จากกระทู้แรก คือ การสร้างแรงบันดาลใจ [CR]กล้าออกจาก Comfort Zone เพื่อไปเรียนภาษาอังกฤษ และได้เวิร์ควีซ่าทำงาน ประเทศนิวซีแลนด์
กระทู้นี้คือวีธีการ สู่ความสำเร็จ ขั้นตอนต่างๆ
การมาเรียนภาษาอังกฤษ ต้องมีเป้าหมาย เช่น
ถ้ามาเรียนเพื่อกลับไทย ไปทำงานที่ใช้ภาษาอังกฤษ ควรตั้งใจเรียนไปเรียนให้ได้ 100% คบเพื่อนต่างชาติ หลังเลิกเรียนทบทวนสิ่งที่เรียนมา ดูหนัง ฟังเพลง ตอนเรียนอย่าใช้โทรศัพท์ แปลความหมายเพราะจะคุยกับต่างชาติไม่รู้เรื่องให้ยกมือถามครู ว่าความหมายอะไร ประโยคไหนไม่เข้าใจถาม กล้าตอบคำถาม ถึงจะตอบผิด บางคำศัพท์มีหลายความหมาย คุณจะได้รู้ศัพท์เพิ่ม กล้าที่จะอ้าปากพูด ทักทายแล้วหาเรื่องคุย อย่าไปกังวลเรื่องแกรมม่า ควรกังวลเมื่อคุณพูดคล่องแล้ว ทำอะไรให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษทุกวัน ฝึกเขียนแล้วไปให้ครูตรวจ เขาจะแก้ไขให้ เราก็จำมาใช้ภายหลัง ทำงาน 2-3 วันต่อสัปดาห์เพื่อเป็นค่ากิน ค่าที่พักพอ
หรือมาเรียนเพื่อเรียนต่อโท หรือหลักสูตรใหม่ คุณต้องตั้งใจเป็นสองเท่าจากข้อแรก ต้องอ่านหนังสือที่เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด สรุปบทความให้ตัวเองเข้าใจ หาความรู้ใหม่ตลอด ไม่ใช่เรียนภาษาอังกฤษเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน เรียนเพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นและสามารถถ่ายทอดให้กับคนทุกชาติโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลาง
มาเรียนเพื่ออยากได้เวิร์ควีซ่า Work Visa โดยใช้วุฒิปริญญาตรี โท จากไทย อันนี้เหมือนทำตามข้อแรกและข้อสอง เพื่อประหยัดเงินเรียนต่อที่นิวซีแลนด์ แต่เพิ่มความกล้าในการสมัครงาน และเพิ่มความขยันในการส่งเมล์สมัครงาน และเพิ่มความอดทนในการรอคอย แล้วพบกับความผิดหวังซ้ำๆ
หรือมาแล้วหวังวีซ่าทำงาน ข้อนี้ก็ไม่พ้นร้านอาหารไทย หรือก่อสร้างกับคนไทย หรือทำงานความสะอาดกับคนไทยหรือต่างชาติ ค่าแรงก็ $10-12 ต่อชั่วโมงหลังหักภาษี ตามกฎหมายต้อง $15.75 ก่อนหักภาษี แต่คนไทยอ้างว่ายังไม่เก่ง ทำอะไรไม่เป็น โชคดีหน่อยมีข้าวให้กิน โชคร้ายโดนโกงค่าแรง ไม่จ่าย จ่ายช้า จ่ายไม่ครบ เรื่องมากเขาก็หาคนใหม่เพราะมีคนที่ยอมรับได้อยู่
ความเดิมคือ ผมกลัวภาษาอังกฤษมากพื้นฐานต่ำ เริ่มเรียนระดับ Beginner และ Elementary คือเรียน บทสนทนาการถาม-ตอบอย่างง่าย บทสนทนาการช้อปปิ้งและการรับประทานอาหารค่ำนอกบ้าน สนุกกับการสนทนาในชีวิตประจำวันขั้นพื้นฐาน ประมาณ 3 เดือน และเริ่มขยับ เป็น Pre-Intermediate และ เริ่มเรียน Intermediate เมื่อผ่าน 6 เดือน เรียนการสนทนาภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันได้อย่างราบรื่น เพลิดเพลินกับรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์ภาษาอังกฤษ สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการทำงาน
ระหว่างเรียนผมยังทำงาน Part time ได้ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และเลือกทำงานร้านอาหารไทย เตรียมตัวอย่างไร ให้ได้งานทำเร็ว
เหตุผลที่หลายๆคนชอบบ่นว่ามาเรียนที่นิวซีแลนด์หางานยาก ผมได้สรุปความเห็นดังนี้ครับ (งานร้านอาหารไทย)
1.งานในครัว ไม่เคยทำงานมาก่อน หรือทำอาหารไม่เป็น เอาง่ายๆหั่นผักไม่เป็น ไม่รู้ชนิดของวัตถุดิบ คือเขาไม่ได้จ้างมาล้างจานอย่างเดียวครับ
2.งานหน้าร้าน พนักงานเสริฟ รับออเดอร์ พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยหรือได้นิดหน่อย ไม่กล้าคุยกับต่างชาติ
ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ไม่มีร้านไหนอยากรับเข้าทำงาน วิธีแก้ไขหรือเตรียมตัวก่อนมา
ถ้าคิดว่าจะมาทำงานในครัว ต้องหัดทำอาหาร ศึกษาวัตถุดิบอาหาร ผัก เนื้อ เครื่องปรุง ซอส ถ้าให้ดี ลงเรียนช่างฝีมืออาหารไทยขั้นพื้นฐาน 150 ชั่วโมง ยิ่งสามารถทำอองเทร แกง มีโอกาสได้งานสูงและเป็นผู้ช่วยเชฟ รายได้อาจได้ถึงขั้นต่ำ $15.75 ต่อชม.
