[CR] --- ร้อยรูป...เรียงเรื่อง เมืองตุรกี : ก้าวแรกสู่อนาโตเลีย ---

พลุโอ่งสวัสดีครับ ชาวพันทิปที่รักทุกท่าน


กลางเดือนที่แล้ว ผมมีโอกาสไปเยี่ยมเยือน 'ประเทศตุรกี' ในช่วงเวลาหยุดกีฬามหาวิทยาลัยครับ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ ผมได้เตรียมตัวมาเป็นเวลากว่าครึ่งปี ด้วยเป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศด้วยตนเอง มิได้พึ่งไกด์ทัวร์หรือผู้นำทางที่คอยประสานงานและอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถ เพราะได้ความเอื้อเฟื้อจากพี่ๆ ในพันทิป ที่ได้ลงรีวิวประเทศนี้อย่างมากมาย ขอขอบคุณทุกท่านด้วยครับ
หากพูดถึงประเทศตุรกี ภาพจำของหลายๆ ท่าน เป็นอย่างไรกันบ้างครับ...
ภาพของบ้านเมืองแบบแขกๆ ที่มีกลิ่นอายความเป็นฝรั่งอย่างแน่นหนา
หรือภาพของเนื้อวัว เนื้อไก่ ที่ถูกอัดแน่น เสียบกลางด้วยแท่งเหล็กแหลม หมุนหน้าเตาไฟร้อนจี๋
ข้างเคียงกัน ชายท่าทางยียวนกวนประสาท กำลังใช้ไม้ยาวตักก้อนไอศกรีมเนื้อเหนียวลงในโคนด้วยท่าทางทะมัดทะแมง
แล้วส่งให้ลูกค้าด้วยลีลาชวนคันเนื้อในที่หนาๆ
หรือ อาจจะเป็นภาพที่มีทหารสู้รบกับกองกำลังติดอาวุธ ก็เป็นได้...
ออกเดินทาง ---ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สมุทรปราการ---




นั่งเรือบินออกเมืองโก้ไม่หยอก
ไปเมืองนอกต้องทำเก๋ให้เข้าท่า
ถ่ายพาสปอร์ตดุ๊กดิ๊กให้เตะตา
ตายละวา! เกทใกล้ปิด! วิ่งแฮ่กเอย


นับเป็นโชคของผม ไม่ได้มัวพิรี้พิไรแต่งตัวโก้ไปแอร์พอร์ต พร้อมมัวแต่ถ่ายบูมเมอแรงกระดิกหนังสือเดินทางจนต้องวิ่งสู้ฟัดใกล้เวลาเกทปิดเหมือนในกลอน เพราะผมได้ทำออนไลน์เช็คอินมาจากบ้าน และไปถึงสนามบินก่อนเวลากว่าสามชั่วโมงก่อนบอร์ดดิ้ง จึงมีเวลาเดินเอื่อยและหาของรับประทานภายในสนามบิน (รวมถึงถ่ายสตอรี่ลงไอจี แหะๆ) อย่างสบายใจ

แอบกระซิบไว้นะครับ ว่าท่านใดที่มีบัตรดำของทรูละก้อ สามารถแลกอาหารเบาๆ ทานก่อนขึ้นเครื่องได้โดยไม่เสียอัฐ ดีกว่าซื้ออาหารจำพวกก๋วยเตี๋ยวข้าวผัดในราคาที่สูงกว่าข้างนอกกว่าสิบเท่าตัว ซึ่งคนเบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างผมก็จนปัญญาจะทานได้
ถือโอกาสส่งเสียงดังๆ ไปยังผู้เกี่ยวข้องด้วยเถอะครับ





การเดินทางครั้งนี้ ทั้งขาไปและขากลับ ผมใช้บริการ 'สิงคโปร์แอร์ไลน์' โดยตลอด เพราะได้ตั๋วในราคาสองหมื่นบาทนิดๆ ถือว่าถูกมากสำหรับสายการบินระดับฟูลเซอร์วิสเช่นนี้

