อีสุกอีใส เป็นตอนโตได้ และเป็นแล้วก็เป็นอีกได้นะ [แชร์ประสบการณ์ & ข้อมูล]

กระทู้สนทนา
ใครจะคิดว่า อายุ 42 แล้ว
จะยังเป็นอีสุกอีใสได้อีก
ทั้งที่ตอนเด็กเคยเป็นแล้วด้วย

ตอนนี้ตกสะเก็ดแล้วค่ะ
ยังไม่หายสนิท แต่ก็น่าจะใกล้แล้ว เจ็ดวันแล้ว : )

เลยอยากเขียนฝากไว้
เพราะเราได้ประโยชน์จากการอ่าน
การฟังคำแนะนำจากหลาย ๆ แหล่ง ๆ
และคิดว่า เผื่อวันหนึ่ง มันอาจจะเป็นประโยชน์กับใครนะคะ

เนื้อหาอาจจะยาว
แต่ประเด็นสำคัญที่อยากฝากไว้ คือ

1. อยากให้อ่านอาการเริ่มต้นไว้สังเกต
เผื่อเฉลียวใจ เวลาใครเริ่มเป็นไข้
เพราะตอนเริ่ม มันเหมือนไข้หวัดมาก


สำคัญคือ ถ้าเรารู้เร็ว หาหมอเร็ว
ได้ยาต้านไวรัส ภายใน 24 ชม.
ตุ่มที่ยังไม่ขึ้น จะไม่ขึ้นแบบลามทุ่งออกไป
ยิ่งเร็วเท่าไหร่ ยิ่งดี อย่าช้าค่ะ

2. ปรับความเข้าใจใหม่ ที่ว่า
อีสุกอีใส เคยเป็นแล้ว จะไม่เป็นอีก


ไม่จริงนะคะ เป็นอีกได้ค่ะ
เดี๋ยวนี้ เชื้อไวรัสโรคนี้มีสายพันธุ์ใหม่แล้ว
เราจะได้ไม่ใกล้ชิดผู้ป่วย ด้วยความเข้าใจผิดกัน

(ช่วงที่เป็น มีคนมาบอกเราอย่างน้อย 3 คน
ว่าเคยเป็นมาสองรอบแล้ว)

รายละเอียด เล่าไว้ด้านล่างนี้นะคะ
ส่วนเนื้อหาความรู้ ได้จากบทความต่าง ๆ ออนไลน์
หลาย ๆ แหล่ง ขอบคุณผู้เผยแพร่ทุกท่านค่ะ

. . . . . . . . . . . . . . . . . .

# รู้จักอีสุกอีใสแบบไว ๆ

• อีสุกอีใส เกิดจาก
เชื้อไวรัส วาริเซลลา ซอสเตอร์ ไวรัส
เชื้อตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคงูสวัด

• เมื่อหายแล้ว มักมีเชื้อหลบอยู่ที่ปมประสาท
และอาจออกมาเป็นงูสวัดในภายหลังได้

• โรคอีสุกอีใส เป็นแล้วจะไม่เป็นอีก
เป็นความเชื่อที่ผิด!
เพราะปัจจุบัน มีไวรัสโรคอีสุกอีใสสายพันธุ์ใหม่
ที่ค่อนข้างรุนแรงกว่าเดิม
จึงสามารถเป็นอีสุกอีใสได้อีก
โดยเฉพาะในผู้ใหญ่

• ฉีดวัคซีนอีสุกอีใสแล้ว จะไม่เป็นอีสุกอีใส
เป็นความเชื่อที่ผิด!
เพราะวัคซีนป้องกันได้ราว 90%
มีโอกาสเป็นอีสุกอีใสได้
เพียงแต่จะทำให้อาการน้อยลง
และใช้เวลาในการเป็นโรคสั้นลง

• อีสุกอีใสในผู้ใหญ่ จะรุนแรงกว่าในเด็ก
จะมีไข้ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว
คล้ายไข้หวัด และมีตุ่มขึ้นเยอะกว่า
(กรณีของเรา มีไข้ 38.5 และอ่อนเพลียมากกกก)

