลือกระหว่าง Bamboo Boat ที่มีคนพายให้เรา นั่งสบายไขว่ห้างไปเกร๋ๆ หรือเรือ Kayak ที่ต้องพายเรือเอง ใช้กำลังกาย และต้องช่วยกันพาย 2 คนต่อ 1 ลำ และแน่นอนครับ สำหรับวัยรุ่นอย่างพวกเรานั้นที่แรงกายมีเหลือเฟือกับกิจกรรมทางน้ำแบบนี้ แถมยังได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศ และธรรมชาติที่สวยงาม พร้อมทั้งชมวิวเกาะหินปูนสลับทับซ้อนไปในตัวด้วย เราไม่ลังเลเลยครับที่จะเลือก... Bamboo Boat



เราได้ร่วม Group กับครอบครัวชาวอังกฤษครับ เฟรนลี่ น่ารัก อัทธยาศัยดีมากๆครับ ชวนเราคุยไม่หยุดเลย ใช้เวลาล่องเรือตรงนี้ราวๆ 30 นาทีก็ขึ้นเรือแล้วไปกันต่อครับ จุดต่อไปที่แวะคือ จุดเข้าถ้ำชมหินงอกหินย้อย ภายในจะมีแสงไฟสีสันต่างๆส่องไปยังหิน ทำให้เห็นเป็นภาพหินงอกหินย้อยที่สวยงามมีกิมมิค



เดินออกจากถ้ำมาก็จะมีจุดชมวิวอีกจุดนึงก่อนที่จะขึ้นเรือกลับเข้าฝั่ง




กว่าจะกลับถึงฮานอยก็ปาเข้าไป 3 ทุ่มแล้ว ทำได้แค่กินข้าวแล้วก็กลับที่พัก นอนเอาแรง
บันทึกการเดินทาง | 48 วันจากกรุงเทพ ถึง มิวนิค ตอนที่ 2 เมืองที่เต็มไปด้วยเสียงแตร
กระทู้ก่อนหน้านี้
https://pantip.com/topic/37364297 การเตรียมตัว
https://pantip.com/topic/37383467 ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น ณ หัวลำโพง
เช้าวันที่ 3 ของการเดินทาง
ระหว่างรอด่านเปิด ก็ให้ทำการล้างหน้า แปรงฟันกันไปก่อนนะครับ ตรงนั้นจะมีห้องน้ำ แต่ก็จะเสียค่าเข้านิดหน่อย(เราจำราคาไม่ได้) ใครไม่เข้าก็ใช้ก๊อกน้ำได้ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ
ด้านขวามือของรูปนี้จะมีร้านโชห่วยเล็กๆ และมีขายอาหารรองท้องเล็กๆน้อยๆ และจะมีคนมาเดินขายซิมเวียดนามกัน แต่เราไม่ได้ซื้อเพราะว่าเตรียมซิมจากไทยไปเรียบร้อยแล้ว
ณ เวลา 07.00 น. พอด่านเปิดปุ๊ป คนก็เริ่มทยอยกันเดินเข้าไป ส่วนพาสปอร์ตที่เราฝากนั้นเค้าจะคืนมาให้เราก่อนด่านเปิด
** ข้อสังเกตุ พยายามจำหน้าตาเพื่อนร่วมรถเราด้วยนะครับ เพราะตรงนี้คนจะเยอะมาก เดี๋ยวจะสับสนปนไปกับกลุ่มอื่น เผลอๆขึ้นรถผิดคันซวยเลย เพราะหลังจากผ่านด่านเข้ามาแล้ว คนรถจะรีบออกรถทันที เพราะว่าจะได้ไปให้ถึงก่อนคันแรกๆและแต๊มเข้าเวียดนามได้เร็วไม่ต้องรอคิวนาน และการเรียกขึ้นรถลงรถของรถบัสนั้น ทั้งด่านลาว - เวียดนาม พี่แกเล่นตะโกนลั่น "$^&#%^$%@#%^$!!!" เป็นภาษาเวียดนาม คือพูดอะไรมากูไม่รู้เรื่องหรอก แต่กูวิ่งไปหาก่อนละกัน 55555555
ก่อนถึงด่านเข้าเวียดนาม รถบัสจะจอดให้เราเอากระเป๋าออกจากใต้ท้องรถเพื่อไปจุดสแกนกระเป๋า พอแต๊มเข้าเวียดนามเสร็จแล้ว จะมีเคาท์เตอร์ให้แลกเงิน เราคิดว่าเรทที่นี่น่าจะดีแน่เลย เพราะเห็นคนแลกกันเยอะมาก แต่เราพอมีเงินเวียดนามติดตัวมาแล้ว เลยไม่ได้แลก
หลังผ่านด่านเข้ามาแล้ว ให้เดินตามๆกับกลุ่มคนในรถเรานั่นแหละครับ จะมีจุดรอรถบัส เค้าจะมารับเราตรงนั้น พอรถวิ่งไปได้ไม่นานก็จะจอดพักให้แวะกินข้าวเที่ยงและเข้าห้องน้ำกัน มาตรงนี้ก็ถึงจุดพีคสุดๆสำหรับมื้อนี้กันเลยทีเดียว เพราะอะไรหนะหรอครับ อันดับแรกเราต้องแลกบัตรอาหาร จะมีหลายเรทหลายราคา ต้องไปดูที่โต๊ะแลกบัตรครับ(พอดีทางเราก็จำไม่ได้) พอได้บัตรอาหารเสร็จ ก็ยื่นให้กับพนักงานตักอาหาร มันจะเป็นถาดหลุมครับแบบเด็กประถม ประเด็นอยู่ตรงที่ เค้าเอาอาหารของคนที่กินไม่หมด มาเทรวมลงไปในหม้อ คลุกๆให้เข้ากัน เหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น แล้วก็ตักให้เรากินต่อ เรายืนอึ้งไปสักพัก แล้วคว้าถาดพร้อมน้ำตากลับไป (แต่ในใจด่าไอเหี้…...)
