สวัสดีค่ะ เราชื่อแอมมี่นะคะ นี่เป็นการเขียนรีวิวของเราครั้งแรกของเรานะคะ หากเขียนตกหล่นหรือผิดอะไรตรงไหนต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ตั้งใจเขียนมาให้แบ่งปันผู้อ่าน และแชร์ประสบการ์ณในการไปศัลยกรรมต่างแดนให้ฟังนะคะ รูปเยอะนิดนึงนะคะ เพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่สุด
มาเริ่มเรื่องกันเลยนะคะ คือเราเนี่ย มีความใฝ่ฝันฝันที่อยากจะมีรูปจมูกที่สวยงามมากชีวิตนี้ คิดว่ายังไงต้องมีให้ได้ และด้วยความที่แม่ก็ให้จมูกมาน้อยนิดมาก เลยพยายามที่จะทำจมูกมาตลอด ถึง 4 ครั้งด้วยกัน (ตั้งแต่อายุ 18-24) ถามว่าทำไมต้องทำตั้ง 4 ครั้ง? แน่นอนค่ะ ไม่มีใครอยากเจ็บซ้ำแล้วซ้ำอึกหรอกนะคะ ใครๆ ก็อยากเจ็บตัวแค่ครั้งเดียวและออกมาสวยทั้งนั้น ถ้าใครเจอแบบ เฮ้ย ทำครั้งแรกออกมาเป๊ะปังสวยจบยันแก่ ก็ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ เป็นผู้มีบุญที่แท้ทรู แล้วคนไม่มีบุญอย่างเราล่ะ? ขึ้นเขียงซ้ำแล้วซ้ำอีกวนไปค่ะ เฮ้ออ..
ในการทำจมูกในแต่ละครั้งเหตุผลของเราคือ 'จมูกเบี้ยว' ไม่ง่าจะทำมากี่ครั้งมันก็เบี้ยว ไม่รู้ทำไมจนถึงการแก้ครั้งที่ 3 (ครั้งที่ 1-3 ทำที่ไทย) คุณหมอบอกว่า เหตุผลที่จมูกคุณเบี้ยวก็เพราะฐานจมูกคุณมันไม่เท่ากัน?! เอ้า ตายแล้ว คิดในใจ นอกจากแม่ให้มาน้อยไม่พอ ยังให้มาไม่เท่ากันอีก!! หมอบอกเคสนี้เป็นเคสที่ยากมาก มันยากที่จะทำให้ไม่เอียง คือทำเสร็จมันก็ยังมีเปอร์เซ็นเอียงอยู่เมื่อถึงเวลาที่มันเข้าที่ เนื้อมันจะรั้งแกนสิลิโคนไปด้านใดด้านนึง หมอแก้ให้ได้ แต่ทำใจไว้ว่ายังไงมันก็มีเปอร์เซ็นที่จะเอียง... เวลาผ่านไป 2 ปีหลังจากแก้ครั้งที่ 3 เอียงไหมถามใจเธอดู TT
รูปก่อนไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี
มองด้านข้างยิ่งรู้ว่าเบี้ยวมากจริงๆ ไม่เป้นทรง
จะให้ดูรูปนะคะว่าจมูกเอียงมากแค่ไหน และไม่เป็นทรงมากขนาดไหน ในรูปคือจมูกอันที่ 3 ซึ่งทำที่คลีนิคแห่งหนึ่งในประเทศไทย
