[CR] [CR] / SAPA x NORTH VIETNAM part. 2

สวัสดีครับทุกท่าน
นี่เป็นกระทู้บันทึกการเดินทางช่วงสั้นๆ ที่ซาปา ของผม
จริงๆ ก็เล่าไปเรื่อยนั่นแหละครับ  

นี่เป็น part. 2 - ที่ Sa Pa  ส่วน part. 1 นั้น ผมอัพไว้ในเพจ #ใกล้วันหยุดของนิล ยังไงฝากกดติดตามด้วยนะครับ

สามารถตามอ่านได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างได้เลยครับ ( :
Ha Giang

https://www.facebook.com/pg/nylssoonholidayseason/photos/?tab=album&album_id=325529784613020


part.2 Sa Pa ต่อจาก Ha Giang สำหรับซาปาถือว่าประทับเหมือนกัน ถ้าเทียบกับจังหวัดห่าซาง
ผมหลงรักที่นั่นมากกว่า อาจเพราะเคยได้อ่านและติดตามเรื่องราวการเดินทางของนักเดินทางคนอื่นๆ
ที่ได้เล่าถึงเรื่องราวและสถานที่ที่ประทับใจ แต่จะว่าไป ซาปาก็เจ๋งอยู่ไม่น้อยเลยนะครับ


________________________________________________________________________________________________



ผมเดินทางมาที่นี่ด้วยรถบัสจากจังหวัดห่าซาง ที่ติดกันแต่ถูกคั้นด้วยภูเขาลูกใหญ่ ถนนหนทางที่จะจากห่าซางมาที่นี่ไม่ใช่ง่ายเลย เป็นถนนหลวงที่ลัดรอบแนวเขามาเรื่อยๆ สภาพถนน จากถนนซีเมนต์พังจนแทบไม่เห็นร่องรอยของถนนเดิม
รอบข้างทางก็ยังคงเป็นวิวภูเขา กับวิถีชีวิตไม่ค่อยต่างจากชาวเขาที่เคยได้เจอมาเท่าไหร่ ทำนาขั่นบันไดบ้าง เลี้ยงควายบ้าง ปลูกข้าวโพดบ้าง แต่จะไม่มากเท่าที่อื่นๆ ระยะทางเพียง 300 กิโล แต่ใช้ระยะเวลากว่า 7 ชั่วโมง
ถนนไม่ได้ติดนะ แต่สภาพถนนต่างหากหละ 55 ค่ารถผมจ่ายเป็น USD เพราะเงิน VND ไม่พอ เทียบกันแล้ว จ่ายในราคาที่ถูกกว่าด้วย คือรถบัสจะเข้ามาถึงแค่ตัวจังหวัดหลาวก่าย เท่านั้น การไปซาปาต้องต่อรถไปอีก 30 กิโลขึ้นเขา รถติดมาก อยู่ในช่วงกำลังปรับปรุงถนน ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ถนนมาซาปาจะไม่เข้าไปในจุดแลนด์มาร์คข้างใน เพราะถนนและมีคนเดินพลุ่งพล่านตลอด รถจะไปจอดที่สถานีขนส่ง ของตัวเมืองซาปา แล้วค่อยเดินหรือนั่งรถเข้าไปด้านใน

ซาปาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ค่อนข้างเจริญ มีโรงแรมผุดเหมือนดอกเห็ด ในเมืองจะมีทั้งชาวบ้านปกติ และชาวเขาจากเผ่าต่างๆ เดินเท้าเข้ามาขายให้กับนักท่องเที่ยวเชื้อชาติต่างๆ
วันที่มาถึงเป็นวันอาทิตย์ซึ่งก็ตรงกับ ถนนคนเดินพอดี ที่นี่อากาศค่อนข้างเย็นเลยแหละแค่ตอนกลางคืนนะ กลางวันนี่ท้องฟ้าแจ่มใส แสงแดดแผดเผาเว่อ แล้วแต่ฤดูกาล แต่ส่วนใหญ่ อากาศเย็น อย่างที่บอกช่วงวันอาทิตย์จะมีถนนคนเดิน ใหญ่มากๆ คนเยอะมากเช่นกัน นอกจากมีสินค้านานาจากชาวเขาให้จับจ่าย
ยังมีการแสดงของชาวเขาด้วยนะ / หลังจากฝากเก็บสัมภาระไว้ที่ห้อง ผมก็ออกมาตะลุยหามื้อค่ำ เดินไปเดินมาอยู่พักใหญ่ คิดไม่ออกจะทานอะไรดี บริเวณรอบๆ มีร้านค้า ร้านอาหารอยู่ทั่วทุกมุม
ที่พัก คืนแรกที่นี่ พึ่งจองขณะที่นั่งรถมา แล้วมาค่อยมาจ่ายทีหลัง พักที่ stunning view หาไม่ยากเกินความสามารถหรอก ที่นี่มีตรอกซอกซอยเยอะมาก การมาคนเดียวต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ที่ Stunning view ห้องที่อยู่ชั้นบนสุด (ไม่ได้ถ่ายรูปมาฝาก)
วิวดีมาก ตื่นมาจะเห็นวิวภูเขาฟานซิปัน แบบเต็มๆ ตาเลยเลยจ้า ราคาห้องพัก 280 บาทคิดเป็นเงินไทย
เช้าวันที่สองของซาปา วันนี้ต้องย้ายของไปที่พักก่อน อยู่ไม่ไกล แต่ก็เดินได้

