สวัสดีค่ะ เพิ่งกลับมาจากทริปปารีสครั้งแรกในชีวิต อยากแบ่งปันประสบการณ์การนั่งสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ และพักที่ไอบิสปารีสอเวนิว เคยหากระทู้รีวิววิธีเดินทางไปโรงแรมนี้หาไมไ่ด้เลย เลยอยากบอกเล่าประสบการณ์ในอนาคตเผื่อใครต้องการไปพัก
อย่างแรกควรทำเว็บเช็คอินเวียดนามแอร์ไลน์ไปเลย ทำได้ล่วงหน้า 24 ชม.ก่อนเครื่องออก เพราะคิวที่สุวรรณภูมิรอเช็คอินคนเยอะมาก เราทำเช็คอินมาก่อนสบายเลยแทบไม่มีคน ตอนทำเว็บเช็คอินสามารถเลือกที่นั่งจากขาโฮจิมินต์ไปปารีสได้ด้วย
เวียดนามแอร์ไลน์ไปปารีส เราเลือกไปต่อเครื่องที่โฮจิมินต์ ขาไปรอต่อเครื่อง 3 ชั่วโมง เดินออกจากตัวเครื่องที่โฮจิมินต์แล้วให้มองป้าย transfer จะอยู่ตรงข้ามกับจุดเข้าคิวตม. เป็นป้ายไฟเข้ามุมเลี้ยวไปทางขวา เป็นการรอตรวจสแกนกระเป๋ากันอีกรอบเพื่อผ่านไปรอต่อเครื่องไปปารีส ควรพกขวดน้ำเปล่าไปกรอกน้ำกินที่สนามบินระหว่างรอต่อเครื่องได้
ไปปารีสใช้เวลาบิน 14 ชั่วโมง แอร์เสิร์ฟอาหารตอนเครื่องขึ้นได้สัก 1 ชม. 1 ครั้ง และเสิร์ฟอีกครั้งก่อนลงสัก 1 ชั่วโมง อาหารอร่อยมากถูกปาก กินหมดเกลี้ยง ส่วนขาไปจากกรุงเทพไปโฮจิมินต์จะเสิร์ฟอาหารเหมือนกัน แต่ออกแนวอาหารเบา ๆ พวกแฮมเย็น น้ำส้ม (น้ำแอปเปิ้ลไม่มีเสิร์ฟสำหรับขาไปและกลับสุวรรณภูมินะไม่ต้องขอ)
เครื่องลงที่ปารีส CDG Terminal 2E ให้เดินออกประตูไปมองหา Roissybus ตอนนี้ค่ารถคนละ 12 ยูโร รถจะไปจอดหลังตึกโอเปร่า เมื่อรถจอดให้มองไปทางซ้ายมือจะเห็นตึกโอเปร่า ให้เดินขึ้นไปด้านหน้าจะเจอทางลงสถานีใต้ดิน (ดูรูปจากกระทู้คุณป้าปุ๊ thai orchid ประกอบเอานะคะ เราได้ความรู้จากกระทู้นั้นแหล่ะ ขอบคุณมา ณ ที่นี้)
ขากลับเราจองตั๋วผ่าน expedia ในตั๋วระบุว่า operated by Air France ทีแรกเราก็งง ๆ ไปยืนรอเคาน์เตอร์เปิดที่ CDG ปรากฎว่าจนท.บอกว่าวันนี้ไม่มีไฟลท์บินไปโฮจิมินต์ เราต้องไปขึ้น Air France ที่ Row 4-5 ก็เลยเดินไปปรากฎว่าต้องโดนทำการเช็คอินผ่านเครื่องเอง ปริ้นบอร์ดดิ้งพาสเอง ปริ้นแท็กติดกระเป๋าเอง คือทำเองทุกอย่าง ทีแรกก็งง ๆ เหมือนกัน แต่ก็พอจะมีจนท.เดินไปมาคอยช่วยผู้โดยสารที่ทำไม่เป็น พอได้แท็กติดกระเป๋าแล้วจึงไปต่อแถวเพื่อโหลดกระเป๋ากับเคาน์เตอร์ที่มีจนท.นั่งอยู่ โดยระหว่างต่อคิวเราก็ถือแท็กกระเป๋าไปด้วย จะมีจนท.เดินมาช่วยเอาแท็กไปติดกระเป๋าให้
