ขอบคุณที่กดเข้ามาอ่านครับ
กระทู้นี้ผมไม่ได้แนะแนวทางให้ใครนะครับ ระบายล้วนๆ ไม่รู้จะไประบายที่ไหนละ
เรื่องทั้งหมดจริงอย่างน้อยก็ในความคิดของผม ความคิดทุกอย่างในนี้ตรงไปตรงมาตามความรู้สึกผมครับ
เป้าหมายของกระทู้นี้คืออยากให้เป็นกระทู้สนทนา อยากได้ความเห็นของหลายๆท่าน จะเป็นประโยชน์ต่อตัวผมและคนอื่นมากครับ
แต่ที่ตั้งเป็นกระทู้คำถาม เพราะแอคเคาท์ที่ไม่ได้ยืนยันตัวตนจะได้ตอบได้ด้วยครับ ตอนผมยังไม่ได้ยืนยันตัว มันเจ็บปวดมากครับที่ตอบบางกระทู้ไม่ได้
บอกก่อนเลยครับ ว่าตัวผมขี้เกียจมาก ขี้เกียจไปทุกอย่าง ไร้ความรับผิดชอบด้วย วันๆทำแต่เรื่องไร้แก่นสาร เล่นเกม เฟซบุค พันทิป
ไม่มีเพื่อน ไม่ยอมหาเพื่อน ไม่อยากมีเพื่อนกิน ไม่อยากมีเพื่อนเที่ยว แล้วก็ไม่อยากมีเพื่อนเรียนด้วย อยากมีคนแลกเปลี่ยนความคิดทั่วๆไป พันทิปก็ดีละ
แล้วก็เป็นคนที่ข้ออ้างเยอะ โทษนู่นโทษนี่ อ่านๆไปแล้วจะเห็นเอง แต่ผมก็รู้สึกว่าข้ออ้างของตัวเองมันก็ฟังขึ้นอยู่นะ ...ฟังดูขี้แพ้มากๆจริงๆ
ตอนนี้ผมเป็นนักศึกษาอยู่ คณะอะไรก็ช่างเถอะ แต่ผมอยู่ในภาวะที่ไม่ตั้งใจเรียนมานานมากๆแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคงเรียนไม่จบ...
ที่แย่กว่าเรียนไม่จบคือ กลัวว่าอาจจะไม่มีวันสำเร็จในสิ่งใดๆเลย ไม่อยากเป็นภาระของพ่อแม่ไปมากกว่าที่เป็นอยู่
ข้ออ้างที่ไม่ตั้งใจเรียนสำหรับตอนนี้คือไม่อยากเรียนคณะนี้ พ่อแม่ค่อนข้างบังคับให้เรียนคณะนี้ แต่ผมขอเถอะอย่าเดาออกมาว่าคณะอะไร
ผมชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ไม่ได้ห้ามอะไร แต่ก็ไม่เคยได้รับการส่งเสริม จนโตมาค่อยๆรู้ว่าพ่อแม่คิดว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นได้แค่งานอดิเรก
ความฝันอาชีพในอนาคคือมีเยอะมาก ทั้งครู ภาษา สายวาดภาพ นักวิทยาศาสตร์ สถาปัตย์ วิศวะ ทันตแพทย์
ถามว่าผมชอบพวกนั้นแล้วผมเก่งไหม ไม่เลยซักนิด แค่ฝันว่าอยากจะทำ ความรู้สึกมันขัดแย้ง เหมือนรู้อยู่แล้วโดนขัดขวางตลอดเวลา
ตอนม.ต้นขยันเรียนมาก เพราะไม่รู้ว่าโตมาจะเป็นอะไรดีนะ แต่พอมาขึ้นม.ปลายผมก็ไม่ตั้งใจเรียนอีกเลย เพราะเหมือนรู้ว่ายังไงก็ต้องเรียน"..."
