สวัสดีค่ะ เรามีเรื่องจะระบายค่ะ
เราเป็นพนักงานบริษัททั้วไปค่ะ อายุ 31 ปีพอดี ทำงานมา 2 ปีอยากเปลี่ยนงานค่ะ เป็นแอดมินเวบไซต์คอยอัพและตรวจเช็คบทความไปวันๆ เบื่อค่ะ เอาจริงๆ
รู้สึกว่างานตัวเองไม่มีความก้าวหน้าเลยค่ะ เงินเดือนประมาณ 42000 กว่าบาท แต่ก็ไม่เคยบอกใครหรอกค่ะ กลัวคนว่าน้อย แต่เงินจำนวนนี้ที่เราได้เราจะคิดว่ามันน้อยก็ไม่ได้ เพราะงานที่ทำมันไม่ได้มีอะไร จะเรียกร้องเพิ่มก็ไม่ได้เพราะไม่รู้จะเอาออะไรมาเรียกร้อง เลยคิดว่าสกิลที่มีมันคุ้มกับสิ่งที่ทำอยู่ไหม
ตัวเราเองสื่อสารได้ 4 ภาษาสามารถใช้ในการทำงานได้ดีในระดับหนึ่งเลยค่ะ
เรามีอังกฤษโทอิค 700 กว่าคะแนน (เดี๋ยวจะไปสอบใหม่ได้ 800)
มีญี่ปุ่นระดับเอ็น 1 แต่เรียน ม เอกชนในไทย ไม่เคยไปเรียนญี่ปุ่น
ภาษาจีนระดับ 5 เรียนที่ไทย เรียนเองค่ะ
แล้วก็ภาษาไทย (ไม่ต้องนับก็ได้555 )
เราเคยทำทั้งล่าม ทั้งแอดมิน คอลเซ็นเตอร์อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น รับสายสลับกันไปมากก็ทำมาแล้ว
เป็นล่ามให้ญี่ปุ่นเถียงกันในที่ประชุมก็ทำมาแล้วค่ะ
คนรอบกายเรามักบอกว่าความสามารถระดับนี้ น่าจะได้งานที่มากกว่าทำไปวันๆกว่านี้นะ น่าจะได้เงินเดือนเยอะมากๆด้วย (และทุกคนจะชอบคิดไปเองว่าเราน่าจะได้เงินเยอะ)
ตอนนี้เราจะไปสมัครงานใหม่ค่ะ แต่สิ่งหนึ่งที่ฝังใจมากๆเลยคือ ตัวเองจบเอกชน จะไปสู้ ม.รัฐดังๆได้ยังไง
เหมือนกับเป็นปมชีวิตที่ติดในใจเราตลอดเวลา จะเรียกเงินมากๆก็กลัวเขาไม่สน
ตอนสมัยมัธยม เราเป็นนักเรียนที่ค่อนข้างขี้เกียจค่ะ คิดไม่ได้ตอนนั้น เลยไม่ตั้งใจเรียน ขาดบ้างมาบ้าง ผลคะแนนเลยไม่ดี โอเน็ต เอเน็ตก็ตกต่ำมาก สมัยนั้นเพิ่งยกเลิกเอนทรานซ์
แต่เราก็เรียน ม.ปลายจนจบ แล้วย้อมแพ้ในการจะหาที่เรียน ม.รัฐ คะ เลยเรียน ม เอกชน
พอมาเรียนเอกชนก็เรียนโง่อีกค่ะ เพราะนิสัยเดิมติดมา คือมาเรียนบ้าง ไม่มาบ้าง ติด ผช บ้าง ใจแตกไปอีก 55555 มีดรอบ มีเรียนซัมเมอร์ แต่ก็เอาตัวเองจนจบได้ 4 แบบงงๆ ซึ่งรุ่นเราก็ 5-6 ปีจบก็เยอะอยู่
หลังจบมา เริ่มสมัครงาน เริ่มถูกเปรียบเทียบ เริ่มมโนเอง เริ่มกลัวไม่มีงาน ไม่มีเงิน เลยตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือเพื่อนจะสอบ
สอบอะไรละ
สอบเอาใบการรันตีภาษาค่ะ
เราคิดเองเสมอว่า สายวิชาอื่นไม่รู้อาจจะถูกเปรียบเทียบ ม รัฐ ม.เอกชน
แต่ถ้าภาษามันน่าจะตัดสินว่าคุณอยู่ระดับไหน สื่อสารได้หรือไม่ได้ เราเลยนึกถึงใบประกาศของภาษาต่างๆ และไปสอบมาจนได้ ถ้าเรามีมันน่าจะสบายใจได้ในระดับหนึ่ง
แต่อย่างที่บอกแหละค่ะ ต่อให้มีใบประกาศแล้ว ปมในใจก็ยังอยู่ ก้องในหูตลอดว่าแกหนะจบ ม.เอกชน จะสู้เด็ก ม.รัฐดังๆได้ยังไง เจียมตัวไว้เถอะ เราไม่สามารถสลัดความคิดนี้ออกจากหัวได้เลย จนอายุ 31 ปี