และนี่คือจุดเริ่มต้นของการคิดที่จะบินไปให้หมอที่เกาหลีเฉาะหน้าค่ะ คือแบบเรามีความเชื่อแรงกล้ามาก ว่ามันต้องมีซักที่สิวะ ที่ช่วยเราได้ แต่คือไม่อยากเจ็บตัวแล้วเจ็บตัวอีก ขอทำทีเดียวทำครั้งสุดท้ายจบ และไม่เจ็บตัว(ยาสลบ) พอคิดได้แบบนี้แล้ว ตั้งใจเก็บตังเลยค่ะ ค้นหาข้อมูลมากมายหลายที่ ตัดสินใจแล้ว เปลี่ยนใจอีก แม้กระทั่งยอมเสียค่ามัดจำหรือทิ้งตั๋วไปเลยก็มี ถามว่าทำไม? มันมีประเด็นเยอะแยะมากมายที่จะกล่าวเรื่องเอเจนซี่พาคนไทยไปทำศัลยกรรมเกาหลีค่ะ เอเจนซี่ดีๆ ก็มีนะคะ แต่แบบหมกเม็ดก็มีเยอะ อันนี้ก็ต้องดูให้ดีๆ มีอีกเยอะแยะตรงนี้ไม่ขอเอ่ย ไม่อยากดิสเครดิตใคร ขอผ่านประเด็นตรงนี้ไปก่อนเนอะ ไม่ดราม่า
การไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีราคาค่อนข้างสูงนะคะ สูงกว่าที่ไทยแน่นอน แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือมันคุ้มยิ่งกว่าคุ้มค่ะ ถ้าให้ถามเรื่องโรงพยาบาลที่เกาหลี ขอบอกเลยว่ามีเยอะแยะมากมายหลายแห่งให้เลือกสรร หมอมีเป็นพันๆ เลยค่ะ เลือกแล้วก็งงๆ ไปอีกอยู่ดี ไหนจะเรื่องราคาที่แพง ไปจนถึงแพงโคตรๆ (ขึ้นอยู่กับเอเจนซี่และโรงพยาบาล) อยู่ที่คุณจะเลือกและขึ้นอยู่กับความพอใจที่คุณจะจ่าย แต่สำหรับเรา เราก็อยากเลือกสิ่งที่คุ้มค่าที่สุด (คือคุ้มที่ทำหน้าและคุ้มที่ราคา) คือเข้าใจว่าแพง แต่จำเป็นมั้ยที่ต้องแพงขนาดนั้น? คนเกาหลีอีกราคา คนไทยอีกราคา คนจีนอีกราคา ยิ่งโรงพยาบาลไหนที่โด่งดังนี่วันนึงคนเข้าออกเยอะมาก คนไข้เป็นร้อยๆ เคส บางทีออกมาหน้าตาก็เหมือนกันไปหมด เหมือนหุ่นยนต์ที่ผลิตออกมาจากโรงงานเดียวกัน แถมราคาก็แพงหูฉี่ (ยอมจ่ายแพงๆ เพื่อที่หน้าตาออกมาเหมือนคนอื่น) มันไม่ตอบโจทย์แอมมี่เลยค่ะ คือเราเก็บเงินเรามาจ่าย เราก็อยากได้อะไรที่ค่อนข้างจะคุ้มค่าคุ้มราคา อยากศึกษาให้ดีๆ ก่อนนะคะ
เราก็พยายามศึกษามาซักพักจนมีโอกาสได้ไปรู้จักโรงพยาบาลแห่งหนึ่งโดยเพื่อนชาวเกาหลีแนะนำ จริงๆ เพื่อนแนะนำหลายที่มาก คือเป็นที่ๆ คนเกาหลีไปทำกันจริงๆ ราคาสมเหตุสมผล โดยเฉพาะราคาจมูกเราที่จะต้องแก้เป็นครั้งที่ 4 แอมมี่ได้ตกลงเลือกโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แล้วตัดสินใจบินไปเกาหลีอีกไม่นาน ใช้เวลาในการเดินทางเป็นเวลา 8 วันค่ะ
บรรยากาศภายในโรงพยาบาล
