
Day 11:
สาเหตุที่เราต้องมานอนที่ Takayama 1 คือ เพราะเรามีอีก 1 เป้าหมายสำคัญของทริปนี้
นั่นก็คือ ชิราคาวาโกะ หมูบ้านหลังคามุงจาก 1 ในเมืองมรดกโลก
วันนี้เราตื่นกันแต่เช้า เพราะว่าวันนี้มีเวลาอาหารเช้าของโรงแรมบังคับ 555
ทานเสร็จแล้ว เราก็เก็บของ Check out แล้วก็ข้ามถนนไปยัง Takayama Nohi Bus Center ที่อยู่ข้างๆ Takayama Station

ไปถึงเราก็ไปซื้อตั๋ว
ตั๋วไป – กลับ Takayama – Shirakawago ราคา 4,420 เยน (1,326 บาท)
ซื้อเสร็จ พนักงานก็มากั้นโซ่เป็นทางให้ยืนต่อแถวรอขึ้นรถบัสช่องของ Shirakawago พอดี โชคดีมาก เราก็เลยได้ยืนเป็นคนแรกๆของแถว ยืนไปซักพัก หันกลับไปอีกที แถวยาวมากกก
ด้วยอานิสงค์ของการตื่นให้ทันทานข้าวเช้าที่โรงแรม เราเลยได้ขึ้นรถรอบ 8:50 น. ทิวทัศน์ข้างทางนี่สุดมาก!
ลูกไผ่: “ภูเขาที่นี่รู้สึกว่าใหญ่อลังการกว่าบ้านเราเยอะเลยนะคะ เหมือนเป็นยักษ์เลย”
เรานั่งอยู่บนรถประมาณชั่วโมงนึงก็มาถึงชิราคาวาโกะ

จากตรงที่รถบัสจอดให้เราลง เราก็เดินตามฝูงชนไปตรงทางเข้าหมู่บ้าน

ตอนที่เราแพลนทริปนี้
พี่ปุ่น: "ถ้าไปเจอชิราตอนที่ยังมีหิมะอยู่ก็คงดี"
และเราก็เจอหิมะที่นี่จริงๆ หมู่บ้านโดนปกคลุมด้วยหิมะที่อาจจะเริ่มละลายบ้างแล้ว แต่ก็ยังขาวโพลน สวยมากๆอยู่

หมู่บ้านที่นี่กว้างใหญ่พอสมควร ทีนี้ก็แล้วแต่เลยค่ะว่าเดินไปทางไหนกัน 555

หลักๆ ก็จะมีทางเดินในหมู่บ้าน กับทางเดินขึ้นเนินไปยังจุดชมวิวด้านบน ที่จะเห็นหมู่บ้านทั้งหมดจากมุมสูง สวยมากกกกก จริงๆเราเคยเห็นรูปถ่ายหมู่บ้านมุมนี้ตอนกลางคืน ที่ทุกบ้านเปิดไฟกันแล้ว สวยมาก เสียดายที่เราไม่ได้นอนข้างในหมู่บ้านนี้ ไม่งั้นตอนค่ำๆ คงได้เดินขึ้นเนินมาถ่ายรูปกันอีกรอบ

จากบนเนิน เราก็เดินลงมาเดินตามซอกซอยหมู่บ้านด้านล่าง

วันนี้เป็นอีกวันที่เราเจอคนไทยเยอะมาก ที่นี่มีแม้กระทั่งแผนที่หมู่บ้านที่เป็นภาษาไทย คนไทยคงมาเที่ยวที่นี่เยอะจริงๆ

ข้างในนอกจากจะมีบ้านและวิวสวยๆให้เดินเพลินๆกันแล้วยังมีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และร้านขายเนื้อเสียบไม้ย่าง ซึ่งมีหลายร้านที่ขายเหมือนกันเด๊ะ เค้าขายไม้ละ 400 เยน อร่อยใช้ได้เลย เราแอบทำตกไปชิ้นนึงด้วย เสียดายมาก น้ำตาจะไหล

พี่ปุ่น: "อืม เหมือนกันเลยกับที่เกียวโต"
ลูกไผ่: "เกียวโตก็มีเสียบไม้ขายงี้เหรอคะ"
พี่ปุ่น: "อืม เราว่าที่เกียวโตอร่อยกว่าด้วย เดี๋ยวเราพาไปกิน"
ลูกไผ่: "เย้!"
นอกจากร้านเนื้อย่างเสียบไม้แล้ว ยังมีร้านขายไอศกรีมโคนแบบซอร์ฟเซิร์ฟที่มีรสนมกับชาเขียวด้วย โคนละ 350 เยน เราเลือกไม่ถูกเลยเอาแบบ mix กันมาแล้วค้นพบว่า รสนม อร่อยมากกก

