ถ้าจะมีความดีหรือประโยชน์ใด ๆ ที่ผู้อ่านได้จากกระทู้นี้ ขอยกให้กับ คุณล็อคอิน SGExpat ที่กรุณายกลิ้งค์มาประกอบในกระทู้โน้นของดิฉัน
https://pantip.com/topic/37300122/comment36


แต่หากมีข้อผิดพลาดอะไร หรือเนื้อหาอะไรในกระทู้นี้ทำให้ผู้อ่านรู้สึกไม่ดี อาจเพราะดิฉันตีความผิดพลาดหรือเขียนแสดงความคิดเห็นขยายความจนเลื่อนเปื้อนไป ดิฉันขอน้อมรับคำตินั้นไว้เอง
ลิ้งค์ที่คุณ SGExpat ส่งมาน่าสนใจมาก เพราะเป็นการอธิบายเหตุผลของการนอกใจจากมุมมองของนักจิตบำบัด ที่ทำวิจัยอย่างเป็นขั้นตอน มีการเก็บสถิติ สัมภาษณ์หาเหตุผลมาแบบเป็นระบบ
ดิฉันเขียนถึงเรื่องนี้ ไม่ใช่เพื่อหาความชอบธรรมให้กับการนอกใจ เพราะไม่ว่าคุณเอาเหตุผลนางฟ้าเทวดาขนาดไหนมาอ้าง นอกใจ ก็คือ นอกใจ มันคือ การไม่ซื่อสัตย์ คือ การทรยศ หักหลัง
แต่ ขอขีดเส้นใต้ใต้คำว่า
แต่ตัวโต ๆ ว่า “ความเข้าใจ” หรือ “การรู้เหตุผลของการกระทำ” (แม้จะเป็นเหตุผลที่ฟังดูเฮงกะบ๊วยขนาดไหนก็ตาม) จะเป็นขั้นตอนแรก ของการป้องกัน หรือ กระทั่ง แก้ปัญหา (สำหรับคู่ที่ยังต้องการไปต่อด้วยกัน) การนอกใจที่อาจจะเกิด หรือเกิดขึ้นแล้วได้
ก็เปิดใจลองฟัง ลองอ่านดูกันนะคะ
ลิ้งค์แรก เป็นลิ้งค์ที่อธิบายว่า “ทำไมผู้ชายถึงนอกใจ”
เป็นการสรุปความตามข้อเขียนของ เอ็ม แกรี่ นิวแมน ผู้แต่งหนังสือเรื่อง “ความจริงเกี่ยวกับการนอกใจ”

โดยนิวแมนได้ทำการวิจัยและพบว่าเหตุผลหลักของผู้ชายในการนอกใจไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์ หรือความดึงดูดทางเพศเลย ว่าง่าย ๆ คือ ไม่เกี่ยวว่า สวยไม่สวย ว่างั้นเหอะ
เรามาดูกันว่าเหตุผลของการนอกใจของผู้ชายคืออะไร
งานวิจัยชิ้นนี้ ศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างของผู้นอกใจจำนวน 200 คน (อันนี้ ขอแทรกว่า อิชั้นแอบทึ่งนะเนี่ย ว่าไปหาคนนอกใจที่ไหนมาตั้งสองร้อยคน(วะ)คะ ?)

โดยผลการวิจัยออกมาว่า เหตุผลหลักที่ผู้ชายนอกใจคือ “ความไม่พอใจทางอารมณ์” (ใครช่วยป้าแปลให้สละสลวยที มันมาจากคำว่า emotional dissatisfaction)

ผู้ชายอ่อนไหวมากกว่าที่เราคิดนะจ๊ะ ถ้าพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้รับ คำชมหรือการชื่นชม (praise and admiration) จากคู่ของตนอย่างเพียงพอแล้ว เมื่อนั้นละ ... เขาก็จะเริ่มมองหาการชื่นชมจากคนอื่น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการมีชู้นั่นเอง

ร้อยละ 40 ของผู้ชายก็ไม่ได้ไปหาจากไหนไกลหรอกค่า หามาจากเพื่อนร่วมงานนั่นแหละ

อ้าว...ไหงเป็นงั้นล่ะ ก็ร่วมงานกัน ก็เห็นความเก่งกล้ากันไง้
เรื่องรูปร่างหน้าตา หรือความดึงดูดทางกายภาพ (physical attraction) ล่ะ สำคัญไหม ?
สำคัญค่า... แต่อาจไม่สำคัญเท่าที่คุณคิด