ขอบอกเลยว่าเข้ามาครั้งแรกก็จะ งง งง หน่อยๆ เอะ? ฉันมาผิดที่หรือเปล่า? ด้านในนี้ค่อนข้างเหมือนสถานที่ฝึกศิลปินเกาหลีฝึกหัดก็มิปาน มันผิดกับคอนเซปโรงพยาบาลเกาหลีที่อื่นๆ มาก เออ แบบนี้ก็มีด้วยอ่ะ เก๋มากค่ะ หลังจากมึนงงตื่นเต้นซักพักก็จะมีรีเซฟชั่นเกาหลีเข้ามาทักทาย อันนยอง กันไป และนางก็จะเอาใบที่ให้กรอกประวัติข้อมูลคนไข้มาให้กรอก จากนั้นที่กรอกเสร็จ จะมีผู้ชายท่านหนึ่งน่าตาใจดีเข้ามาพูดคุยด้วย และพาทัวร์รอบโรงพยาบาลพร้อมแนะนำทุกสิ่งทุกอย่าง ตอบทุกคำถามที่สงสัย คุยไปคุยมาก็ทราบว่าเขาคือผู้จัดการของที่นี่นั่นเองค่ะ ขอบอกว่าค่อนข้างประทับใจมากที่นี่ดูเหมือนใส่ใจและดูแลคนไข้มาก จากนั้นใช้เวลาซักพัก เขาก็จะพาเราไปพบกับคุณหมอ คุณหมอจะทักทาย และเริ่มวินิจวิเคราะห์ใบหน้าเรา จะอธิบายทุกอย่างเป็นภาษาเกาหลีให้เราฟัง โดยจะมีล่ามคอยแปลให้ฟังอีกทีค่ะ
หลังจากที่พูดคุยตกลงกันเสร็จ แอมมี่ก็ได้ตกลงทำกับที่นี่
คุณหมอจะถามความต้องการของเราก่อนว่า เราต้องการทำออกมาแล้วใบหน้าจะเป็นแบบไหน อยากได้ธรรมชาติหรือทำแบบธรรมชาติ หรืออยากได้แบบเปลี่ยนเป็นเป็นคนละคนเลย ซึ่งแอมมี่ขอเลือกแบบกลางๆ (เอะมีแบบกลางๆ ด้วยหรอ) บอกหมอว่าขอแบบสวยขึ้นกว่าเดิม แต่ไม่เอาเปลี่ยนไปแบบทำออกมาแล้วหน้าบล็อคเดียวกันไปหมด ขอให้ออกมาแล้วยังมีความเป็นตัวเราอยู่ คุณหมอก็หัวเราะ คงขำประมาณว่า เอออินี่ดูชัดเจนดี หมอเลยบอกว่าได้จัดให้ หมอจะทำให้เธอออกมาเป็นคนแน่นอน (อ้าวหมอ..) แต่ก่อนจะเป็นคน(ที่สวยกว่าเดิม) เธออาจจะเป็นเอเลี่ยนไปซักพักนะ ไม่ต้องตกใจไป ไม่ต้องส่องกระจกบ่อย เวลาผ่านไปเธอสวยแน่นอน ซักพักหมอหันไปบอกกับแฟนเราที่มาด้วยกันว่า เอาล่ะคุณ 2 คนต้องมาตกลงทำสัญญากับหมอก่อนนะ โดยคุณภรรยาต้องเซ็นยินยอมบางอย่างในการทำศัลยกรรมครั้งนี้ ว่าหลังจากศัลยกรรมแล้วจะไม่นอกใจสามีเด็ดขาด นี่กะแฟนก็อึ้งเลยค่ะ นางบอกอีกว่า เนี่ยมีคนไข้หมอหลายเคสหลังจากภรรยาทำศัลยกรรมเสร็จ เวลาผ่านไปซักพัก สามีมาตามหาเรื่องหมอ เนื่องจากภรรยาสวยขึ้นมากมีหนุ่มๆ มาติดอีก หมอก็หนักใจมากไม่รู้จะช่วยยังไงดี เอิ่มคุณหมอคะบ้านคุณหมอมีอาชีพตลกหรอคะ... ก็คุยตลกๆ ขำขันกันไปค่ะ (หมอแอบติดตลกตลอดเวลาที่คุยกันเลยค่ะ)
หลังจากที่คุยกันเสร็จสรุปรายการที่แอมมี่ทำคือ
1. แก้ไขเสริมจมูกครั้งที่ 4 โดยใช้ซี่โครงกระดูกอ่อนและกระดูกหลังหูมารองรับปลายจมูก
2. กรีดตาบน2 ชั้นให้กลมโตมากขึ้น
3. เปิดหัวตา
4. กรีดหางตาให้ยาวขึ้น
5. ฉีดไขมันโดยใช้ไขมันตัวเอง ฉีดที่หน้าผาก ใต้ตา ร่องแก้ม และคาง เพื่อให้ใบหน้าสมส่วนรับกับใบหน้า