วิวจากระเบียง Stunning view มองเห็นภูเขาฟานซิฟัน
-
เช้าหลังจากมื้อเช้าผ่านไป ต้องย้ายของไปที่พักอีกที่ [ วันนี้แพลนไว้ว่าจะไปถ่ายรูปที่โบสถ์ประจำเมืองซาปาก่อน แวะไปเดินเล่นที่หมู่บ้านก๊าตก๊าต ]

โบสถ์ตั้งอยู่ตรงถนนคนเดินนี่แหละ ติดกับลานกิจกรรมที่มีการแสดงเมื่อคืน โบสถ์ยังดูใหม่ๆ สร้างจากก่อนหิน อายุประมาณ 100 ปี
สร้างขึ้นในสมัยที่เป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศษ, ฝรั่งเศษเป็นผู้นำศาสนาคริสต์เข้ามาเผยแผ่ที่ซาปา ฉะนั้นชาวเขาและคนที่นี่จึงนับคือศาสนาคริสต์กัน


ทะเลสาบกลางเมืองซาปา
เดินวนอยู่นานจนหนำใจ ไปกันต่อ ที่หมู่บ้าน ก๊าตก๊าต
หมู่บ้าน ก๊าตก๊าต ห่างจากซาปา ประมาณ 3 กิโล ก็เดินได้แต่เช่ามอไซขับไปน่าจะสะดวกกว่า
เพราะวันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสมากเป็นพิเศษ แดดแรงมากถึงมากที่สุด ภาพในหัวตอนแรกเมื่อพูดถึง ก๊าตก๊าต คือต้องอากาศเย็นๆ เป็นหมู่บ้าน นาขั้นบันได ........ พอไปเห็นกับตาปุ๊บ จะมีป้ายทางเข้าหมู่บ้าน มีช่องขายบัตรเข้าหมู่บ้าน ประมาณ 100 บาทเงินไทย จำราคาไม่ค่อยได้ แต่ที่นี่ ทางไปหมู่บ้านอื่นๆ ที่วิวสวยๆ ดีดี เค้าจะมีด่านเก็บค่าผ่านทางซึ่งก็แพงอะเอาจริง เก็บทุกทางจริงๆ ความตื่นเต้นก็เลยลดฮวบฮาบไปเล้ยยยย
ก๊าตก๊าต ต้องเดินเท้านะ ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง เดินลงบันไดไปเรื่อยๆ ผ่านบ้าน ผ่านร้านค้าขายของที่ระทึกเป็นส่วนใหญ่
วิวดีเนอะ ก๊าตก๊าต ในวันฟ้าใส
เดินมาสักระยะจะถึงสะพานแขวนที่มีน้ำตกตามภาพข้างบน ด้านหน้าของน้ำตกจะเป็น
เวทีที่เค้าจัดการแสดงของชาวเขาให้ชม


ตลอดข้างทางจะมีชาวเขาทั้งเด็กทั้งคนแก่ ทำหน้าตาระห้อย คอยขายของให้เรา *ต้องระวังเวลาเค้ายื่นอะไรให้ ทางที่ดีอย่ารับเพราะเค้าคิดเงินเราแน่ๆ และคืนไม่ได้ด้วยนะ เค้าจะบอกว่าเรารับไปแล้ว จ่ายเงินอย่างเดียว นี่ก็โดน ขนาดบอกว่าไม่เอาแล้ว ยัดใส่มือเราหน้าตาเฉย แล้วรีดค่าไถ่น้อง
แต่ไปถึงที่นั่นทั้งทีก็ช่วยเค้าซื้อบ้าง 5555555555555555
เดินอยู่นาน กลับมาถึงตรงทางออก แทบจะเป็นลมเพราะอากาศร้อนมาก
บังเอิญเจอคุณลุงแก๊งคนไทยจากนครพนม ที่ปั่นจักรยานข้ามประเทศลาวมาทะลุที่นี่  ทรหดเกินไปแล้วครับลุง

