[CR] --- ร้อยรูป...เรียงเรื่อง เมืองตุรกี : รอยเวลาอนาโตเลีย - จาก Göreme ถึง Ankara ---
สวัสดีครับ ชาวพันทิปที่รักทุกท่าน
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับการเดินทางไปเที่ยวเมืองโบราณเอเฟซุสในตอนที่แล้ว
คงจะได้ดื่มด่ำบรรยากาศยุคกรีกโรมันกันอย่างเต็มที่เลยนะครับ
ในตอนนี้ ผมจะพาทุกท่านเที่ยวในดินแดนที่เรียกว่า 'คัปปาโดเกีย (Cappadocia)' ในส่วนจังหวัดเนฟเซฮีร์ (Nevesehir) และจังหวัดอักซาราย (Aksaray) ล่วงเลยไปถึง 'กรุงอังการา' ซึ่งเป็นเมืองหลวงของตุรกี อย่าหลงคิดว่าเป็นอิสตันบูลล่ะครับ
สำหรับท่านที่ยังไม่ได้อ่าน 2 ตอนก่อนหน้า เชิญทางนี้ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่ 1 - https://pantip.com/topic/37343981
ตอนที่ 2 - https://pantip.com/topic/37345208
--- เกอเรเม่ (Göreme ) ---
เช้านี้ รถบัสของ Kamil Koc มาส่งที่สถานีรถบัสใจกลางเมืองเวลาประมาณ 7 โมงเช้า ซึ่งฟ้ายังมืดมาก อากาศที่นี่หนาวเหลือใจครับ ดูในมือถือก็ราวๆ -2 เท่านั้น วันนี้ผมมีกับสาวสวยครับ เธอชื่อ Anastasia เป็นผู้จัดการที่พักของเรา คือ 'Goreme Cave Rooms' รวมถึงรับเป็นธุระจัดหาทัวร์ในวันนี้ และขึ้นบอลลูนในวันรุ่งขึ้น
ผมต้องลากกระเป๋าไปตามถนนหน้าสถานีรถไปทางซ้าย แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนน Pansiyon ก็จะพบที่พัก ไม่ไกลจากใจกลางเมือง ที่นี่มิใช่โรงแรมถ้ำ แต่บรรยากาศภายในก็ดูขรึมและขลังพอควร ผู้ที่มาต้อนรับเราคือ Mohammed ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของที่นี่ คุณโมพาเราไปทานอาหารเช้าบนระเบียงชั้นสี่ เป็นห้องกระจกที่เห็นบรรดาเขาหินอยู่รายเรียง และแนะนำให้เราเข้าห้องพักก่อนเวลา เพื่อล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น
เมื่อมองจากห้องอาหารจะเห็นวิวคล้ายๆ แบบนี้ แต่ภาพนี้ถ่ายจากสถานีรถบัสครับ
เราจัดการตัวเองไม่นาน แม่อนาสตาเซียก็มาแนะนำตัวกับเรา เธอให้ผมจ่ายเงินค่าบอลลูนในวันรุ่งขึ้น รวมทั้งชี้ชวนให้เราขึ้นรถไปสมทบกับกลุ่ม 'Cappadocia Green Tour' ที่บริษัท Stone House เป็นผู้ดำเนินการ จากที่พักเรานั่งรถ BMW ออกไปที่ Goreme Panorama สถานที่แรกในกำหนดการวันนี้ เมื่อรถเราไปถึงที่นั้น ก็มีคุณไกด์ชื่อ Salim รอรับอยู่ รวมถึงบรรยายเกี่ยวกับ Cappadocia ให้ฟังอย่างเต็มอรรถรส
--- Goreme Panorama ---


ภาพมุมกว้างทางเกอเรเม่
ปล่อง Fairy Chimney เกิดจากหิน
กาลเกาะกินกลายเกิดเป็นหุบเขา
