ในการทำงาน ... จะให้อยู่รอดและประสบความสำเร็จ ว่ากันว่าต้อง "รู้" อยู่ 2 อย่าง รู้คน และ รู้งาน
แล้วสิ่งที่อาทิตย์ได้เรียนรู้ในวันนี้ก็คือทั้ง "รู้คน" และ "รู้งาน" แบบ gaining through losing เสียเพื่อได้ ... วันนี้อาทิตย์ติดตามจอห์นไปพบกับเซลล์ ชีวิตหรูหราและข้าวของที่กองมากมายนั้น หากไม่โง่งมเกินไปก็พอจะรู้ได้ ว่าคนอย่างจอห์นทรีตงานในลักษณะใด ของมันก็ง่าย ๆ เราก็ให้เขาพูดในสิ่งที่เขาอยากพูดอยากนำเสนอ ขอดูสินค้าตัวอย่าง จากนั้นก็บอกว่า .... แล้วจะติดต่อกลับไป แค่นั้น .... แล้วเมื่อคนที่เป็นรุ่นน้องนำงานที่คนเป็นรุ่นพี่ฝากฝังไว้มาขายต่อ สิ่งที่ตอบกลับมาคือ "สายสัมพันธ์" มาเหนือสิ่งอื่นใด มากกว่าคุณภาพ ราคา และ ฯลฯ มันก็คือตั้งธงในใจเอาไว้ โดยคนที่จับอะไรได้ไวอย่างอาทิตย์ก็นึกรู้ขึ้นมาทันที ไม่มีอะไรจะเกินคำว่า "ผลประโยชน์" ไปได้ เซลส์สาวนุ่งสั้นและของกำนัลหลายหลากนั้นต่างหากเป็นใจความที่ซ่อนอยู่ ไม่ใช่คุณภาพสินค้า ไม่ใช่ราคา ไม่ใช่ตัวอย่าง ไม่ใช่แม้กระทั่งสายสัมพันธ์ แต่กระนั้นคนตัวเล็ก ๆ พนักงานใหม่อย่างเขาจะทำอะไรได้ ....
เช่นกันเมื่อคนที่มีสถานะเป็นถึง "รอง" หัวหน้าฝากงานเอาไว้แบบชาญฉลาด เนียน ๆ กับคนที่อยู่ในฐานะปฏิเสธยากอย่างอาทิตย์ ก็เหมือนโดนตักตวงผลประโยชน์ไปกลาย ๆ จนรุ่นพี่อีกคน คนที่แอบเย็นชามาตลอดเกิดรู้สึกเห็นใจในชะตาอยู่บ้าง "อย่าให้ใครเอาเปรียบจนเคยชินล่ะ" แต่ในความลำบากเหล่านี้ แม้จะเสียเวลา เสียความรู้สึก เสียแรง แต่สิ่งที่ได้มาคือ " รู้คน " และ " รู้งาน " รู้คนว่าใครเป็นอย่างไรก็งานนี้ รู้งาน ... เพราะถูกโยนงานให้ทำก็อย่างนี้ ดังนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับว่าอาทิตย์จะเลือกอย่างไร ... เมื่อรู้แล้วทั้งคน รู้แล้วทั้งงาน
อีกด้านการดำเนินการชิงธงกำลังเป็นไปอย่างเข้มข้น โดยมีสายตาของคนเป็นพี่มองมาอย่างห่วงใยเช่นเคย น้องจะรู้หรือเปล่าว่าเขาจะสื่ออะไร เดย์ .... หลังจากที่โดนลุงรหัสสวนไปหนึ่งรอบก็ไม่คิดจะเข้าร่วมกิจกรรมอีกเช่นเดิม หากมันก็เป็นธรรมชาติของความเป็นคนไหม ถึงอย่างไรก็เป็นสิ่งที่มีชีวิตที่ต้องการสังคม เมื่อเห็นว่า "เพื่อน" กำลังหาเบาะแสปริศนาชิงธง คนที่ชอบตั้งคำถามจึงเงี่ยหูฟัง สายตาที่ละเอียดละออสอดส่ายจนกระทั่งเห็นอะไรบางอย่างที่แขวนอยู่บนต้นไม้ นี่คงเป็น "กล่องแดง" ที่เพื่อนกล่าวถึง
การปลดสลักไม่ใช่คำว่า "SOTUS" เขาว่ากันแบบนั้น แล้วมันควรเป็นคำว่าอะไร เดย์ย้อนนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา คนที่เรียกเขาว่า 0058 แบบน่ารำคาญเป็นที่สุด เขามีชื่อนะเว้ย ชื่อเดย์ อยู่ ๆ ก็มาป้วนเปี้ยนในชีวิต อย่างที่ล็อคเกอร์ของเขาเป็นต้น อยู่ ๆ ก็มาบอกว่า เนี่ย .... มีคนฝากมาให้ เดชาวุฒิรับมันไปอย่างงง ๆ และ มึน ๆ ไม่ชินกับสิ่งที่เป็นอยู่นี้เท่าไหร่ หากตัวอักษรที่ได้มาเกือบทั้งหมดนั้น มันก็เหมือนกับที่คุณทิวคนนั้นทำกับเขาตลอดมา คนที่ให้ก่อน ก้าวเข้ามาก่อน attack กับปัญหาก่อน คนที่เริ่ม "แบ่งปัน" อะไร ๆ กับเขาก่อน ทั้งที่เขาปฏิเสธว่าไม่ต้องการมัน ทั้งยุ่งยาก ทั้งน่ารำคาญ แล้วก็ดูใกล้ชิดจนเกินไป แต่ .... ก็มีอิทธิพลกับใจ แต่ .... ก็มีอิทธิพลกับการกระทำแม้ไม่อยากจะยอมรับว่าเป็นเช่นนั้น
