แชร์ความเห็นส่วนตัว (ย้ำว่าความเห็นส่วนตัวครับ)
ตลาดขึ้นมาด้วยปัจจัยพื้นฐาน จากราคาน้ำมันฟื้นตัว ตัวเลขเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว สภาพคล่องจากดอกเบี้ยต่ำ และการทำ QE ถ้าคุณถือหุ้นในราคาถูก มีปันผลที่ดี P/E ไม่สูงเกินไป หรือ PEG Ratio อยู่ในสัดส่วนที่สมเหตุสมผล ประมาณ <= 1 เท่า บริษัทเติบโตดี พรุ่งนี้คุณก็ไม่จำเป็นต้อง Panic อะไร Liquidity มีผลทำให้หุ้นแพง แต่ไม่ได้ทำให้หุ้นตกลงไปต่ำกว่า Fair Value ได้มากครับ แต่ถ้าคุณอยากจะ Take Profit มุมมองผมคิดว่าจุดนี้คือจุดที่ควรขายทำกำไร ถ้ารอ 1900 2000 คุณคิดว่าเป็นไปได้ หรือ ไม่? อาจจะได้ไม่คุ้มเสียกับ Upside ที่เหลือเพียง 2-5%
แต่ถ้าคุณเป็นนักเก็งกำไร ซื้อมาตามสภาพคล่อง หรือ จาก Technical Chart ถ้ามันหลุดแนวรับ หรือ ติดแนวต้าน Indicators ต่างๆ เริ่มปรับตัวลง คุณก็ควรขายทิ้งซะ ซื้อมาด้วยเหตุผลอะไร ก็ขายไปด้วยเหตุผลนั้นซะครับ
ในมุมมองของผมนั้น หุ้นไทยตอนนี้ โอกาศในการเติบโต ค่อนข้างจำกัดครับ Upside ต่ำ Downside สูงกว่า เพราะขึ้นมาเยอะ มากกว่าปัจจัยพื้นฐาน สภาพคล่องทางการเงิน และไม่มี Margin of safety แล้วภาพรวมของกำไรบริษัทในอนาคตคิดว่าไม่น่าจะเพิ่มเยอะอะไรจนทำให้ Fundflow ต่างชาติเข้ามาตอนนี้มากๆ อยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลง Structure การหา Business Model ใหม่ๆ มากกว่าครับ เพราะมันอิ่มตัวแล้ว ต้องมีการลงทุนอะไรใหม่ๆ และคงไม่ได้โตเร็วๆนี้แน่นอน ผมยกตัวอย่าง เช่น
กลุ่ม ธนาคาร อนาคตจะมีการปรับลด พนักงาน เพราะ Technology เข้ามา Disrupt มากมาย หลายๆอย่างไม่ต้องผ่านตัวกลาง ไม่ต้องเข้าไปทำธุรกรรม อะไรกับธนาคาร NPL สูงขึ้น จะลดลงจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้น แต่ดีเฉพาะกลุ่มใหญ่ๆ แต่กลุ่มล่างๆ กำลังซื้อ กำลังจ่ายหนี้ไม่ดีตาม
กลุ่ม พลังงาน ราคาน้ำมัน BRENT เริ่มทรงๆตัว ที่ประมาณ 65-70 เหรียญ ผมคิดว่าอาจจะสูงกว่านี้ได้ แต่ให้กลับไปแบบเมื่อก่อนคงไม่แล้ว พื้นฐานเปลี่ยน สหรัฐอเมริกา สามารถ ขุดเจาะน้ำมันจาก Shale Oil ได้ ถ้าราคาพุ่งมาในระดับที่ใช้ Shale Oil คุ้มกว่า ก็จะโดนกดลงไป และอนาคตหลังจากนี้ การบริโภคน้ำมันคงต้องลดลงอย่างแน่นอน เพราะ Trend ของรถไฟฟ้ากำลังมา
กลุ่มสื่อสาร การแข่งขันสูงขึ้น แต่จำนวนผู้ใช้เท่าเดิม พยายามหา Business Model ใหม่ๆ
การลงทุนของต่างชาติ ความคาดหวัง Fund flow ก้อนใหญ่ๆที่จะเข้ามา ผมคิดว่ายากครับ ต่างประเทศก็มีผู้บริหารกองทุนระดับเซียนๆ ทั้งนั้น ทำไมเค้าต้องมาซื้อหุ้นไทยเยอะๆ ในเวลานี้ และ Upside จำกัด ความเสี่ยงสูง การเติบโตธุรกิจไทยก็จำกัด ด้านการลงทุนค่าแรงก็สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน และมีโอกาศโตมากกว่า จากฐานที่ต่ำกว่าบ้านเรา
สำหร้บหุ้นไทยนั้น กองทุนเป็นฝ่าย NET BUY มากที่สุด รองลงมาเป็นโบรกเกอร์ ส่วนฝรั่งนั้น NET SELL ใครจะเข้ามารับหุ้นต่อจากกองทุนในอนาคต ผมมองว่า ก็เม่าอย่างเรานี่แหละ ถ้าเศรษฐกิจบ้านเราดีขึ้นจริงก็คงดึงดูดต่างชาติเข้ามาบ้างครับ
ขอให้ทุกคนโชคดีครับ
ถ้าพรุ่งนี้หุ้นตก ทำยังไงดี ผมว่า . . . .