มนุษย์เราเก่งกาจอย่าดูเบา
เจาะแท่งเขากลายเป็นถ้ำเป็นชั้นเชิง
--- Ihlara Vadisi ---
จากเกอเรเม่ พานอรามา เรานั่งรถตู้ใหญ่ออกไปอีกชั่วโมงเศษๆ ไปจนถึงจุดหมายต่อไป คือ 'หุบเขาอิลารา' ทางจังหวัดอักซาราย ที่นี่เป็นหุบเขาที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากแกรนด์แคนยอนครับ
คุณซาลิมพาเราเดินลงไปดูโบสถ์คริสต์เบื้องล่างหุบเขาซึ่งอยู่ลึกลงไปประมาณ 100 เมตร ต้องไต่บันไดลงประมาณ 400 ขั้น ข้างล่าง มีร่องรอยของโบสถ์คริสต์ที่ชนเผ่าในดินแดนนี้สร้างไว้สำหรับหลบลี้จากข้าศึกข้าโรมัน ภายในมีภาพจิตรกรรมปูนเปียก หรือเฟรสโก้ วาดไว้เป็นรูปคริสตประวัติอยู่ทั่ว ซาลิมบอกว่า สีต่างๆ เกิดจากธรรมชาติทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสีแดง จากผลเชอรี่ สีเหลือง จากหญ้าฝรั่น และ สีน้ำตาล จากเปลือกเกาลัดครับ
ลงไปจากนี้ จะเป็นทางเดินยาวเลียบลำธารในหุบเขา คณะเราตั้งต้นจากกิโลเมตรที่ 4 ไปจนจบที่กิโลเมตรที่ 7 ใกล้หมู่บ้าน Belisirma ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เดินพอเหงื่อซึมครับ ลำธารที่นี่ใสสะอาดมาก เพราะเป็นต้นน้ำ มีปลาเทร้าต์ว่ายอยู่เต็ม บนบกเป็นที่อยู่ของสัตว์หลายชนิด ที่พบเห็นคือ เป็ด และแกะ ธรรมชาติในย่านนี้อุดมสมบูรณ์มากทีเดียวครับ เดินๆไป ก็ยังพบเกล็ดหิมะที่กองไว้อยู่ตลอด อันเป็นผลจากที่มีหิมะตกเป็นระยะๆ ในวันนี้
คณะเราเดินไปถ่ายรูปไปเรื่อยๆ มีหยุดพักกลางทางบนแคร่ไม้หนึ่งครั้ง บรรยากาศตรงนั้นเหมือนเมืองไทยมากเลยครับ เรานั่งดื่มกาแฟ ชา และน้ำผลไม้คั้นสดกันตรงนั้นสักพัก แล้วจึงเดินต่อไปยังหมู่บ้านเบลิสเซียม่า ซาลิมบอกว่า เราจะแวะพักทานมื้อเที่ยงที่ตรงนั้น
มื้อเที่ยงวันนี้ เป็นชุดอาหาร 3 คอร์ส ประกอบด้วยซุปถั่วเลนทิลแดง สลัดผักราดน้ำสลัดทับทิม มีจานหลักให้เลือก คือ ไก่ เนื้อวัว และปลาเทร้าต์ (คาดว่าจับกันในลำธารนี่แหละ) และของหวานคือส้มผลโต รสเปรี้ยว
เนื้อวัว และปลาเทร้าต์ เสิร์ฟมาในกระทะร้อนที่เอาไปอบในเตาหิน มีข้าวอบอยู่ข้างๆ ปลาสดมากจริงๆ ครับ
เมื่อทานข้าวเสร็จ ซาลิมก็พาเราไปยังสถานที่ต่อไปซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน คือ 'Selime Monastery' ส่วนที่ซาลิมพาไป เป็นห้องถ้ำที่เจาะเข้าไปเป็นสามช่อง ช่องกลางที่ประตูใหญ่สุกคือโบสถ์ สองช่องซ้ายขวาเป็นสุสาน และห้องบ่มไวน์
ภาพจิตรกรรมในโบสถ์ วาดด้วยเทคนิคปูนเปียก (Fresco)
เราแวะดูตรงนี้ไม่นาน จึงนั่งรถต่อไปยังที่หมายต่อไป...
