ตามหาแม่ ทิ้งให้เราอยู่กับยาย ยายส่งเราเข้าสถานสงเคราะห์

กระทู้คำถาม
จำความได้เราอยู่กับยายเจือ อายุประมาน 5 ขวบ
แกถามเราว่าอยากเรียนหนังสือมั้ย เราตอบว่าอยาก
จำได้ว่า วันนั้น มี ผู้หญิง 2 คนจำชื่อไม่ได้ แต่อยู่บ้านเดียวกัน
พาเราไปส่งสถานสงเคราะห์ราชวิถี ภาพในวันนั้น ทุกสายตามองมาที่เรา เราร้องไห้ ไม่นอนรู้สึกกลัว และผู้หญิง2คนนั้น
คาดว่าน่าจะเป็นลูกหลานยายเจือ จำไม่ชื่อไม่ได้จริงๆได้เดินมาหาเราบอกกับเราว่า ‘ ปิดเทอมจะมารับกลับบ้าน’ ปี40
นับจากวันนั้น เราใช้ชีวิตอยู่ในสถานสงเคราะห์ทั้งหมด 3 แห่ง จนอายุ 16 ปี เราได้รับอุปการะ จึงได้ใช้ชีวิตภายนอกเป็นครั้งแรก ทั้งดีใจและสับสน เราทำงานส่งตัวเองเรียนเอง
ปัจจุบัน ตอนนี้ อายุ 26 ปี 3 ม.เอกชน ทุกวันนี้เราก็อยู่กับผู้อุปการะ เป็นผู้มีพระคุณของเราที่ให้ที่พักพิง ความทรงจำของเรามันอยู่ในจิตใต้สำนึกตลอด คำพูดที่ว่า ปิดเทอมจะมารับกลับบ้าน ทุกวันนี้ก็ยังรอนะ เริ่มคิดว่าหากเรามีเงินเราจะจ้างนักสืบตามหาแม่ ตามหายาย ทะเบียนบ้านที่ติดตัวออกมาจากสงเคราะห์ มีแต่ชื่อแม่ ชลดา ไม่มีนามสกุล ไม่มีชื่อพ่อ
เรารู้สึกอาย เวลาไปสมัครงานหรือสมัครเรียนที่ไหน เราไม่มีข้อมูลที่จะเขียนลงช่อง ชื่อ บิดามารดา ไม่ชอบสายตาเวลาคนอื่นอ่าน  อายเพื่อน ไม่อยากตอบคำถาม
เราบรรลุนิติภาวะเลยขอประวัติส่วนตัวการเข้าสงเคราะห์
หลังจากที่เราได้เห็นประวัติตัวเอง เรายิ่งอยากรู้ว่าแม่เป็นใคร เราไม่คิดจะไปเรียกร้องอะไรจากแม่ แค่อยากรู้ตอนนี้สบายดีมั้ย ยายเจือเป็นอะไรกับแม่หรือเปล่า
.....  ในประวัติความเป็นมาก่อนเข้าสถานสงเคราะห์......         มารดาชื่อ ชลดา ปิ่นวัฒนา
บิดา ไม่ปรากฏ เด็กเป็นบุตรธิดาคนเดียวของครอบครัว
พ่อแม่ แยกทางกันตอนเด็ก อายุ 5 ปี มารดาได้นำเด็กมาฝากไว้กับ นางเจือ ชมพูแดง และไม่คิดจะติดต่อหาเด็กเลย
ภายหลังนางเจือมีสุขภาพไม่แข็งแรงเนื่องจากชราภาพไม่สามารถเลี้ยงดูได้จึงมาติดต่อขอฝากเด็กไว้ในอุปการะของสถานสงเคราะห์บ้านราชวิถี จากนั้นส่งต่อ สถานสงเคราะห์สระบุรี และส่งตัวเข้ารับสถานคุ้มครองเด็ก จ.ระยอง.....
  ตอนนี้คือทำงานหาค่าเทอมเรียนให้จบ เก็บเอกสารที่ขอมาจากสถานสงเคราะห์ไว้ เผื่อวันนึงมีเงินจะจ้างนักสืบ
พอได้รู้ประวัติของตัวเองรู้สึกดีใจ เคยลองค้นหาในเฟสแต่ไม่เจอ ยังไงขีวิตก็ต้องเดินต่อไป หากใครมีข้อมลู
รบกวน แจ้ง nam_tawa@hotmail.com
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
มาร่วมให้กำลังใจ แต่พอดีไม่ใช่สายโลกสวย ชีวิตต้องเดินไปข้างหน้า อย่าทำให้มันซับซ้อน
ทำดี กับคนที่ดีกับคุณ ตอบแทนท่านด้วยความดี ไม่มีพ่อแม่ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย ในสายตาผม