6. ฉีดโบท็อกและเมโสแฟตด้วยเทคนิคเกาหลี(ไม่บวม) เพื่อปรับรูปหน้าให้เล็กเรียว
ทุกรายการที่คุณหมอแนะนำ จริงๆแล้วคุณหมอจะไม่บังคับนะคะว่าต้องทำทุกรายการ คุณหมอเน้นความพอใจของคนไข้มากกว่า แต่สำหรับเราเราเลือกทำทุกรายการที่คุณหมอแนะนำ เพราะมันสมเหตุสมผลที่จะทำค่ะ ใบหน้าทุกส่วนจะเข้ากันมากขึ้นนั่นเอง
ส่วนเรื่องราคา ขอบอกเลยว่า เป็นราคาที่แอมมี่พอใจมากๆ ขอบอกตรงๆนะคะ ว่าราคาทำศัลยกรรมจมูกที่เกาหลีราคาค่อนข้างแพงจริง จริงที่ขนาดคนรู้จักเป็นคนเกาหลีไปทำจมูกมาที่โรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งก็ยังถือว่าแพงมากทั้งๆ ที่เป็นคนเกาหลี แต่สำหรับคนต่างชาติอย่างเราไปทำถือว่าได้ราคาที่คุ้มค่ามากสำหรับการทำจมูกด้วยซี่โครง (รวมถึงส่วนอื่นๆ ด้วย) เพราะจากที่เปรียบเทียบราคาจากที่อื่นๆ คือแค่ทำจมูกสิลิโคนธรรมดา ราคาก็แพงกว่าแล้ว....
หลังจากนั้นก็ถึงวันที่ต้องเข้ามาศัลยกรรมค่ะ ตื่นเต้นมากค่ะ เตรียมเปลี่ยนชุดเข้าห้องผ่าตัด วัดความดัน อะไรให้เรียบร้อย แล้วคุณหมอจะเข้ามามาร์คที่หน้าให้แบบนี้ คุณหมอบอกเราว่า เราอาจจะไม่ตื่นเต้นมากใช่ไหม (คือจะบอกว่าเธอ เธอคงชินกับการศัลยกรรมแล้วล่ะสินะ 555) หมอให้กำลังใจนิดหน่อย แล้วบอกว่าหายห่วงนะจะออกมาสวยกว่าเดิมแน่นอน
หลังจากนั้นก็เตรียมขึ้นเขียงค่ะ ในห้องผ่าตัดมีคนดูแลเยอะแยะมาก รวมถึงอยู่ในความดูแลของวิสัญญีแพทย์อย่างใกล้ชิด เข้าห้องผ่าตัดไปได้ไม่นาน พยาบาลเจาะสายน้ำเกลือจากนั้นก็เริ่มฉีดยาสลบ ซักพักนึงก็หลับไปไม่รู้ตัว
เวลาผ่านไปประมาณ 5 ชั่วโมง ใช่ค่ะ 5 ชั่วโมง!!!
ตอนแรกหมอบอกใช้เวลา 3 ชั่วโมงนี่หน่า ทำไม 5 ชั่วโมง ตื่นมาก็นอนพักสภาพนี้
มาทราบอีกทีจากคุณหมอว่า เคสเราจมูกทำยากมากๆ จริงๆ พอถอดสิลิโคนอันเก่าออก จมูกคือเสียทรงไปแล้ว ไม่เหลือทรงจมูกเลย คุณหมอต้องสร้างโครงส้รางจมูกใหม่ทั้งหมด รวมถึงทำรูจมูกให้ใหม่ด้วย อือหือ ฟังแล้วทำตาจะไหลลค่ะ มันดีใจหรือตื้นตันยังไงไม่รู้
มาดูสภาพหลังตื่นกันค่ะ
หลังศัลยกรรมเสร็จ vs ปัจจุบัน คิดว่าเราจะเปลี่ยนไปไหมน้า มารอลุ้นไปพร้อมๆ กันนะคะ เดี๋ยวจะมาอัพเดทพร้อมรูปภาพให้ดูแบบวันต่อวันให้ดู ว่าจะเป็นยังไง ตอนนี้ขอไปทำรูปและเบรคไว้ก่อนแปปนึง เดี๋ยวมาต่อค่ะ
[CR] รีวิวศัลยกรรมเกาหลี ทำจมูกแบบใช้ซี่โครงกระดูก เทคนิคเกาหลี!