--- Mazi Underground City ---
เมืองใต้ดินโบราณมาซี (มาสิจ๊ะ มาสิ) เป็นเมืองใต้ดินโบราณที่สร้างขึ้นโดยชาวฮิตไทต์ เพื่อหลบหนีการรุกรานของกองกำลังฟาโรห์รามเสสที่ 3 มีอายุร่วมสมัยกับเมืองโบราณ Derinkuyu และ Kaymakli อันโด่งดัง คือประมาณ 800 ปีก่อนคริสตกาล ภายในมีส่วนประกอบเหมือนเมืองจริงๆ เลยครับ มีทั้งบ้านช่องห้องหับ ห้องเก็บไวน์ ตลาดกลางเมือง ที่เลี้ยงสัตว์ ที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดิน รวมถึงมีระบบการติดต่อสื่อสารภายใน ระบบระบายอากาศ และการรักษาความปลอดภัยอันดีเยี่ยม


ทางหนีทีไล่ในยามฉุกเฉิน
ส่วนนี้เป็นท้องพระโรง ที่ว่าราชการและประกอบพิธีบูชายัญ
หินกลมนี้เป็นประตูกับดัก หนักเกือบสิบตัน เมื่อศัตรูก้าวเข้ามาในช่องแล้ว จะถูกสังหารด้วยหินที่ผูกไว้ด้านบนทันที

ลองเดาซิครับ ว่าวัตถุในภาพคืออะไร ติ๊กต่อกๆๆๆ
เฉลย... คือส้วมครับ ขนาดเล็กตามตัวชาวฮิตไทต์ซึ่งตัวเล็กเกือบๆ จะเป็นคนแคระ
เพราะไม่ได้รับไวตามินดีจากแสงแดดอย่างเพียงพอ
จากเมืองใต้ดิน คณะเราก็ไปยังร้านขายของพื้นเมืองตามแบบฉบับกรุ๊ปทัวร์ มีทั้งหมด 2 ร้าน คือร้านเครื่องประดับ และร้านขายขนมพื้นเมือง และแน่นอนครับว่า ร้านที่ได้เงินจากผมไปนั้น คือร้านขนม (หวานเจื้อย) หาใช่ร้านอัญมณีไม่ ฮ่าฮ่าฮ่า
จานชามลายพื้นเมืองในร้านของที่ระลึก
ร้านขายขนมให้ชิมลูกแอปริค็อตเชื่อม อร่อยดีครับ ซื้อกลับไปหลายถุงเลย
ในที่สุด งานเลี้ยงก็ย่อมมีวันเลิกรา รถบัสมาส่งที่สถานีรถบัสใจกลางเกอเรเม่ด้วยความประทับใจในเพื่อนร่วมทริป ตลอดจนผู้นำทาง คือซาลิม ซาลิมเป็นไกด์ที่อัธยาศัยดี เล่าเรื่องได้สนุกสนานและเต็มเปี่ยมสาระ สามารถใช้ภาษาอังกฤษและภาษาตุรกีได้ดี ไม่สะดุดติดขัด เป็นที่ชื่นชมของชาวคณะเป็นอย่างยิ่ง ท่านใดที่ตามรอยผม โดยซื้อทัวร์กับบริษัทสโตนเฮ้าส์ ก็อย่าลืมเรียกหาไกด์ซาลิมนะครับ แล้วจะได้รับความประทับใจทุกประการ
เรากลับมาถึงที่พักห้าโมงเย็นหย่อนๆ แม่อนาสตาเซียซึ่งนั่งหน้าแฉล้มหน้าล็อบบี้ก็เรียกให้ผมนั่งพักตรงนี้สักครู่เพื่อจัดการค่าใช้จ่ายต่างๆ อ้อ ลืมบอกไปว่า กรีนทัวร์ที่ผมไปร่วมก๊วนนั้น ราคาทั้งหมด 140 ลีรา ก็นับว่าเหมาะสมยิ่งครับ
เอาล่ะ กลับมาที่อนาสตาเซียกันต่อ เธอบอกว่า นอกจากจะเรียกให้ผมจัดการเรื่องเงินๆ ทองๆ แล้ว เธอยังมีข่าวร้ายจะแจ้งแก่ผมว่า การขึ้นบอลลูนในวันรุ่งขึ้นนั้น เป็นอันต้องยกเลิกไป เนื่องด้วยสภาพอากาศและทัศนวิสัยที่ย่ำแย่จากหิมะตก ทำให้บอลลูนไม่สามารถขึ้นได้ตามมาตรการความปลอดภัย พร้อมคืนเงินค่าบอลลูนแก่ผมเต็มจำนวน
ข้างผมเมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็นึกใจเสียนิดหน่อย เพราะหวังใจอยู่เต็มกำลังว่าจะได้ขึ้นบอลลูน แต่นึกๆ ดูแล้ว ก็ออกจะดีใจที่ไม่ต้องเสียเงิน ทั้งอาฆาตไว้ว่า จะต้องกลับมาเยือนเกอเรเม่เพื่อขึ้นบอลลูนให้จงได้ (ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่)
เย็นนั้นผมออกไปหาอะไรรับประทานในตัวเมืองท่ามกลางหิมะตกปรอยๆ ที่ร้าน 'Anadolu Kitchen' ผมสั่งอาหารแบบเดิมคือไก่เสียบไม้ย่าง Tavuk Sis แนมด้วยข้าวหมกและมันฝรั่งทอดกรอบอยร่อย และที่สำคัญ คือ Testi Kebap อาหารประจำแถบคัปปาโดเกีย เป็นเนื้อไก่ปรุงโดยวิธีการเคบับ (เคบับไม่ใช่ชื่ออาหาร แต่เป็นชื่อวิธีการปรุงอาหารนะครับ) คือการทำให้สุกในเวลาช้าๆ ใส่ลงหม้อทรงสูง ปิดปากด้วยแผ่นแป้ง เวลาเสิร์ฟก็จะใช้มีดแหลมใหญ่ เคาะให้ฝาแตกออกมา ก็เป็นอันรับประทาน ผมมัวแต่หิวเลยไม่ได้ถ่ายไว้ คงมีแต่ Tavuk Sis ซึ่งตามมาทีหลัง Testi Kebap ครับ ร้านนี้เชิญชิมนะครับ อร่อยและราคาไม่แพงเลย

คืนนี้ผมเดินชมเกอเรเม่ยามค่ำคืนได้สักครู่ ก่อนวิ่งแจ้นกลับที่พักเพราะหิมะเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ เกรงจะป่วยไปเสียก่อน ถึงแล้วต้องกินยา อาบน้ำสระผม และเข้านอนทันที พรุ่งนี้ต้องเดินทางอีกไกลครับ....