ร้อยละ 88 ของชายที่มีชู้เป็นชู้กับคู่กิ๊กที่สวยน้อยกว่าคู่ของตนซะอีก

ปัจจัยต่อไปก็คือ “คนร่วมอุดมการณ์” ร้อยละ 77 ของชายที่มีชู้มีกิ๊ก ก็จะสนิทกับพวกที่มีชู้มีกิ๊กเหมือนกัน ด้วยเหตุผลว่า เวลาเห็นคนอื่นทำอะไรไม่ดี ผู้ชายก็มักจะหาความชอบธรรมผิด ๆ ให้กับการทำผิดของตัวเองด้วยการคิดว่า “ทีคนอื่นยังทำเลย ไม่ต้องกลัวหรอกถ้าต้องปีนต้นงิ้วอย่างน้อยก็มีเพื่อนล่ะว้า"
รู้สึกผิดไหม รู้สึกค่ะ ร้อยละ 66 ตอบว่า รู้สึกละอาย รู้สึกผิดที่นอกใจ (ขอบคุณสวรรค์จริง ๆ ที่อย่างน้อยก็ยังมีหิริกันอยู่เกินครึ่ง)

ทีนี้ มาที่ฝั่งผู้หญิงบ้าง
เป็นงานวิจัยจากผู้วิจัยคนเดียวกันค่ะ เอ็ม แกรี่ นิวแมน ซึ่งได้สรุปเหตุผลของการนอกใจของผู้หญิงว่า เกิดจาก
1. การอยู่โดยที่ไม่ค่อยมีเพศสัมพันธ์ (sexual infrequency) คนที่ไม่นอกใจ มีเพศสัมพันธ์กับคู่ของตนประมาณเดือนละ 10 ครั้ง ส่วนคนที่นอกใจ มีประมาณเดือนละ 5 ครั้ง
2. การขาดการสื่อสารพูดคุย (lack of communication) คนที่ไม่นอกใจพูดคุยกับคู่ของตนประมาณ 30-60 นาทีต่อวัน ส่วนคนที่นอกใจคุยกับคู่ของตัวเองไม่ถึง 5 นาทีต่อวัน




ต่อไปก็เป็นข้อมูลที่น่าสนใจจาก ดร.เฮเลน ฟิชเชอร์ ที่พบว่า



ร้อยละ 34 ของผู้หญิงที่นอกใจก็มีความสุขดีนะกับคู่ของตน
ส่วนร้อยละ 56 ของผู้ชายที่นอกใจ ก็มีความสุข(อีกเหมือนกัน)กับคู่ของตน
และในช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ร้อยละ 40 ของผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะนอกใจมากขึ้น
ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีแนวโน้มที่จะนอกใจมากกว่าผู้หญิงที่หาเงินได้น้อย
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตันบอกว่า ผู้หญิงที่หาเงินได้ 75,000 เหรียญต่อปี (คิดเป็นเงินไทยประมาณสองล้านห้าแสนบาท) มีแนวโน้มที่จะนอกใจ มากว่า ผู้หญิงที่หาเงินได้น้อยกว่า 30,000 เหรียญต่อปี (ประมาณหนึ่งล้านบาทไทย) 1.5 เท่า

สรุปโดยรวม ๆ จากการศึกษาของหลายมหาวิทยาลัย ว่าเหตุผลที่ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะนอกใจ คือ
1. การไม่ค่อยมีเพศสัมพันธ์
2. การไม่ค่อยได้พูดคุยกับคู่ของตน
3. การไม่มีความสุขในความสัมพันธ์
4. การประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
ลิ้งค์ที่สามที่คุณ SGExpat เอามาลงคือ คลิปที่อธิบายโดยคุณ เอสเธอร์ เพอเรล เธอนิยามตัวเองว่าเป็น นักบำบัดชีวิตคู่ (couples therapist) เธอจะมาอธิบายเหตุผลว่า ทำไมบางคู่ที่ดูมีความสุขดี ถึงนอกใจล่ะ ?