จุดที่ไม่ควรพลาดอีกจุดของชิราคาวาโกะคือสะพานทอดยาวข้ามแม่น้ำ Shogawa วิวสวยมาก

เราเดินๆอยู่ในหมู่บ้านนี้ประมาณ 3 ชั่วโมง กำลังดีเลย (หรือมันเป็นเวลาสำหรับพวกหยุดถ่ายรูปบ่อยๆแบบเราหว่า 555)

ประมาณบ่ายนิดๆ พี่ปุ่นก็บอกว่าไปรอขึ้นรถได้แล้ว เพราะวันนี้เราต้องนั่งรถไฟต่อไปโอซาก้ากัน

ตอนเรากลับมาถึงจุดที่ขึ้นรถ คนก็มาต่อคิวกันยาวแล้ว

ยืนรอคิวอยู่พักหนึ่ง พนักงานก็เริ่มมานับคนที่ต่อคิวอยู่ เดชะบญที่เรามาต่อเร็ว เราเลยได้ขึ้นรถคันที่กำลังมาจอดพอดี หลังจากเราไปไม่กี่คนก็โดนตัดแถวต้องรอรถคันถัดไป

วันนี้เราทำเวลาได้ดีมาก เราตื่นเช้า ทันมาขึ้นรถรอบ 8:50 น. ทำให้เรามีเวลาเดิน 3 ชั่วโมงที่ชิราคาวาโกะ และกลับไปขึ้นชินคันเซ็นรอบ 14:30 น. เพื่อไปโอซาก้าได้ทัน
วันนี้เราไม่ตกรถแล้วนะ
ระหว่างที่นั่งอยู่บนชินคันเซ็น ก็มีคนโทรเข้าเครื่องเรา พอรับก็คุยกันยังไม่ทันรู้เรื่อง สายก็ตัดไปก่อน เพราะเราไม่มีเงินในซิมอันนี้
ลูกไผ่: “แมวดำแน่เลยอ่ะค่ะพี่ปุ่น ก่อนหน้านี้ก็มีคนโทรมาแต่ไผ่ไม่ได้รับ”
พี่ปุ่น: “อ้าว เหรอ งั้นเดี๋ยวเรากดโอนเงินเติมเข้าซิมไผ่”
พอเติมเงินเข้าไปปุ๊ป เค้าก็โทรเข้ามาอีก ปรากฎว่าเป็นแมวดำจริงๆ จำได้มั้ยว่าเราฝากกระเป๋าใบใหญ่ 29 นิ้ว 2 ใบของเรากับบริการขนส่ง Kuroneko Yamato หรือที่คนไทยรู้จักกันในนาม “แมวดำ” ที่นิกโกะ ให้เค้ามาส่งเราที่โอซาก้า เพื่อที่ระหว่าที่เราย้ายเมืองระหว่างนั้น เราจะได้ไม่ต้องแบกกระเป๋าใบใหญ่ให้ลำบาก
ใครจำไม่ได้ ลองไปดูที่ EP3 ได้ค่ะ =>
https://goo.gl/otg6um
เค้าโทรมาบอกเราว่า เราไม่สามารถให้เค้าเอากระเป๋าไปส่งที่ 7-11 หรือ Minimart ใกล้เคียงที่พักเราได้ เราต้องแจ้งที่อยู่ของที่พักเรามาเลย และเดชะบุญอีกแล้วที่คุณ host เจ้าของห้องพักที่โอซาก้าของเราเคยส่ง message ที่อยู่ที่พักของเราไว้ให้ ก็เลยแจ้งเค้าไป ซึ่งตอนที่ส่ง เราเลือกติ๊กช่วงเวลาส่งเป็น 18:00 – 20:00 น.
ลูกไผ่: “เค้าบริการดีมากอ่ะค่ะ คือแบบโทรไม่ติด เค้าก็พยายามโทร เพื่อจะได้ไปส่งให้ถูก”
ทีนี้เราก็ลุ้นกันละว่า พอไปถึงที่พักเค้าจะมาส่งถูกรึเปล่า
เรามาถึงโอซาก้าช่วงเย็นๆเกือบค่ำ ถึงแล้วเราก็นั่งรถไฟไปลง Sakaisuji-Hommachi สถานีใกล้ๆ ที่พัก Airbnb ที่เราจองไว้ รอบนี้เดินหาไม่ยากมากนัก 555 ที่พักที่นี่โอเคเลย

