หนูน้อย......กับปืศาจ 1

กระทู้สนทนา
บทนำ

             ปีศาจตนนั้น….เอ...หรือจะเป็น ..   ‘คนนั้น’   ฉันเองก็ไม่แน่ใจ.. คำว่า ‘คน’  กับนิยามคำว่า  ‘ตน’ มันห่างไกลกันขนาดไหนกัน... แต่ภาพเบื้องหน้า...คงไม่ห่างจากจินตนาการมากเท่าไร...ฉันแน่ใจ..และเชื่อใจ...อย่างปราศจากข้อสงสัยอื่นใด....รูปร่างผิวสีดำวาวเหมือนคลุกเคล้าด้วยน้ำมันดิบ ดวงตาแดงจัดจ้าจนเปลวไฟแทบจะกระโจนออกจากเบ้าตา  ก่อนโอบกอดเผาผลาญสรรพสิ่ง   ปากกว้างเกินความจำเป็น... มองเห็นฟันแหลมคมวาววับแทบถึงกกหู  ลิ้นสองแฉกสะบัดพลิกพลิ้วแลบเลียไปมาอย่างหิวกระหาย  ปีกค้างคาวกลางหลังขยับไหวไปมา อย่างไม่เคยหยุดนิ่ง มันคงจะดูน่ากลัว  กับคำว่าปีศาจ

             น่าเสียดาย...

             ปีศาจ...!

            คงน่ากลัว   ถ้า ไม่เพราะ...ปีศาจดังกล่าว มีความสูงเพียงฟุตเศษ ๆ เท่านั้น    มันน่าหัวเราะไหม...ปีศาจตัวจิ๋วน่ารักน่าเอ็นดู   แต่ไม่ว่าอย่างไร ปีศาจก็คือ ปีศาจ ไม่ใช่หรือ...



บทที่ 6

             หนูน้อยกอดตุ๊กตาหมีตัวโปรด นั่งเอียงคอมองเมียงด้วยสายตาไม่มีความหวาดกลัวแม้เพียงสักนิด  เธอไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว   หรือไม่ก็....เธอไม่รู้จักความกลัว  ช่างศีรษะมารดาเธอ  คำถามบางครั้งไม่จำเป็นต้องมีคำตอบ  เพราะบางครั้ง คำตอบของเรา จะปลดปล่อยอะไรบางอย่างออกไปสู่โลกภายนอก

            บางทีด้วยวัยเพียงห้าหกขวบอย่างเธอ คงไม่เรียนรู้ถึงความชั่วร้ายน่ากลัวของเจ้าปีศาจสักเท่าไรก็ได้  ปีศาจเองก็คงต้องการความมีราคาต่างวดหมือนกัน  ไม่อย่างนั้นจะไปต่อกรกับ  ‘พระเจ้า‘   ได้อย่างไร ตอนบ่ายของวันนี้ จู่ ๆ เจ้าปีศาจตัวน้อยพลันมาปรากฏอยู่เบื้องหน้าเธอบริเวณปลายเตียงอย่างไม่คาดฝัน
            
             "มาเยี่ยมหนูหรือคะ" เด็กหญิงถามเสียงใส จ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่มีสีหน้าท่าทางตกใจเลยสักนิด
             
             "มาเยี่ยมเธอน่ะเหรอ...คิดได้ไง?"
         
              เจ้าปีศาจย้อนถามเสียงสูงด้วยความขุ่นเคืองแกมประหลาดใจ นึกไม่ถึงว่าหนูน้อยจะไม่มีทีท่าหวาดกลัว แถมยังคิดว่าปีศาจอย่างมัน มาเยี่ยมด้วยความห่วงหาอาทรเสียอีก  ให้ตายเถอะ...ปีศาจต้องน่ากลัวไม่ใช่หรือ...  สุดท้ายปีศาจเป็นฝ่ายตะโกนสุดเสียง  เต็มศักยภาพในเวลานั้น
            
             "ฉันเป็นปีศาจ...ไม่เคยคิดจะมาเยี่ยมใคร...ฉันมีพลังชั่วร้ายทำให้คนต้องหวาดกลัว ฉันเพียงแต่มีธุระบางอย่างต้องมาตกลงกับเธอเท่านั้น...ปีศาจไม่เคยเป็นห่วงใครรู้ไว้ด้วย"
            
            "คุณเป็นปีศาจจริง ๆ หรือคะ"  ทั้งน้ำเสียงและสายตาบอกความไม่แน่ใจ   ไร้เดียงสาเหลือทน ไม่สนใจคำอธิบายของอีกฝ่าย
            
