.
บทที่ 1
https://pantip.com/topic/37276761
บทที่ 2
https://pantip.com/topic/37283918
วันหยุดสุดสัปดาห์สองวันผ่านไปอย่างสงบเงียบ โดยไร้วี่แววของเจ้าปีศาจสีดำตัวน้อย หลังการเหินฟ้า ลีลาสวยออกจากบ้านทางหน้าต่างห้องชั้นสาม เด็กหญิงเริ่มสงสัยว่ามันอาจจะบาดเจ็บหนักหรืออย่างไร เพราะความสูงบ้านสามชั้นเป็นแมวธรรมดาไม่ตายก็คงคางเหลือง แต่แมวปีศาจไม่ใช่แมวธรรมดาก็ไม่ควรหนักหนาสาหัสให้เสียภาพลักษณ์ หรือจะเปลี่ยนใจไปจากข้อต่อรองเซ็นสัญญาปีศาจ หรือไม่คงมีเหตุผลบางอย่างทำให้ปีศาจน้อยไม่ยอมปรากฏตัวให้เห็นอีก ในความรู้สึกแล้วเหมือนจะเหงาๆพิกลเหมือนกัน เมื่อไม่มีคู่กรณีพิเศษมาพูดคุยด้วย นางพยาบาลใจดีก็มาดูแลเป็นเวลาตามตารางงาน ส่วนคุณพ่อก็ยุ่งกับธุรกิจการงานแทบทั้งวันจนไม่มีเวลาให้ลูกสาวตัวน้อย ส่วนคุณแม่ไม่ต้องพูดถึง เพราะไม่ได้เห็นหน้ากันนานหลายปี จนแทบจำไม่ได้
คุณแม่...อยู่ไหนคะ....บางทีคำตอบอาจอยู่บนฟากฟ้าไกล
ครั้งสุดท้ายที่จำภาพของคุณแม่ได้ คือฉากการโต้เถียงอะไรบางอย่างกับคุณพ่อ บรรยากาศชวนเศร้าหดหู่กดดัน และหลังจากการโอบกอดครั้งสุดท้ายด้วยหยาดน้ำตาจากคุณแม่ เด็กหญิงก็ไม่เคยได้พบกับคุณแม่อีกเลย ราวกับเป็นการตายจากกันตลอดกาล บางทีสำหรับการพลัดพรากจากกันชนิดไม่ได้พบกันอีก ก็ไม่ต่างจากการล้มหายตายจากกันไปเท่าไร หลังจากนั้นเธอก็ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับครูสอนพิเศษ นางพยาบาลใจดี และอยู่กับตัวเอง เคยได้ยินเสียงคุณหมอที่มาตรวจอาการคุยกับคุณพ่อว่า โอกาสจะรักษาหายให้เดินได้เป็นปกติอย่างคนธรรมดาไม่มีหนทางเป็นไปได้ นั่นหมายถึงการใช้ชีวิตอยู่ในเขตบ้านตลอดชีวิต
อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่เคยคิดจะออกไปดูโลกกว้าง มันเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย อันตรายและน่ากลัว... เด็กหญิงเพียงมองโลกผ่านจอคอมพิวเตอร์ประจำตำแหน่งตรงมุมห้องเท่านั้น และไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก ภาพในจอคอมพิวเตอร์คล้ายภาพในความฝัน ชัดเจน...แต่เลือนรางห่างไกลในความรู้สึกจับต้องไม่ได้ มันจะมีความหมายอะไรในเมื่อลงท้ายทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงความทรงจำไร้แก่นสาร... ความสนใจจึงอยู่กับพรสวรรค์พิเศษมากกว่า นั่นคือการวาดภาพระบายสี คุณพ่อเป็นคนชักชวนผู้คนมาดูภาพวาดของเธออยู่บ่อยๆ และหลายภาพถูกซื้อไปในราคาอันไม่น่าเชื่อ ทุกครั้งที่ได้จับพู่กันละเลงสีของบนผืนผ้าใบในห้องวาดภาพ ทำให้รู้สึกเข้าถึงอะไรบางอย่างที่มีคุณค่า และความหมายกับชีวิต โดยไม่ต้องพยายามดิ้นรนไปเสาะแสวงหาจากโลกภายนอก อย่างที่คุณพ่อเคยพยายามชักชวนให้ออกไป แต่เธอปฏิเสธทุกครั้งกับการออกไปพบได้เห็นโลกกว้าง ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่สวยงามพิสดารเพียงฝด กับมาก็เป็นเพียงความทรงจำไร้ตัวตน ไม่จำเป็นเลยแม้แต่น้อย