บอร์ดดิ้งพาสขาที่ได้จากปารีสไปกรุงเทพลักษณะเป็นกระดาษบาง ๆ ปริ้นจากเอ4 เราถามจนท.ที่รับโหลดกระเป๋าบอกว่าเราสามารถใช้ยื่นจนผ่านไปถึงสุวรรณภูมิได้เลย แต่พอถึงโฮจิมินต์เราออกไปเที่ยวในเมืองก่อน พอขากลับผ่านตม.เข้าไปอีกรอบ ตม.ขอดูบอร์ดดิ้งพาสบอกว่าใช้ไม่ได้ เราต้องไปให้จนท.เวียดนามแอร์ออกบอร์ดดิ้งพาสให้ใหม่ถึงยื่นกลับเข้าตม.แล้วใช้กลับสุวรรณภูมีอีกที (ป.ล.กาแฟเย็นที่เวียดนามอย่ากินเด็ดขาด เราซื้อจากร้านเบเกอร์คิง สั่งกาแฟเย็น นางกดกาแฟร้อนแล้วเอาน้ำแข็งใส่ แก้วละ 100 บาทไทยเซ็งเลย เย็นก็ไม่เย็น ร้อนก็ไม่ร้อน)
สุดท้าย การไปพักที่ Ibis paris avenue ให้นั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานี Place d' Italie แล้วออกทางออก 2 เมื่อออกมาเจอโลกภายนอกจะมองเห็นเครื่องเล่นเป็นม้าหมุนอยู่ตรงหน้า ให้เดินผ่านขึ้นไปเลาะด้านข้างของห้าง Italie Drex ผ่านร้าน Subway ถ้าเจอ subway แสดงว่ามาถูกฝั่ง เดินไปจนเจอทางม้าลายจุดแรก แล้วแหงนหน้าไปฝั่งตรงข้ามเยื้องไปทางขวามือ จะเห็นป้ายโรงแรมไอบิสสีแดง ข้ามถนนแล้วเดินไปทางขวามือแป้บนึงถึงเลย เพื่อความชัวร์จากหน้าโรงแรมให้มองไปฝั่งตรงข้ามถนนที่เราข้ามมา แล้วมองเยื้องไปทางซ้ายมือ จะเห็นป้ายสัญลักษณ์แมคโดนัลด์ และห้างคาร์ฟู นั่นแหล่ะคือที่ช้อปปิ้งของเราในทริปนี้ค่ะ
ขอบคุณสำหรับเพื่อน ๆ ในห้องนี้ที่เป็นแหล่งข้อมูลแบ็คแพคยุโรปให้เรา โดยเฉพาะคุณ SkyBox ที่เคยแนะนำว่าป้ายรถเมล์มีที่ชาร์จแบตโทรศัพท์ เพราะเราพกปลั๊กเสียบไปใช้ไม่ได้ มันดันเป็นรูเสียบแบบกลม ๆ นาทีนั้นหาซื้อก็ยังไม่ได้ เลยต้องไปอาศัยสิงอยู่ป้ายรถเมล์ชาร์จโทรศัพท์อยู่เป็นชม. ๆ ทำอยู่สองวันกว่าจะมีเวลาหาซื้อ Universal ปลั้กได้ และขอบคุณรีวิวป้าปุ๊ thai orchid ที่ช่วยให้รายละเอียดจุดเที่ยวที่น่าสนใจในปารีสทำให้เราตามรอยได้เยอะมาก แม้จะเจอลมฝนกระหน่ำจนเสียเวลาเข้าสถานที่เที่ยวไม่ทัน ได้แต่ถ่ายรูปข้างนอกก็ยังดีค่ะ