และเวลาไปสมัครงานเรามักกลัว เวลาเรียกเงินเดือนเราจะกลัวเราเรียกมากเกินไป กลัวเค้าจะไม่รับ
เราก็เคยแอบน้อยใจไปเองเสมอๆว่า ต่อให้เรามีความสามารถแค่ไหน เราพรีเซ็นต์ตัวเองไม่เป็น สี.มอไม่สวย เราก็ไม่สามารถทำให้เขาเห็นความสามารถเราใช่ไมนะ
ยิ่งช่วงนี้มีดรามา บริษัทเอกชน ม.นั้นไม่รับ ม.นี่ไม่รับ
จิตตกไปกันใหญ่เลยค่ะ
จริงๆเราก็อายุ 31 แล้วน่าจะคิดเองเป็น 555555
แต่เราอยากรู้ความเห็นเพื่อนๆว่าเราน่าจะไปไกลกว่านี้ไหม เราควรทำยังไงจะสลัดความคิดนี้ เราเป็นไม่มีที่ปรึกษา เพื่อนก็น้อย เพราะไม่ค่อยไปเรียน555 เลยมีแต่เพื่อนๆที่ไม่ค่อยสนิท
สมมุติว่า คนที่มาสมัครพร้อมเราได้ 2-3 ภาษาแต่มาจาก ม รัฐดังๆ ส่วนเราได้ 4 ภาษา เขาจะเลือกคนนั้นก่อนไหม
เราเลยคิดว่าเราจะแก้ปมชีวิต (ของเรียกมันว่าปม เพราะมันเป็นปมจริงๆในความรู้สึกเรา อย่างเวลาขับรถผ่าน ฬ ผ่าน ธ ผ่าน มหิ ผ่าน เกษตร เราจะมองและคิดว่าถ้าวันนั้นตั้งใจเรียนหน่อย ชีวิตคงดีกว่านี้) โดยการที่ไปเรียน ป โท มอ ดังๆเหล่านั้น ถึงไม่ศิษย์เรียกตัวเองว่าศิษย์เก่า หรือชุบตัวโดยลืมที่มาตัวเอง ขอแค่ได้เป็นส่วนหนึ่งในรั้วมหาลัยนั้นก็ยังดี 555 เวลาไปสมัครงานจะได้มั่นๆกว่านี้หน่อย
คิดได้แค่นี้จริงๆ
อย่าด่ากันนะคะ
พูดได้ เขียนได้ 4 ภาษา จบ ม.เอกชนเขาจะพิจรณาไหม เมื่อเจอคนจบ ม.รัฐดังๆมาเปรียบ
เราเป็นพนักงานบริษัททั้วไปค่ะ อายุ 31 ปีพอดี ทำงานมา 2 ปีอยากเปลี่ยนงานค่ะ เป็นแอดมินเวบไซต์คอยอัพและตรวจเช็คบทความไปวันๆ เบื่อค่ะ เอาจริงๆ
รู้สึกว่างานตัวเองไม่มีความก้าวหน้าเลยค่ะ เงินเดือนประมาณ 42000 กว่าบาท แต่ก็ไม่เคยบอกใครหรอกค่ะ กลัวคนว่าน้อย แต่เงินจำนวนนี้ที่เราได้เราจะคิดว่ามันน้อยก็ไม่ได้ เพราะงานที่ทำมันไม่ได้มีอะไร จะเรียกร้องเพิ่มก็ไม่ได้เพราะไม่รู้จะเอาออะไรมาเรียกร้อง เลยคิดว่าสกิลที่มีมันคุ้มกับสิ่งที่ทำอยู่ไหม
ตัวเราเองสื่อสารได้ 4 ภาษาสามารถใช้ในการทำงานได้ดีในระดับหนึ่งเลยค่ะ
เรามีอังกฤษโทอิค 700 กว่าคะแนน (เดี๋ยวจะไปสอบใหม่ได้ 800)
มีญี่ปุ่นระดับเอ็น 1 แต่เรียน ม เอกชนในไทย ไม่เคยไปเรียนญี่ปุ่น
ภาษาจีนระดับ 5 เรียนที่ไทย เรียนเองค่ะ
แล้วก็ภาษาไทย (ไม่ต้องนับก็ได้555 )
เราเคยทำทั้งล่าม ทั้งแอดมิน คอลเซ็นเตอร์อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น รับสายสลับกันไปมากก็ทำมาแล้ว
เป็นล่ามให้ญี่ปุ่นเถียงกันในที่ประชุมก็ทำมาแล้วค่ะ
คนรอบกายเรามักบอกว่าความสามารถระดับนี้ น่าจะได้งานที่มากกว่าทำไปวันๆกว่านี้นะ น่าจะได้เงินเดือนเยอะมากๆด้วย (และทุกคนจะชอบคิดไปเองว่าเราน่าจะได้เงินเยอะ)