สำหรับสำรับกับข้าวบนเครื่อง ผมลองสั่งอาหารทะเล ซึ่งได้กิตติศัพท์ว่ารสอร่อยถูกปาก สมกับที่ได้สั่งอาหารจากครัวการบินไทย ก็ไม่ผิดหวังครับ เพราะผมได้รับประทานบะหมี่ทะเล และสลัดแซลมอนกรอวัดลักซ์บนภัตตาคารลอยฟ้า ถึงบะหมี่จะออกจืด แต่ก็ยังเข้าท่านะครับ ท่านใดที่สนใจก็ลองสั่งดูได้
เที่ยวนี้ออกตรงเวลาครับ ใช้เวลาสองชั่วโมงนิดๆ ยังไม่ทันจะหลับดี ก็ลัดฟ้าถึงสิงคโปร์แล้ว

---ท่าอากาศยานชางงี สิงคโปร์---
เครื่องบินพาเรามาที่สนามบินชางงี เกาะสิงคโปร์เวลาใกล้สี่ทุ่ม เหลือเวลาอีกเหลือเฟือกว่าไฟล์ทสู่อิสตันบูลจะออกเดินทาง ผมไม่รอช้า รีบนำบอร์ดดิ้งพาสไปที่ซุ้มของ iShop Changi ในเทอร์มินัล 3 เพื่อแลกคูปองสำหรับเข้าห้องรับรอง Ambassador Lounge ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก

ในห้องรับรองที่ว่า มีอาหารจำพวกซุป สลัด และสปาเก็ตตี้เตรียมไว้ต้อนรับให้ได้อิ่มท้องกันในยามค่ำคืน ผมนั่งรับประทานอาหารและเช็คข่าวสารจากเพื่อนฝูงบนโซฟาในห้องอยู่นานจนถึงเวลาสองยามกว่าๆ จึงออกมาข้างนอกเพื่อเดินดูร้านรวงสนามบินที่นับว่าเป็นหนึ่งในอาเซียน

ข้างๆ กับห้องรับรอง มีโรงภาพยนตร์ขนาดจิ๋ว และสวนผีเสื้อ ในเวลาที่ผมเดินไปสำรวจนั้น ผีเสื้อทั้งหลายคงนอนหลับกันหมดแล้ว
เลยมิได้เยี่ยมหน้าทักทายกัน ก็ได้แต่เดินชมสวนไปตามเรื่องล่ะครับ

ดูนาฬิกา (ของตัวเองนะครับ) ก็จวนจะตีหนึ่ง เห็นทีต้องรีบไปที่เกทเสียที การไปที่เกทก็สะดวกมากนะครับ
ขึ้นรถไฟฟ้าปรู๊ดเดียวก็ถึงแล้ว
ไปถึงสักพักเค้าก็เรียกขึ้นเครื่อง เที่ยวบินนี้ไปอิสตันบูล

หลังจากเทคออฟไม่นาน นางฟ้าและเทพบุตรก็เข็นรถอาหารร้อนออกมาสำหรับมื้อดึก ผมซึ่งตั้งใจจะหลับก็ต้องตื่นมา
ตามประสาลูกหลานชูชก มื้อนี้ผมเลือกทานปลาค็อดย่างครับ อิ่มอร่อยเช่นเดิม (ไม่ลืมที่จะจิบไวน์ขาวให้หลับสบาย)

คืนนี้ขอตัวก่อนนะครับ พบกันวันพรุ่งนี้...ที่อิสตันบูล
---อิสตันบูล---
เครื่องบินมาลงที่สนามบินอตาเติร์ก อิสตันบูล เวลาแปดโมงกว่าๆ หลังจากที่บินวนอยู่นานด้วยทัศนวิสัยย่ำแย่ ผมได้สัมผัสอากาศเย็นยะเยือกตั้งแต่ออกจากประตูเครื่องบิน เพราะต้องเทียบบันไดสู่รถบัสที่จะพาเราไปยังอาคารผู้โดยสาร