ผมทิ้งเลข ทิ้งฟิสิกส์ ผมไม่อยากพยายามไปในสิ่งที่ผมรู้ว่าจะต้องทิ้งมันภายหลัง ผมรู้สึกว่ามันสายไปสำหรับวาดภาพ คงเป็นได้แค่งานอดิเรกจริงๆ
ผมไม่รู้ว่าคนอื่นจะเข้าใจความรู้สึกนี้ไหม "ความรู้สึกที่ไม่กล้าวิ่งไปทางนึงจริงๆจังๆ เพราะไม่รู้ว่าจะมีเส้นชัยจริงรึเปล่า เทียบกับอีกทางที่มีเส้นชัยให้เห็นอยู่แล้ว แต่แค่ทางนั้นผมไม่อยากวิ่งไป" คือมันมีทางตั้งหลายทางที่ผมชอบ แต่ผมกลับต้องวิ่งไปทางที่ผมไม่ชอบ มันแย่มาก
ผมไม่รู้จะพูดยังไง ยิ่งมีสิ่งสนใจหลายอย่าง มันยิ่งเจ็บปวดที่ต้องหยิบสิ่งที่สนใจน้อยที่สุด ผมเคยคิดว่า ถ้าได้เรียนที่อยากเรียน ต่อให้สุดท้ายมันจบไม่สวยก็คุ้มแหละวะ ชีวิตเรานี่ ... แต่ก็ไม่ได้มีอะไรการันตีว่าเรียนที่ชอบแล้วจะมีความสุขจริงๆ และถ้าจบไม่สวยจริงๆ พ่อแม่ก็คงไม่อยากเห็นเราไม่มีอะไรกิน
ผมพูดกับพ่อแม่ไม่ได้จริงๆว่าอยากเรียนนู่นเรียนนี่ ก็อะไรมันจะมั่นคงไปกว่าอาชีพที่จบมาแล้วมีงานทำแน่ๆล่ะ? ผมไม่มีอะไรจะไปเถียงตรงนี้จริงๆ
คุณไม่มีทางพูดว่าอยากเรียนวาดภาพกับคนที่เห็นว่าภาพเป็นสิ่งที่เป็นได้แค่งานอดิเรกได้ เขามองแค่การวาดภาพเป็นการคลายเครียดจาก"การเรียน"
ตอนม.5 ผมเคยนั่งวาดภาพช่วงใกล้ๆสอบ แล้วเขาที่ไม่เคยพูดคำหยาบกับผม โมโหจนพูดออกมาว่า "จะวาดรูปไปให้ได้เหี้-ยอะไร" ผมจะไม่มีวันลืม
ผมเคยบอกไปว่าผมเรียนโดยการอ่านไปคร่าวๆก่อน แล้วไปนั่งวาดเล่นในห้องแล้วฟังผ่านๆ กลับมาค่อยมาอ่านจริงจังอีกครั้ง แล้วเขาตอนกลับมาว่า "จะดีกว่าไหมถ้าตั้งใจเรียนในห้องด้วย?" เออ มันก็ต้องดีกว่าอยู่แล้วถ้าคิดว่าชีวิตมีแง่มุมเดียวคือเรียนหนังสือ หลังจากนั้นผมก็ไม่พูดเรื่องวาดภาพกับเขาอีกเลย
คุณไม่มีทางพูดว่าอยากเรียนภาษาจริงๆจังกับคนที่เห็นภาษาเป็นสิ่งที่ทำให้สื่อสารได้อย่างเดียว-แกรมมาร์ไม่สำคัญ ผมชอบเรียนภาษามากจนตอนม.ต้น ภาษาของผมพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ผมเลียบๆเคียงๆก็ได้รู้ว่าเขาคิดว่าเรียนภาษา ถ้าไม่เป็นครูก็เป็นล่ามเป็นคนแปล ซึ่งไม่ค่อยมีเงิน หางานไม่ได้
ผมเคยอยากเป็นวิศวะ ผมเคยถามเขาเพราะเขาจบวิศวะมาว่าทำไมเขาถึงเรียนวิศวะ เขาบอกว่าเขาเลือกตามเพื่อน จบมาก็เส้นไปทำงานที่OOO วันๆว่างๆไม่ได้ทำอะไร เลยกลับมารับช่วงกิจการที่บ้านมีประโยชน์กว่า ...ถามอีกคนที่เรียนอีกคณะก็ได้คำตอบคล้ายๆกัน... ก็คือทั้งคู่ไม่ได้มีความฝันอะไร หลังจากนี้ผมก็ไม่รู้จะคาดหวังอะไรแล้ว ผมจะเดินตามความฝันโดยขออนุญาตจากคนที่ไม่เคยทะเยอทะยานคิดว่าความสำเร็จวัดกันแค่เงินได้ยังไง