เธอเริ่มต้นด้วยการพูดว่า “ต้องมีอะไรบางอย่างผิดไป ที่อธิบายว่า ทำไมบางคนถึงยอมเสี่ยงที่จะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปด้วยการ “นอกใจ” คู่ของตน คู่ที่ตนปฏิญาณว่าจะร่วมทุกข์ร่วมสุขตลอดไป”
มันต้องมีอะไรขาดหายไป และเจ้าสิ่งที่ขาดหายไปนี้ อาจเป็นสิ่งที่หายไปจากความสัมพันธ์ หรือขาดหายไปจากตัวคนที่ “ไขว้เขว”
มีเหตุผลสารพัดว่า ทำไมคนเราถึง “ไขว้เขว” อาจจะเป็น ความอ้างว้าง การละเลย การปฏิเสธ ความจืดชืด การไม่มีเพศสัมพันธ์
แต่บางคนก็นอกใจโดยไม่ใช่เหตุผลที่เกี่ยวกับคู่ของตนเลย เป็นเหตุผลที่อยากไปหาตัวเอง (self-seeking) คนที่ว่อกแว่กไปบางทีก็อยากจะหาทางที่จะติดต่อกับตัวตนที่หายไปของตนอีกครั้ง (reconnect with the lost parts of themselves) อยากคอนเนคกับชีวิตแบบที่ตัวเองไม่เคยใช้มาก่อน หรือ มีความรู้สึกว่า ชีวิตสั้น จะทำอะไรก็ทำเถอะวะ
คุณเอสเธอร์ ก็มองในแง่ว่า บางที การนอกใจมันไม่ใช่แค่การออกหาคนใหม่ แต่เป็นการหาตัวตนที่หายไปของตัวเอง (เข้าใจยากจริงวุ้ย) แทนที่จะคิดว่า คนที่ไขว้เขวไม่พอใจกับคู่ของตน หรือไม่พอใจกับความสัมพันธ์ ให้ลองคิดว่า คนที่นอกใจนั้นไม่พอใจกับตัวเอง คือ อึดอัด ไม่สบายใจกับตัวตนของตัวเอง และใคร่อยากจะรีคอนเนคกับตัวตนที่หายไปของตัวเอง (อันนี้ ก็ติสท์มาก) อยากลอยอยู่เหนือความซังกะตายที่ตัวเองรู้สึกอยู่ข้างใน อยากจะรู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจที่จะทำสิ่งที่ต้องการจริง ๆ (เฮ้อ...)
ที่ย้อนแย้งคือ ขณะที่คนนอกใจโกหกไฟแล่บกับคู่ของตน แต่กลับรู้สึกว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขา/เธอที่นอกใจ ได้ซื่อสัตย์กับตัวเองอย่างแท้จริง