ถ้าคิดว่าจะมาทำงานหน้าร้าน พนักงานเสริฟ รับออเดอร์ ลองไปทำงาน Part time ร้านอาหารที่ประเทศไทย สัก2-3 เดือน และฝึกภาษาอังกฤษ 55 ประโยคง่ายไว้ใช้พูดในร้านอาหาร เพื่อสร้างประวัติการทำงาน
ไม่กล้าไปสมัครงาน คือรอแต่ร้านประกาศรับสมัคร ถ้าให้ดีต้องเดินไปสมัครทุกร้านที่อยู่ใกล้ที่พัก เพราะปกติเจ้าของร้านเขาอยากได้คนที่ทำงานเป็น ทำอาหารเป็น และอาจจะให้เรามาทดลองงาน ถ้าโอเค เขาก็เพิ่มวันให้ และลดวันคนเก่า (ทำเพื่ออยู่รอด)
ถ้ามีคุณสมบัติแบบนี้ รับรองมาถึงวันแรกโอกาสได้งานสูง หรือได้งานตั้งแต่อยู่ไทย เพราะเราก็สมัครในกลุ่ม คนไทยใน โอ๊คแลนด์ นิวซีแลนด์ (New Zealand) จากไทยแล้วบอกคุณสมบัติ เดินทางเมื่อไหร่
เล่าประสบการณ์ ทำงานร้านอาหารไทย ในตำแหน่งในครัว โดยส่วนตัวผมแล้วภาษาอังกฤษแย่มาก ทางเดียวที่จะหางานได้คือตำแหน่งในครัว เพราะผมมีพื้นฐานชอบทำอาหารอยู่แล้ว แต่เป็นอาหารเหนือครับ
ตอนผมทำงานที่ไทย ผมเคยบอกกับแฟนว่า คนที่มาต่างประเทศก็แค่ทำงานล้านจาน หั่นผักไปวันๆ รายได้เยอะแต่ไม่มีทางที่จะได้มากกว่านี้หรอก สู้ทำงานที่ไทยไม่ได้ เริ่มต้นพนักงานธรรมดา จนถึงผู้จัดการ เงินเดือนหลายหมื่น แต่สุดท้ายผมก็กลืนน้ำลายตัวเอง เพราะเมื่อเราเป็นผู้จัดการ แต่เราไม่สามารถจัดการ บริหารให้ทุกอย่างราบรื่น สมบูรณ์ก็จะเกิดความเครียดสะสม สุดท้ายผมต้องลาออกและมาเรียนภาษาอังกฤษที่ประเทศนิวซีแลนด์
ตัดสินใจแล้วทำไงได้ต้องสู้และอดทน งานแรกที่มาถึง ไปลองงานคืองานในครัว ร้านใกล้ๆบ้าน ตำแหน่งในครัวล้างจาน เตรียมของขาย เริ่มต้นทำ 2 วันต่อสัปดาห์ เดินหาสมัครร้านอื่นต่อ เขียนชื่อ เบอร์โทร เวลาว่าง และได้งานทำแถวฟู้ดคอร์ท ในเมืองได้ทำงานรับทั้งออเดอร์ ทำอาหาร เตรียมของ
หลังจากที่ได้พัฒนาฝีมือและแสดงให้เห็นการทำอาหาร จนได้ทำงานทุกวัน ตอนนั้นเริ่มดีขึ้นเมือได้เงินเท่ากับเงินเดือนที่ไทย ย้ำเลยทำงานทุกวันได้เงินเท่ากับตำแหน่งผู้จัดการเมืองไทย งานเครียดน้อยกว่า ทำจบไปวันๆตอนนั้นดีใจมาก แต่พอทำไปสักพัก รายได้เท่าเดิม แต่ถ้าทำที่ไทยขึ้นทุกปี ปรับตำแหน่งขึ้นไปรายได้เพิ่ม โบนัส เริ่มกลับมาคิดว่า จุดประสงค์การมาต่างประเทศคืออะไร ทำงานในครัว หรือพัฒนาภาษาอังกฤษหรือทำงานกับต่างชาติ สรุปทำทุกสองอย่างจะได้เป็นยอดคน ออกบ้าน 7 โมงเข้าบ้าน 5 ทุ่ม ไม่มีเวลาออกกำลังกาย แต่น้ำหนัดลดลงเรื่อยๆ การทำงานในครัวไม่ยากเลย เหนื่อยแต่จบไปวันๆไม่ต้องเอากลับมาทำที่บ้านเหมือนตอนอยู่ไทย ไม่ต้องใช้สมองเยอะ ไม่เครียด ไม่อารมณ์เสีย ไม่หงุดหงิด ใช้แต่แรงทำงาน
เริ่มงาน 4 โมงเย็น กินข้าวอิ่มสบายเพราะทนหิวตั้งแต่เที่ยว 555 ผมเน้นประหยัด กินอิ่มเริ่มเตรียมของขาย เช่น หั่นผักที่ใช้ในเมนูผัด ลาบ ยำ พอเริ่มขายก็ทำเมนูทอด แกง ฝึกฝนวนไปจนชำนาญ เช็คอาหารขึ้นเสริฟ อาหารที่ลูกค้าสั่งกลับบ้าน ขายไปสักพักพอมีจานให้ล้างก็ไปล้างจาน ร้านใกล้ปิดก็ล้านจาก แก้ว ให้เสร็จ เก็บครัว ทำความสะอาด จบไปหนึ่งวัน ทำแบบนี้หลายเดือน และได้เรียนรู้กับเชฟ เรื่องการทำใส้อองเทร การตีซองผัด ซอสผัดไทย ซอสอื่นๆ น้ำจิ้มต่างๆ พอเก่งขึ้นได้เริ่มผัด และทำงานวันที่เชฟหยุด สร้างประสบการณ์จนเป็นที่ยอมรับและได้รับค่าแรงตามกฎหมาย