มาเริ่มเรื่องกันเลยนะคะ คือเราเนี่ย มีความใฝ่ฝันฝันที่อยากจะมีรูปจมูกที่สวยงามมากชีวิตนี้ คิดว่ายังไงต้องมีให้ได้ และด้วยความที่แม่ก็ให้จมูกมาน้อยนิดมาก เลยพยายามที่จะทำจมูกมาตลอด ถึง 4 ครั้งด้วยกัน (ตั้งแต่อายุ 18-24) ถามว่าทำไมต้องทำตั้ง 4 ครั้ง? แน่นอนค่ะ ไม่มีใครอยากเจ็บซ้ำแล้วซ้ำอึกหรอกนะคะ ใครๆ ก็อยากเจ็บตัวแค่ครั้งเดียวและออกมาสวยทั้งนั้น ถ้าใครเจอแบบ เฮ้ย ทำครั้งแรกออกมาเป๊ะปังสวยจบยันแก่ ก็ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ เป็นผู้มีบุญที่แท้ทรู แล้วคนไม่มีบุญอย่างเราล่ะ? ขึ้นเขียงซ้ำแล้วซ้ำอีกวนไปค่ะ เฮ้ออ..
ในการทำจมูกในแต่ละครั้งเหตุผลของเราคือ 'จมูกเบี้ยว' ไม่ง่าจะทำมากี่ครั้งมันก็เบี้ยว ไม่รู้ทำไมจนถึงการแก้ครั้งที่ 3 (ครั้งที่ 1-3 ทำที่ไทย) คุณหมอบอกว่า เหตุผลที่จมูกคุณเบี้ยวก็เพราะฐานจมูกคุณมันไม่เท่ากัน?! เอ้า ตายแล้ว คิดในใจ นอกจากแม่ให้มาน้อยไม่พอ ยังให้มาไม่เท่ากันอีก!! หมอบอกเคสนี้เป็นเคสที่ยากมาก มันยากที่จะทำให้ไม่เอียง คือทำเสร็จมันก็ยังมีเปอร์เซ็นเอียงอยู่เมื่อถึงเวลาที่มันเข้าที่ เนื้อมันจะรั้งแกนสิลิโคนไปด้านใดด้านนึง หมอแก้ให้ได้ แต่ทำใจไว้ว่ายังไงมันก็มีเปอร์เซ็นที่จะเอียง... เวลาผ่านไป 2 ปีหลังจากแก้ครั้งที่ 3 เอียงไหมถามใจเธอดู TT
รูปก่อนไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี
มองด้านข้างยิ่งรู้ว่าเบี้ยวมากจริงๆ ไม่เป้นทรง
จะให้ดูรูปนะคะว่าจมูกเอียงมากแค่ไหน และไม่เป็นทรงมากขนาดไหน ในรูปคือจมูกอันที่ 3 ซึ่งทำที่คลีนิคแห่งหนึ่งในประเทศไทย
และนี่คือจุดเริ่มต้นของการคิดที่จะบินไปให้หมอที่เกาหลีเฉาะหน้าค่ะ คือแบบเรามีความเชื่อแรงกล้ามาก ว่ามันต้องมีซักที่สิวะ ที่ช่วยเราได้ แต่คือไม่อยากเจ็บตัวแล้วเจ็บตัวอีก ขอทำทีเดียวทำครั้งสุดท้ายจบ และไม่เจ็บตัว(ยาสลบ) พอคิดได้แบบนี้แล้ว ตั้งใจเก็บตังเลยค่ะ ค้นหาข้อมูลมากมายหลายที่ ตัดสินใจแล้ว เปลี่ยนใจอีก แม้กระทั่งยอมเสียค่ามัดจำหรือทิ้งตั๋วไปเลยก็มี ถามว่าทำไม? มันมีประเด็นเยอะแยะมากมายที่จะกล่าวเรื่องเอเจนซี่พาคนไทยไปทำศัลยกรรมเกาหลีค่ะ เอเจนซี่ดีๆ ก็มีนะคะ แต่แบบหมกเม็ดก็มีเยอะ อันนี้ก็ต้องดูให้ดีๆ มีอีกเยอะแยะตรงนี้ไม่ขอเอ่ย ไม่อยากดิสเครดิตใคร ขอผ่านประเด็นตรงนี้ไปก่อนเนอะ ไม่ดราม่า
การไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีราคาค่อนข้างสูงนะคะ สูงกว่าที่ไทยแน่นอน แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือมันคุ้มยิ่งกว่าคุ้มค่ะ ถ้าให้ถามเรื่องโรงพยาบาลที่เกาหลี ขอบอกเลยว่ามีเยอะแยะมากมายหลายแห่งให้เลือกสรร หมอมีเป็นพันๆ เลยค่ะ เลือกแล้วก็งงๆ ไปอีกอยู่ดี ไหนจะเรื่องราคาที่แพง ไปจนถึงแพงโคตรๆ (ขึ้นอยู่กับเอเจนซี่และโรงพยาบาล) อยู่ที่คุณจะเลือกและขึ้นอยู่กับความพอใจที่คุณจะจ่าย แต่สำหรับเรา เราก็อยากเลือกสิ่งที่คุ้มค่าที่สุด (คือคุ้มที่ทำหน้าและคุ้มที่ราคา) คือเข้าใจว่าแพง แต่จำเป็นมั้ยที่ต้องแพงขนาดนั้น? คนเกาหลีอีกราคา คนไทยอีกราคา คนจีนอีกราคา ยิ่งโรงพยาบาลไหนที่โด่งดังนี่วันนึงคนเข้าออกเยอะมาก คนไข้เป็นร้อยๆ เคส บางทีออกมาหน้าตาก็เหมือนกันไปหมด เหมือนหุ่นยนต์ที่ผลิตออกมาจากโรงงานเดียวกัน แถมราคาก็แพงหูฉี่ (ยอมจ่ายแพงๆ เพื่อที่หน้าตาออกมาเหมือนคนอื่น) มันไม่ตอบโจทย์แอมมี่เลยค่ะ คือเราเก็บเงินเรามาจ่าย เราก็อยากได้อะไรที่ค่อนข้างจะคุ้มค่าคุ้มราคา อยากศึกษาให้ดีๆ ก่อนนะคะ
เราก็พยายามศึกษามาซักพักจนมีโอกาสได้ไปรู้จักโรงพยาบาลแห่งหนึ่งโดยเพื่อนชาวเกาหลีแนะนำ จริงๆ เพื่อนแนะนำหลายที่มาก คือเป็นที่ๆ คนเกาหลีไปทำกันจริงๆ ราคาสมเหตุสมผล โดยเฉพาะราคาจมูกเราที่จะต้องแก้เป็นครั้งที่ 4 แอมมี่ได้ตกลงเลือกโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แล้วตัดสินใจบินไปเกาหลีอีกไม่นาน ใช้เวลาในการเดินทางเป็นเวลา 8 วันค่ะ
บรรยากาศภายในโรงพยาบาล
ขอบอกเลยว่าเข้ามาครั้งแรกก็จะ งง งง หน่อยๆ เอะ? ฉันมาผิดที่หรือเปล่า? ด้านในนี้ค่อนข้างเหมือนสถานที่ฝึกศิลปินเกาหลีฝึกหัดก็มิปาน มันผิดกับคอนเซปโรงพยาบาลเกาหลีที่อื่นๆ มาก เออ แบบนี้ก็มีด้วยอ่ะ เก๋มากค่ะ หลังจากมึนงงตื่นเต้นซักพักก็จะมีรีเซฟชั่นเกาหลีเข้ามาทักทาย อันนยอง กันไป และนางก็จะเอาใบที่ให้กรอกประวัติข้อมูลคนไข้มาให้กรอก จากนั้นที่กรอกเสร็จ จะมีผู้ชายท่านหนึ่งน่าตาใจดีเข้ามาพูดคุยด้วย