ว่าแต่เจ้าปีศาจตัวน้อยหายไปไหนนะ... รู้สึกคิดถึงเหมือนกัน
วันจันทร์มาถึงอีกครั้ง ขณะหนูน้อยกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงพร้อมในชุดนอนลายตุ๊กตาหมีกับหนังสือเล่มใหญ่ ปีศาจน้อยในร่างของแมวสีดำสนิทก็ปรากฏขึ้นตรงมุมห้องอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยพร้อมกับกลุ่มควันสีดำ เจ้าของห้องมองเห็นแล้วแต่ซ่อนยิ้มทำเป็นไม่สนใจ จนผู้มาเยือนเป็นฝ่ายกระโดดขึ้นมานั่งปลายเตียง แล้วร้องถามเรื่องสำคัญทันทีเป็นอันดับแรก
“ตกลงใจเซ็นสัญญาหรือยัง"
เด็กหญิงลดหนังสือลงพลางขมวดคิ้ว ทำหน้าดุกึ่งรำคาญ เอานิ้วชี้แตะริมฝีปาก จ้องมองไปยังเจ้าแมวปีศาจ พูดด้วยเสียงห้วนเข้มว่า
“ดูเหมือนคุณจะสนใจธุระของตัวเองจริง ๆ นะคะ มาถึงก็ถามเรื่องของตัวเองเลย"
"นั่นล่ะเรื่องสำคัญที่สุดของฉันล่ะ…ว่าไง...ตกลงหรือยัง"
"คุณยังไม่ได้วาดภาพให้หนูดูเลย" น้ำเสียงราบเรียบไม่ได้สนใจธุระของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
"ภาพอะไร" เจ้าแมวปีศาจถามด้วยสีหน้าแมวสงสัย มันถูกเบนความสนใจไปเรื่องอื่นเสียแล้ว
"อ้าว…ก็ภาพที่สัญญาว่าจะวาดภาพให้หนูดูยังไง เห็นบอกว่าวาดเก่งไม่ใช่หรือคะ แต่ว่าคุณแปลงตัวให้ใหญ่เท่าคนได้ไหม จะเป็นตัวปีศาจหรือเป็นตัวแมวก็ได้ ว่าแต่เป็นแมวก็ตลกดีนะคะ เวลาคุณพูด หนูไม่เคยเห็นแมวที่ไหนพูดได้มาก่อน"
“บ้าสิ....มีที่ไหนแมวพูดได้ นอกจากฉันเท่านั้น ส่วนเรื่องตัวใหญ่ อืม...ทำไมได้หรอก ฉันยังไม่มีอำนาจมากขนาดนั้น" มันตอบอ้อมแอ้มเหมือนไม่ค่อยพอใจนักกับขนาดของตนเอง เพราะการเป็นปีศาจไม่ว่าจะอยู่ในร่างปีศาจหรือร่างแมว ก็คงดูไม่น่ากลัวเท่าไร อย่าว่าแต่คนเห็นแล้วจะไม่กลัวเลย ขืนเดินออกไปนอกบ้าน หมามองเห็นคงไล่กัดจนวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงเสียภาพลักษณ์ปีศาจเป็นแน่แท้ หนูน้อยลุกขึ้นนั่งกอดอก พลางมองคู่กรณีด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ ก่อนบอกด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ ว่า
"คุณตัวเล็กอย่างนี้ แทนที่จะดูน่ากลัว ก็เลยดูเป็นน่ารักดีนะคะ"
"โอย…..อย่าคิดอย่าพูดอย่างนั้นได้ไหม คำว่าน่ารัก มันทำให้ฉันไม่สบาย” แมวปีศาจร้องอย่างหวาดผวา เด็กหญิงหัวเราะ มันก็น่าขันอยู่หรอก กับการรู้สึกว่าใครบางคนน่ารักแล้วทำให้อีกฝ่ายไม่สบาย
"ก็คิดอยู่แล้ว...คุณคงไม่เก่งพอจะตัวใหญ่ได้ หนูเลยเตรียมพู่กันระบายสีอันเล็ก ๆ กรอบผ้าใบเล็ก ๆ ไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้ว ฉะนั้นไปเขียนซะดี ๆ ไม่งั้นไม่มีการคุยเรื่องสัญญาอะไรทั้งนั้น"
“อะไรนะ”