ตอนใกล้สอบเอนท์ ผมมีที่เรียน"..."อยู่แล้ว แต่ก็ยังแอบหวังเล็กๆ มาตลอด
มันมีให้เลือก4อันดับ2อันดับบนผมเลือก2อัน"..."ที่ดีที่สุดไปโดยไม่ได้หวังอะไร ส่วน 2อันดับล่างผมเลือกวิศวะกับทันตแพทย์ไป
เขาเข้ามาดูว่าผมเลือกอะไรไป ผมก็บอกว่าเลือกตามเนี้ย "เลือกวิศวะกับทันตแพทย์ทำไม บ้า" คือมันไม่ได้หยาบ เขาก็พูดเนิบๆ แต่มันเจ็บมาก
แต่ในที่สุดเขาก็ไม่ได้ห้ามอะไร เพราะเขารู้ว่าผมมีที่เรียน"..."ให้เขาแล้ว
ผมมีพี่คนนึง ที่เขาเรียนไม่ค่อยดี พ่อแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร คือพี่คนนั้นเขาจะเรียนอะไรก็ได้ จะซิ่วก็ได้ พ่อแม่แค่หวังให้เขาเรียนจบแล้วมีซักงานนึง
ผมขุ่นเคืองในใจมาตลอด ถ้าผมไม่เคยสร้างความหวังทางการศึกษาก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้ ทำไมเขาเลือกได้ ผมเลือกไม่ได้ มันแย่นะ
วันนึงในรถแม่คุยกับพี่แล้วพี่เล่าว่าไปเรียนทำขนมมา แม่ก็บอกว่าดีๆเรียนทำอาหาร ทำขนมก็ได้ จบมาจะได้มีอะไรทำ แต่ขอให้เรียนจบปริญญาตรีก่อนด้วย
คือวันนั้นทำให้ผมเข้าใจเลย ว่าสิ่งที่ผมขุ่นเคืองมาตลอดมันคือความโกรธ ผมต้องพูดออกมาว่า "ให้ไปเรียนทำไมทำอาหาร ถ้าจะจบมาทำอาหารแล้วจะเอาปริญญาตรีไปทำไม" "ก็เดี๋ยวพี่เขาไม่มีงานทำ" ... จุดนั้นผมอยากจะระเบิดออกมาทั้งความโมโห ทั้งความอัดอั้น แต่มันเหมือนไประเบิดในหัวแทน
ผมรู้สึกแตกสลาย ไม่อยากพูดเรื่องเรียนนี่แล้ว ช่างมันละ ผมก็เลยเรียนมาด้วยความว่างเปล่า ไม่อยากรู้จักใครในคณะ ผมไม่สู้แล้ว ไม่เดินไปข้างหน้า ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ถ้าวันนึงผมอยู่ๆตายขึ้นมาอาจจะโล่งก็ได้ แต่ไม่อยากฆ่าตัวตายเองหรอกนะ
ผมไม่เคยได้คุยกับพวกเขาสงบๆ"ซักครั้ง" ถ้าผมค่อยๆพูดเขาจะคิดว่าล้อเล่นหรือไม่เขาก็จะเลี่ยงที่จะตอบผม ทำเป็นไม่สนใจ มันน่าโมโหมากนะ
มีแต่ตอนระเบิดที่เป็นการทะเลาะกัน ผมเคยโวยวายไปร้องไห้ไปใส่พวกเขามาหลายทีแล้วเรื่องเขาไม่เคยใส่ใจความเห็นของผม แต่รู้ไหมว่ามันไม่เปลี่ยนแปลงห่-อะไรเลย ทุกๆครั้งผมเถียงกับเขาเรื่องซ้ำๆ ในชีวิตประจำวันผมก็ต้องเตือนเขาเรื่องซ้ำๆ ทั้งที่พวกเขาก็ไม่ใช่คนแก่ ผมเลยคิดว่าจริงๆแล้วเขาไม่เคยฟังผมมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาคิดว่าเขาเป็นผู้ใหญ่กว่า สอนสั่งผมได้เสมอ หมายถึงว่าผมต้องมีชีวิต มีนิสัยเหมือนที่เขาอยากให้เป็น
