คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 17
มันก็ยังไม่ถึงกับวิกฤตอะไรขนาดนั้นนะคะ แต่ต้องทำคอนเทนต์ให้ถูกใจคนดูเหมือนรายการกน้ากาก คนก็กลับไปดูทีวี พอนานๆเข้าคนเริ่มเบื่อ
เริ่มมีนั่นนี่คนก็หาย คือทำคอนเทนต์นอกจากจะถูกใจ ต้องรักษาไว้ด้วย คนสมัยนี้ เบื่อง่าย ปรู๊ดปร๊าด ละครถ้าช้าๆไม่ทันใจก็ไม่ดู
รอดูรวดเดียวไม่มีโฆษณาอะไรงี้ เราว่ามันท้าทายมากขึ้นมากกว่า ทำยังไงให้คนผละสมาร์ทโฟนมาดูทีวีให้ได้เท่านั้นแหละ
ประเทศอื่นๆที่เจริญคนก็ยังดูทีวีนะคะ วงการบ้านเขาก็ยังแข่งขันกันตลอด เรตติ้งก็มีผล ฝรั่งซีรีส์ดังๆก็ต้องมาดูสด นั่งรอ เหมือนกัน
ต้องทำให้คนหันมาดูสดให้ได้ เท่านั้นแหละ
เริ่มมีนั่นนี่คนก็หาย คือทำคอนเทนต์นอกจากจะถูกใจ ต้องรักษาไว้ด้วย คนสมัยนี้ เบื่อง่าย ปรู๊ดปร๊าด ละครถ้าช้าๆไม่ทันใจก็ไม่ดู
รอดูรวดเดียวไม่มีโฆษณาอะไรงี้ เราว่ามันท้าทายมากขึ้นมากกว่า ทำยังไงให้คนผละสมาร์ทโฟนมาดูทีวีให้ได้เท่านั้นแหละ
ประเทศอื่นๆที่เจริญคนก็ยังดูทีวีนะคะ วงการบ้านเขาก็ยังแข่งขันกันตลอด เรตติ้งก็มีผล ฝรั่งซีรีส์ดังๆก็ต้องมาดูสด นั่งรอ เหมือนกัน
ต้องทำให้คนหันมาดูสดให้ได้ เท่านั้นแหละ
แสดงความคิดเห็น
วงการบันเทิง(ในทีวี)ไทยถือว่าเข้าขั้นวิกฤตจริงๆแล้วหรือเปล่าครับ?
🔹เน็ตไอดอลเข้ามามีอิทธิพลมากกว่าดารา มีดาราที่ค้างฟ้าเท่านั้นที่อยู่ได้ นอกนั้นเหมือนตกที่นั่งลำบาก
🔹 คนติดตามเน็ตไอดอลมากกว่าเพราะเหมือนจับต้องได้และรู้สึกคนติดตามเองมีตัวตนกว่า เช่นด่าไปเขาก็ด่ากลับ ชมไปเขาก็ขอบคุณทันที
🔹คนส่วนมากรู้ข่าวจากอินเตอร์เน็ต บางครั้งคนรู้ข่าวจากอินเตอร์เน็ตก่อนเป็นวันสองวันก่อนที่ข่าวจะออกทีวี หนำซ้ำข่าวในทีวีก็เอาข้อมูลมาจากในอินเตอร์เน็ตอีกที
🔹 สถานีทีวีมีไลฟ์สดใน Facebook คนดูไม่กี่ร้อย แต่บางคนไลฟ์สดกินข้าวไปบ่นไปคนดูเป็น 10,000+
🔹 ส่วนตัวนะครับบางทีเปิดทีวีดูได้ไม่ถึง 10 นาทีต้องรีบปิดเพราะรับไม่ได้กับคอนเทนท์ที่ทีวีนำเสนอ ทำแต่ละอย่างเหมือนคนดูอย่างเราไม่รู้จักเหรียญห้าเหรียญบาท
♦️ ทั้งนี้ที่ตั้งกระทู้เพราะมาจากความคิดเห็นส่วนตัวและการสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนด้วยตัวเอง หากไปกระทบใครต้องกราบขอโทษด้วยนะครับ และสำหรับบางคนอาจจะรู้สึกได้เป็นชั่วนาตาปีมาแล้ว หากกระทู้นี้ล้าหลัง ก็ขอโทษด้วยเช่นกันครับ