            "แล้วเธอคิดว่าฉันเป็นใครกันล่ะ"
           
             "คุณเหมือนตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ มากกว่า...น้องหมาของคุณพ่อ ยังตัวโต กว่าคุณเลย และยังน่ากลัวมากกว่าด้วย"
            
             เจ้าปีศาจคำรามลั่นด้วยความโกรธจัด ปากและจมูกปรากฏเปลวไฟแลบเลียออกมา กลิ่นกำมะถันกระจายฟุ้งไปทั่วห้อง แต่ตัวของมันเล็กเกินไปจึงดูไม่ค่อยน่ากลัว มันกระโดดเข้ามาใกล้ปลายเท้าหนูน้อยด้วยท่าทางมุ่งร้าย สายตาจ้องดูเด็กหญิง พยายามทำสีหน้าท่าทางข่มขู่ แต่ในที่สุดก็ทำหน้าผิดหวัง เมื่อไม่เห็นทีท่าตื่นกลัวตามความคาดหวัง เด็กยุคนี้ ไม่มีจินตนาการ ความดีความเลวหรืออย่างไร
           
            "ฉันคงเป็นปีศาจที่เลวไม่ได้..."     เจ้าปีศาจตัวน้อยครวญครางอย่างน่าสงสาร กระโดดไปมาด้วยท่าทางร้อนรุ่มกลุ้มใจ  "แม้แต่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ยังไม่กลัวฉัน""
             
            "อย่าเสียใจไปเลยค่ะ หนูจะพยายามกลัวคุณ"   เด็กหญิงอุตส่าห์ปลอบใจ อย่างคนมีคุณธรรมน้ำมิตร
           
             "ไม่ต้องมาปลอบใจฉัน เธอรู้ไหม...การปลอบใจปีศาจ เป็นการแสดงออกถึงการเหยียดหยามอย่างที่สุด"
            
              "แล้วจะให้หนูทำอย่างไรล่ะคะ"
               
             "ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เพียงแต่ฟัง...ฟังเท่านั้นและก็ถ้าเป็นไปได้ จงเชื่อฉัน"
             
              "ค่ะ.."     หนูน้อยรับคำอย่างว่าง่าย  หลังฟังคำพูดหลากหลาย  ค่อยเอนหลังลงพิงหมอนใบใหญ่ สายตามีแววเติบโตเกินอายุ เจ้าปีศาจน้อยกระโดดลงจากพนักปลายเตียง  ก้าวเข้ามานั่งลงห่างจากปลายเท้าแม่หนูเล็กน้อยด้วยท่าทางระมัดระวัง มันพอจะรู้แล้วว่าเด็กน้อยคนนี้ฉลาดเยือกเย็น เกินเด็กวัยเดียวกัน
           
             " ฉันรู้ว่าเธอป่วยหนัก  ต้องอยู่ในห้องนี้แทบตลอดเวลา"
            
             เจ้าปีศาจเริ่มธุระของมัน ด้วยการพยายามชักแม่น้ำทั้งห้าอย่างเป็นต่อและเลือดเย็นแน่ล่ะ...  ในเมื่อเป็นปีศาจ ก็ต้องเล่นบทบาทของปีศาจให้ถึงแก่น
             
              "เธอคงอยากจะออกไปวิ่งเล่น ท่ามกลางแสงแดดตอนเช้า สวยใสงดงาม ออกไปพายเรือเล่น ออกไปซื้อของ จูงหมาเดินตามสวนสาธารณะ...เธอรู้ไหมว่ามันเป็นความรู้สึกแสนดีขนาดไหน ความจริงก็คือวัยเด็กอย่างเธอต้องทำอย่างนั้น ไม่ใช่นอนจมอยู่กับเตียง   กินยาวันละสามครั้ง อยู่กับนางพยาบาลประจำตัว...ป่านนี้แม่นั่นคงแอบไปงีบหลับล่ะมั้ง..."
             
             "แล้วจะให้หนูทำอย่างไรล่ะคะ...หนูเคยได้ยินพวกหมอคุยกันว่า หนูคงไม่มีโอกาสลุกขึ้นเดินได้เหมือนเด็กธรรมดาคนอื่นแล้วล่ะ"
         
              "เธอคงเหงาสินะ"
           
             "หนูว่าคุณอย่าพยายามทำสีหน้าเห็นใจดีกว่าค่ะ...ดูตลกแปลก ๆ บอกไม่ถูก"     หนูน้อยพูดตามที่เห็น เจ้าปีศาจสะดุ้งเฮือก การแสดงความเห็นอกเห็นใจคนอื่น เป็นข้อห้ามอย่างหนึ่งของปีศาจ เหมือนการดูถูกตนเองและพวกพ้องชาวปีศาจ มันไม่ใช่..ปีศาจรับไม่ได้
            