คงมีพ่อแม่ไม่กี่คนที่ตำหนิลูกว่า ผมมีเหตุผลเกินไป ยุติธรรมเกินไป ไม่ใช่ว่าผมจะไม่เข้าใจนะว่าบางครั้งมันก็ทำให้เราเดือดร้อนจริงๆ แต่ก็อยากมีชีวิตแบบนี้ เพื่อให้พวกเขารู้ว่า มันจะมีเรื่องแค่บางเรื่อง ที่มีแต่คนแบบนี้แหละที่ทำได้ ทำตัวให้เหมือนๆคนอื่นแล้วชีวิตเราจะมีค่าอะไรล่ะ
ผมไม่อยากคุยกับพวกเขาเรื่องเรียนแล้ว ถ้ามีวันนั้นคงเป็นวันที่ผมจะบอกเขาว่า ผมจะไม่เรียนคณะนี้แล้ว จะให้ผมออกจากคณะหรือจะให้ผมออกจากบ้าน
ทุกวันนี้ผมก็ยังคุยกับเขาเรื่องประจำวันอยู่นะ สวัสดีวันเสาร์งี้ กินไรยัง อ่านหนังสือบ้างนะ ... บทสนทนาที่ไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
ผมไม่มีวันฆ่าตัวตาย ไม่ใช่เพราะผมไม่เคยคิดอยากตาย แต่เหตุผลที่ผมอยากมีชีวิตอยู่มันมากกว่า
ผมใช้ชีวิตทั้งชีวิตมาเพื่อวันนึงผมอยากบอกทุกคนรอบข้างว่าชีวิตที่ทำตามๆคนอื่นอะ มันไม่สร้างพัฒนาการอะไรหรอก
แต่ถ้าผมฆ่าตัวตาย ผลมันก็จะตรงข้ามกัน คนจะดูถูกผมหรือคนที่เดินออกนอกลู่นอกทางแบบผม ผมไม่ยอมหรอกนะ แต่ถ้าตายเพราะอุบัติเหตุก็โอเค...
ตอนเด็กๆครูจะชอบฝังหัวเด็ก ว่า"เด็กเรียนดีแต่ฆ่าตัวตาย เพราะใช้ชีวิตไม่เป็น" แต่โตมาผมก็ได้รู้เองว่า คนเราไม่ควรไปรู้ดีชีวิตคนอื่น
รู้อะไรไหม ผมตันแล้วแหละ ปากดีเหมือนจะมีเป้าหมายไปอย่างนั้น แต่ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรละ วันๆไปนั่งในห้องเรียนเพราะเขาเช็คชื่อ
ยิ่งในอนาคตผมยิ่งต้องทุ่มเทกับการเรียนมากขึ้นๆ ผมยิ่งรู้สึกว่ายังไงมันก็ตัน อยากนอนเฉยๆ อ่านพันทิป รูดเฟซ เล่นเกม ไม่ต้องมีความรับผิดชอบเลยจัง
ผมเคยคิดว่าที่ผมรู้สึกยอมแพ้เพราะ"ผมมันขี้แพ้ ขี้เกียจเอง" รึเปล่า ผมไม่แน่ใจว่าผมชอบจริงๆในสิ่งที่ผมชอบ เพราะผมไม่เคยได้ตั้งใจทำมันจริงๆ
จนกระทั่งที่ตั้งแต่เข้ามหาลัย แล้วผมดูอนิเมชั่นของดิสนีย์ ฯลฯ ผมต้องร้องไห้ออกมาทุกครั้ง เพราะคิดว่าครั้งนึงสิ่งนี้มันเคยเป็นความฝันของเรานะ
ผมคิดพวกเรื่องนี้มานานแล้ว จนวันนี้คิดว่ามันถึงเวลาต้องพูดแล้วแหละ
ทั้งหมดนี่ฟังยังไงก็ชีวิตคนขี้แพ้ อยากรู้ว่าคนที่เคยมีปัญหาคล้ายๆกันคนอื่นผ่านมันมาได้ยังไงบ้าง
ขอเกริ่นหน่อยว่าถ้ามีคำแนะนำ อยากให้เป็นเรื่องราวมากกว่า พวกคำแนะนำอุดมคตินี่ พูดตรงๆผมคิดว่ามันไม่ได้ผล เพราะผมก็เคยคิดมาแล้วแหละ
เช่น "ให้คิดถึงพ่อแม่เข้าไว้"อะไรแบบนี้ ผมขอพูดตรงๆ คิดแล้วจะโมโหมากกว่า
เช่น "ลาออกไปเลย พูดกับพ่อแม่ตรงๆ" เลียบๆเคียงๆมาหลายครั้งแล้ว ไม่เวิร์คแน่ๆ