“วาดภาพไงคะ ตามที่ตกลงกันไว้คราวก่อน อย่าทำเป็นลืมสิคะ คุณต้องแสดงฝีมือในการวาดภาพก่อน เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลัง”
แมวปีศาจเดินวนไปมาบริเวณปลายเตียงเป็นแมวติดจั่น สีหน้าแววตาบ่งบอกความยุ่งยากใจ ก่อนกัดฟันสารภาพแบบไม่เต็มใจว่า
"เอ้อ….ความจริง…ฉันวาดรูปไม่เป็นหรอก"
เด็กหญิงนั่ทงลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง พูดขึ้นมาลอยว่า
"น่ารัก"
แมวปีศาจสะดุ้งกระโจนตัวลอย ร้องเสียงหลง
"อย่าพูดบ้าๆ นะ เราตกลงกันแล้ว"
เด็กหญิงเอามือปิดปาก กลั้นเสียงหัวเราะสุดชีวิต ก่อนตีหน้าตายบอกว่า
"หนูช่วยเป็นคนสอนให้ได้นะ"
"เรื่องอะไร" แมวขู่ฟ่อ "ฉันเป็นปีศาจจะมารับการสอนจากมนุษย์ได้อย่างไร มันผิดกฎของปีศาจ"
"ตามใจคุณ” เธอบอก แล้วเอนหลังลงพิงเบาะยกหนังสือขึ้นอ่านไม่สนใจแมวปีศาจอีก เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ จึงได้ยินเสียงเล็กๆ ร้องดังมาจากปลายเตียง
"ตกลง เอาก็เอา... สอนก็สอน…วาดก็วาด....ว้า….แย่จัง"
หนูน้อยซ่อนยิ้มแบบเด็กฉลาดเจ้าเล่ห์ วางหนังสือลง ควานหาไม้เท้าค้ำยันคู่กาย เจ้าแมวปีศาจมองดูความยากลำบากอย่างพยายามให้เกิดความรู้สึกสาสมใจ(เพราะเจ้านายมันสอนอย่างนั้น) ความทุกข์ทรมานของมนุษย์เป็นสิ่งเบิกบานรำราญใจ ต้องพยายามทำให้เกิดความทุกขเวทนาบนโลกมนุษย์ให้มากเข้าไว้ แต่ขณะมันกำลังพยายามทำใจให้รื่นเริงกับเภทภัยของผู้อื่น ทำไมกลับรู้สึกหงุดหงิดกลัดกลุ้มอย่างบอกไม่ถูก จะต้องมีอะไรผิดพลาด...เพราะขณะนี้ไม่ได้รู้สึกเบิกบานสำราญใจเลยแม้สักนิดเดียว ว่าแต่ความรู้สึกแปลกใหม่ในใจคืออะไรกันแน่ หัวใจปีศาจคืออะไรกัน...
ประตูห้องเปิดออก นางพยาบาลคนคุ้นเคยเดินเข้ามาพร้อมอาหารว่าง คราวนี้เจ้าแมวดำไม่กระโดดลงหน้าต่างอีกเพราะมันเตรียมใจเตรียมกายมาอย่างดีแล้ว เรื่องอะไรจะกระโดดลงหน้าต่างให้เสียเชิง ไม่มีวันเสียล่ะ...นึกพลางยิ้มแบบแมวๆ ด้วยความภาคภูมิใจเป็นที่สุด กับชัยชนะอันยิ่งใหญ่เด็ดขาด นางพยาบาลสาววางถาดอาหารลงบนโต๊ะหัวเตียง หันมามองเจ้าแมวดำแล้วยิ้มพลางพูดเสียงดังแบบคนรักแมว
“ต้าย....แมวใครจ๊ะนี่...น่ารักจัง"
เจ้าแมวสะดุ้งโหยง!... อารมณ์ปิติชะงักค้าง คำว่า ‘น่ารัก’ มาอีกแล้ว….กับเหล่าปีศาจความน่ารักราวกับเป็นสิ่งต้องห้ามต้องสาป ทรงพลานุภาพรุนแรงจนเรี่ยวแรงแข้งขาอ่อนไปหมด กับการถูกชมว่าน่ารักระยะประชิดที่สุดแบบไม่ทันตั้งตัว
"แมวหนูเองค่ะ…"
เด็กหญิงรับเป็นเจ้าของแมวด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม เพราะเริ่มจับทางปีศาจได้
นางพยาบาลมองดูเจ้าแมวปีศาจไปมา ก่อนเดินตรงเข้ามาใกล้ เจ้าแมวดำยังมึนงงชาค้างกับคำว่าน่ารัก จนตั้งตัวไม่ทัน ก่อนที่มันจะหลบหลีกหนีก็โดนจับตัวได้ ยกขึ้นชูสูง พลางจ้องมองหน้าเจ้าแมวอย่างชื่นชม เธอเป็นคนรักแมวโดยธรรมชาติ เห็นแล้วอยากอุ้ม อยากกอด อยากหอม