ตลาดขึ้นมาด้วยปัจจัยพื้นฐาน จากราคาน้ำมันฟื้นตัว ตัวเลขเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว สภาพคล่องจากดอกเบี้ยต่ำ และการทำ QE ถ้าคุณถือหุ้นในราคาถูก มีปันผลที่ดี P/E ไม่สูงเกินไป หรือ PEG Ratio อยู่ในสัดส่วนที่สมเหตุสมผล ประมาณ <= 1 เท่า บริษัทเติบโตดี พรุ่งนี้คุณก็ไม่จำเป็นต้อง Panic อะไร Liquidity มีผลทำให้หุ้นแพง แต่ไม่ได้ทำให้หุ้นตกลงไปต่ำกว่า Fair Value ได้มากครับ แต่ถ้าคุณอยากจะ Take Profit มุมมองผมคิดว่าจุดนี้คือจุดที่ควรขายทำกำไร ถ้ารอ 1900 2000 คุณคิดว่าเป็นไปได้ หรือ ไม่? อาจจะได้ไม่คุ้มเสียกับ Upside ที่เหลือเพียง 2-5%
แต่ถ้าคุณเป็นนักเก็งกำไร ซื้อมาตามสภาพคล่อง หรือ จาก Technical Chart ถ้ามันหลุดแนวรับ หรือ ติดแนวต้าน Indicators ต่างๆ เริ่มปรับตัวลง คุณก็ควรขายทิ้งซะ ซื้อมาด้วยเหตุผลอะไร ก็ขายไปด้วยเหตุผลนั้นซะครับ
ในมุมมองของผมนั้น หุ้นไทยตอนนี้ โอกาศในการเติบโต ค่อนข้างจำกัดครับ Upside ต่ำ Downside สูงกว่า เพราะขึ้นมาเยอะ มากกว่าปัจจัยพื้นฐาน สภาพคล่องทางการเงิน และไม่มี Margin of safety แล้วภาพรวมของกำไรบริษัทในอนาคตคิดว่าไม่น่าจะเพิ่มเยอะอะไรจนทำให้ Fundflow ต่างชาติเข้ามาตอนนี้มากๆ อยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลง Structure การหา Business Model ใหม่ๆ มากกว่าครับ เพราะมันอิ่มตัวแล้ว ต้องมีการลงทุนอะไรใหม่ๆ และคงไม่ได้โตเร็วๆนี้แน่นอน ผมยกตัวอย่าง เช่น
กลุ่ม ธนาคาร อนาคตจะมีการปรับลด พนักงาน เพราะ Technology เข้ามา Disrupt มากมาย หลายๆอย่างไม่ต้องผ่านตัวกลาง ไม่ต้องเข้าไปทำธุรกรรม อะไรกับธนาคาร NPL สูงขึ้น จะลดลงจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้น แต่ดีเฉพาะกลุ่มใหญ่ๆ แต่กลุ่มล่างๆ กำลังซื้อ กำลังจ่ายหนี้ไม่ดีตาม
กลุ่ม พลังงาน ราคาน้ำมัน BRENT เริ่มทรงๆตัว ที่ประมาณ 65-70 เหรียญ ผมคิดว่าอาจจะสูงกว่านี้ได้ แต่ให้กลับไปแบบเมื่อก่อนคงไม่แล้ว พื้นฐานเปลี่ยน สหรัฐอเมริกา สามารถ ขุดเจาะน้ำมันจาก Shale Oil ได้ ถ้าราคาพุ่งมาในระดับที่ใช้ Shale Oil คุ้มกว่า ก็จะโดนกดลงไป และอนาคตหลังจากนี้ การบริโภคน้ำมันคงต้องลดลงอย่างแน่นอน เพราะ Trend ของรถไฟฟ้ากำลังมา
กลุ่มสื่อสาร การแข่งขันสูงขึ้น แต่จำนวนผู้ใช้เท่าเดิม พยายามหา Business Model ใหม่ๆ
การลงทุนของต่างชาติ ความคาดหวัง Fund flow ก้อนใหญ่ๆที่จะเข้ามา ผมคิดว่ายากครับ ต่างประเทศก็มีผู้บริหารกองทุนระดับเซียนๆ ทั้งนั้น ทำไมเค้าต้องมาซื้อหุ้นไทยเยอะๆ ในเวลานี้ และ Upside จำกัด ความเสี่ยงสูง การเติบโตธุรกิจไทยก็จำกัด ด้านการลงทุนค่าแรงก็สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน และมีโอกาศโตมากกว่า จากฐานที่ต่ำกว่าบ้านเรา
สำหร้บหุ้นไทยนั้น กองทุนเป็นฝ่าย NET BUY มากที่สุด รองลงมาเป็นโบรกเกอร์ ส่วนฝรั่งนั้น NET SELL ใครจะเข้ามารับหุ้นต่อจากกองทุนในอนาคต ผมมองว่า ก็เม่าอย่างเรานี่แหละ ถ้าเศรษฐกิจบ้านเราดีขึ้นจริงก็คงดึงดูดต่างชาติเข้ามาบ้างครับ
ขอให้ทุกคนโชคดีครับ