เช่น "ทำสมาธิแล้วปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลาย" อย่าเอาศาสนามาเกี่ยวครับ อันนี้ต้องขอจริงๆ
ผมคิดว่าคงมีคนอื่นหลายคนที่ประสบปัญหาคล้ายๆกัน ช่วยเล่าเรื่องของตัวเองกันทีนะครับ จะพยายามอ่านครับ
ขอบคุณครับ
เป็นอยู่อย่างนี้ก็เครียด แต่ผมก็เลิกขี้เกียจไม่ได้ ( '~' )
กระทู้นี้ผมไม่ได้แนะแนวทางให้ใครนะครับ ระบายล้วนๆ ไม่รู้จะไประบายที่ไหนละ
เรื่องทั้งหมดจริงอย่างน้อยก็ในความคิดของผม ความคิดทุกอย่างในนี้ตรงไปตรงมาตามความรู้สึกผมครับ
เป้าหมายของกระทู้นี้คืออยากให้เป็นกระทู้สนทนา อยากได้ความเห็นของหลายๆท่าน จะเป็นประโยชน์ต่อตัวผมและคนอื่นมากครับ
แต่ที่ตั้งเป็นกระทู้คำถาม เพราะแอคเคาท์ที่ไม่ได้ยืนยันตัวตนจะได้ตอบได้ด้วยครับ ตอนผมยังไม่ได้ยืนยันตัว มันเจ็บปวดมากครับที่ตอบบางกระทู้ไม่ได้
บอกก่อนเลยครับ ว่าตัวผมขี้เกียจมาก ขี้เกียจไปทุกอย่าง ไร้ความรับผิดชอบด้วย วันๆทำแต่เรื่องไร้แก่นสาร เล่นเกม เฟซบุค พันทิป
ไม่มีเพื่อน ไม่ยอมหาเพื่อน ไม่อยากมีเพื่อนกิน ไม่อยากมีเพื่อนเที่ยว แล้วก็ไม่อยากมีเพื่อนเรียนด้วย อยากมีคนแลกเปลี่ยนความคิดทั่วๆไป พันทิปก็ดีละ
แล้วก็เป็นคนที่ข้ออ้างเยอะ โทษนู่นโทษนี่ อ่านๆไปแล้วจะเห็นเอง แต่ผมก็รู้สึกว่าข้ออ้างของตัวเองมันก็ฟังขึ้นอยู่นะ ...ฟังดูขี้แพ้มากๆจริงๆ
ตอนนี้ผมเป็นนักศึกษาอยู่ คณะอะไรก็ช่างเถอะ แต่ผมอยู่ในภาวะที่ไม่ตั้งใจเรียนมานานมากๆแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคงเรียนไม่จบ...
ที่แย่กว่าเรียนไม่จบคือ กลัวว่าอาจจะไม่มีวันสำเร็จในสิ่งใดๆเลย ไม่อยากเป็นภาระของพ่อแม่ไปมากกว่าที่เป็นอยู่
ข้ออ้างที่ไม่ตั้งใจเรียนสำหรับตอนนี้คือไม่อยากเรียนคณะนี้ พ่อแม่ค่อนข้างบังคับให้เรียนคณะนี้ แต่ผมขอเถอะอย่าเดาออกมาว่าคณะอะไร
ผมชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ไม่ได้ห้ามอะไร แต่ก็ไม่เคยได้รับการส่งเสริม จนโตมาค่อยๆรู้ว่าพ่อแม่คิดว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นได้แค่งานอดิเรก
ความฝันอาชีพในอนาคคือมีเยอะมาก ทั้งครู ภาษา สายวาดภาพ นักวิทยาศาสตร์ สถาปัตย์ วิศวะ ทันตแพทย์
ถามว่าผมชอบพวกนั้นแล้วผมเก่งไหม ไม่เลยซักนิด แค่ฝันว่าอยากจะทำ ความรู้สึกมันขัดแย้ง เหมือนรู้อยู่แล้วโดนขัดขวางตลอดเวลา
ตอนม.ต้นขยันเรียนมาก เพราะไม่รู้ว่าโตมาจะเป็นอะไรดีนะ แต่พอมาขึ้นม.ปลายผมก็ไม่ตั้งใจเรียนอีกเลย เพราะเหมือนรู้ว่ายังไงก็ต้องเรียน"..."