"ดู ๆน้องเหมียวก็น่ารักดี ขนฟูๆนุ่มๆ สีดำเสียด้วย…ว่าไงเจ้าเหมียว จะมาอยู่บ้านหลังนี้ด้วยกันเหรอ"
การถูกจ้องมองมาด้วยสายตาแสดงแววบอกความน่ารัก... จากคนน่ารัก... อย่างใกล้ชิดเช่นนี้ ทำให้เจ้าแมวปีศาจถึงกับตัวเย็นวาบ เกิดอาการขนพองสยองเกล้า จนตัวสั่นงันงกกับการถูกตอกย้ำซ้ำเติม ไม่มีอะไรจะน่ากลัวสยดสยองสั่นประสาทมากเกินไปกว่า การถูกมองด้วยความน่ารักอย่างนี้อีกแล้ว
ตายแน่คราวนี้....ปีศาจน้อยร้องคร่ำครวญ จิตใจแทบแตกสลายกระจัดกระจาย
"ต้าย….ทำตัวสั่นดุ๊กดิ๊กได้ด้วย ไม่เคยเห็น... อุ้ย น่ารักจัง.. มานี่มา ตัวฟูๆ ขนนุ่มๆ อุ่นๆ อยากกอดอยากหอม"
ไม่...อย่าพูดอย่าอุ้ม..... นางพยาบาลยิ่งรู้สึกน่ารักมากเท่าไร แมวปีศาจยิ่งแทบขาดใจตาย มันดิ้นกระแด่วๆไปมาคอพับคออ่อนอย่างอ่อนแรงเต็มที อย่ามากอด อย่ามาหอม... ไม่เอา... แค่กลิ่นหอมจากเรือนกายของมนุษย์ วิญญาณก็แทบดับสลาย
"ทำท่าดิ้นแปลกๆด้วยตลกจัง…..ทั้งน่ารักทั้งตลก" นางพยาบาลไม่รู้เรื่อง ยังคงรู้สึก “น่ารักและตลก” ต่อไป
‘น่ารัก’ อย่างเดียวก็จะแย่อยู่แล้ว นี่มาแถม ‘ตลก’ อีก เจอเข้าแบบสองชั้น ทำเอาเจ้าปีศาจแทบขาดใจตายไปเดี๋ยวนั้น มันดิ้นไปมาอย่างน่าสงสาร รู้อย่างนี้ยอมกระโดดลงหน้าต่างไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า อย่ามากอด อย่ามาหอม ปีศาจทนไม่ได้...
"ปล่อยมันเถอะค่ะ มันไม่สบาย" ราวกับนรกมาโปรดกับคำพูดของเด็กหญิง ทำให้คนฟังต้องยอมวางน้องแมวอย่างเสียดาย แต่ยังทิ้งท้ายอย่างสงสารเห็นใจว่า
“น่าสงสารจัง น้องแมวเอ้ย"
คำอันตรายมาอีกแล้ว ความ”สงสาร”เป็นกฎต้องห้ามสำหรับปีศาจอย่างหนึ่ง ‘ทั้งน่ารัก ทั้งตลก และน่าสงสาร’ ทำเอาเจ้าแมวดำผู้น่าสงสารคอพับตัวระทวยอ่อนเปลี้ยเพลียแรงแทบขาดใจรอมร่อ ดีว่าโดนวางมันลงพื้นเสียก่อน อีกนิดเดียววิญญาณของมันคงแตกดับไปก่อนวัยอันควรเป็นแน่แท้ นางพยาบาลคนรักแมวหันไปทางเจ้าของห้องยิ้มพลางบอกเรื่องสำคัญ
"อ้อ...มาบอกว่าภาพเขียนรูปแมวปีศาจรูปนั้นมีคนติดต่อซื้อไปแล้วค่ะ"
"ดีจังค่ะ ขอบคุณนะคะ" หนูน้อยยิ้ม เด็กอายุไม่กี่ขวบสามารถเขียนภาพขายได้คงมีไม่มากนัก
"บอกพวกเขาด้วยว่าอีกไม่นานจะมีผลงานพิเศษออกมาให้ชม"
"งานแบบไหนคะ"
"ยังบอกไม่ได้ค่ะ ต้องรอชม"
หญิงสาวยิ้ม หันไปสนใจแมวดำอีกครั้ง เจ้าแมวปีศาจเพิ่งหอบหายใจคลายเหนื่อยเหมือนแมวใกล้ตาย คราวนี้มันรีบตะเกียกตะกายเข้าไปใต้เตียงสุดชีวิตอย่างตัวสั่นงันงก
"อ้าว…ทำไมต้องกลัวเราด้วยล่ะ...ไม่เป็นไรนะเจ้าเหมียว เดี๋ยวจะมาอุ้มเล่นใหม่" คนรักแมวพึมพำอย่างประหลาดใจ ก่อนเปลี่ยนใจเดินไปเก็บถ้วยชามภาชนะซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเดินออกไป
.