และพาทัวร์รอบโรงพยาบาลพร้อมแนะนำทุกสิ่งทุกอย่าง ตอบทุกคำถามที่สงสัย คุยไปคุยมาก็ทราบว่าเขาคือผู้จัดการของที่นี่นั่นเองค่ะ ขอบอกว่าค่อนข้างประทับใจมากที่นี่ดูเหมือนใส่ใจและดูแลคนไข้มาก จากนั้นใช้เวลาซักพัก เขาก็จะพาเราไปพบกับคุณหมอ คุณหมอจะทักทาย และเริ่มวินิจวิเคราะห์ใบหน้าเรา จะอธิบายทุกอย่างเป็นภาษาเกาหลีให้เราฟัง โดยจะมีล่ามคอยแปลให้ฟังอีกทีค่ะ
หลังจากที่พูดคุยตกลงกันเสร็จ แอมมี่ก็ได้ตกลงทำกับที่นี่
คุณหมอจะถามความต้องการของเราก่อนว่า เราต้องการทำออกมาแล้วใบหน้าจะเป็นแบบไหน อยากได้ธรรมชาติหรือทำแบบธรรมชาติ หรืออยากได้แบบเปลี่ยนเป็นเป็นคนละคนเลย ซึ่งแอมมี่ขอเลือกแบบกลางๆ (เอะมีแบบกลางๆ ด้วยหรอ) บอกหมอว่าขอแบบสวยขึ้นกว่าเดิม แต่ไม่เอาเปลี่ยนไปแบบทำออกมาแล้วหน้าบล็อคเดียวกันไปหมด ขอให้ออกมาแล้วยังมีความเป็นตัวเราอยู่ คุณหมอก็หัวเราะ คงขำประมาณว่า เอออินี่ดูชัดเจนดี หมอเลยบอกว่าได้จัดให้ หมอจะทำให้เธอออกมาเป็นคนแน่นอน (อ้าวหมอ..) แต่ก่อนจะเป็นคน(ที่สวยกว่าเดิม) เธออาจจะเป็นเอเลี่ยนไปซักพักนะ ไม่ต้องตกใจไป ไม่ต้องส่องกระจกบ่อย เวลาผ่านไปเธอสวยแน่นอน ซักพักหมอหันไปบอกกับแฟนเราที่มาด้วยกันว่า เอาล่ะคุณ 2 คนต้องมาตกลงทำสัญญากับหมอก่อนนะ โดยคุณภรรยาต้องเซ็นยินยอมบางอย่างในการทำศัลยกรรมครั้งนี้ ว่าหลังจากศัลยกรรมแล้วจะไม่นอกใจสามีเด็ดขาด นี่กะแฟนก็อึ้งเลยค่ะ นางบอกอีกว่า เนี่ยมีคนไข้หมอหลายเคสหลังจากภรรยาทำศัลยกรรมเสร็จ เวลาผ่านไปซักพัก สามีมาตามหาเรื่องหมอ เนื่องจากภรรยาสวยขึ้นมากมีหนุ่มๆ มาติดอีก หมอก็หนักใจมากไม่รู้จะช่วยยังไงดี เอิ่มคุณหมอคะบ้านคุณหมอมีอาชีพตลกหรอคะ... ก็คุยตลกๆ ขำขันกันไปค่ะ (หมอแอบติดตลกตลอดเวลาที่คุยกันเลยค่ะ)
หลังจากที่คุยกันเสร็จสรุปรายการที่แอมมี่ทำคือ
1. แก้ไขเสริมจมูกครั้งที่ 4 โดยใช้ซี่โครงกระดูกอ่อนและกระดูกหลังหูมารองรับปลายจมูก
2. กรีดตาบน2 ชั้นให้กลมโตมากขึ้น
3. เปิดหัวตา
4. กรีดหางตาให้ยาวขึ้น
5. ฉีดไขมันโดยใช้ไขมันตัวเอง ฉีดที่หน้าผาก ใต้ตา ร่องแก้ม และคาง เพื่อให้ใบหน้าสมส่วนรับกับใบหน้า
6. ฉีดโบท็อกและเมโสแฟตด้วยเทคนิคเกาหลี(ไม่บวม) เพื่อปรับรูปหน้าให้เล็กเรียว