ผมทิ้งเลข ทิ้งฟิสิกส์ ผมไม่อยากพยายามไปในสิ่งที่ผมรู้ว่าจะต้องทิ้งมันภายหลัง ผมรู้สึกว่ามันสายไปสำหรับวาดภาพ คงเป็นได้แค่งานอดิเรกจริงๆ
ผมไม่รู้ว่าคนอื่นจะเข้าใจความรู้สึกนี้ไหม "ความรู้สึกที่ไม่กล้าวิ่งไปทางนึงจริงๆจังๆ เพราะไม่รู้ว่าจะมีเส้นชัยจริงรึเปล่า เทียบกับอีกทางที่มีเส้นชัยให้เห็นอยู่แล้ว แต่แค่ทางนั้นผมไม่อยากวิ่งไป" คือมันมีทางตั้งหลายทางที่ผมชอบ แต่ผมกลับต้องวิ่งไปทางที่ผมไม่ชอบ มันแย่มาก
ผมไม่รู้จะพูดยังไง ยิ่งมีสิ่งสนใจหลายอย่าง มันยิ่งเจ็บปวดที่ต้องหยิบสิ่งที่สนใจน้อยที่สุด ผมเคยคิดว่า ถ้าได้เรียนที่อยากเรียน ต่อให้สุดท้ายมันจบไม่สวยก็คุ้มแหละวะ ชีวิตเรานี่ ... แต่ก็ไม่ได้มีอะไรการันตีว่าเรียนที่ชอบแล้วจะมีความสุขจริงๆ และถ้าจบไม่สวยจริงๆ พ่อแม่ก็คงไม่อยากเห็นเราไม่มีอะไรกิน
ผมพูดกับพ่อแม่ไม่ได้จริงๆว่าอยากเรียนนู่นเรียนนี่ ก็อะไรมันจะมั่นคงไปกว่าอาชีพที่จบมาแล้วมีงานทำแน่ๆล่ะ? ผมไม่มีอะไรจะไปเถียงตรงนี้จริงๆ
คุณไม่มีทางพูดว่าอยากเรียนวาดภาพกับคนที่เห็นว่าภาพเป็นสิ่งที่เป็นได้แค่งานอดิเรกได้ เขามองแค่การวาดภาพเป็นการคลายเครียดจาก"การเรียน"
ตอนม.5 ผมเคยนั่งวาดภาพช่วงใกล้ๆสอบ แล้วเขาที่ไม่เคยพูดคำหยาบกับผม โมโหจนพูดออกมาว่า "จะวาดรูปไปให้ได้เหี้-ยอะไร" ผมจะไม่มีวันลืม
ผมเคยบอกไปว่าผมเรียนโดยการอ่านไปคร่าวๆก่อน แล้วไปนั่งวาดเล่นในห้องแล้วฟังผ่านๆ กลับมาค่อยมาอ่านจริงจังอีกครั้ง แล้วเขาตอนกลับมาว่า "จะดีกว่าไหมถ้าตั้งใจเรียนในห้องด้วย?" เออ มันก็ต้องดีกว่าอยู่แล้วถ้าคิดว่าชีวิตมีแง่มุมเดียวคือเรียนหนังสือ หลังจากนั้นผมก็ไม่พูดเรื่องวาดภาพกับเขาอีกเลย
คุณไม่มีทางพูดว่าอยากเรียนภาษาจริงๆจังกับคนที่เห็นภาษาเป็นสิ่งที่ทำให้สื่อสารได้อย่างเดียว-แกรมมาร์ไม่สำคัญ ผมชอบเรียนภาษามากจนตอนม.ต้น ภาษาของผมพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ผมเลียบๆเคียงๆก็ได้รู้ว่าเขาคิดว่าเรียนภาษา ถ้าไม่เป็นครูก็เป็นล่ามเป็นคนแปล ซึ่งไม่ค่อยมีเงิน หางานไม่ได้
ผมเคยอยากเป็นวิศวะ ผมเคยถามเขาเพราะเขาจบวิศวะมาว่าทำไมเขาถึงเรียนวิศวะ เขาบอกว่าเขาเลือกตามเพื่อน จบมาก็เส้นไปทำงานที่OOO วันๆว่างๆไม่ได้ทำอะไร เลยกลับมารับช่วงกิจการที่บ้านมีประโยชน์กว่า ...ถามอีกคนที่เรียนอีกคณะก็ได้คำตอบคล้ายๆกัน... ก็คือทั้งคู่ไม่ได้มีความฝันอะไร หลังจากนี้ผมก็ไม่รู้จะคาดหวังอะไรแล้ว ผมจะเดินตามความฝันโดยขออนุญาตจากคนที่ไม่เคยทะเยอทะยานคิดว่าความสำเร็จวัดกันแค่เงินได้ยังไง