แต่คนเราจะต่ำตมน่ารังเกียจ หากอกตัญญู เท่าที่ผมรู้จากที่คุณเล่า เขาไม่ใช่แม่ ก็แค่เป็นคน
ที่ให้กำเนิด คุณอาจเจ็บปวดกว่า เรื่องสายตาคนอื่น หากตามจนเจอ แล้วเขาไม่สนใจ ยอมรับ

สำหรับผม มองในทางธรรม คุณกับเขามีกรรม ต้องชดใช้กัน ทำทุกวันต่อไปให้มันดี มีโอกาส
ก็เข้าวัดทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ คิดเสียว่าเขาตายจากคุณไปแล้ว แม่ไม่มี โลกนี้ก็ยังสวยงาม
ความคิดเห็นที่ 2
ให้กำลังใจ  สู้ๆนะครับ

ไม่ควรอายในเรื่องที่เกิดกับชีวิตนะครับ  เพราะ  ผมพยายามอ่านทุกบรรทัดหลายๆรอบ  ยังไม่เจอเรื่องใดที่คุณจะต้องอายใคร
(มีทหาร นักการเมือง  พระ  ฯลฯ   หลายคน   ทำและปกปิดสิ่งที่น่าละอายมากมาย   แต่เป็นคนมีชื่อเสียงในสังคมและไม่เคยรู้สึกละอาย)  


อดีตไม่ต้องลืมครับ  แค่จดจำไว้เป็นเป็นบทเรียนและเป็นแรงผลักดันให้ชีวิตคุณพุ่งทะยานไปข้างหน้าให้ได้อย่างไม่ต้องอายใคร
แต่อย่าขังตัวเองไว้กับอดีต  ไม่มีประโยชน์
ความคิดเห็นที่ 14
อย่าไปตามหาเค้าเลย
ใช้ชีวิตตอบแทนผู้มีพระคุณที่อุปการะคุณมาดีกว่า
เดินหน้าไปอนาคต อย่าไปจมอยู่กับอดีตเลยนะคะ

คนที่พาคุณออกมาสู้โลกภายนอกนี่สิ คุณต้องตอบแทนนะ ^^
ความคิดเห็นที่ 8
อย่าตามหาเลย บางอย่างเราไม่รู้ก็ดีเเล้ว ชีวิตหนูดีทุกอย่าง หนูมีอวัยวะครบ 32 มีสมอง มีความสามารถ อย่าได้เอาตรงนี้มาเป็นปมด้อย เราเป็น the one ของโลกนี้ได้นะหนู เงินทองหาได้ง่ายเสมอ อย่าทำอะไรซับซ้อนแบบความเห็นบนๆว่าเลย

     ตอบความเห็นล่างนะคะ แล้วถ้าเจอแม่เเล้ว เค้ารังเกียจน้อง ไม่อยากพบ ขอตังค์น้อง ใครเจ็บคะ เราไม่รู้จักน้องเค้า คุณก็เหมือนกัน ไม่มีใครเจ็บเเทนเค้า ใครจะรับรู้สิ่งที่ผิดหวังเเบบนั้นได้ ในสื่อเอามาออกแค่ ตามหาพ่อเเม่ ดีใจกอดกันน้ำตาไหล เพราะความจริง เคสที่มันเเย่ๆเค้าไม่เอาออกไงล่ะ ขอโทษที่เผือกเรื่องชาวบ้าน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่