[CR] --- ร้อยรูป...เรียงเรื่อง เมืองตุรกี : รอยเวลาอนาโตเลีย - จาก Göreme ถึง Ankara ---
เช้านี้ รถบัสของ Kamil Koc มาส่งที่สถานีรถบัสใจกลางเมืองเวลาประมาณ 7 โมงเช้า ซึ่งฟ้ายังมืดมาก อากาศที่นี่หนาวเหลือใจครับ ดูในมือถือก็ราวๆ -2 เท่านั้น วันนี้ผมมีกับสาวสวยครับ เธอชื่อ Anastasia เป็นผู้จัดการที่พักของเรา คือ 'Goreme Cave Rooms' รวมถึงรับเป็นธุระจัดหาทัวร์ในวันนี้ และขึ้นบอลลูนในวันรุ่งขึ้น
ผมต้องลากกระเป๋าไปตามถนนหน้าสถานีรถไปทางซ้าย แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนน Pansiyon ก็จะพบที่พัก ไม่ไกลจากใจกลางเมือง ที่นี่มิใช่โรงแรมถ้ำ แต่บรรยากาศภายในก็ดูขรึมและขลังพอควร ผู้ที่มาต้อนรับเราคือ Mohammed ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของที่นี่ คุณโมพาเราไปทานอาหารเช้าบนระเบียงชั้นสี่ เป็นห้องกระจกที่เห็นบรรดาเขาหินอยู่รายเรียง และแนะนำให้เราเข้าห้องพักก่อนเวลา เพื่อล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น
จากเกอเรเม่ พานอรามา เรานั่งรถตู้ใหญ่ออกไปอีกชั่วโมงเศษๆ ไปจนถึงจุดหมายต่อไป คือ 'หุบเขาอิลารา' ทางจังหวัดอักซาราย ที่นี่เป็นหุบเขาที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากแกรนด์แคนยอนครับ
คุณซาลิมพาเราเดินลงไปดูโบสถ์คริสต์เบื้องล่างหุบเขาซึ่งอยู่ลึกลงไปประมาณ 100 เมตร ต้องไต่บันไดลงประมาณ 400 ขั้น ข้างล่าง มีร่องรอยของโบสถ์คริสต์ที่ชนเผ่าในดินแดนนี้สร้างไว้สำหรับหลบลี้จากข้าศึกข้าโรมัน ภายในมีภาพจิตรกรรมปูนเปียก หรือเฟรสโก้ วาดไว้เป็นรูปคริสตประวัติอยู่ทั่ว ซาลิมบอกว่า สีต่างๆ เกิดจากธรรมชาติทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสีแดง จากผลเชอรี่ สีเหลือง จากหญ้าฝรั่น และ สีน้ำตาล จากเปลือกเกาลัดครับ
มื้อเที่ยงวันนี้ เป็นชุดอาหาร 3 คอร์ส ประกอบด้วยซุปถั่วเลนทิลแดง สลัดผักราดน้ำสลัดทับทิม มีจานหลักให้เลือก คือ ไก่ เนื้อวัว และปลาเทร้าต์ (คาดว่าจับกันในลำธารนี่แหละ) และของหวานคือส้มผลโต รสเปรี้ยว
เมื่อทานข้าวเสร็จ ซาลิมก็พาเราไปยังสถานที่ต่อไปซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน คือ 'Selime Monastery' ส่วนที่ซาลิมพาไป เป็นห้องถ้ำที่เจาะเข้าไปเป็นสามช่อง ช่องกลางที่ประตูใหญ่สุกคือโบสถ์ สองช่องซ้ายขวาเป็นสุสาน และห้องบ่มไวน์