[CR] รีวิวแบบไม่มีรูปกับเวียดนามแอร์ไปปารีส และ Ibis paris avenue d'italie 13 ame
อย่างแรกควรทำเว็บเช็คอินเวียดนามแอร์ไลน์ไปเลย ทำได้ล่วงหน้า 24 ชม.ก่อนเครื่องออก เพราะคิวที่สุวรรณภูมิรอเช็คอินคนเยอะมาก เราทำเช็คอินมาก่อนสบายเลยแทบไม่มีคน ตอนทำเว็บเช็คอินสามารถเลือกที่นั่งจากขาโฮจิมินต์ไปปารีสได้ด้วย
เวียดนามแอร์ไลน์ไปปารีส เราเลือกไปต่อเครื่องที่โฮจิมินต์ ขาไปรอต่อเครื่อง 3 ชั่วโมง เดินออกจากตัวเครื่องที่โฮจิมินต์แล้วให้มองป้าย transfer จะอยู่ตรงข้ามกับจุดเข้าคิวตม. เป็นป้ายไฟเข้ามุมเลี้ยวไปทางขวา เป็นการรอตรวจสแกนกระเป๋ากันอีกรอบเพื่อผ่านไปรอต่อเครื่องไปปารีส ควรพกขวดน้ำเปล่าไปกรอกน้ำกินที่สนามบินระหว่างรอต่อเครื่องได้
ไปปารีสใช้เวลาบิน 14 ชั่วโมง แอร์เสิร์ฟอาหารตอนเครื่องขึ้นได้สัก 1 ชม. 1 ครั้ง และเสิร์ฟอีกครั้งก่อนลงสัก 1 ชั่วโมง อาหารอร่อยมากถูกปาก กินหมดเกลี้ยง ส่วนขาไปจากกรุงเทพไปโฮจิมินต์จะเสิร์ฟอาหารเหมือนกัน แต่ออกแนวอาหารเบา ๆ พวกแฮมเย็น น้ำส้ม (น้ำแอปเปิ้ลไม่มีเสิร์ฟสำหรับขาไปและกลับสุวรรณภูมินะไม่ต้องขอ)
เครื่องลงที่ปารีส CDG Terminal 2E ให้เดินออกประตูไปมองหา Roissybus ตอนนี้ค่ารถคนละ 12 ยูโร รถจะไปจอดหลังตึกโอเปร่า เมื่อรถจอดให้มองไปทางซ้ายมือจะเห็นตึกโอเปร่า ให้เดินขึ้นไปด้านหน้าจะเจอทางลงสถานีใต้ดิน (ดูรูปจากกระทู้คุณป้าปุ๊ thai orchid ประกอบเอานะคะ เราได้ความรู้จากกระทู้นั้นแหล่ะ ขอบคุณมา ณ ที่นี้)
ขากลับเราจองตั๋วผ่าน expedia ในตั๋วระบุว่า operated by Air France ทีแรกเราก็งง ๆ ไปยืนรอเคาน์เตอร์เปิดที่ CDG ปรากฎว่าจนท.บอกว่าวันนี้ไม่มีไฟลท์บินไปโฮจิมินต์ เราต้องไปขึ้น Air France ที่ Row 4-5 ก็เลยเดินไปปรากฎว่าต้องโดนทำการเช็คอินผ่านเครื่องเอง ปริ้นบอร์ดดิ้งพาสเอง ปริ้นแท็กติดกระเป๋าเอง คือทำเองทุกอย่าง ทีแรกก็งง ๆ เหมือนกัน แต่ก็พอจะมีจนท.เดินไปมาคอยช่วยผู้โดยสารที่ทำไม่เป็น พอได้แท็กติดกระเป๋าแล้วจึงไปต่อแถวเพื่อโหลดกระเป๋ากับเคาน์เตอร์ที่มีจนท.นั่งอยู่ โดยระหว่างต่อคิวเราก็ถือแท็กกระเป๋าไปด้วย จะมีจนท.เดินมาช่วยเอาแท็กไปติดกระเป๋าให้