              "ตกลง...ตกลง “ มันรีบตัดบท  รู้สึกโมโหตัวเองอย่างไรชอบกล    “เอาเป็นว่า...เธออยากเดินได้เป็นปกติใช่ไหม ฉันมีทางช่วยเธอให้เดินได้"
             
             "เหรอคะ."    หนูน้อยเลิกคิ้ว ย้อนถาม เอียงคอจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าท่าทางไม่เชื่อ  แน่ล่ะ..ใครจะไปเชื่อปีศาจตัวเล็กจิ๋ว  มันเกินไป    "ก่อนอื่นทำให้น้องตัวนี้เดินได้ลองดูก่อนสิคะ...."
             
             ว่าพลาง เด็กน้อยชี้นิ้ว...  น้องของเธอหมายถึง ตุ๊กตาตัวโปรดซึ่งกอดติดตัวอยู่เสมอกับวันเวลายาวนาน   ปีศาจตัวเล็กมองดูอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงครวญครางปางตาย
            
             "มันไม่มีชีวิต ฉันทำไม่ได้"  ปีศาจตัวน้อยแทบสำลักความไม่เข้าใจของตัวเอง
            
             " คุณก็ไม่เก่งจริง.."  น้ำเสียงเหมือนมีแววเยาะเย้ย ไม่เชื่อถืออยู่ในที
            
             "ไม่ใช่อย่างนั้น..นั่นมันไม่อยู่ในเงื่อนไขจะทำได้ "
         
             "ฃ่างเถอะค่ะ...ว่าแต่ทำไมคุณถึงต้องช่วยหนู...หมายถึงหากคุณช่วยได้จริง ๆ "
            
             "มันเป็นเรื่องของธุรกิจเจ้านายฉัน...รายละเอียดฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่แน่ ๆ คือฉันได้รับมอบหมายให้มาตกลงกับเธอในเรื่องนี้"
           
              "ปีศาจก็มีเจ้านายด้วยหรือคะ.."   เด็กหญิงถามเสียงใสซื่อ
         
              "มันก็เหมือนธุรกิจทั่วไป"    เจ้าปีศาจน้อยพยายามอธิบายอย่างอดทน  แม้ว่าจะไม่เมใจนัก อะไรบางอย่างทำให้มันรู้ว่า มันกำลังเผชิญสิ่งน่ากลัวสุดสยอง ลมหายใจเริ่มสำลักกลิ่นควันของกำมะถัน จนรู้สึกรำคาญตัวเอง  ความไร้เดียงสาแบบจริงใจเป็นอันตรายกับงานของปีศาจ
            
             " ปีศาจก็มีอยู่หลายระดับ แบ่งงานกันทำตามความเหมาะสม เพื่อจะแข่งขันกับสิ่งที่คนเรียกว่า เอ้อ...พระเ...จ้..า.นั่นล่ะ"
            
             เมื่อออกเสียงว่า "พระเจ้า" มันออกเสียงไม่ชัด การเอ่ยนามสิ่งตรงกันข้ามกับโลกมืด เป็นกฎข้อห้ามอย่างหนึ่งเหมือนกัน
            
             "ทำไมต้องเป็นหนูด้วยล่ะ...คุณเคยช่วยคนอื่นหรือเปล่า"  หนูน้อยถามอีก    ด้วยคำถามเหมือนโยนหินก้อนใหญ่ ลงในความรู้สึกของคนฟัง ใบหน้าของหนูน้อยราวกับเข้าใจอะไรบางอย่าง  ทำไมปีศาจต้องเป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอ พวกพระเจ้ามัวแต่ไปทำอะไรกัน
            
             "ปีศาจจะติดต่อกับใครได้ต้องมีข้อแม้ หรือมี สื่อ เงื่อนไขอะไรสักอย่าง ฉันเองก็อธิบายไม่ถูก และสำคัญฉันเองก็เพิ่งทำงานชิ้นนี้เป็นชิ้นแรก”

            "คงเป็นปีศาจฝึกหัด เหมือนพวกพยาบาลฝึกหัดที่มาดูแลหนู"