ทำไมคนเราถึงนอกใจ ?
แต่หากมีข้อผิดพลาดอะไร หรือเนื้อหาอะไรในกระทู้นี้ทำให้ผู้อ่านรู้สึกไม่ดี อาจเพราะดิฉันตีความผิดพลาดหรือเขียนแสดงความคิดเห็นขยายความจนเลื่อนเปื้อนไป ดิฉันขอน้อมรับคำตินั้นไว้เอง
ลิ้งค์ที่คุณ SGExpat ส่งมาน่าสนใจมาก เพราะเป็นการอธิบายเหตุผลของการนอกใจจากมุมมองของนักจิตบำบัด ที่ทำวิจัยอย่างเป็นขั้นตอน มีการเก็บสถิติ สัมภาษณ์หาเหตุผลมาแบบเป็นระบบ
ดิฉันเขียนถึงเรื่องนี้ ไม่ใช่เพื่อหาความชอบธรรมให้กับการนอกใจ เพราะไม่ว่าคุณเอาเหตุผลนางฟ้าเทวดาขนาดไหนมาอ้าง นอกใจ ก็คือ นอกใจ มันคือ การไม่ซื่อสัตย์ คือ การทรยศ หักหลัง
แต่ ขอขีดเส้นใต้ใต้คำว่าแต่ตัวโต ๆ ว่า “ความเข้าใจ” หรือ “การรู้เหตุผลของการกระทำ” (แม้จะเป็นเหตุผลที่ฟังดูเฮงกะบ๊วยขนาดไหนก็ตาม) จะเป็นขั้นตอนแรก ของการป้องกัน หรือ กระทั่ง แก้ปัญหา (สำหรับคู่ที่ยังต้องการไปต่อด้วยกัน) การนอกใจที่อาจจะเกิด หรือเกิดขึ้นแล้วได้
ก็เปิดใจลองฟัง ลองอ่านดูกันนะคะ
ลิ้งค์แรก เป็นลิ้งค์ที่อธิบายว่า “ทำไมผู้ชายถึงนอกใจ”
เป็นการสรุปความตามข้อเขียนของ เอ็ม แกรี่ นิวแมน ผู้แต่งหนังสือเรื่อง “ความจริงเกี่ยวกับการนอกใจ”
โดยนิวแมนได้ทำการวิจัยและพบว่าเหตุผลหลักของผู้ชายในการนอกใจไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์ หรือความดึงดูดทางเพศเลย ว่าง่าย ๆ คือ ไม่เกี่ยวว่า สวยไม่สวย ว่างั้นเหอะ
เรามาดูกันว่าเหตุผลของการนอกใจของผู้ชายคืออะไร
งานวิจัยชิ้นนี้ ศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างของผู้นอกใจจำนวน 200 คน (อันนี้ ขอแทรกว่า อิชั้นแอบทึ่งนะเนี่ย ว่าไปหาคนนอกใจที่ไหนมาตั้งสองร้อยคน(วะ)คะ ?)
โดยผลการวิจัยออกมาว่า เหตุผลหลักที่ผู้ชายนอกใจคือ “ความไม่พอใจทางอารมณ์” (ใครช่วยป้าแปลให้สละสลวยที มันมาจากคำว่า emotional dissatisfaction)
ผู้ชายอ่อนไหวมากกว่าที่เราคิดนะจ๊ะ ถ้าพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้รับ คำชมหรือการชื่นชม (praise and admiration) จากคู่ของตนอย่างเพียงพอแล้ว เมื่อนั้นละ ... เขาก็จะเริ่มมองหาการชื่นชมจากคนอื่น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการมีชู้นั่นเอง
ร้อยละ 40 ของผู้ชายก็ไม่ได้ไปหาจากไหนไกลหรอกค่า หามาจากเพื่อนร่วมงานนั่นแหละ
อ้าว...ไหงเป็นงั้นล่ะ ก็ร่วมงานกัน ก็เห็นความเก่งกล้ากันไง้
เรื่องรูปร่างหน้าตา หรือความดึงดูดทางกายภาพ (physical attraction) ล่ะ สำคัญไหม ?
สำคัญค่า... แต่อาจไม่สำคัญเท่าที่คุณคิด
ร้อยละ 88 ของชายที่มีชู้เป็นชู้กับคู่กิ๊กที่สวยน้อยกว่าคู่ของตนซะอีก
ปัจจัยต่อไปก็คือ “คนร่วมอุดมการณ์” ร้อยละ 77 ของชายที่มีชู้มีกิ๊ก ก็จะสนิทกับพวกที่มีชู้มีกิ๊กเหมือนกัน ด้วยเหตุผลว่า เวลาเห็นคนอื่นทำอะไรไม่ดี ผู้ชายก็มักจะหาความชอบธรรมผิด ๆ ให้กับการทำผิดของตัวเองด้วยการคิดว่า “ทีคนอื่นยังทำเลย ไม่ต้องกลัวหรอกถ้าต้องปีนต้นงิ้วอย่างน้อยก็มีเพื่อนล่ะว้า"
รู้สึกผิดไหม รู้สึกค่ะ ร้อยละ 66 ตอบว่า รู้สึกละอาย รู้สึกผิดที่นอกใจ (ขอบคุณสวรรค์จริง ๆ ที่อย่างน้อยก็ยังมีหิริกันอยู่เกินครึ่ง)
ทีนี้ มาที่ฝั่งผู้หญิงบ้าง
เป็นงานวิจัยจากผู้วิจัยคนเดียวกันค่ะ เอ็ม แกรี่ นิวแมน ซึ่งได้สรุปเหตุผลของการนอกใจของผู้หญิงว่า เกิดจาก
1. การอยู่โดยที่ไม่ค่อยมีเพศสัมพันธ์ (sexual infrequency) คนที่ไม่นอกใจ มีเพศสัมพันธ์กับคู่ของตนประมาณเดือนละ 10 ครั้ง ส่วนคนที่นอกใจ มีประมาณเดือนละ 5 ครั้ง