ตอนใกล้สอบเอนท์ ผมมีที่เรียน"..."อยู่แล้ว แต่ก็ยังแอบหวังเล็กๆ มาตลอด
มันมีให้เลือก4อันดับ2อันดับบนผมเลือก2อัน"..."ที่ดีที่สุดไปโดยไม่ได้หวังอะไร ส่วน 2อันดับล่างผมเลือกวิศวะกับทันตแพทย์ไป
เขาเข้ามาดูว่าผมเลือกอะไรไป ผมก็บอกว่าเลือกตามเนี้ย "เลือกวิศวะกับทันตแพทย์ทำไม บ้า" คือมันไม่ได้หยาบ เขาก็พูดเนิบๆ แต่มันเจ็บมาก
แต่ในที่สุดเขาก็ไม่ได้ห้ามอะไร เพราะเขารู้ว่าผมมีที่เรียน"..."ให้เขาแล้ว
ผมมีพี่คนนึง ที่เขาเรียนไม่ค่อยดี พ่อแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร คือพี่คนนั้นเขาจะเรียนอะไรก็ได้ จะซิ่วก็ได้ พ่อแม่แค่หวังให้เขาเรียนจบแล้วมีซักงานนึง
ผมขุ่นเคืองในใจมาตลอด ถ้าผมไม่เคยสร้างความหวังทางการศึกษาก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้ ทำไมเขาเลือกได้ ผมเลือกไม่ได้ มันแย่นะ
วันนึงในรถแม่คุยกับพี่แล้วพี่เล่าว่าไปเรียนทำขนมมา แม่ก็บอกว่าดีๆเรียนทำอาหาร ทำขนมก็ได้ จบมาจะได้มีอะไรทำ แต่ขอให้เรียนจบปริญญาตรีก่อนด้วย
คือวันนั้นทำให้ผมเข้าใจเลย ว่าสิ่งที่ผมขุ่นเคืองมาตลอดมันคือความโกรธ ผมต้องพูดออกมาว่า "ให้ไปเรียนทำไมทำอาหาร ถ้าจะจบมาทำอาหารแล้วจะเอาปริญญาตรีไปทำไม" "ก็เดี๋ยวพี่เขาไม่มีงานทำ" ... จุดนั้นผมอยากจะระเบิดออกมาทั้งความโมโห ทั้งความอัดอั้น แต่มันเหมือนไประเบิดในหัวแทน
ผมรู้สึกแตกสลาย ไม่อยากพูดเรื่องเรียนนี่แล้ว ช่างมันละ ผมก็เลยเรียนมาด้วยความว่างเปล่า ไม่อยากรู้จักใครในคณะ ผมไม่สู้แล้ว ไม่เดินไปข้างหน้า ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ถ้าวันนึงผมอยู่ๆตายขึ้นมาอาจจะโล่งก็ได้ แต่ไม่อยากฆ่าตัวตายเองหรอกนะ
ผมไม่เคยได้คุยกับพวกเขาสงบๆ"ซักครั้ง" ถ้าผมค่อยๆพูดเขาจะคิดว่าล้อเล่นหรือไม่เขาก็จะเลี่ยงที่จะตอบผม ทำเป็นไม่สนใจ มันน่าโมโหมากนะ
มีแต่ตอนระเบิดที่เป็นการทะเลาะกัน ผมเคยโวยวายไปร้องไห้ไปใส่พวกเขามาหลายทีแล้วเรื่องเขาไม่เคยใส่ใจความเห็นของผม แต่รู้ไหมว่ามันไม่เปลี่ยนแปลงห่-อะไรเลย ทุกๆครั้งผมเถียงกับเขาเรื่องซ้ำๆ ในชีวิตประจำวันผมก็ต้องเตือนเขาเรื่องซ้ำๆ ทั้งที่พวกเขาก็ไม่ใช่คนแก่ ผมเลยคิดว่าจริงๆแล้วเขาไม่เคยฟังผมมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาคิดว่าเขาเป็นผู้ใหญ่กว่า สอนสั่งผมได้เสมอ หมายถึงว่าผมต้องมีชีวิต มีนิสัยเหมือนที่เขาอยากให้เป็น
คงมีพ่อแม่ไม่กี่คนที่ตำหนิลูกว่า ผมมีเหตุผลเกินไป ยุติธรรมเกินไป ไม่ใช่ว่าผมจะไม่เข้าใจนะว่าบางครั้งมันก็ทำให้เราเดือดร้อนจริงๆ แต่ก็อยากมีชีวิตแบบนี้ เพื่อให้พวกเขารู้ว่า มันจะมีเรื่องแค่บางเรื่อง ที่มีแต่คนแบบนี้แหละที่ทำได้ ทำตัวให้เหมือนๆคนอื่นแล้วชีวิตเราจะมีค่าอะไรล่ะ