ตอนนี้เราจะไปสมัครงานใหม่ค่ะ แต่สิ่งหนึ่งที่ฝังใจมากๆเลยคือ ตัวเองจบเอกชน จะไปสู้ ม.รัฐดังๆได้ยังไง
เหมือนกับเป็นปมชีวิตที่ติดในใจเราตลอดเวลา จะเรียกเงินมากๆก็กลัวเขาไม่สน
ตอนสมัยมัธยม เราเป็นนักเรียนที่ค่อนข้างขี้เกียจค่ะ คิดไม่ได้ตอนนั้น เลยไม่ตั้งใจเรียน ขาดบ้างมาบ้าง ผลคะแนนเลยไม่ดี โอเน็ต เอเน็ตก็ตกต่ำมาก สมัยนั้นเพิ่งยกเลิกเอนทรานซ์
แต่เราก็เรียน ม.ปลายจนจบ แล้วย้อมแพ้ในการจะหาที่เรียน ม.รัฐ คะ เลยเรียน ม เอกชน
พอมาเรียนเอกชนก็เรียนโง่อีกค่ะ เพราะนิสัยเดิมติดมา คือมาเรียนบ้าง ไม่มาบ้าง ติด ผช บ้าง ใจแตกไปอีก 55555 มีดรอบ มีเรียนซัมเมอร์ แต่ก็เอาตัวเองจนจบได้ 4 แบบงงๆ ซึ่งรุ่นเราก็ 5-6 ปีจบก็เยอะอยู่
หลังจบมา เริ่มสมัครงาน เริ่มถูกเปรียบเทียบ เริ่มมโนเอง เริ่มกลัวไม่มีงาน ไม่มีเงิน เลยตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือเพื่อนจะสอบ
สอบอะไรละ
สอบเอาใบการรันตีภาษาค่ะ
เราคิดเองเสมอว่า สายวิชาอื่นไม่รู้อาจจะถูกเปรียบเทียบ ม รัฐ ม.เอกชน
แต่ถ้าภาษามันน่าจะตัดสินว่าคุณอยู่ระดับไหน สื่อสารได้หรือไม่ได้ เราเลยนึกถึงใบประกาศของภาษาต่างๆ และไปสอบมาจนได้ ถ้าเรามีมันน่าจะสบายใจได้ในระดับหนึ่ง
แต่อย่างที่บอกแหละค่ะ ต่อให้มีใบประกาศแล้ว ปมในใจก็ยังอยู่ ก้องในหูตลอดว่าแกหนะจบ ม.เอกชน จะสู้เด็ก ม.รัฐดังๆได้ยังไง เจียมตัวไว้เถอะ เราไม่สามารถสลัดความคิดนี้ออกจากหัวได้เลย จนอายุ 31 ปี
และเวลาไปสมัครงานเรามักกลัว เวลาเรียกเงินเดือนเราจะกลัวเราเรียกมากเกินไป กลัวเค้าจะไม่รับ
เราก็เคยแอบน้อยใจไปเองเสมอๆว่า ต่อให้เรามีความสามารถแค่ไหน เราพรีเซ็นต์ตัวเองไม่เป็น สี.มอไม่สวย เราก็ไม่สามารถทำให้เขาเห็นความสามารถเราใช่ไมนะ
ยิ่งช่วงนี้มีดรามา บริษัทเอกชน ม.นั้นไม่รับ ม.นี่ไม่รับ
จิตตกไปกันใหญ่เลยค่ะ
จริงๆเราก็อายุ 31 แล้วน่าจะคิดเองเป็น 555555
แต่เราอยากรู้ความเห็นเพื่อนๆว่าเราน่าจะไปไกลกว่านี้ไหม เราควรทำยังไงจะสลัดความคิดนี้ เราเป็นไม่มีที่ปรึกษา เพื่อนก็น้อย เพราะไม่ค่อยไปเรียน555 เลยมีแต่เพื่อนๆที่ไม่ค่อยสนิท
สมมุติว่า คนที่มาสมัครพร้อมเราได้ 2-3 ภาษาแต่มาจาก ม รัฐดังๆ ส่วนเราได้ 4 ภาษา เขาจะเลือกคนนั้นก่อนไหม
เราเลยคิดว่าเราจะแก้ปมชีวิต (ของเรียกมันว่าปม เพราะมันเป็นปมจริงๆในความรู้สึกเรา อย่างเวลาขับรถผ่าน ฬ ผ่าน ธ ผ่าน มหิ ผ่าน เกษตร เราจะมองและคิดว่าถ้าวันนั้นตั้งใจเรียนหน่อย ชีวิตคงดีกว่านี้) โดยการที่ไปเรียน ป โท มอ ดังๆเหล่านั้น ถึงไม่ศิษย์เรียกตัวเองว่าศิษย์เก่า หรือชุบตัวโดยลืมที่มาตัวเอง ขอแค่ได้เป็นส่วนหนึ่งในรั้วมหาลัยนั้นก็ยังดี 555 เวลาไปสมัครงานจะได้มั่นๆกว่านี้หน่อย
คิดได้แค่นี้จริงๆ
อย่าด่ากันนะคะ