เมื่อผมเรียนถึงระดับ Intermediate ภาษาอังกฤษของผมสามารถสื่อสารได้คล่อง ในการใช้ชีวิตประจำวัน และได้เรียนหัวข้อการ สัมภาษณ์งาน ผมจึงเริ่มส่งเอกสารสมัครงาน CV โดย อีเมล์ และกรอกข้อมูลเว็บไซด์
https://www.seek.co.nz และ
https://touch.trademe.co.nz/jobs/search/category=5000 โดยส่งเมลล์ทุกตำแหน่งที่เราคิดว่าเราน่าจะทำได้ ตัวอย่างผมจบสัตวศาสตร์ ประสบการณ์การทำงานกับสุกร ผมกดสมัคร งานสัตว์ทุกอย่าง โคนม โคเนื้อ เกาะ ไก่ สุกร สุดท้าย ได้รับเมลล์ปฏิเสธก็เยอะ เพราะไม่มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง จนได้เมล์ตอบกับ กับฟาร์มสุกร และได้นัดสัมภาษณ์ จนได้ทำงานถึงทุกวันนี้ ครับ
มาเรียนที่นิวซีแลนด์ ไม่อยากให้คิดว่า ทำงานได้เฉพาะร้านอาหารไทย เราต้องคิดว่า จะทำอย่างไร ให้ได้ทำงานกับชาวต่างชาติ
ตัวอย่างผม สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความกล้า กล้าอะไรบ้าง ลองทำเป็นแนวทางครับ
1.กล้าเขียนหนังสือสมัครงาน หรือ CV. Curriculum Vitae
CV แตกต่างกับ Resume ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่รู้นึกว่าเหมือนกัน หัวใจสำคัญของ CV คือ การเขียนอธิบายงานที่เคยฝึกงาน หรือทำงานมาครับ
เขียนแบบละเอียด ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ขั้นตอน กระบวนการทั้งหมด ทั้งงานประจำ งานเร่งด่วน งานโครงการ
2.กล้า ค้นหาตำแหน่งงาน ยังไงเรามาอยู่นิวซีแลนด์เราต้องใช้อินเตอร์เน็ตในการหางานและเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด แรกๆผมอ่านไม่รู้เรื่องเลยครับ ใช้การแปล แต่พอเราหา และศึกษาเยอะๆเราจะเข้าใจความหมายและไม่ต้องใช้การแปล
3.กล้า ยื่นใบสมัคร ไม่ว่าจะเป็นการกรอกผ่านเว็บสมัครงาน ส่งเมล์สมัคร หรือค้นหาเว็บไซด์บริษัทที่เราสนใจ แล้วส่งเมล์ตรงถึง HR ตัวผมเองหาตำแหน่งงานว่างแล้วนำชื่อบริษัทที่เราสนใจไปหาเว็บไซด์บริษัท แล้วส่งเมล์ถึง HR หรือเจ้าของบริษัท ของผมคือ HR และเจ้าของบริษัทคือคนเดียวกัน
4.กล้าส่งเมล์และตอบกลับเมล์ ไม่ว่าจะเป็นเมลล์ที่ปฎิเสธเรา หรือเมลล์ รับเราทำงาน ของผมเมล์รับทำงานเยอะมาก แต่บางฟาร์มไม่สามารถออกเวิร์ควีซ่าให้ได้ ต้องการคนที่มีเวิร์ควีซ่า หรือวีซ่าถาวร ผมก็ตอบเมล์เขาไปเพื่อฝึกฝนตัวเอง
5.กล้ายอมรับความผิดหวัง ตัวผมเอง รับเมล์ปฎิเสธก็เยอะ แต่ผมก็ไม่ท้อ อาจจะมีเสียใจบ้าง แต่ก็ส่งเมล์ต่อไปหรือตอบกลับเขาไป เชื่อว่าสักวันเราจะสำเร็จดั่งฝัน
6.กล้าที่จะสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษตลอดเวลา 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง
เราอยากทำงานกับต่างชาติยังไงก็หนีไม่พ้นการใช้ภาษาอังกฤษ ถ้าเราพื้นฐานไม่ดีแบบผมก็ใช้ใจในการเรียน การพัฒนาตัวเองครับ
7.กล้าที่จะลำบาก คือต้องอดทนถ้าจะมาอยู่ต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง บ้านพัก อาหาร เพราะยังไงก็ไม่สะดวกสบายเหมือนเมืองไทยครับ