เมืองใต้ดินโบราณมาซี (มาสิจ๊ะ มาสิ) เป็นเมืองใต้ดินโบราณที่สร้างขึ้นโดยชาวฮิตไทต์ เพื่อหลบหนีการรุกรานของกองกำลังฟาโรห์รามเสสที่ 3 มีอายุร่วมสมัยกับเมืองโบราณ Derinkuyu และ Kaymakli อันโด่งดัง คือประมาณ 800 ปีก่อนคริสตกาล ภายในมีส่วนประกอบเหมือนเมืองจริงๆ เลยครับ มีทั้งบ้านช่องห้องหับ ห้องเก็บไวน์ ตลาดกลางเมือง ที่เลี้ยงสัตว์ ที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดิน รวมถึงมีระบบการติดต่อสื่อสารภายใน ระบบระบายอากาศ และการรักษาความปลอดภัยอันดีเยี่ยม
เรากลับมาถึงที่พักห้าโมงเย็นหย่อนๆ แม่อนาสตาเซียซึ่งนั่งหน้าแฉล้มหน้าล็อบบี้ก็เรียกให้ผมนั่งพักตรงนี้สักครู่เพื่อจัดการค่าใช้จ่ายต่างๆ อ้อ ลืมบอกไปว่า กรีนทัวร์ที่ผมไปร่วมก๊วนนั้น ราคาทั้งหมด 140 ลีรา ก็นับว่าเหมาะสมยิ่งครับ
เอาล่ะ กลับมาที่อนาสตาเซียกันต่อ เธอบอกว่า นอกจากจะเรียกให้ผมจัดการเรื่องเงินๆ ทองๆ แล้ว เธอยังมีข่าวร้ายจะแจ้งแก่ผมว่า การขึ้นบอลลูนในวันรุ่งขึ้นนั้น เป็นอันต้องยกเลิกไป เนื่องด้วยสภาพอากาศและทัศนวิสัยที่ย่ำแย่จากหิมะตก ทำให้บอลลูนไม่สามารถขึ้นได้ตามมาตรการความปลอดภัย พร้อมคืนเงินค่าบอลลูนแก่ผมเต็มจำนวน
ข้างผมเมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็นึกใจเสียนิดหน่อย เพราะหวังใจอยู่เต็มกำลังว่าจะได้ขึ้นบอลลูน แต่นึกๆ ดูแล้ว ก็ออกจะดีใจที่ไม่ต้องเสียเงิน ทั้งอาฆาตไว้ว่า จะต้องกลับมาเยือนเกอเรเม่เพื่อขึ้นบอลลูนให้จงได้ (ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่)
เย็นนั้นผมออกไปหาอะไรรับประทานในตัวเมืองท่ามกลางหิมะตกปรอยๆ ที่ร้าน 'Anadolu Kitchen' ผมสั่งอาหารแบบเดิมคือไก่เสียบไม้ย่าง Tavuk Sis แนมด้วยข้าวหมกและมันฝรั่งทอดกรอบอยร่อย และที่สำคัญ คือ Testi Kebap อาหารประจำแถบคัปปาโดเกีย เป็นเนื้อไก่ปรุงโดยวิธีการเคบับ (เคบับไม่ใช่ชื่ออาหาร แต่เป็นชื่อวิธีการปรุงอาหารนะครับ) คือการทำให้สุกในเวลาช้าๆ ใส่ลงหม้อทรงสูง ปิดปากด้วยแผ่นแป้ง เวลาเสิร์ฟก็จะใช้มีดแหลมใหญ่ เคาะให้ฝาแตกออกมา ก็เป็นอันรับประทาน ผมมัวแต่หิวเลยไม่ได้ถ่ายไว้ คงมีแต่ Tavuk Sis ซึ่งตามมาทีหลัง Testi Kebap ครับ ร้านนี้เชิญชิมนะครับ อร่อยและราคาไม่แพงเลย
คืนนี้ผมเดินชมเกอเรเม่ยามค่ำคืนได้สักครู่ ก่อนวิ่งแจ้นกลับที่พักเพราะหิมะเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ เกรงจะป่วยไปเสียก่อน ถึงแล้วต้องกินยา อาบน้ำสระผม และเข้านอนทันที พรุ่งนี้ต้องเดินทางอีกไกลครับ....