• อีสุกอีใส ติดต่อกันทางไหน
หนึ่ง ทางอากาศ คือ ละอองไอ จาม หรือ
หายใจเอาเชื้อที่ปะปนอยู่ในอากาศเข้าไป
สอง ทางสัมผัส คือการสัมผัสแผลตุ่มน้ำ
หรือถูกของใช้ที่ถูกแผลตุ่มน้ำของผู้ป่วย

• ระยะติดต่อ คือตั้งแต่ระยะ 24 ชม. ก่อนมีผื่นขึ้น
ไปจนถึงระยะที่ตุ่มทั้งหมด ตกสะเก็ดหมดแล้ว
ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน

ขอบคุณข้อมูลจาก:
http://www.rakluke.com/lifestyle/7/64/332/อีสุกอีใส-โรคหนาวหนาวที่ผู้ใหญ่เป็นแล้วและเป็นซ้ำได้อีก
https://medthai.com/อีสุกอีใส/

. . . . . . . . . . . . . . . . . .

# อาการเริ่มต้น

มีไข้ คล้ายหวัด 2 - 4 วัน
จากนั้น ผื่นแดงจะค่อยลามขึ้น
ตามใบหน้า ลำตัว แขนขา อย่างรวดเร็ว

เป็นไข้คล้ายหวัดอยู่ 3 วัน

ในกรณีของเรา
ก่อนหน้า เราเป็นหวัดอยู่ก่อน
แต่ใกล้หายแล้ว เหลือแค่เสียงอู้อี้ ๆ
กับไอมีเสมหะนิดหน่อย
(ซึ่งก็ไม่ได้คิดว่าเป็นอะไรมาก
แต่จริง ๆ แล้ว ไอมีเสมหะ
เป็นอาการเริ่มต้นประกอบของอีสุกอีใสด้วย)

วันอาทิตย์ เราก็ยังไปต่างจังหวัดสบาย ๆ

วันจันทร์ (Day 1) ไปทำงาน เริ่มอ่อนเพลีย
ตกเย็นเริ่มมีไข้ คิดว่าไข้หวัดกลับมาแน่เลย

วันอังคาร (Day 2) ลางาน เพราะไข้ไม่หาย
รู้สึกร่างหนักมาก ลุกไม่ขึ้น ปวดหัว หมดแรงสุด ๆ

วันพูธ (Day 3) ตื่นมาเหมือนดีขึ้น แต่ไม่หาย
ลางานต่ออีก อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ยังมีไข้
เริ่มรู้สึกผิดปกติ ลากสังขารไปหาหมอดีกว่า

หมอให้ตรวจเลือด เอ๊กซเรย์ปอด ตรวจจมูก
ใช้หูฟังฟังการหายใจ ถามอาการต่าง ๆ
และให้กินพาราลดไข้ (วันนั้นไข้ 38.5)

ผลแล็บออกมา หมอสรุปได้ไม่ชัด
คือ หมอบอก มีเชื้อไวรัสอยู่ล่ะ

แต่หมอก็ว่าไม่ใช่หวัด เพราะมีแต่ไข้
ไม่มีน้ำมูก ไม่คัดจมูก ไม่ไอจามแบบหวัด

ถ้าเกร็ดเลือดต่ำ หมอจะฟันธงเลยว่า
ไข้เลือดออก แต่อันนี้เกร็ดเลือดปกติมาก
แต่หมอก็ยังสงสัยไข้เลือดออก 50-50

หมอเลยให้เฝ้าดูอาการ 2 วัน วินิจฉัยว่า
"มีไข้เฉียบพลัน เฝ้าระวังไข้เลือดออก"
นัดตรวจอีกครั้งวันศุกร์

เย็นนั้นเสร็จออกมา เราไข้ลงชัดเจน
เป็นครั้งด้วยที่เริ่มมีแรงขึ้น เริ่มสดชื่นขึ้น
และเริ่มกินอาหารเป็นเรื่องเป็นราวได้

ตกค่ำ อาบน้ำเสร็จ เราสังเกตเห็น
เหมือนมีสิวเม็ดเล็ก ๆ ขึ้นที่พุง 3 - 4 เม็ด
ยังว่าเม็ดนึงเหมือนเป็นตุ่มน้ำใส ๆ
แต่ก็ยังไม่เฉลียวใจอะไร

ที่หน้าก็มีขึ้น 1 - 2 เม็ด
ทั้งหมดคิดว่า สงสัยจะเพราะซมไข้ สิวเลยขึ้น
นอนดีกว่า เดี๋ยววันศุกร์ค่อยพบหมออีกที

ผื่นแดงขึ้นอย่างรวดเร็ว

เช้าวันพฤหัส (Day 4) ยังคงลางานต่อ
ลุกมาอาบน้ำสิบโมง เห็นตัวเอง ตกใจเลย
ตุ่มแดง ขึ้นตามหน้า ตามตัว ตามแขน
เห่อเต็มไปหมด!