เราเดินขึ้นไปชั้นที่เค้าแจ้งมา ทำตามวิธีที่เค้าส่ง message มาทิ้งไว้ให้ว่าต้องหยิบกุญแจตรงไหนอะไรยังไง เราก็เข้าห้องได้สบาย เข้าไปวางของได้แปปเดียว พี่ปุ่นก็ลงไปข้างล่างทำอะไรซักอย่าง ซักพักก็มาเคาะประตูห้องพร้อมกับพนักงานแมวดำที่ขนกระเป๋าเรามาให้ เฮ้ย เจ๋งอ่ะ ถูกต้อง ตรงเวลาเป๊ะ
พี่ปุ่น: “เราเจอเค้าด้านล่างพอดี 555”
ได้กระเป๋าแล้ว สบายใจแล้ว ออกไปเดินเล่นกัน
พี่ปุ่น: “เดี๋ยวเราพาไปเดิน Shinsaibashi”
แล้วเราก็เดินจริงๆ เดินจากที่พักไปถึง Shisaibashi 555 อากาศเย็นๆ สบายๆ ได้ถอดโค้ท ได้กลับมาใส่รองเท้าคอนเวิร์ส ตัวเบาาา เดินสบายเลย
มื้อเย็นวันนี้ที่ Watami หลักๆคือมาทานหม้อไฟ แต่อย่างอื่นงอกมาจากไหนไม่รู้ 555 ปลาแมคเคอเรลดีงามมาก