ผมใช้เวลาไม่นานผ่านด่าน ต.ม. กับสุภาพสตรีแสนสวยนัยน์ตาดุ รับกระเป๋าที่สายพาน และรับเครื่องพ็อกเก็ตไวไฟ จากบริษัท Rent n Connect
ก่อนจะออกมาสู่โลกกว้าง

ผมหมายใจจะยืนสูดอากาศอิสตันบูล เมืองในฝัน ทันทีเมื่อออกมา แต่กลิ่นที่ได้รับ กลับเป็นกลิ่นบุหรี่อวลอบ
คนประเทศนี้สูบบุหรี่กันจัดจริงๆ เลยครับ

ผมเดินทางออกจากสนามบินโดยรถบัสของ Havabus ในราคา 12 ลีรา (คิดเป็นเงินไทยเอาเองนะครับ คูณ 10 เข้าไว้)
ระหว่างทาง ผ่านทัศนียภาพของทะเลมาร์มาราและอิสตันบูลในหลากหลายแง่มุม




โบราณสถานแรกที่ผมเห็นระหว่างทางคือกำแพงเมืองคอนสแตนติโนเปิล ตามประวัติ จักรพรรดิธีโอเดอซุสที่ 2 มีพระบรมราชโองการให้สร้างขึ้นอย่างแข็งแกร่งเพื่อปกป้องอาณาจักรจากผู้รุกราน แม้แต่ภัยธรรมชาติก็ทานทนไหว
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อชาวเติร์กเข้าประชิดเมืองในเวลาพันกว่าปีต่อมา ก็สามารถระดมยิงปืนใหญ่ทำลายกำแพงเมืองทางทิศเหนือ และเข้ายึดคอนสแตนติโนเปิลได้โดยง่าย

รถบัสมาถึงทักซิมตอนสิบโมงครึ่ง สิ่งแรกที่ผมเห็นคือรถเข็นขายของ ที่มีตู้กระจกใส ภายในมีขนมปังที่เรียกว่า 'ซีมิท' บรรจุเรียงกัน ผมลองซื้อมาชิมหนึ่งชิ้นพอให้รู้รส
"เออ อร่อยแฮะ" สงสัยเป็นเพราะหิว บางคนบอกว่า ไอ้เจ้าขนมปังเนื้อเหนียวชื่อชีมิทนี่ ไม่อร่อย ด้วยไม่มีรสชาติ และเหนียวขนาดต้องเอาเท้ายันพื้น
(ขออภัยครับ มัวแต่กิน ลืมถ่าย)

ผมประเดิมมื้อเที่ยงอย่างยิ่งใหญ่ที่ร้าน Oz Urfa ไม่ไกลจากจุดจอดรถบัส เริ่มด้วยจานแรก คือ Tavuk Sis หรือไก่เสียบไม้ย่าง รสกลมกล่อม เนื้อฉ่ำ เคียงด้วยพริกย่าง และมะเขือเทศเนื้อกรอบ



และจานที่สองคือ Pide หรือพิซซ่าตุรกีหน้าเนื้อสับ


อิ่มอร่อยแล้ว ก็ได้ฤกษ์เดินทางต่อไปยังสนามบินซาบิฮา เกิกเช่น ด้วยพาหนะคู่ใจอย่างเดิม คือ Havabus เที่ยวนี้เค้าตีตั๋ว 15 ลีราครับ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษก็ถึง
ผมมาที่นี่เพื่อเดินทางด้วยเที่ยวบินของ Pegasus Airlines ไปยังเมืองอิซเมียร์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของตุรกีครับ ใช้เวลาต่อแถวเช็กอินนานหน่อย ตามแบบฉบับสายการบินราคาสาบายกระเป๋า ที่มีผู้โดยสารหนาแน่น แต่พนักงานก็ทำงานได้รวดเร็วดีครับ

นี่ละครับ เครื่องบินยี่ห้อม้าสวรรค์ที่จะพาผมไปอิซเมียร์ในบ่ายวันนี้ ดีเลย์ไป 10 นาที ไม่ว่ากันครับ ชิว--ชิว