สุดท้าย กล้าที่จะมาอยู่เกาะใต้ครับ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่กล้ามาเพราะกลัวแผ่นดินไหว กลัวหนาว กลัวเหงา แต่ส่งที่ง่ายคือการออกเวิร์ควีซ่าเพราะคู่แข่งเราน้อย
การมาอยู่ต่างประเทศ มักจะมีคำถามในหัวเรื่อง ค่าครองชีพ วันนี้ผมมีตัวอย่าง ค่าครองชีพ ที่สำคัญ คือ ค่าอาหาร และค่าที่พัก ต่อสัปดาห์ครับ
ตัวอย่าง ค่าอาหาร
เมนูยอดนิยม ผัดกะเพราหมู หรือไก่
1.ราคาหมู หรือไก่ 1 กก.ราคาร้านจีน กก.ละ $10 NZD ทำอาหารได้ 5 มื้อ อ้างอิงร้านอาหารไทย ให้จานละ 200 กรัม
2.เครื่องปรุงรส $2 NZD
3.ข้าวสวย จานละ $0.50 NZD x 5 =$2.50 NZD
ทำผัดกะเพรากับข้าวสวย 5 มื้อ ค่าใช่จ่ายรวม $14.50 NZD ตกมื้อละ $2.90 NZD ค่าแก๊สไม่คิดเพราะเช่าบ้านรวมทุกอย่างอยู่แล้ว
ตัวอย่าง ค่าที่พัก
1.เช่าหอในเมือง ราคา 2 ห้องนอนอยู่ที่ $550 NZD พัก 2 คนตกคนละ $275 NZD+ค่าน้ำ ไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต จ่ายประมาณ $300 NZD
พัก 4 คน ตกคนละ $150 NZD
2.เช่าห้องบ้านคนไทย หรือต่างชาติที่แชร์ห้องนอน รอบเมือง10-15 km. ห้องละ $180 NZD รวมทุกอย่าง พัก 2 คนต่อห้องตกคนละ $120 NZD
3.เช่าบ้านเองแล้วแชร์ห้องราคาหลังละ $700 ถ้ารวมทุกอย่างประมาณ $800 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำถ้าอยู่ได้มากกว่า 8 คนตกคนละ $100 NZD
ค่าใช้จ่ายต่อสัปดาห์ประมาณ
ค่าอาหาร คิดที่มื้อละ $3 NZD วันละ 3 มื้อ สัปดาห์ละ $63 NZD
ค่าที่พักอยู่แบบกลางๆแชร์ห้องนอน สัปดาห์ละ $120 NZD
ค่าเดินทางรถบัส ลงทะเบียนนักเรียนได้ส่วนลด สัปดาห์ละ $20 NZD
อื่นๆเช่นอาหารมื้อพิเศษ ของใช้ส่วนตัว แอลกฮอล์ สัปดาห์ะ $15 NZD
รวมค่าใช้จ่ายสัปดาห์ละ $218 NZD
รายได้ ค่าแรงถูกกฎหมายเดือนเมษายนนี้ $16.50 x 20ชั่วโมง=$330 NZD เสียภาษี 10.50%รับสุทธิ $295.35 NZD
สรุป ถ้ามาเรียนภาษาอังกฤษอย่างเดียว ทำงานได้เงินพอเฉพาะค่าครองชีพ ไม่พอค่าเรียนที่จ่ายไปแล้วหรือค่าเรียนในอนาคต ถ้าจะให้พอต้องทำงานมากกว่าที่กำหนด หรือประหยัดค่าอาหารและค่าที่พัก โดยวิธีที่ผมใช้ เอาอาหารแห้งมาจากไทย เช่น มาม่า น้ำพริก ทำงานร้านอาหารไทยและกินข้าวฟรีที่ร้าน และบางร้านได้อาหารกลับบ้าน ค่าที่พักคงไม่อยากแชร์มากว่า 2 คนต่อห้องครับ
ติดตาม Page เรียนภาษา ท่องเที่ยว สมัครงานนิวซีแลนด์ ได้ครับ
[CR] เรียนภาษาอังกฤษยังไง ให้ได้งานประจำกับบริษัทต่างชาติ ประเทศนิวซีแลนด์
กระทู้นี้คือวีธีการ สู่ความสำเร็จ ขั้นตอนต่างๆ
การมาเรียนภาษาอังกฤษ ต้องมีเป้าหมาย เช่น
ถ้ามาเรียนเพื่อกลับไทย ไปทำงานที่ใช้ภาษาอังกฤษ ควรตั้งใจเรียนไปเรียนให้ได้ 100% คบเพื่อนต่างชาติ หลังเลิกเรียนทบทวนสิ่งที่เรียนมา ดูหนัง ฟังเพลง ตอนเรียนอย่าใช้โทรศัพท์ แปลความหมายเพราะจะคุยกับต่างชาติไม่รู้เรื่องให้ยกมือถามครู ว่าความหมายอะไร ประโยคไหนไม่เข้าใจถาม กล้าตอบคำถาม ถึงจะตอบผิด บางคำศัพท์มีหลายความหมาย คุณจะได้รู้ศัพท์เพิ่ม กล้าที่จะอ้าปากพูด ทักทายแล้วหาเรื่องคุย อย่าไปกังวลเรื่องแกรมม่า ควรกังวลเมื่อคุณพูดคล่องแล้ว ทำอะไรให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษทุกวัน ฝึกเขียนแล้วไปให้ครูตรวจ เขาจะแก้ไขให้ เราก็จำมาใช้ภายหลัง ทำงาน 2-3 วันต่อสัปดาห์เพื่อเป็นค่ากิน ค่าที่พักพอ