หนูน้อย......กับปีศาจ 3
บทที่ 1
https://pantip.com/topic/37276761
บทที่ 2
https://pantip.com/topic/37283918
วันหยุดสุดสัปดาห์สองวันผ่านไปอย่างสงบเงียบ โดยไร้วี่แววของเจ้าปีศาจสีดำตัวน้อย หลังการเหินฟ้า ลีลาสวยออกจากบ้านทางหน้าต่างห้องชั้นสาม เด็กหญิงเริ่มสงสัยว่ามันอาจจะบาดเจ็บหนักหรืออย่างไร เพราะความสูงบ้านสามชั้นเป็นแมวธรรมดาไม่ตายก็คงคางเหลือง แต่แมวปีศาจไม่ใช่แมวธรรมดาก็ไม่ควรหนักหนาสาหัสให้เสียภาพลักษณ์ หรือจะเปลี่ยนใจไปจากข้อต่อรองเซ็นสัญญาปีศาจ หรือไม่คงมีเหตุผลบางอย่างทำให้ปีศาจน้อยไม่ยอมปรากฏตัวให้เห็นอีก ในความรู้สึกแล้วเหมือนจะเหงาๆพิกลเหมือนกัน เมื่อไม่มีคู่กรณีพิเศษมาพูดคุยด้วย นางพยาบาลใจดีก็มาดูแลเป็นเวลาตามตารางงาน ส่วนคุณพ่อก็ยุ่งกับธุรกิจการงานแทบทั้งวันจนไม่มีเวลาให้ลูกสาวตัวน้อย ส่วนคุณแม่ไม่ต้องพูดถึง เพราะไม่ได้เห็นหน้ากันนานหลายปี จนแทบจำไม่ได้
คุณแม่...อยู่ไหนคะ....บางทีคำตอบอาจอยู่บนฟากฟ้าไกล
ครั้งสุดท้ายที่จำภาพของคุณแม่ได้ คือฉากการโต้เถียงอะไรบางอย่างกับคุณพ่อ บรรยากาศชวนเศร้าหดหู่กดดัน และหลังจากการโอบกอดครั้งสุดท้ายด้วยหยาดน้ำตาจากคุณแม่ เด็กหญิงก็ไม่เคยได้พบกับคุณแม่อีกเลย ราวกับเป็นการตายจากกันตลอดกาล บางทีสำหรับการพลัดพรากจากกันชนิดไม่ได้พบกันอีก ก็ไม่ต่างจากการล้มหายตายจากกันไปเท่าไร หลังจากนั้นเธอก็ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับครูสอนพิเศษ นางพยาบาลใจดี และอยู่กับตัวเอง เคยได้ยินเสียงคุณหมอที่มาตรวจอาการคุยกับคุณพ่อว่า โอกาสจะรักษาหายให้เดินได้เป็นปกติอย่างคนธรรมดาไม่มีหนทางเป็นไปได้ นั่นหมายถึงการใช้ชีวิตอยู่ในเขตบ้านตลอดชีวิต
อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่เคยคิดจะออกไปดูโลกกว้าง มันเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย อันตรายและน่ากลัว... เด็กหญิงเพียงมองโลกผ่านจอคอมพิวเตอร์ประจำตำแหน่งตรงมุมห้องเท่านั้น และไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก ภาพในจอคอมพิวเตอร์คล้ายภาพในความฝัน ชัดเจน...แต่เลือนรางห่างไกลในความรู้สึกจับต้องไม่ได้ มันจะมีความหมายอะไรในเมื่อลงท้ายทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงความทรงจำไร้แก่นสาร... ความสนใจจึงอยู่กับพรสวรรค์พิเศษมากกว่า นั่นคือการวาดภาพระบายสี คุณพ่อเป็นคนชักชวนผู้คนมาดูภาพวาดของเธออยู่บ่อยๆ และหลายภาพถูกซื้อไปในราคาอันไม่น่าเชื่อ ทุกครั้งที่ได้จับพู่กันละเลงสีของบนผืนผ้าใบในห้องวาดภาพ ทำให้รู้สึกเข้าถึงอะไรบางอย่างที่มีคุณค่า และความหมายกับชีวิต โดยไม่ต้องพยายามดิ้นรนไปเสาะแสวงหาจากโลกภายนอก อย่างที่คุณพ่อเคยพยายามชักชวนให้ออกไป แต่เธอปฏิเสธทุกครั้งกับการออกไปพบได้เห็นโลกกว้าง ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่สวยงามพิสดารเพียงฝด กับมาก็เป็นเพียงความทรงจำไร้ตัวตน ไม่จำเป็นเลยแม้แต่น้อย