ในเมื่อไฟล์ทดีเลย์ พอได้เวลาทะยานสู่ฟ้าแล้ว กัปตัน (ซึ่งคงจะจามฮัดชิ้วอยู่ในค็อกพิท) จึงเร่งความเร็วจนมาถึงเร็วกว่ากำหนดเดิมเกือบ 15 นาที นับเป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ผมได้สัมผัส 'เครื่องบินซิ่ง' ครับ

---อิซเมียร์---


จากสนามบินอัดนัน เมนเดเรส อิซเมียร์ เราเข้าเมืองด้วยรถไฟ IZBAN ไปยังสถานีบาสมาเน เพื่อเดินเท้าสู่ที่พักของเราในคืนแรก คือโรงแรมมินิ ห่างจากสถานีประมาณ 800 เมตรครับ


พอถึงโรงแรม ผมนั่งเอนหลังพักเหนื่อยจากการเดินทางกว่าค่อนวันจนหลับเอาแรงไปพักหนึ่ง ก่อนจะตื่นมาล้างหน้าล้างตา แล้วออกไปหามื้อเย็นรับประทานแถวสถานีโคนัก เพียงสองป้ายจากบาสมาเน

ไม่ไกลจากย่านสถานีโคนัก บริเวณริมทะเลเอเจี้ยน คือที่ตั้งของหอนาฬิกาสมัยออตโตมัน ที่สุลต่านบัญชาให้สร้างขึ้นโดยมีกุศลโลบายย้ำเตือนให้ชาวตุรกีมีนิสัยตรงต่อเวลาอย่างชาติอารยะ ข้างๆ กันคือมัสยิดโคนัก ที่แม้ว่าจะมีขนาดเล็ก แต่ก็งามสง่าเป็นไหนๆ



/b]


เดินจากตรงนี้ไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร เป็นศูนย์การค้าที่นำอาคารกุดังเก่ามาบูรณะ ทำนองเดียวกับเอเชียทีค หรือล้ง 1919 บ้านเรา เค้าให้ชื่อห้างกุดังนี้ว่า Konak Pier ภายในมีร้านรวงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านเสื้อผ้า ร้านหนังสือ คาเฟ่นั่งชิว ร้านอาหารสุดหรูริมทะเลเอเจี้ยน หรือแม้แต่โรงภาพยนตร์ ก็ยังมีนะครับ

เดินเพลินจนท้องร้อง ผมจึงเดินขึ้นสะพานลอยกลับไปยังฝั่งตรงข้ามเพื่อหาอาหารใส่ท้อง จนกระทั่งได้พบร้านชื่อว่า Kahve Diyari ซึ่งมีหลายสาขาในเมืองใหญ่ จึงนั่งลงแล้วสั่งอาหารตามนี้

จานแรก คือ Cheddar Kofte เป็นลูกชิ้นเนื้อสับสอดไส้เชดด้าชีส เนื้อออกสาบๆ ตามสไตล์ตุรกี แต่พอทานคู่กับมันทอด ก็แสนจะลงตัว ให้ดาวเต็มฟ้าครับ


จานต่อมา Kajun Pramak Tavuk คือไก่ทอดหมักผง Kajun Spice เสิร์ฟกับมันทอดและสลัดผักกรอบสด อร่อยจนฝันถึงครับ


และจานสุดท้าย Kofteli Spagetti สปาเก็ตตี้มีทบอลราดซอสมะเขือเทศและโรยชีส อร่อยกลมกล่อมดีครับ


ค่ำนี้ อิ่มสบายท้องแล้ว ก็ได้เวลากลิ้งกลับท่ามกลางฝนพรำๆ ไปยังโฮเต็ลมินิ ใกล้สถานีบาสมาเน เพื่อรีบนอน จะได้ตื่นมาทันรถไฟไปยังเซลจุกเที่ยวเก้าโมงเช้า เริ่มเห็นเค้าลางความสนุกแล้วล่ะสิ แล้วพบกันพรุ่งนี้ที่เซลจุกครับ สวัสดีครับ
ชื่อสินค้า:   ตุรกี
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่