ระหว่างทางคนขับรถจะเปิดเพลงเวียดนามพร้อมกับการแสดงสดหรือเป็นเอ็มวี ก็แล้วแต่อารมณ์คนขับขณะนั้น บางทีก็เปิดหนังให้เราดูบ้าง สลับกันไปหนังไม่ยังไม่จบดีพี่แกเปลี่ยนเรื่องเลยก็มี หรือที่หนักสุดเลยตอนกลางคืนแล้วพี่แกยังเปิดเพลงแด๊นซ์อีก แหม่ แสงไฟในรถก็ช่างเป็นใจเหลือเกิน สีแดง สีม่วง นึกว่าผับ ถ้าใครเคยไปเวียดนามมาก่อนแล้วได้นั่งรถบัสนอน ก็คงจะรับชะตากรรมไม่ต่างกัน และสำหรับสุภาพบุรุษที่ต้องการเข้าห้องน้ำในรถบัสนั้น อาจจะต้องใช้วิชาทรงตัวกันหน่อยละขณะยืนปัสสาวะ ถ้าโชคดีก็ไม่เจอจังวะที่เค้าเบรค ถ้าโชคร้ายก็ทั้งเบรค ทั้งเลี้ยว ส่ายไปส่ายมา บันเทิงเลยละครับ
และนี่คือบุคคลที่หลับเป็นตายทั้งวัน
ในที่สุดก็มาถึงฮานอยในสภาพสะบักสะบอม เพราะแทบนอนไม่หลับเลยตั้งแต่ขึ้นรถ(แค่ผมนะ)
นี่คือโฮสเทลที่เราพักกัน Golden Time Hostel 3 เราจองผ่าน booking.com
พอเช็คอินเสร็จ โยนกระเป๋าเข้าไปในห้องเรียบร้อยก็ออกมาหาอะไรกินกันที่ Walking Street ถนนคนเดินครับ ถนนคนเดินนี้อยู่แถว hostel ที่พวกเราพักพอดี จะมีแค่เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น เราเดินเรื่อยๆเพลินๆดีครับ ช่วงที่เราไปเป็นเดินพฤศจิกายน อากาศก็เย็นๆสบายๆ ผู้คนคึกคัก เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว มีร้านอาหารตามข้างทางเยอะมาก โดยเฉพาะร้านเบียร์ แบบนั่งดื่มข้างทาง
หลังจากที่โดนข้าวมื้อกลางวันเล่นงานซะไม่เป็นท่า มื้อเย็นนี้เราเลยไม่พลาดที่จะต้องมาหาอะไรอร่อยๆกินให้หนำใจกันไปเล้ยยยย
และนี่คือเซทปิ้งย่างครับ ชุดใหญ่ พร้อมเครื่องเคียง เนื้อสัตว์ ผักเอย น้ำจิ้มเอย จัดมาสวยงาม ใหญ่โต เยี่ยงราชา เป็นไงครับน่าทานมั้ยครับ
แต่อันนี้ไม่ใช่ของพวกเราหรอก เป็นของครอบครัวชาวเกาหลีโต๊ะข้างๆ
พอท้องอิ่ม เราก็เดินหาของกินเล่นกันต่อ มาสะดุดเจอร้านข้างทางโต๊ะเก้าอี้เตี้ยๆ หน้าร้านมีตู้กระจกใส่เนื้อแท่งเหมือนเคบับ ที่สำคัญเบียร์แก้วละ 8 บาท ฟังไม่ผิดหรอกครับ เราจึงไม่รอช้ารีบนั่งทันที พร้อมสั่งเครื่องดื่มเย็นๆ ดื่มให้ชื่นใจก่อนกลับที่พักวันนี้
เช้าวันใหม่ สภาพที่นอนเต็มตื่นแล้วรู้สึกสดชื่นอย่างมาก ทำอะไรก็ดูจะคล่องตัวไปซะทุกอย่าง
รีบจัดแจงทำกิจธุระส่วนตัว แล้วรีบลงไปกินอาหารเช้าโปรแกรมวันนี้ของเราจะไปทัวร์ฮาลองเบย์ Ha Long Bay กัน รถจะมารับเราตอน 08.30 และทยอยไปรับคนอื่นๆตามโรงแรมต่างๆ จนครบ
วิธีการไปฮาลองเบย์ง่ายที่สุดคือซื้อทัวร์กับทางโรงแรมหรือโฮสเทลที่เราพักนั่นแหละครับ ราคาจะอยู่ที่ (ตามที่หาข้อมูลมา 25-30 USD) แต่ไหงเราโดนไปคนละ 35 USD หัวแบะซะแล้ว ในราคานี้จะรวมทุกอย่างแล้วไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม
พอรถไปรับครบทุกคนเสร็จ รถก็จะวิ่งออกเมืองและใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง ระหว่างนั้นไกด์ก็จะเริ่มบรรยายถึงตัวเมืองฮานอยว่า คนรวยนั้นจะอยู่นอกเมือง และปล่อยตึกที่มีในเมืองให้เช่าแทน และภาษีรถยนต์แพงมาก คนเลยใช้มอเตอร์ไซด์กันเยอะ เยอะขนาดที่ว่า คนอยู่ในฮานอย 9 ล้านคน แต่มอเตอร์ไซด์นั้นมากกว่า 4 ล้านคัน ไกด์ยังเล่าว่ามอเตอร์ไซด์ในฮานอยนั้นที่เค้าเคยเห็นคนซ้อนมากถึง 6 คนบนมอเตอร์ไซด์คันเดียว และซาปาเมืองทางตอนเหนือนั้นมากถึง 10 คน (โหดไปไหน)
ไกด์บรรยายไปได้สักพักเราก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว ตื่นมาอีกทีรถก็แวะจอดให้พัก 20 นาที จะซื้อของฝากหรือเข้าห้องน้ำห้องท่า ก็ให้อยู่ภายในเวลานี้จะได้ไม่เป็นภาระคนอื่นๆที่รอ เพราะมีกลุ่มคนอินเดียมาเลทมาก ทำไกด์โมโหถึงขั้นเดินไปตามขึ้นรถกันเลยทีเดียว
จากจุดที่รถแวะจอดใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึง ให้เดินตามไกด์ไปเรื่อยๆนะครับ และเกาะกลุ่มกับสมาชิกที่นั่งรถมาด้วยกัน เพราะคนตรงนี้จะเยอะมากครับ
เดี๋ยวจะหลง
เราจะกินข้าวเที่ยงกันบนเรือ อาหารก็ทยอยออกมา มีกับข้าวอยู่ประมาณ 6 อย่าง กินร่วมกันโต๊ะละ 6 คน กรุ๊ปเดียวกันกับที่นั่งรถมา บนเรือก็จะมีน้ำเปล่า เบียร์ขาย อันนี้ต้องซื้อต่างหากไม่รวมอยู่ในแพ็คเกจทัวร์
วิวสองข้างทาง
พอกินข้าวเสร็จ เรือก็แล่นมาจอดที่จุดแรก เป็นจุดล่องเรือ ให้เลือกระหว่าง Bamboo Boat ที่มีคนพายให้เรา นั่งสบายไขว่ห้างไปเกร๋ๆ หรือเรือ Kayak ที่ต้องพายเรือเอง ใช้กำลังกาย และต้องช่วยกันพาย 2 คนต่อ 1 ลำ และแน่นอนครับ สำหรับวัยรุ่นอย่างพวกเรานั้นที่แรงกายมีเหลือเฟือกับกิจกรรมทางน้ำแบบนี้ แถมยังได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศ และธรรมชาติที่สวยงาม พร้อมทั้งชมวิวเกาะหินปูนสลับทับซ้อนไปในตัวด้วย เราไม่ลังเลเลยครับที่จะเลือก... Bamboo Boat
เราได้ร่วม Group กับครอบครัวชาวอังกฤษครับ เฟรนลี่ น่ารัก อัทธยาศัยดีมากๆครับ ชวนเราคุยไม่หยุดเลย ใช้เวลาล่องเรือตรงนี้ราวๆ 30 นาทีก็ขึ้นเรือแล้วไปกันต่อครับ จุดต่อไปที่แวะคือ จุดเข้าถ้ำชมหินงอกหินย้อย ภายในจะมีแสงไฟสีสันต่างๆส่องไปยังหิน ทำให้เห็นเป็นภาพหินงอกหินย้อยที่สวยงามมีกิมมิค
เดินออกจากถ้ำมาก็จะมีจุดชมวิวอีกจุดนึงก่อนที่จะขึ้นเรือกลับเข้าฝั่ง
กว่าจะกลับถึงฮานอยก็ปาเข้าไป 3 ทุ่มแล้ว ทำได้แค่กินข้าวแล้วก็กลับที่พัก นอนเอาแรง