ว่าแต่เจ้าปีศาจตัวน้อยหายไปไหนนะ... รู้สึกคิดถึงเหมือนกัน
วันจันทร์มาถึงอีกครั้ง ขณะหนูน้อยกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงพร้อมในชุดนอนลายตุ๊กตาหมีกับหนังสือเล่มใหญ่ ปีศาจน้อยในร่างของแมวสีดำสนิทก็ปรากฏขึ้นตรงมุมห้องอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยพร้อมกับกลุ่มควันสีดำ เจ้าของห้องมองเห็นแล้วแต่ซ่อนยิ้มทำเป็นไม่สนใจ จนผู้มาเยือนเป็นฝ่ายกระโดดขึ้นมานั่งปลายเตียง แล้วร้องถามเรื่องสำคัญทันทีเป็นอันดับแรก
“ตกลงใจเซ็นสัญญาหรือยัง"
เด็กหญิงลดหนังสือลงพลางขมวดคิ้ว ทำหน้าดุกึ่งรำคาญ เอานิ้วชี้แตะริมฝีปาก จ้องมองไปยังเจ้าแมวปีศาจ พูดด้วยเสียงห้วนเข้มว่า
“ดูเหมือนคุณจะสนใจธุระของตัวเองจริง ๆ นะคะ มาถึงก็ถามเรื่องของตัวเองเลย"
"นั่นล่ะเรื่องสำคัญที่สุดของฉันล่ะ…ว่าไง...ตกลงหรือยัง"
"คุณยังไม่ได้วาดภาพให้หนูดูเลย" น้ำเสียงราบเรียบไม่ได้สนใจธุระของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
"ภาพอะไร" เจ้าแมวปีศาจถามด้วยสีหน้าแมวสงสัย มันถูกเบนความสนใจไปเรื่องอื่นเสียแล้ว
"อ้าว…ก็ภาพที่สัญญาว่าจะวาดภาพให้หนูดูยังไง เห็นบอกว่าวาดเก่งไม่ใช่หรือคะ แต่ว่าคุณแปลงตัวให้ใหญ่เท่าคนได้ไหม จะเป็นตัวปีศาจหรือเป็นตัวแมวก็ได้ ว่าแต่เป็นแมวก็ตลกดีนะคะ เวลาคุณพูด หนูไม่เคยเห็นแมวที่ไหนพูดได้มาก่อน"
“บ้าสิ....มีที่ไหนแมวพูดได้ นอกจากฉันเท่านั้น ส่วนเรื่องตัวใหญ่ อืม...ทำไมได้หรอก ฉันยังไม่มีอำนาจมากขนาดนั้น" มันตอบอ้อมแอ้มเหมือนไม่ค่อยพอใจนักกับขนาดของตนเอง เพราะการเป็นปีศาจไม่ว่าจะอยู่ในร่างปีศาจหรือร่างแมว ก็คงดูไม่น่ากลัวเท่าไร อย่าว่าแต่คนเห็นแล้วจะไม่กลัวเลย ขืนเดินออกไปนอกบ้าน หมามองเห็นคงไล่กัดจนวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงเสียภาพลักษณ์ปีศาจเป็นแน่แท้ หนูน้อยลุกขึ้นนั่งกอดอก พลางมองคู่กรณีด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ ก่อนบอกด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ ว่า
"คุณตัวเล็กอย่างนี้ แทนที่จะดูน่ากลัว ก็เลยดูเป็นน่ารักดีนะคะ"
"โอย…..อย่าคิดอย่าพูดอย่างนั้นได้ไหม คำว่าน่ารัก มันทำให้ฉันไม่สบาย” แมวปีศาจร้องอย่างหวาดผวา เด็กหญิงหัวเราะ มันก็น่าขันอยู่หรอก กับการรู้สึกว่าใครบางคนน่ารักแล้วทำให้อีกฝ่ายไม่สบาย
"ก็คิดอยู่แล้ว...คุณคงไม่เก่งพอจะตัวใหญ่ได้ หนูเลยเตรียมพู่กันระบายสีอันเล็ก ๆ กรอบผ้าใบเล็ก ๆ ไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้ว ฉะนั้นไปเขียนซะดี ๆ ไม่งั้นไม่มีการคุยเรื่องสัญญาอะไรทั้งนั้น"