อิ่มท้อง สบายกลับที่พัก อาบน้ำ นอน พรุ่งนี้เราจะไปเกียวโตกัน!
ฝากติดตามเพจเราด้วยนะค้า =>
https://www.facebook.com/wherewegopage/
[CR] ตะลุยญี่ปุ่น 17 วัน 8 เมือง – EP.5 หมู่บ้านกระท่อมมุงจาก เมืองมรดกโลก
Day 11:
สาเหตุที่เราต้องมานอนที่ Takayama 1 คือ เพราะเรามีอีก 1 เป้าหมายสำคัญของทริปนี้
นั่นก็คือ ชิราคาวาโกะ หมูบ้านหลังคามุงจาก 1 ในเมืองมรดกโลก วันนี้เราตื่นกันแต่เช้า เพราะว่าวันนี้มีเวลาอาหารเช้าของโรงแรมบังคับ 555
ทานเสร็จแล้ว เราก็เก็บของ Check out แล้วก็ข้ามถนนไปยัง Takayama Nohi Bus Center ที่อยู่ข้างๆ Takayama Station
ไปถึงเราก็ไปซื้อตั๋ว
ตั๋วไป – กลับ Takayama – Shirakawago ราคา 4,420 เยน (1,326 บาท)
ซื้อเสร็จ พนักงานก็มากั้นโซ่เป็นทางให้ยืนต่อแถวรอขึ้นรถบัสช่องของ Shirakawago พอดี โชคดีมาก เราก็เลยได้ยืนเป็นคนแรกๆของแถว ยืนไปซักพัก หันกลับไปอีกที แถวยาวมากกก
ด้วยอานิสงค์ของการตื่นให้ทันทานข้าวเช้าที่โรงแรม เราเลยได้ขึ้นรถรอบ 8:50 น. ทิวทัศน์ข้างทางนี่สุดมาก!
ลูกไผ่: “ภูเขาที่นี่รู้สึกว่าใหญ่อลังการกว่าบ้านเราเยอะเลยนะคะ เหมือนเป็นยักษ์เลย”
เรานั่งอยู่บนรถประมาณชั่วโมงนึงก็มาถึงชิราคาวาโกะ
จากตรงที่รถบัสจอดให้เราลง เราก็เดินตามฝูงชนไปตรงทางเข้าหมู่บ้าน
ตอนที่เราแพลนทริปนี้
พี่ปุ่น: "ถ้าไปเจอชิราตอนที่ยังมีหิมะอยู่ก็คงดี" และเราก็เจอหิมะที่นี่จริงๆ หมู่บ้านโดนปกคลุมด้วยหิมะที่อาจจะเริ่มละลายบ้างแล้ว แต่ก็ยังขาวโพลน สวยมากๆอยู่
หมู่บ้านที่นี่กว้างใหญ่พอสมควร ทีนี้ก็แล้วแต่เลยค่ะว่าเดินไปทางไหนกัน 555
หลักๆ ก็จะมีทางเดินในหมู่บ้าน กับทางเดินขึ้นเนินไปยังจุดชมวิวด้านบน ที่จะเห็นหมู่บ้านทั้งหมดจากมุมสูง สวยมากกกกก จริงๆเราเคยเห็นรูปถ่ายหมู่บ้านมุมนี้ตอนกลางคืน ที่ทุกบ้านเปิดไฟกันแล้ว สวยมาก เสียดายที่เราไม่ได้นอนข้างในหมู่บ้านนี้ ไม่งั้นตอนค่ำๆ คงได้เดินขึ้นเนินมาถ่ายรูปกันอีกรอบ
จากบนเนิน เราก็เดินลงมาเดินตามซอกซอยหมู่บ้านด้านล่าง
วันนี้เป็นอีกวันที่เราเจอคนไทยเยอะมาก ที่นี่มีแม้กระทั่งแผนที่หมู่บ้านที่เป็นภาษาไทย คนไทยคงมาเที่ยวที่นี่เยอะจริงๆ
ข้างในนอกจากจะมีบ้านและวิวสวยๆให้เดินเพลินๆกันแล้วยังมีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และร้านขายเนื้อเสียบไม้ย่าง ซึ่งมีหลายร้านที่ขายเหมือนกันเด๊ะ เค้าขายไม้ละ 400 เยน อร่อยใช้ได้เลย เราแอบทำตกไปชิ้นนึงด้วย เสียดายมาก น้ำตาจะไหล
พี่ปุ่น: "อืม เหมือนกันเลยกับที่เกียวโต"
ลูกไผ่: "เกียวโตก็มีเสียบไม้ขายงี้เหรอคะ"
พี่ปุ่น: "อืม เราว่าที่เกียวโตอร่อยกว่าด้วย เดี๋ยวเราพาไปกิน"
ลูกไผ่: "เย้!"
นอกจากร้านเนื้อย่างเสียบไม้แล้ว ยังมีร้านขายไอศกรีมโคนแบบซอร์ฟเซิร์ฟที่มีรสนมกับชาเขียวด้วย โคนละ 350 เยน เราเลือกไม่ถูกเลยเอาแบบ mix กันมาแล้วค้นพบว่า รสนม อร่อยมากกก
จุดที่ไม่ควรพลาดอีกจุดของชิราคาวาโกะคือสะพานทอดยาวข้ามแม่น้ำ Shogawa วิวสวยมาก
เราเดินๆอยู่ในหมู่บ้านนี้ประมาณ 3 ชั่วโมง กำลังดีเลย (หรือมันเป็นเวลาสำหรับพวกหยุดถ่ายรูปบ่อยๆแบบเราหว่า 555)