เสียงเรียก 0058 ที่ดังซ้ำ ๆ ก็ยังก่อความรำคาญให้เขาเช่นเดิม แต่ไม่มากจนไม่พอใจเหมือนกับที่ผ่านมา ภายใต้ความกลัว ๆ กล้า ๆ ว่าคน ๆ นั้นจะทำอะไรอีกก็ไม่รู้ ไม่ได้ทำให้เดย์ขัดขืนหัวชนฝาอีกแล้ว เวลานี้มันลดลงไปเหลือแค่คำถามว่า ... จะพาไปไหน ไปทำอะไร ซึ่งคนเป็นพี่เองก็เริ่มเรียนรู้ว่าท่าทางแบบนี้ก็ไม่ได้มีอะไร ถามเอาเหตุผลแค่นั้น และ บางทีอาจจะถามไปงั้น ๆ แก้เขินก็ได้ ก็เหมือนที่บอกไว้ตอนต้น ... กิจกรรมชิงธง จบลงด้วยบายศรี ไม่มีอะไรที่น่ากลัว แค่ทำงานด้วยกัน สามัคคีกัน รู้จักกัน เป็นพี่น้องกัน และ จะช่วยเหลือกันแบบที่พี่จะพึงทำให้น้อง น้องจะพึงทำให้พี่ และ เพื่อนจะพึงทำให้เพื่อน การสละเวลาส่วนตัวเข้ามาเพื่อแชร์สิ่งดี ๆ ให้กันและกัน ซึ่งวันนี้เดย์ก็เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งเหล่านั้นแล้ว ถึงจะไม่ค่อยอยากจะยอมรับก็ตาม สายสิญจน์ที่ผูกไว้ที่ข้อมือข้างซ้าย ... เดย์ก้มลงมองมัน ไม่ชินกับเรื่องอย่างนี้เท่าไหร่ แต่เส้นหนึ่งก็มากมาย เส้นหนึ่งก็มากเกินพอแล้ว ไม่รู้เป็นเพราะนิสัยไม่ชอบวุ่นวาย หรือ เป็นเพราะด้ายที่ข้อมือมาจากใครคนหนึ่งที่บัดนี้เกิดมีความสำคัญขึ้นมา สำคัญไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
สุดท้ายในส่วนของคนเป็นเฮ้ด ... ความหวานชื่นยังคงมีมาเช่นเคย เพราะคนเป็นพี่เองก็รู้สึกอย่างเดียวกัน ถึงงานจะหนักหนา ถึงอะไรจะไม่เป็นใจ แต่สุดท้ายก็ยังมีความคิดถึง มีความอยากเห็นหน้าตามประสาคนรักกัน แต่ความรักความหวานชื่นในวันนี้ เริ่มมีริ้วรอยความแตกต่างบาง ๆ เข้ามา ด้านหนึ่งชัดเจนเสมอต้นเสมอปลาย รักก็คือรัก เสน่หาก็คือเสน่หา ไม่เคยสับสนหรือต้องปิดบังซักครั้งนับแต่มีสัมพันธ์กันมา ผิดกับอีกด้านหนึ่งที่จะยอมโอนอ่อนผ่อนตามยามที่ไม่มีใครพบเจอเท่านั้น ไม่ว่าจะจับมือ หรือ แม้แต่กระทั่งเดินเคียงข้างกันใกล้ชิด จะมีแนวโน้มของการผลักไสออกห่าง และ สายตาล่อกแล่กกลัวคนเห็นเสมอ หากทั้งคู่ก็ปล่อยผ่าน เพราะคนน้องก็คิดว่าเรื่องธรรมดา ก็แกล้งปั่นแกล้งแหย่ไปแบบนั้น ส่วนคนพี่ก็แค่อายเป็นนิสัย หากสิ่งที่ทำให้ก้องภพเริ่มสะกิดใจ คือร่องรอยความไม่พอใจบางประการเมื่อเขามาหาถึงที่ คนหนึ่งไม่คิดว่ามันผิดแปลก แต่อีกคนหนึ่งกลับถึงขั้นร้อนใจ
นี่คงเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทั้งก้องภพและอาทิตย์ต้องเรียนรู้
ที่แท้ ... ในความสัมพันธ์มีอะไรมากกว่าแค่เพียง "รักกัน"
About the furthest constellations of our souls. oh
We're just trying to find some meaning
In the things that we believe in
But we got some ways to go.