“อะไรนะ”
“วาดภาพไงคะ ตามที่ตกลงกันไว้คราวก่อน อย่าทำเป็นลืมสิคะ คุณต้องแสดงฝีมือในการวาดภาพก่อน เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลัง”
แมวปีศาจเดินวนไปมาบริเวณปลายเตียงเป็นแมวติดจั่น สีหน้าแววตาบ่งบอกความยุ่งยากใจ ก่อนกัดฟันสารภาพแบบไม่เต็มใจว่า
"เอ้อ….ความจริง…ฉันวาดรูปไม่เป็นหรอก"
เด็กหญิงนั่ทงลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง พูดขึ้นมาลอยว่า
"น่ารัก"
แมวปีศาจสะดุ้งกระโจนตัวลอย ร้องเสียงหลง
"อย่าพูดบ้าๆ นะ เราตกลงกันแล้ว"
เด็กหญิงเอามือปิดปาก กลั้นเสียงหัวเราะสุดชีวิต ก่อนตีหน้าตายบอกว่า
"หนูช่วยเป็นคนสอนให้ได้นะ"
"เรื่องอะไร" แมวขู่ฟ่อ "ฉันเป็นปีศาจจะมารับการสอนจากมนุษย์ได้อย่างไร มันผิดกฎของปีศาจ"
"ตามใจคุณ” เธอบอก แล้วเอนหลังลงพิงเบาะยกหนังสือขึ้นอ่านไม่สนใจแมวปีศาจอีก เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ จึงได้ยินเสียงเล็กๆ ร้องดังมาจากปลายเตียง
"ตกลง เอาก็เอา... สอนก็สอน…วาดก็วาด....ว้า….แย่จัง"
หนูน้อยซ่อนยิ้มแบบเด็กฉลาดเจ้าเล่ห์ วางหนังสือลง ควานหาไม้เท้าค้ำยันคู่กาย เจ้าแมวปีศาจมองดูความยากลำบากอย่างพยายามให้เกิดความรู้สึกสาสมใจ(เพราะเจ้านายมันสอนอย่างนั้น) ความทุกข์ทรมานของมนุษย์เป็นสิ่งเบิกบานรำราญใจ ต้องพยายามทำให้เกิดความทุกขเวทนาบนโลกมนุษย์ให้มากเข้าไว้ แต่ขณะมันกำลังพยายามทำใจให้รื่นเริงกับเภทภัยของผู้อื่น ทำไมกลับรู้สึกหงุดหงิดกลัดกลุ้มอย่างบอกไม่ถูก จะต้องมีอะไรผิดพลาด...เพราะขณะนี้ไม่ได้รู้สึกเบิกบานสำราญใจเลยแม้สักนิดเดียว ว่าแต่ความรู้สึกแปลกใหม่ในใจคืออะไรกันแน่ หัวใจปีศาจคืออะไรกัน...
ประตูห้องเปิดออก นางพยาบาลคนคุ้นเคยเดินเข้ามาพร้อมอาหารว่าง คราวนี้เจ้าแมวดำไม่กระโดดลงหน้าต่างอีกเพราะมันเตรียมใจเตรียมกายมาอย่างดีแล้ว เรื่องอะไรจะกระโดดลงหน้าต่างให้เสียเชิง ไม่มีวันเสียล่ะ...นึกพลางยิ้มแบบแมวๆ ด้วยความภาคภูมิใจเป็นที่สุด กับชัยชนะอันยิ่งใหญ่เด็ดขาด นางพยาบาลสาววางถาดอาหารลงบนโต๊ะหัวเตียง หันมามองเจ้าแมวดำแล้วยิ้มพลางพูดเสียงดังแบบคนรักแมว
“ต้าย....แมวใครจ๊ะนี่...น่ารักจัง"
เจ้าแมวสะดุ้งโหยง!... อารมณ์ปิติชะงักค้าง คำว่า ‘น่ารัก’ มาอีกแล้ว….กับเหล่าปีศาจความน่ารักราวกับเป็นสิ่งต้องห้ามต้องสาป ทรงพลานุภาพรุนแรงจนเรี่ยวแรงแข้งขาอ่อนไปหมด กับการถูกชมว่าน่ารักระยะประชิดที่สุดแบบไม่ทันตั้งตัว
"แมวหนูเองค่ะ…"
เด็กหญิงรับเป็นเจ้าของแมวด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม เพราะเริ่มจับทางปีศาจได้
นางพยาบาลมองดูเจ้าแมวปีศาจไปมา ก่อนเดินตรงเข้ามาใกล้ เจ้าแมวดำยังมึนงงชาค้างกับคำว่าน่ารัก จนตั้งตัวไม่ทัน ก่อนที่มันจะหลบหลีกหนีก็โดนจับตัวได้ ยกขึ้นชูสูง พลางจ้องมองหน้าเจ้าแมวอย่างชื่นชม เธอเป็นคนรักแมวโดยธรรมชาติ เห็นแล้วอยากอุ้ม อยากกอด อยากหอม