เรียกว่า ไข้สูงนำมาสามวัน
พอไข้ลงเท่านั้น ผื่นตุ่มก็ปะทุขึ้นอย่างรวดเร็ว

หรือเราจะเป็นไข้เลือดออกจริง ๆ

รีบไปหาหมอ หมอเห็นปุ๊บก็ฟันธงเลย
"เป็นอีสุกอีใสแล้วล่ะ"

หมอชี้ให้เห็นชัด "เนี่ยดูสิ
ตุ่มขึ้นเต็มไปหมด หน้า คอ แขน ตัว
ทั่วไปหมดแบบนี้ อีสุกอีใสแน่นอน"

หมอให้อ้าปาก ส่องไฟฉายดู
ตรงเพดานปากภายใน มันยังขึ้นเลย

หมอให้ยาต้านไวรัสมาทาน
ที่ต้องทานทุก 4 ชม. วันละ 5 ครั้ง
(ซึ่งต้องได้รับภายใน 24 - 48 ชม.
หลังจากผื่นขึ้น จึงจะรักษาได้ผล)

หมอบอกว่า

ถ้าได้กินยาตั้งแต่ตอนที่มันยังขึ้นน้อย ๆ
ก็จะช่วยให้มันไม่ลามไปเยอะได้

แต่นี่มันขึ้นทั่วไปหมดแล้ว
ก็ต้องให้มันเป็นจนตกสะเก็ดไป
(แต่ก็จะช่วยยับยั้งเม็ดที่ยังไม่ขึ้นได้อีก
และอ่านมาว่าจะช่วยให้ตกสะเก็ดเร็วขึ้น)

นึกย้อนเลยว่า ถ้าได้กินยา
เสียตั้งแต่ตอนที่เห็นตุ่มน้ำใสแค่ 3 -4 เม็ด
คงจะช่วยไม่ให้มันลามทั่วตัวขนาดนี้ได้เนาะ

เลยอยากมาเขียนบอกไว้
ให้ได้สังเกตกันไว ๆ นี่ล่ะค่ะ

หมอให้ใบรับรองลาหยุด 6 วัน
คิดอยู่ว่า มันจะหายทันเหรอคะหมอ T_T

# สรุป

อาการเริ่มต้นเหมือนไข้หวัด
มีไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดศีรษะ
เบื่ออาหาร และอ่อนเพลียสุด ๆ

แต่ไม่เหมือนหวัด สังเกตว่า
ไม่มีไอจาม ไม่คัดจมูกแบบหวัด
แต่อาจไอแบบมีเสมหะได้

จะเป็นไข้อยู่ 2 - 4 วัน
แล้วไข้จะลง จากนั้น จะเริ่มมีตุ่มแดงขึ้น

หลายคนเข้าใจว่าเป็นสิว
และไม่ได้สนใจ เป็นกันหลายคนเลย

ตุ่มผื่นแดงนี้ จะเริ่มจากที่ลำตัวก่อน
สังเกตแนวหน้าอก-พุง
แล้วค่อยไปที่หน้า หนังศีรษะ แขน และขา
ถ้าสังเกตว่าบางตุ่ม เป็นตุ่มน้ำใส คือชัดเลย

ถึงเวลาขึ้น ตุ่มผื่นนี้
จะเห่อกระจายพรวดอย่างรวดเร็ว

ให้รีบหาหมอ ทานยาต้านไวรัส
ภายใน 24 - 48 ชม. หลังผื่นขึ้นนะคะ
เพราะหลังจากนี้ อาจไม่ได้ผลแล้วค่ะ