Sotus S the Series (กึ่งรีวิว) : Learn
แล้วสิ่งที่อาทิตย์ได้เรียนรู้ในวันนี้ก็คือทั้ง "รู้คน" และ "รู้งาน" แบบ gaining through losing เสียเพื่อได้ ... วันนี้อาทิตย์ติดตามจอห์นไปพบกับเซลล์ ชีวิตหรูหราและข้าวของที่กองมากมายนั้น หากไม่โง่งมเกินไปก็พอจะรู้ได้ ว่าคนอย่างจอห์นทรีตงานในลักษณะใด ของมันก็ง่าย ๆ เราก็ให้เขาพูดในสิ่งที่เขาอยากพูดอยากนำเสนอ ขอดูสินค้าตัวอย่าง จากนั้นก็บอกว่า .... แล้วจะติดต่อกลับไป แค่นั้น .... แล้วเมื่อคนที่เป็นรุ่นน้องนำงานที่คนเป็นรุ่นพี่ฝากฝังไว้มาขายต่อ สิ่งที่ตอบกลับมาคือ "สายสัมพันธ์" มาเหนือสิ่งอื่นใด มากกว่าคุณภาพ ราคา และ ฯลฯ มันก็คือตั้งธงในใจเอาไว้ โดยคนที่จับอะไรได้ไวอย่างอาทิตย์ก็นึกรู้ขึ้นมาทันที ไม่มีอะไรจะเกินคำว่า "ผลประโยชน์" ไปได้ เซลส์สาวนุ่งสั้นและของกำนัลหลายหลากนั้นต่างหากเป็นใจความที่ซ่อนอยู่ ไม่ใช่คุณภาพสินค้า ไม่ใช่ราคา ไม่ใช่ตัวอย่าง ไม่ใช่แม้กระทั่งสายสัมพันธ์ แต่กระนั้นคนตัวเล็ก ๆ พนักงานใหม่อย่างเขาจะทำอะไรได้ ....
เช่นกันเมื่อคนที่มีสถานะเป็นถึง "รอง" หัวหน้าฝากงานเอาไว้แบบชาญฉลาด เนียน ๆ กับคนที่อยู่ในฐานะปฏิเสธยากอย่างอาทิตย์ ก็เหมือนโดนตักตวงผลประโยชน์ไปกลาย ๆ จนรุ่นพี่อีกคน คนที่แอบเย็นชามาตลอดเกิดรู้สึกเห็นใจในชะตาอยู่บ้าง "อย่าให้ใครเอาเปรียบจนเคยชินล่ะ" แต่ในความลำบากเหล่านี้ แม้จะเสียเวลา เสียความรู้สึก เสียแรง แต่สิ่งที่ได้มาคือ " รู้คน " และ " รู้งาน " รู้คนว่าใครเป็นอย่างไรก็งานนี้ รู้งาน ... เพราะถูกโยนงานให้ทำก็อย่างนี้ ดังนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับว่าอาทิตย์จะเลือกอย่างไร ... เมื่อรู้แล้วทั้งคน รู้แล้วทั้งงาน
อีกด้านการดำเนินการชิงธงกำลังเป็นไปอย่างเข้มข้น โดยมีสายตาของคนเป็นพี่มองมาอย่างห่วงใยเช่นเคย น้องจะรู้หรือเปล่าว่าเขาจะสื่ออะไร เดย์ .... หลังจากที่โดนลุงรหัสสวนไปหนึ่งรอบก็ไม่คิดจะเข้าร่วมกิจกรรมอีกเช่นเดิม หากมันก็เป็นธรรมชาติของความเป็นคนไหม ถึงอย่างไรก็เป็นสิ่งที่มีชีวิตที่ต้องการสังคม เมื่อเห็นว่า "เพื่อน" กำลังหาเบาะแสปริศนาชิงธง คนที่ชอบตั้งคำถามจึงเงี่ยหูฟัง สายตาที่ละเอียดละออสอดส่ายจนกระทั่งเห็นอะไรบางอย่างที่แขวนอยู่บนต้นไม้ นี่คงเป็น "กล่องแดง" ที่เพื่อนกล่าวถึง