หรือมาเรียนเพื่อเรียนต่อโท หรือหลักสูตรใหม่ คุณต้องตั้งใจเป็นสองเท่าจากข้อแรก ต้องอ่านหนังสือที่เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด สรุปบทความให้ตัวเองเข้าใจ หาความรู้ใหม่ตลอด ไม่ใช่เรียนภาษาอังกฤษเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน เรียนเพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นและสามารถถ่ายทอดให้กับคนทุกชาติโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลาง
มาเรียนเพื่ออยากได้เวิร์ควีซ่า Work Visa โดยใช้วุฒิปริญญาตรี โท จากไทย อันนี้เหมือนทำตามข้อแรกและข้อสอง เพื่อประหยัดเงินเรียนต่อที่นิวซีแลนด์ แต่เพิ่มความกล้าในการสมัครงาน และเพิ่มความขยันในการส่งเมล์สมัครงาน และเพิ่มความอดทนในการรอคอย แล้วพบกับความผิดหวังซ้ำๆ
หรือมาแล้วหวังวีซ่าทำงาน ข้อนี้ก็ไม่พ้นร้านอาหารไทย หรือก่อสร้างกับคนไทย หรือทำงานความสะอาดกับคนไทยหรือต่างชาติ ค่าแรงก็ $10-12 ต่อชั่วโมงหลังหักภาษี ตามกฎหมายต้อง $15.75 ก่อนหักภาษี แต่คนไทยอ้างว่ายังไม่เก่ง ทำอะไรไม่เป็น โชคดีหน่อยมีข้าวให้กิน โชคร้ายโดนโกงค่าแรง ไม่จ่าย จ่ายช้า จ่ายไม่ครบ เรื่องมากเขาก็หาคนใหม่เพราะมีคนที่ยอมรับได้อยู่
ความเดิมคือ ผมกลัวภาษาอังกฤษมากพื้นฐานต่ำ เริ่มเรียนระดับ Beginner และ Elementary คือเรียน บทสนทนาการถาม-ตอบอย่างง่าย บทสนทนาการช้อปปิ้งและการรับประทานอาหารค่ำนอกบ้าน สนุกกับการสนทนาในชีวิตประจำวันขั้นพื้นฐาน ประมาณ 3 เดือน และเริ่มขยับ เป็น Pre-Intermediate และ เริ่มเรียน Intermediate เมื่อผ่าน 6 เดือน เรียนการสนทนาภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันได้อย่างราบรื่น เพลิดเพลินกับรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์ภาษาอังกฤษ สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการทำงาน
ระหว่างเรียนผมยังทำงาน Part time ได้ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และเลือกทำงานร้านอาหารไทย เตรียมตัวอย่างไร ให้ได้งานทำเร็ว
เหตุผลที่หลายๆคนชอบบ่นว่ามาเรียนที่นิวซีแลนด์หางานยาก ผมได้สรุปความเห็นดังนี้ครับ (งานร้านอาหารไทย)
1.งานในครัว ไม่เคยทำงานมาก่อน หรือทำอาหารไม่เป็น เอาง่ายๆหั่นผักไม่เป็น ไม่รู้ชนิดของวัตถุดิบ คือเขาไม่ได้จ้างมาล้างจานอย่างเดียวครับ
2.งานหน้าร้าน พนักงานเสริฟ รับออเดอร์ พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยหรือได้นิดหน่อย ไม่กล้าคุยกับต่างชาติ
ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ไม่มีร้านไหนอยากรับเข้าทำงาน วิธีแก้ไขหรือเตรียมตัวก่อนมา
ถ้าคิดว่าจะมาทำงานในครัว ต้องหัดทำอาหาร ศึกษาวัตถุดิบอาหาร ผัก เนื้อ เครื่องปรุง ซอส ถ้าให้ดี ลงเรียนช่างฝีมืออาหารไทยขั้นพื้นฐาน 150 ชั่วโมง ยิ่งสามารถทำอองเทร แกง มีโอกาสได้งานสูงและเป็นผู้ช่วยเชฟ รายได้อาจได้ถึงขั้นต่ำ $15.75 ต่อชม.