ผมไม่อยากคุยกับพวกเขาเรื่องเรียนแล้ว ถ้ามีวันนั้นคงเป็นวันที่ผมจะบอกเขาว่า ผมจะไม่เรียนคณะนี้แล้ว จะให้ผมออกจากคณะหรือจะให้ผมออกจากบ้าน
ทุกวันนี้ผมก็ยังคุยกับเขาเรื่องประจำวันอยู่นะ สวัสดีวันเสาร์งี้ กินไรยัง อ่านหนังสือบ้างนะ ... บทสนทนาที่ไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
ผมไม่มีวันฆ่าตัวตาย ไม่ใช่เพราะผมไม่เคยคิดอยากตาย แต่เหตุผลที่ผมอยากมีชีวิตอยู่มันมากกว่า
ผมใช้ชีวิตทั้งชีวิตมาเพื่อวันนึงผมอยากบอกทุกคนรอบข้างว่าชีวิตที่ทำตามๆคนอื่นอะ มันไม่สร้างพัฒนาการอะไรหรอก
แต่ถ้าผมฆ่าตัวตาย ผลมันก็จะตรงข้ามกัน คนจะดูถูกผมหรือคนที่เดินออกนอกลู่นอกทางแบบผม ผมไม่ยอมหรอกนะ แต่ถ้าตายเพราะอุบัติเหตุก็โอเค...
ตอนเด็กๆครูจะชอบฝังหัวเด็ก ว่า"เด็กเรียนดีแต่ฆ่าตัวตาย เพราะใช้ชีวิตไม่เป็น" แต่โตมาผมก็ได้รู้เองว่า คนเราไม่ควรไปรู้ดีชีวิตคนอื่น
รู้อะไรไหม ผมตันแล้วแหละ ปากดีเหมือนจะมีเป้าหมายไปอย่างนั้น แต่ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรละ วันๆไปนั่งในห้องเรียนเพราะเขาเช็คชื่อ
ยิ่งในอนาคตผมยิ่งต้องทุ่มเทกับการเรียนมากขึ้นๆ ผมยิ่งรู้สึกว่ายังไงมันก็ตัน อยากนอนเฉยๆ อ่านพันทิป รูดเฟซ เล่นเกม ไม่ต้องมีความรับผิดชอบเลยจัง
ผมเคยคิดว่าที่ผมรู้สึกยอมแพ้เพราะ"ผมมันขี้แพ้ ขี้เกียจเอง" รึเปล่า ผมไม่แน่ใจว่าผมชอบจริงๆในสิ่งที่ผมชอบ เพราะผมไม่เคยได้ตั้งใจทำมันจริงๆ
จนกระทั่งที่ตั้งแต่เข้ามหาลัย แล้วผมดูอนิเมชั่นของดิสนีย์ ฯลฯ ผมต้องร้องไห้ออกมาทุกครั้ง เพราะคิดว่าครั้งนึงสิ่งนี้มันเคยเป็นความฝันของเรานะ
ผมคิดพวกเรื่องนี้มานานแล้ว จนวันนี้คิดว่ามันถึงเวลาต้องพูดแล้วแหละ
ทั้งหมดนี่ฟังยังไงก็ชีวิตคนขี้แพ้ อยากรู้ว่าคนที่เคยมีปัญหาคล้ายๆกันคนอื่นผ่านมันมาได้ยังไงบ้าง
ขอเกริ่นหน่อยว่าถ้ามีคำแนะนำ อยากให้เป็นเรื่องราวมากกว่า พวกคำแนะนำอุดมคตินี่ พูดตรงๆผมคิดว่ามันไม่ได้ผล เพราะผมก็เคยคิดมาแล้วแหละ
เช่น "ให้คิดถึงพ่อแม่เข้าไว้"อะไรแบบนี้ ผมขอพูดตรงๆ คิดแล้วจะโมโหมากกว่า
เช่น "ลาออกไปเลย พูดกับพ่อแม่ตรงๆ" เลียบๆเคียงๆมาหลายครั้งแล้ว ไม่เวิร์คแน่ๆ
เช่น "ทำสมาธิแล้วปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลาย" อย่าเอาศาสนามาเกี่ยวครับ อันนี้ต้องขอจริงๆ
ผมคิดว่าคงมีคนอื่นหลายคนที่ประสบปัญหาคล้ายๆกัน ช่วยเล่าเรื่องของตัวเองกันทีนะครับ จะพยายามอ่านครับ
ขอบคุณครับ