             เจ้าปีศาจน้อยตาลุกแดงด้วยความโกรธ มันกระโดดลุกขึ้นร้องเสียงเล็กแหลม
            
             "เธอคิดว่าฉันจะมาหลอกเธอล่ะซี.เอาล่ะ...ฉันจะแสดงตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เธอเห็น จะได้เลิกดูถูกฉันเสียที"   พูดจบมันกระโดดไปมาทำท่าทางเป็นสัญลักษณ์แปลก ๆ ครู่หนึ่งก่อนมาหยุดอยู่เบื้องหน้าเด็กหญิง จ้องหน้าบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง    “เอ้า...ลองลุกขึ้นเดินดู"
         
              เด็กหญิงลองทำท่าลุกขึ้นอย่างไม่ค่อยจะเชื่ออะไรนัก แต่แล้วเธอก็ทำตาลุกวาว สีหน้าแตกตื่นยินดี เธอลุกขึ้นบนเตียงได้จริง ๆ
           
              " หนูลุกขึ้นได้แล้ว.."    เธอกระโดดโลดเต้นไปมา ก่อนก้าวลงจากเตียง เดินไปมาในห้องอย่างไม่เชื่อตัวเอง
           
              "พอได้แล้ว" เจ้าปีศาจตัวน้อยรีบบอก   "นี่เป็นแค่บททดลองใช้ เธอจะเดินได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น รีบกลับไปนอน เดี๋ยวพอหมดอำนาจปีศาจ จะนอนกองอยู่บนพื้นหรอก"
           
              "แย่จริง..หนูนึกว่าจะเดินได้ตลอดไปเสียอีก"     เด็กหญิงมีสีหน้าผิดหวัง แต่ก็ยอมเดินกลับมานอนบนเตียงโดยดี เจ้าปีศาจลอบถอนใจอย่างโล่งอก ท่าทางของมันเหมือนผ่านการทำงานหนักมาจนเหน็ดเหนื่อย  ผิวกายของมันไม่ค่อยจะดำเป็นมันวาวเหมือนเดิมสักเท่าไร
            
             "ก็อย่างที่บอก   นั่นเป็นตัวอย่างเท่านั้น...เธอยังไม่ได้ทำสัญญากับฉันเลย ถ้าเราตกลงกันได้ เธอก็จะเดินได้ตลอดชีวิตของเธอเลย"
           
              "ตกลงอะไรกันคะ..."
            
             "คืออย่างนี้..."    เจ้าปีศาจชะโงกหน้าเข้ามาใกล้  สายตาเริ่มมีความหวัง กระซิบกระซาบเหมือนกำลังบอกเรื่องสำคัญ แต่มันก็รู้สึกลำบากใจอย่างไม่มีเหตุผล     "ลองคิดดูนะ...ถ้าเธอนอนป่วยอยู่อย่างนี้ ชีวิตก็ไม่มีประโยชน์อะไรใช่ไหม...ต้องอยู่ในห้องเล็กๆแคบๆ ตลอดไป แต่หากมีโอกาส เธอคงเลือกจะเดินไปมาไหนก็ได้มากว่าจะยอมนอนอยู่แบบนี้ แต่อย่างว่า...ไม่มีอะไรจะได้มาฟรี"

            "หนูไม่เข้าใจ"
           
             "ถ้ามีทางเลือกอีกทางนะ...คือเธอหายป่วย ร่างกายปกติ แต่เธอจะมีชืวิตอยู่ถึงอายุยี่สิบปีเท่านั้น..อีกสิบกว่าปีเธอสามารถจะเดินไปไหนมาไหนได้ตามใจปรารถนา"
            
             "แต่พออายุยี่สิบปีหนูก็จะตาย" เธอแย้ง
           
              "คนเราถ้าจะได้อะไรมาต้องยอมเสียอะไรไปบ้าง...เธออาจมีอายุยืนยาวถึงเจ็ดสิบปี แต่จะมีความหมายอะไรล่ะถ้าหลายสิบปีนั่นต้องอยู่ในห้องนอนตลอดไป  ลองคิดดูให้ดี  ชีวิตสั้นแต่มีความหมาย อายุยืนยาวแต่ไม่มีความหมายจะมีประโยชน์อะไร"
            
             "น่าสนใจนะคะ...” เด็กหญิงทำท่าคิดครู่หนึ่ง ก่อนถามอย่างสนใจ  "ถ้าหนูตกลงจะต้องทำอะไรบ้าง"
            
             เจ้าปีศาจแสยะยิ้มแบบไม่อาจเก็บท่าทางยินดีไว้ได้ งานสำคัญใกล้จะเสร็จสิ้น มันยกมือขึ้นโบกไปมา พลันปรากฏกระดาษแผ่นหนึ่งอยู่ในมือ ยื่นให้เด็กหญิง
            
             "เพียงแต่เซ็นชื่อลงในใบสัญญานี้เท่านั้น"


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่