___________________________________________________________________________________
ตัดมา / ที่พักคืนที่สอง ชื่อ Fansipan Terrace Café & Home stay ข้างบนเป็นคาเฟ่ ส่วนข้างล่างเป็นห้องพัก เป็นแบบ dorm ก็มี ห้องที่ได้วิวดีอีกเช่นเคย เห็นฟานซิปันแบบเต็มๆตา จากในห้อง ด้วยราคาแค่ 480 บาท ก็ฟินได้นะจ๊ะ
ส่วนนี่เป็นวิวจากหน้าต่างห้อง

กลางคืนก็จะมีชาวเขาบางคนเอาของออกมาขายในเมืองด้วยนะ นี่ชอบไปเดินมาก คนน้อยหายใจได้เต็มปอด เมื่อเทียบกับวันแรกที่มาถึงคือ โหหหหห บรรยากาศต่างกันมาก โล่งงงงงงงงงงงงงงงงงง ไปบางที
ส่วน ปิ้งๆย่างๆ แบบนี้ เค้าก็มีเหมือนกัน คล้ายๆหมาล่า ซัมติง มีอยู่ทั่วทุกมุมเมืองเลย ราคาไม่ใจร้ายด้วย
วนกลับมาที่ที่พัก / อย่างที่บอก ส่วนข้างบนเค้าเป็นคาเฟ่ ตกแต่งด้วยงานภาพถ่ายกรุบกริบ เปิดดึกเหมือนกัน
ช่วงกลางคืนอากาศเย็นเหลือเกิน เย็นจนมือแข็งไปแล้ว

_______________________________________________________________________________
ตัดมาวันสุดท้าย // แดดยามเช้าทำให้เราได้เห็นยอดเขาที่ฟานซิปัน ที่เล่นซ่อนแอบอยู่หลังก้อนเมฆในวันแรก

ที่พักเค้ามีมื้อเช้าให้ด้วยนะ




// น้องออกจากห้องก็ 11 โมงแล้ว พร้อมกับเช็คเอ้าท์ สามารถฝากของไว้ที่พักได้
เดินหาร้านเช่ารถอยู่พักนึงก็ได้รถที่สภาพดูโอเค แต่ไม่โอเค เติมน้ำมันเสร็จสรรพ รีบบึ่งรถจะไป Silver waterfall อันโด่งดัง
ใครใครก็บอก มาซาปา ต้องมาให้ถึง โธ่ ..
Silver waterfall

อยู่นอกเมืองขับรถไปประมาณ 10 กิโล พอไปถึงเสียตังค่าเข้าด้วย
น้องเลยขอบายเพราะมันไม่มีอะไรเลย ขับรถผ่านก็ยังสามารถเห็นตัวน้ำตกได้เหมือนกัน
เอาเป็นว่าไม่ได้น่าสนใจสำหรับน้องเลย จริงจริง น้องบ่อิน

ที่ต่อไปคือ เคเบิล ที่จะขึ้นยอดเขาฟานซิปัน
#มีเรื่องเล่าเด้อออ คือ ที่ขึ้นเคเบิลอยู่ใกล้เมืองมากแค่ 3 กิโล แต่น้องดูแผนที่ผิด น้องขับไปไกลถึง 18 กิโล และยังไม่พอ น้องถามแม่ค้าที่ขายของแถวนั้นว่า ที่นี่ใช่เคเบิลมั้ย นางตอบ Yes ! ซึ่งน้องก็เข้าไปทันที แต่ก็มาเอะใจว่า เอ่ ! ใช่จริงหรอ ทำไมไม่เห็นมีคนเลย น้องเลยไปถามเจ้าหน้าที่ ได้ความว่า มันคือน้ำตก Thac Tinh Yeu ซึ่งหาใช่ เคเบิล ไม่ ! แอบเฟลและหงุดหงิด อุส่าขับออกมาไกลมาก - เศร้าเนอะ
แต่เมื่อมาถึงแล้วก็ต้องไปให้เห็นกับตาซักหน่อย เสียเงินเข้าไป 100 บาทเงินไทย แถม การเดินทางอีก 1 กิโล เพื่อไปดูน้ำตกเจ้ากรรมของเรา คนก็น้อยกลัวหลงก็กลัว พอไปถึงแล้วสวยนะเออ อยู่ได้ไม่นานเพราะไม่มีคนอื่นเลย
ความกลัวขึ้นสมอง รีบสับเท้าออกมาทันทีหลังจากถ่ายรูปเสร็จ .. 55555555
น้ำตก Thac Tinh Yeu

\_______________________________________________________________________________________________/
ชื่อสินค้า:   Sapa, Vietnam
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่