"ดู ๆน้องเหมียวก็น่ารักดี ขนฟูๆนุ่มๆ สีดำเสียด้วย…ว่าไงเจ้าเหมียว จะมาอยู่บ้านหลังนี้ด้วยกันเหรอ"
การถูกจ้องมองมาด้วยสายตาแสดงแววบอกความน่ารัก... จากคนน่ารัก... อย่างใกล้ชิดเช่นนี้ ทำให้เจ้าแมวปีศาจถึงกับตัวเย็นวาบ เกิดอาการขนพองสยองเกล้า จนตัวสั่นงันงกกับการถูกตอกย้ำซ้ำเติม ไม่มีอะไรจะน่ากลัวสยดสยองสั่นประสาทมากเกินไปกว่า การถูกมองด้วยความน่ารักอย่างนี้อีกแล้ว
ตายแน่คราวนี้....ปีศาจน้อยร้องคร่ำครวญ จิตใจแทบแตกสลายกระจัดกระจาย
"ต้าย….ทำตัวสั่นดุ๊กดิ๊กได้ด้วย ไม่เคยเห็น... อุ้ย น่ารักจัง.. มานี่มา ตัวฟูๆ ขนนุ่มๆ อุ่นๆ อยากกอดอยากหอม"
ไม่...อย่าพูดอย่าอุ้ม..... นางพยาบาลยิ่งรู้สึกน่ารักมากเท่าไร แมวปีศาจยิ่งแทบขาดใจตาย มันดิ้นกระแด่วๆไปมาคอพับคออ่อนอย่างอ่อนแรงเต็มที อย่ามากอด อย่ามาหอม... ไม่เอา... แค่กลิ่นหอมจากเรือนกายของมนุษย์ วิญญาณก็แทบดับสลาย
"ทำท่าดิ้นแปลกๆด้วยตลกจัง…..ทั้งน่ารักทั้งตลก" นางพยาบาลไม่รู้เรื่อง ยังคงรู้สึก “น่ารักและตลก” ต่อไป
‘น่ารัก’ อย่างเดียวก็จะแย่อยู่แล้ว นี่มาแถม ‘ตลก’ อีก เจอเข้าแบบสองชั้น ทำเอาเจ้าปีศาจแทบขาดใจตายไปเดี๋ยวนั้น มันดิ้นไปมาอย่างน่าสงสาร รู้อย่างนี้ยอมกระโดดลงหน้าต่างไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า อย่ามากอด อย่ามาหอม ปีศาจทนไม่ได้...
"ปล่อยมันเถอะค่ะ มันไม่สบาย" ราวกับนรกมาโปรดกับคำพูดของเด็กหญิง ทำให้คนฟังต้องยอมวางน้องแมวอย่างเสียดาย แต่ยังทิ้งท้ายอย่างสงสารเห็นใจว่า
“น่าสงสารจัง น้องแมวเอ้ย"
คำอันตรายมาอีกแล้ว ความ”สงสาร”เป็นกฎต้องห้ามสำหรับปีศาจอย่างหนึ่ง ‘ทั้งน่ารัก ทั้งตลก และน่าสงสาร’ ทำเอาเจ้าแมวดำผู้น่าสงสารคอพับตัวระทวยอ่อนเปลี้ยเพลียแรงแทบขาดใจรอมร่อ ดีว่าโดนวางมันลงพื้นเสียก่อน อีกนิดเดียววิญญาณของมันคงแตกดับไปก่อนวัยอันควรเป็นแน่แท้ นางพยาบาลคนรักแมวหันไปทางเจ้าของห้องยิ้มพลางบอกเรื่องสำคัญ
"อ้อ...มาบอกว่าภาพเขียนรูปแมวปีศาจรูปนั้นมีคนติดต่อซื้อไปแล้วค่ะ"
"ดีจังค่ะ ขอบคุณนะคะ" หนูน้อยยิ้ม เด็กอายุไม่กี่ขวบสามารถเขียนภาพขายได้คงมีไม่มากนัก
"บอกพวกเขาด้วยว่าอีกไม่นานจะมีผลงานพิเศษออกมาให้ชม"
"งานแบบไหนคะ"
"ยังบอกไม่ได้ค่ะ ต้องรอชม"
หญิงสาวยิ้ม หันไปสนใจแมวดำอีกครั้ง เจ้าแมวปีศาจเพิ่งหอบหายใจคลายเหนื่อยเหมือนแมวใกล้ตาย คราวนี้มันรีบตะเกียกตะกายเข้าไปใต้เตียงสุดชีวิตอย่างตัวสั่นงันงก
"อ้าว…ทำไมต้องกลัวเราด้วยล่ะ...ไม่เป็นไรนะเจ้าเหมียว เดี๋ยวจะมาอุ้มเล่นใหม่" คนรักแมวพึมพำอย่างประหลาดใจ ก่อนเปลี่ยนใจเดินไปเก็บถ้วยชามภาชนะซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเดินออกไป
.