สรุป
1. มีไข้ 2-4 วัน โดยไม่มีอาการหวัดคัดจมูก
2. พอไข้ลง เริ่มมีตุ่มแดง ตุ่มน้ำใสขึ้น
3. มีการอาการไอแบบมีเสมหะร่วมด้วย

ข้อควรระวัง:
สำคัญ หากมีไข้ ให้กินพาราเซตามอล
ห้าม! กินยาแอสไพริน ขณะเป็นอีสุกอีใสเด็ดขาด
เพราะเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรย์ซินโดรม
ซึ่งอาจผลกระทบต่อตับและสมอง และถึงชีวิตได้

. . . . . . . . . . . . . . . . . . .

# อีสุกอีใส เป็นแล้วต้องใจเย็น ๆ

ยิ่งสำหรับคนรักสวยรักงาม
เราเชื่อว่า ถึงวันที่ผื่นขึ้นเต็มตัว
คงเป็นอะไรที่รับได้ยากจริง ๆ ^^'

เหมือนวันหนึ่ง ตื่นมาส่องกระจก
ถอดเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำ ก็พบว่า
ตัวเองเหมือนท้าวแสนปม
ผสม ๆ กับตุ๊กแกไงงั้น
ลูบไปตามแขนก็ปุ่ม ๆ ป่ำ ๆ ผิดสัมผัสไปหมด

กังวลทั้งสิ่งที่เห็นตรงหน้า
และกังวลว่า หายแล้วจะทิ้งรอยแค่ไหน

ช่วงแรก จะเป็นช่วงที่ดิ้นรน
หาทุกทางว่าจะทำยังไงให้หายเร็วที่สุด
เค้าว่ายาอะไรดี ก็อยากจะรีบหามาใช้

วันแรก เราอ่านข้อมูลในเน็ตเยอะมาก
แล้วก็พบว่า อย่าหาเลย ยาปาฏิหาริย์
มันไม่มีหรอก : )

พอเราอ่านจนเข้าใจธรรมชาติของโรค
เข้าใจวงจรของมัน เข้าใจวิธีดูแล
เราก็อยู่กับมันได้อย่างเข้าใจ

มันจะต้องปะทุอย่างนี้
ประทุจนพีคแล้วมันก็จะค่อยแห้ง
ตกสะเก็ดกันไปใน 7 - 10 วัน

เราก็อาจจะดูน่าเกลียดนิดหน่อย
แต่ก็ดีแล้ว ให้มันปะทุซะให้เสร็จ

สิ่งที่เราทำได้ คือ
กินยาตามที่หมอสั่งเคร่งครัด
ดูแลตุ่ม ดูแลตัวเอง กินมีประโยชน์ ดื่มน้ำ
พักผ่อนมาก ๆ ทายาทาอะไรไปตามเรื่อง
แล้วก็แค่ รอเวลา

ถึงเวลาสะเก็ดหลุด
ไม่แกะไม่เกา ผิวเราก็จะกลับมาเหมือนเดิม

โรคนี้ ต้องการแค่นี้จริง ๆ

ทางกายเป็นทุกข์อยู่แล้ว
อย่าไปเสียเวลาเพิ่มทุกข์ทางใจเลย
อยู่กับมันไปอย่างเข้าใจนะคะ

ดีเสียอีก ได้หยุดงานตั้งหลายวัน
ได้อ่านหนังสือ ได้ดูคอร์สออนไลน์
ได้ฟังไฟล์เสียง ได้วาดรูป ได้เขียนหนังสือ
ทำโน่นทำนี่ ที่ปกติไม่มีเวลาว่างจะได้ทำ

ใช้เวลาช่วงนี้ให้มีความสุขกับตัวเอง
แล้วเราจะลืมเรื่องคันไปเลยด้วย : )

วันทำงาน ก็เช็คเมล์ ทำงานไปด้วยได้
อย่าทิ้งงานไปเสียเลย แต่ก็อย่าไปกังวลมาก
คนที่ทำงาน พร้อมจะเข้าใจเราค่ะ

"อดทนเก็บความในใจ แล้วรอแค่วันเวลา
ให้มันหมุนช้าๆ แล้วเดินไปกับมัน..."
ฮัมไปค่ะ... : )
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่