ถ้าคิดว่าจะมาทำงานหน้าร้าน พนักงานเสริฟ รับออเดอร์ ลองไปทำงาน Part time ร้านอาหารที่ประเทศไทย สัก2-3 เดือน และฝึกภาษาอังกฤษ 55 ประโยคง่ายไว้ใช้พูดในร้านอาหาร เพื่อสร้างประวัติการทำงาน
ไม่กล้าไปสมัครงาน คือรอแต่ร้านประกาศรับสมัคร ถ้าให้ดีต้องเดินไปสมัครทุกร้านที่อยู่ใกล้ที่พัก เพราะปกติเจ้าของร้านเขาอยากได้คนที่ทำงานเป็น ทำอาหารเป็น และอาจจะให้เรามาทดลองงาน ถ้าโอเค เขาก็เพิ่มวันให้ และลดวันคนเก่า (ทำเพื่ออยู่รอด)
ถ้ามีคุณสมบัติแบบนี้ รับรองมาถึงวันแรกโอกาสได้งานสูง หรือได้งานตั้งแต่อยู่ไทย เพราะเราก็สมัครในกลุ่ม คนไทยใน โอ๊คแลนด์ นิวซีแลนด์ (New Zealand) จากไทยแล้วบอกคุณสมบัติ เดินทางเมื่อไหร่
เล่าประสบการณ์ ทำงานร้านอาหารไทย ในตำแหน่งในครัว โดยส่วนตัวผมแล้วภาษาอังกฤษแย่มาก ทางเดียวที่จะหางานได้คือตำแหน่งในครัว เพราะผมมีพื้นฐานชอบทำอาหารอยู่แล้ว แต่เป็นอาหารเหนือครับ
ตอนผมทำงานที่ไทย ผมเคยบอกกับแฟนว่า คนที่มาต่างประเทศก็แค่ทำงานล้านจาน หั่นผักไปวันๆ รายได้เยอะแต่ไม่มีทางที่จะได้มากกว่านี้หรอก สู้ทำงานที่ไทยไม่ได้ เริ่มต้นพนักงานธรรมดา จนถึงผู้จัดการ เงินเดือนหลายหมื่น แต่สุดท้ายผมก็กลืนน้ำลายตัวเอง เพราะเมื่อเราเป็นผู้จัดการ แต่เราไม่สามารถจัดการ บริหารให้ทุกอย่างราบรื่น สมบูรณ์ก็จะเกิดความเครียดสะสม สุดท้ายผมต้องลาออกและมาเรียนภาษาอังกฤษที่ประเทศนิวซีแลนด์
ตัดสินใจแล้วทำไงได้ต้องสู้และอดทน งานแรกที่มาถึง ไปลองงานคืองานในครัว ร้านใกล้ๆบ้าน ตำแหน่งในครัวล้างจาน เตรียมของขาย เริ่มต้นทำ 2 วันต่อสัปดาห์ เดินหาสมัครร้านอื่นต่อ เขียนชื่อ เบอร์โทร เวลาว่าง และได้งานทำแถวฟู้ดคอร์ท ในเมืองได้ทำงานรับทั้งออเดอร์ ทำอาหาร เตรียมของ
หลังจากที่ได้พัฒนาฝีมือและแสดงให้เห็นการทำอาหาร จนได้ทำงานทุกวัน ตอนนั้นเริ่มดีขึ้นเมือได้เงินเท่ากับเงินเดือนที่ไทย ย้ำเลยทำงานทุกวันได้เงินเท่ากับตำแหน่งผู้จัดการเมืองไทย งานเครียดน้อยกว่า ทำจบไปวันๆตอนนั้นดีใจมาก แต่พอทำไปสักพัก รายได้เท่าเดิม แต่ถ้าทำที่ไทยขึ้นทุกปี ปรับตำแหน่งขึ้นไปรายได้เพิ่ม โบนัส เริ่มกลับมาคิดว่า จุดประสงค์การมาต่างประเทศคืออะไร ทำงานในครัว หรือพัฒนาภาษาอังกฤษหรือทำงานกับต่างชาติ สรุปทำทุกสองอย่างจะได้เป็นยอดคน ออกบ้าน 7 โมงเข้าบ้าน 5 ทุ่ม ไม่มีเวลาออกกำลังกาย แต่น้ำหนัดลดลงเรื่อยๆ การทำงานในครัวไม่ยากเลย เหนื่อยแต่จบไปวันๆไม่ต้องเอากลับมาทำที่บ้านเหมือนตอนอยู่ไทย ไม่ต้องใช้สมองเยอะ ไม่เครียด ไม่อารมณ์เสีย ไม่หงุดหงิด ใช้แต่แรงทำงาน