บอร์ดดิ้งพาสขาที่ได้จากปารีสไปกรุงเทพลักษณะเป็นกระดาษบาง ๆ ปริ้นจากเอ4 เราถามจนท.ที่รับโหลดกระเป๋าบอกว่าเราสามารถใช้ยื่นจนผ่านไปถึงสุวรรณภูมิได้เลย แต่พอถึงโฮจิมินต์เราออกไปเที่ยวในเมืองก่อน พอขากลับผ่านตม.เข้าไปอีกรอบ ตม.ขอดูบอร์ดดิ้งพาสบอกว่าใช้ไม่ได้ เราต้องไปให้จนท.เวียดนามแอร์ออกบอร์ดดิ้งพาสให้ใหม่ถึงยื่นกลับเข้าตม.แล้วใช้กลับสุวรรณภูมีอีกที (ป.ล.กาแฟเย็นที่เวียดนามอย่ากินเด็ดขาด เราซื้อจากร้านเบเกอร์คิง สั่งกาแฟเย็น นางกดกาแฟร้อนแล้วเอาน้ำแข็งใส่ แก้วละ 100 บาทไทยเซ็งเลย เย็นก็ไม่เย็น ร้อนก็ไม่ร้อน)
สุดท้าย การไปพักที่ Ibis paris avenue ให้นั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานี Place d' Italie แล้วออกทางออก 2 เมื่อออกมาเจอโลกภายนอกจะมองเห็นเครื่องเล่นเป็นม้าหมุนอยู่ตรงหน้า ให้เดินผ่านขึ้นไปเลาะด้านข้างของห้าง Italie Drex ผ่านร้าน Subway ถ้าเจอ subway แสดงว่ามาถูกฝั่ง เดินไปจนเจอทางม้าลายจุดแรก แล้วแหงนหน้าไปฝั่งตรงข้ามเยื้องไปทางขวามือ จะเห็นป้ายโรงแรมไอบิสสีแดง ข้ามถนนแล้วเดินไปทางขวามือแป้บนึงถึงเลย เพื่อความชัวร์จากหน้าโรงแรมให้มองไปฝั่งตรงข้ามถนนที่เราข้ามมา แล้วมองเยื้องไปทางซ้ายมือ จะเห็นป้ายสัญลักษณ์แมคโดนัลด์ และห้างคาร์ฟู นั่นแหล่ะคือที่ช้อปปิ้งของเราในทริปนี้ค่ะ
ขอบคุณสำหรับเพื่อน ๆ ในห้องนี้ที่เป็นแหล่งข้อมูลแบ็คแพคยุโรปให้เรา โดยเฉพาะคุณ SkyBox ที่เคยแนะนำว่าป้ายรถเมล์มีที่ชาร์จแบตโทรศัพท์ เพราะเราพกปลั๊กเสียบไปใช้ไม่ได้ มันดันเป็นรูเสียบแบบกลม ๆ นาทีนั้นหาซื้อก็ยังไม่ได้ เลยต้องไปอาศัยสิงอยู่ป้ายรถเมล์ชาร์จโทรศัพท์อยู่เป็นชม. ๆ ทำอยู่สองวันกว่าจะมีเวลาหาซื้อ Universal ปลั้กได้ และขอบคุณรีวิวป้าปุ๊ thai orchid ที่ช่วยให้รายละเอียดจุดเที่ยวที่น่าสนใจในปารีสทำให้เราตามรอยได้เยอะมาก แม้จะเจอลมฝนกระหน่ำจนเสียเวลาเข้าสถานที่เที่ยวไม่ทัน ได้แต่ถ่ายรูปข้างนอกก็ยังดีค่ะ