2. การขาดการสื่อสารพูดคุย (lack of communication) คนที่ไม่นอกใจพูดคุยกับคู่ของตนประมาณ 30-60 นาทีต่อวัน ส่วนคนที่นอกใจคุยกับคู่ของตัวเองไม่ถึง 5 นาทีต่อวัน
ต่อไปก็เป็นข้อมูลที่น่าสนใจจาก ดร.เฮเลน ฟิชเชอร์ ที่พบว่า
ร้อยละ 34 ของผู้หญิงที่นอกใจก็มีความสุขดีนะกับคู่ของตน
ส่วนร้อยละ 56 ของผู้ชายที่นอกใจ ก็มีความสุข(อีกเหมือนกัน)กับคู่ของตน
และในช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ร้อยละ 40 ของผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะนอกใจมากขึ้น
ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีแนวโน้มที่จะนอกใจมากกว่าผู้หญิงที่หาเงินได้น้อย
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตันบอกว่า ผู้หญิงที่หาเงินได้ 75,000 เหรียญต่อปี (คิดเป็นเงินไทยประมาณสองล้านห้าแสนบาท) มีแนวโน้มที่จะนอกใจ มากว่า ผู้หญิงที่หาเงินได้น้อยกว่า 30,000 เหรียญต่อปี (ประมาณหนึ่งล้านบาทไทย) 1.5 เท่า
สรุปโดยรวม ๆ จากการศึกษาของหลายมหาวิทยาลัย ว่าเหตุผลที่ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะนอกใจ คือ
1. การไม่ค่อยมีเพศสัมพันธ์
2. การไม่ค่อยได้พูดคุยกับคู่ของตน
3. การไม่มีความสุขในความสัมพันธ์
4. การประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
ลิ้งค์ที่สามที่คุณ SGExpat เอามาลงคือ คลิปที่อธิบายโดยคุณ เอสเธอร์ เพอเรล เธอนิยามตัวเองว่าเป็น นักบำบัดชีวิตคู่ (couples therapist) เธอจะมาอธิบายเหตุผลว่า ทำไมบางคู่ที่ดูมีความสุขดี ถึงนอกใจล่ะ ?
เธอเริ่มต้นด้วยการพูดว่า “ต้องมีอะไรบางอย่างผิดไป ที่อธิบายว่า ทำไมบางคนถึงยอมเสี่ยงที่จะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปด้วยการ “นอกใจ” คู่ของตน คู่ที่ตนปฏิญาณว่าจะร่วมทุกข์ร่วมสุขตลอดไป”
มันต้องมีอะไรขาดหายไป และเจ้าสิ่งที่ขาดหายไปนี้ อาจเป็นสิ่งที่หายไปจากความสัมพันธ์ หรือขาดหายไปจากตัวคนที่ “ไขว้เขว”
มีเหตุผลสารพัดว่า ทำไมคนเราถึง “ไขว้เขว” อาจจะเป็น ความอ้างว้าง การละเลย การปฏิเสธ ความจืดชืด การไม่มีเพศสัมพันธ์
แต่บางคนก็นอกใจโดยไม่ใช่เหตุผลที่เกี่ยวกับคู่ของตนเลย เป็นเหตุผลที่อยากไปหาตัวเอง (self-seeking) คนที่ว่อกแว่กไปบางทีก็อยากจะหาทางที่จะติดต่อกับตัวตนที่หายไปของตนอีกครั้ง (reconnect with the lost parts of themselves) อยากคอนเนคกับชีวิตแบบที่ตัวเองไม่เคยใช้มาก่อน หรือ มีความรู้สึกว่า ชีวิตสั้น จะทำอะไรก็ทำเถอะวะ
คุณเอสเธอร์ ก็มองในแง่ว่า บางที การนอกใจมันไม่ใช่แค่การออกหาคนใหม่ แต่เป็นการหาตัวตนที่หายไปของตัวเอง (เข้าใจยากจริงวุ้ย) แทนที่จะคิดว่า คนที่ไขว้เขวไม่พอใจกับคู่ของตน หรือไม่พอใจกับความสัมพันธ์ ให้ลองคิดว่า คนที่นอกใจนั้นไม่พอใจกับตัวเอง คือ อึดอัด ไม่สบายใจกับตัวตนของตัวเอง และใคร่อยากจะรีคอนเนคกับตัวตนที่หายไปของตัวเอง (อันนี้ ก็ติสท์มาก) อยากลอยอยู่เหนือความซังกะตายที่ตัวเองรู้สึกอยู่ข้างใน อยากจะรู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจที่จะทำสิ่งที่ต้องการจริง ๆ (เฮ้อ...)
ที่ย้อนแย้งคือ ขณะที่คนนอกใจโกหกไฟแล่บกับคู่ของตน แต่กลับรู้สึกว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขา/เธอที่นอกใจ ได้ซื่อสัตย์กับตัวเองอย่างแท้จริง