เริ่มงาน 4 โมงเย็น กินข้าวอิ่มสบายเพราะทนหิวตั้งแต่เที่ยว 555 ผมเน้นประหยัด กินอิ่มเริ่มเตรียมของขาย เช่น หั่นผักที่ใช้ในเมนูผัด ลาบ ยำ พอเริ่มขายก็ทำเมนูทอด แกง ฝึกฝนวนไปจนชำนาญ เช็คอาหารขึ้นเสริฟ อาหารที่ลูกค้าสั่งกลับบ้าน ขายไปสักพักพอมีจานให้ล้างก็ไปล้างจาน ร้านใกล้ปิดก็ล้านจาก แก้ว ให้เสร็จ เก็บครัว ทำความสะอาด จบไปหนึ่งวัน ทำแบบนี้หลายเดือน และได้เรียนรู้กับเชฟ เรื่องการทำใส้อองเทร การตีซองผัด ซอสผัดไทย ซอสอื่นๆ น้ำจิ้มต่างๆ พอเก่งขึ้นได้เริ่มผัด และทำงานวันที่เชฟหยุด สร้างประสบการณ์จนเป็นที่ยอมรับและได้รับค่าแรงตามกฎหมาย
เมื่อผมเรียนถึงระดับ Intermediate ภาษาอังกฤษของผมสามารถสื่อสารได้คล่อง ในการใช้ชีวิตประจำวัน และได้เรียนหัวข้อการ สัมภาษณ์งาน ผมจึงเริ่มส่งเอกสารสมัครงาน CV โดย อีเมล์ และกรอกข้อมูลเว็บไซด์ https://www.seek.co.nz และ https://touch.trademe.co.nz/jobs/search/category=5000 โดยส่งเมลล์ทุกตำแหน่งที่เราคิดว่าเราน่าจะทำได้ ตัวอย่างผมจบสัตวศาสตร์ ประสบการณ์การทำงานกับสุกร ผมกดสมัคร งานสัตว์ทุกอย่าง โคนม โคเนื้อ เกาะ ไก่ สุกร สุดท้าย ได้รับเมลล์ปฏิเสธก็เยอะ เพราะไม่มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง จนได้เมล์ตอบกับ กับฟาร์มสุกร และได้นัดสัมภาษณ์ จนได้ทำงานถึงทุกวันนี้ ครับ
มาเรียนที่นิวซีแลนด์ ไม่อยากให้คิดว่า ทำงานได้เฉพาะร้านอาหารไทย เราต้องคิดว่า จะทำอย่างไร ให้ได้ทำงานกับชาวต่างชาติ
ตัวอย่างผม สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความกล้า กล้าอะไรบ้าง ลองทำเป็นแนวทางครับ
1.กล้าเขียนหนังสือสมัครงาน หรือ CV. Curriculum Vitae
CV แตกต่างกับ Resume ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่รู้นึกว่าเหมือนกัน หัวใจสำคัญของ CV คือ การเขียนอธิบายงานที่เคยฝึกงาน หรือทำงานมาครับ
เขียนแบบละเอียด ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ขั้นตอน กระบวนการทั้งหมด ทั้งงานประจำ งานเร่งด่วน งานโครงการ
2.กล้า ค้นหาตำแหน่งงาน ยังไงเรามาอยู่นิวซีแลนด์เราต้องใช้อินเตอร์เน็ตในการหางานและเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด แรกๆผมอ่านไม่รู้เรื่องเลยครับ ใช้การแปล แต่พอเราหา และศึกษาเยอะๆเราจะเข้าใจความหมายและไม่ต้องใช้การแปล
3.กล้า ยื่นใบสมัคร ไม่ว่าจะเป็นการกรอกผ่านเว็บสมัครงาน ส่งเมล์สมัคร หรือค้นหาเว็บไซด์บริษัทที่เราสนใจ แล้วส่งเมล์ตรงถึง HR ตัวผมเองหาตำแหน่งงานว่างแล้วนำชื่อบริษัทที่เราสนใจไปหาเว็บไซด์บริษัท แล้วส่งเมล์ถึง HR หรือเจ้าของบริษัท ของผมคือ HR และเจ้าของบริษัทคือคนเดียวกัน
4.กล้าส่งเมล์และตอบกลับเมล์ ไม่ว่าจะเป็นเมลล์ที่ปฎิเสธเรา หรือเมลล์ รับเราทำงาน ของผมเมล์รับทำงานเยอะมาก แต่บางฟาร์มไม่สามารถออกเวิร์ควีซ่าให้ได้ ต้องการคนที่มีเวิร์ควีซ่า หรือวีซ่าถาวร ผมก็ตอบเมล์เขาไปเพื่อฝึกฝนตัวเอง
5.กล้ายอมรับความผิดหวัง ตัวผมเอง รับเมล์ปฎิเสธก็เยอะ แต่ผมก็ไม่ท้อ อาจจะมีเสียใจบ้าง แต่ก็ส่งเมล์ต่อไปหรือตอบกลับเขาไป เชื่อว่าสักวันเราจะสำเร็จดั่งฝัน