ประมาณบ่ายนิดๆ พี่ปุ่นก็บอกว่าไปรอขึ้นรถได้แล้ว เพราะวันนี้เราต้องนั่งรถไฟต่อไปโอซาก้ากัน
ตอนเรากลับมาถึงจุดที่ขึ้นรถ คนก็มาต่อคิวกันยาวแล้ว
ยืนรอคิวอยู่พักหนึ่ง พนักงานก็เริ่มมานับคนที่ต่อคิวอยู่ เดชะบญที่เรามาต่อเร็ว เราเลยได้ขึ้นรถคันที่กำลังมาจอดพอดี หลังจากเราไปไม่กี่คนก็โดนตัดแถวต้องรอรถคันถัดไป
วันนี้เราทำเวลาได้ดีมาก เราตื่นเช้า ทันมาขึ้นรถรอบ 8:50 น. ทำให้เรามีเวลาเดิน 3 ชั่วโมงที่ชิราคาวาโกะ และกลับไปขึ้นชินคันเซ็นรอบ 14:30 น. เพื่อไปโอซาก้าได้ทัน
วันนี้เราไม่ตกรถแล้วนะ
ระหว่างที่นั่งอยู่บนชินคันเซ็น ก็มีคนโทรเข้าเครื่องเรา พอรับก็คุยกันยังไม่ทันรู้เรื่อง สายก็ตัดไปก่อน เพราะเราไม่มีเงินในซิมอันนี้
ลูกไผ่: “แมวดำแน่เลยอ่ะค่ะพี่ปุ่น ก่อนหน้านี้ก็มีคนโทรมาแต่ไผ่ไม่ได้รับ”
พี่ปุ่น: “อ้าว เหรอ งั้นเดี๋ยวเรากดโอนเงินเติมเข้าซิมไผ่”
พอเติมเงินเข้าไปปุ๊ป เค้าก็โทรเข้ามาอีก ปรากฎว่าเป็นแมวดำจริงๆ จำได้มั้ยว่าเราฝากกระเป๋าใบใหญ่ 29 นิ้ว 2 ใบของเรากับบริการขนส่ง Kuroneko Yamato หรือที่คนไทยรู้จักกันในนาม “แมวดำ” ที่นิกโกะ ให้เค้ามาส่งเราที่โอซาก้า เพื่อที่ระหว่าที่เราย้ายเมืองระหว่างนั้น เราจะได้ไม่ต้องแบกกระเป๋าใบใหญ่ให้ลำบาก
ใครจำไม่ได้ ลองไปดูที่ EP3 ได้ค่ะ => https://goo.gl/otg6um
เค้าโทรมาบอกเราว่า เราไม่สามารถให้เค้าเอากระเป๋าไปส่งที่ 7-11 หรือ Minimart ใกล้เคียงที่พักเราได้ เราต้องแจ้งที่อยู่ของที่พักเรามาเลย และเดชะบุญอีกแล้วที่คุณ host เจ้าของห้องพักที่โอซาก้าของเราเคยส่ง message ที่อยู่ที่พักของเราไว้ให้ ก็เลยแจ้งเค้าไป ซึ่งตอนที่ส่ง เราเลือกติ๊กช่วงเวลาส่งเป็น 18:00 – 20:00 น.
ลูกไผ่: “เค้าบริการดีมากอ่ะค่ะ คือแบบโทรไม่ติด เค้าก็พยายามโทร เพื่อจะได้ไปส่งให้ถูก”
ทีนี้เราก็ลุ้นกันละว่า พอไปถึงที่พักเค้าจะมาส่งถูกรึเปล่า
เรามาถึงโอซาก้าช่วงเย็นๆเกือบค่ำ ถึงแล้วเราก็นั่งรถไฟไปลง Sakaisuji-Hommachi สถานีใกล้ๆ ที่พัก Airbnb ที่เราจองไว้ รอบนี้เดินหาไม่ยากมากนัก 555 ที่พักที่นี่โอเคเลย
เราเดินขึ้นไปชั้นที่เค้าแจ้งมา ทำตามวิธีที่เค้าส่ง message มาทิ้งไว้ให้ว่าต้องหยิบกุญแจตรงไหนอะไรยังไง เราก็เข้าห้องได้สบาย เข้าไปวางของได้แปปเดียว พี่ปุ่นก็ลงไปข้างล่างทำอะไรซักอย่าง ซักพักก็มาเคาะประตูห้องพร้อมกับพนักงานแมวดำที่ขนกระเป๋าเรามาให้ เฮ้ย เจ๋งอ่ะ ถูกต้อง ตรงเวลาเป๊ะ
พี่ปุ่น: “เราเจอเค้าด้านล่างพอดี 555”
ได้กระเป๋าแล้ว สบายใจแล้ว ออกไปเดินเล่นกัน
พี่ปุ่น: “เดี๋ยวเราพาไปเดิน Shinsaibashi”
แล้วเราก็เดินจริงๆ เดินจากที่พักไปถึง Shisaibashi 555 อากาศเย็นๆ สบายๆ ได้ถอดโค้ท ได้กลับมาใส่รองเท้าคอนเวิร์ส ตัวเบาาา เดินสบายเลย
มื้อเย็นวันนี้ที่ Watami หลักๆคือมาทานหม้อไฟ แต่อย่างอื่นงอกมาจากไหนไม่รู้ 555 ปลาแมคเคอเรลดีงามมาก
อิ่มท้อง สบายกลับที่พัก อาบน้ำ นอน พรุ่งนี้เราจะไปเกียวโตกัน!
ฝากติดตามเพจเราด้วยนะค้า => https://www.facebook.com/wherewegopage/