ทุกรายการที่คุณหมอแนะนำ จริงๆแล้วคุณหมอจะไม่บังคับนะคะว่าต้องทำทุกรายการ คุณหมอเน้นความพอใจของคนไข้มากกว่า แต่สำหรับเราเราเลือกทำทุกรายการที่คุณหมอแนะนำ เพราะมันสมเหตุสมผลที่จะทำค่ะ ใบหน้าทุกส่วนจะเข้ากันมากขึ้นนั่นเอง
ส่วนเรื่องราคา ขอบอกเลยว่า เป็นราคาที่แอมมี่พอใจมากๆ ขอบอกตรงๆนะคะ ว่าราคาทำศัลยกรรมจมูกที่เกาหลีราคาค่อนข้างแพงจริง จริงที่ขนาดคนรู้จักเป็นคนเกาหลีไปทำจมูกมาที่โรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งก็ยังถือว่าแพงมากทั้งๆ ที่เป็นคนเกาหลี แต่สำหรับคนต่างชาติอย่างเราไปทำถือว่าได้ราคาที่คุ้มค่ามากสำหรับการทำจมูกด้วยซี่โครง (รวมถึงส่วนอื่นๆ ด้วย) เพราะจากที่เปรียบเทียบราคาจากที่อื่นๆ คือแค่ทำจมูกสิลิโคนธรรมดา ราคาก็แพงกว่าแล้ว....
หลังจากนั้นก็ถึงวันที่ต้องเข้ามาศัลยกรรมค่ะ ตื่นเต้นมากค่ะ เตรียมเปลี่ยนชุดเข้าห้องผ่าตัด วัดความดัน อะไรให้เรียบร้อย แล้วคุณหมอจะเข้ามามาร์คที่หน้าให้แบบนี้ คุณหมอบอกเราว่า เราอาจจะไม่ตื่นเต้นมากใช่ไหม (คือจะบอกว่าเธอ เธอคงชินกับการศัลยกรรมแล้วล่ะสินะ 555) หมอให้กำลังใจนิดหน่อย แล้วบอกว่าหายห่วงนะจะออกมาสวยกว่าเดิมแน่นอน
หลังจากนั้นก็เตรียมขึ้นเขียงค่ะ ในห้องผ่าตัดมีคนดูแลเยอะแยะมาก รวมถึงอยู่ในความดูแลของวิสัญญีแพทย์อย่างใกล้ชิด เข้าห้องผ่าตัดไปได้ไม่นาน พยาบาลเจาะสายน้ำเกลือจากนั้นก็เริ่มฉีดยาสลบ ซักพักนึงก็หลับไปไม่รู้ตัว
เวลาผ่านไปประมาณ 5 ชั่วโมง ใช่ค่ะ 5 ชั่วโมง!!!
ตอนแรกหมอบอกใช้เวลา 3 ชั่วโมงนี่หน่า ทำไม 5 ชั่วโมง ตื่นมาก็นอนพักสภาพนี้
มาทราบอีกทีจากคุณหมอว่า เคสเราจมูกทำยากมากๆ จริงๆ พอถอดสิลิโคนอันเก่าออก จมูกคือเสียทรงไปแล้ว ไม่เหลือทรงจมูกเลย คุณหมอต้องสร้างโครงส้รางจมูกใหม่ทั้งหมด รวมถึงทำรูจมูกให้ใหม่ด้วย อือหือ ฟังแล้วทำตาจะไหลลค่ะ มันดีใจหรือตื้นตันยังไงไม่รู้
มาดูสภาพหลังตื่นกันค่ะ
หลังศัลยกรรมเสร็จ vs ปัจจุบัน คิดว่าเราจะเปลี่ยนไปไหมน้า มารอลุ้นไปพร้อมๆ กันนะคะ เดี๋ยวจะมาอัพเดทพร้อมรูปภาพให้ดูแบบวันต่อวันให้ดู ว่าจะเป็นยังไง ตอนนี้ขอไปทำรูปและเบรคไว้ก่อนแปปนึง เดี๋ยวมาต่อค่ะ