6.กล้าที่จะสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษตลอดเวลา 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง
เราอยากทำงานกับต่างชาติยังไงก็หนีไม่พ้นการใช้ภาษาอังกฤษ ถ้าเราพื้นฐานไม่ดีแบบผมก็ใช้ใจในการเรียน การพัฒนาตัวเองครับ
7.กล้าที่จะลำบาก คือต้องอดทนถ้าจะมาอยู่ต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง บ้านพัก อาหาร เพราะยังไงก็ไม่สะดวกสบายเหมือนเมืองไทยครับ
สุดท้าย กล้าที่จะมาอยู่เกาะใต้ครับ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่กล้ามาเพราะกลัวแผ่นดินไหว กลัวหนาว กลัวเหงา แต่ส่งที่ง่ายคือการออกเวิร์ควีซ่าเพราะคู่แข่งเราน้อย
การมาอยู่ต่างประเทศ มักจะมีคำถามในหัวเรื่อง ค่าครองชีพ วันนี้ผมมีตัวอย่าง ค่าครองชีพ ที่สำคัญ คือ ค่าอาหาร และค่าที่พัก ต่อสัปดาห์ครับ
ตัวอย่าง ค่าอาหาร
เมนูยอดนิยม ผัดกะเพราหมู หรือไก่
1.ราคาหมู หรือไก่ 1 กก.ราคาร้านจีน กก.ละ $10 NZD ทำอาหารได้ 5 มื้อ อ้างอิงร้านอาหารไทย ให้จานละ 200 กรัม
2.เครื่องปรุงรส $2 NZD
3.ข้าวสวย จานละ $0.50 NZD x 5 =$2.50 NZD
ทำผัดกะเพรากับข้าวสวย 5 มื้อ ค่าใช่จ่ายรวม $14.50 NZD ตกมื้อละ $2.90 NZD ค่าแก๊สไม่คิดเพราะเช่าบ้านรวมทุกอย่างอยู่แล้ว
ตัวอย่าง ค่าที่พัก
1.เช่าหอในเมือง ราคา 2 ห้องนอนอยู่ที่ $550 NZD พัก 2 คนตกคนละ $275 NZD+ค่าน้ำ ไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต จ่ายประมาณ $300 NZD
พัก 4 คน ตกคนละ $150 NZD
2.เช่าห้องบ้านคนไทย หรือต่างชาติที่แชร์ห้องนอน รอบเมือง10-15 km. ห้องละ $180 NZD รวมทุกอย่าง พัก 2 คนต่อห้องตกคนละ $120 NZD
3.เช่าบ้านเองแล้วแชร์ห้องราคาหลังละ $700 ถ้ารวมทุกอย่างประมาณ $800 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำถ้าอยู่ได้มากกว่า 8 คนตกคนละ $100 NZD
ค่าใช้จ่ายต่อสัปดาห์ประมาณ
ค่าอาหาร คิดที่มื้อละ $3 NZD วันละ 3 มื้อ สัปดาห์ละ $63 NZD
ค่าที่พักอยู่แบบกลางๆแชร์ห้องนอน สัปดาห์ละ $120 NZD
ค่าเดินทางรถบัส ลงทะเบียนนักเรียนได้ส่วนลด สัปดาห์ละ $20 NZD
อื่นๆเช่นอาหารมื้อพิเศษ ของใช้ส่วนตัว แอลกฮอล์ สัปดาห์ะ $15 NZD
รวมค่าใช้จ่ายสัปดาห์ละ $218 NZD
รายได้ ค่าแรงถูกกฎหมายเดือนเมษายนนี้ $16.50 x 20ชั่วโมง=$330 NZD เสียภาษี 10.50%รับสุทธิ $295.35 NZD
สรุป ถ้ามาเรียนภาษาอังกฤษอย่างเดียว ทำงานได้เงินพอเฉพาะค่าครองชีพ ไม่พอค่าเรียนที่จ่ายไปแล้วหรือค่าเรียนในอนาคต ถ้าจะให้พอต้องทำงานมากกว่าที่กำหนด หรือประหยัดค่าอาหารและค่าที่พัก โดยวิธีที่ผมใช้ เอาอาหารแห้งมาจากไทย เช่น มาม่า น้ำพริก ทำงานร้านอาหารไทยและกินข้าวฟรีที่ร้าน และบางร้านได้อาหารกลับบ้าน ค่าที่พักคงไม่อยากแชร์มากว่า 2 คนต่อห้องครับ
ติดตาม Page เรียนภาษา ท่องเที่ยว สมัครงานนิวซีแลนด์ ได้ครับ