การปลดสลักไม่ใช่คำว่า "SOTUS" เขาว่ากันแบบนั้น แล้วมันควรเป็นคำว่าอะไร เดย์ย้อนนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา คนที่เรียกเขาว่า 0058 แบบน่ารำคาญเป็นที่สุด เขามีชื่อนะเว้ย ชื่อเดย์ อยู่ ๆ ก็มาป้วนเปี้ยนในชีวิต อย่างที่ล็อคเกอร์ของเขาเป็นต้น อยู่ ๆ ก็มาบอกว่า เนี่ย .... มีคนฝากมาให้ เดชาวุฒิรับมันไปอย่างงง ๆ และ มึน ๆ ไม่ชินกับสิ่งที่เป็นอยู่นี้เท่าไหร่ หากตัวอักษรที่ได้มาเกือบทั้งหมดนั้น มันก็เหมือนกับที่คุณทิวคนนั้นทำกับเขาตลอดมา คนที่ให้ก่อน ก้าวเข้ามาก่อน attack กับปัญหาก่อน คนที่เริ่ม "แบ่งปัน" อะไร ๆ กับเขาก่อน ทั้งที่เขาปฏิเสธว่าไม่ต้องการมัน ทั้งยุ่งยาก ทั้งน่ารำคาญ แล้วก็ดูใกล้ชิดจนเกินไป แต่ .... ก็มีอิทธิพลกับใจ แต่ .... ก็มีอิทธิพลกับการกระทำแม้ไม่อยากจะยอมรับว่าเป็นเช่นนั้น
เสียงเรียก 0058 ที่ดังซ้ำ ๆ ก็ยังก่อความรำคาญให้เขาเช่นเดิม แต่ไม่มากจนไม่พอใจเหมือนกับที่ผ่านมา ภายใต้ความกลัว ๆ กล้า ๆ ว่าคน ๆ นั้นจะทำอะไรอีกก็ไม่รู้ ไม่ได้ทำให้เดย์ขัดขืนหัวชนฝาอีกแล้ว เวลานี้มันลดลงไปเหลือแค่คำถามว่า ... จะพาไปไหน ไปทำอะไร ซึ่งคนเป็นพี่เองก็เริ่มเรียนรู้ว่าท่าทางแบบนี้ก็ไม่ได้มีอะไร ถามเอาเหตุผลแค่นั้น และ บางทีอาจจะถามไปงั้น ๆ แก้เขินก็ได้ ก็เหมือนที่บอกไว้ตอนต้น ... กิจกรรมชิงธง จบลงด้วยบายศรี ไม่มีอะไรที่น่ากลัว แค่ทำงานด้วยกัน สามัคคีกัน รู้จักกัน เป็นพี่น้องกัน และ จะช่วยเหลือกันแบบที่พี่จะพึงทำให้น้อง น้องจะพึงทำให้พี่ และ เพื่อนจะพึงทำให้เพื่อน การสละเวลาส่วนตัวเข้ามาเพื่อแชร์สิ่งดี ๆ ให้กันและกัน ซึ่งวันนี้เดย์ก็เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งเหล่านั้นแล้ว ถึงจะไม่ค่อยอยากจะยอมรับก็ตาม สายสิญจน์ที่ผูกไว้ที่ข้อมือข้างซ้าย ... เดย์ก้มลงมองมัน ไม่ชินกับเรื่องอย่างนี้เท่าไหร่ แต่เส้นหนึ่งก็มากมาย เส้นหนึ่งก็มากเกินพอแล้ว ไม่รู้เป็นเพราะนิสัยไม่ชอบวุ่นวาย หรือ เป็นเพราะด้ายที่ข้อมือมาจากใครคนหนึ่งที่บัดนี้เกิดมีความสำคัญขึ้นมา สำคัญไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
สุดท้ายในส่วนของคนเป็นเฮ้ด ... ความหวานชื่นยังคงมีมาเช่นเคย เพราะคนเป็นพี่เองก็รู้สึกอย่างเดียวกัน ถึงงานจะหนักหนา ถึงอะไรจะไม่เป็นใจ แต่สุดท้ายก็ยังมีความคิดถึง มีความอยากเห็นหน้าตามประสาคนรักกัน แต่ความรักความหวานชื่นในวันนี้ เริ่มมีริ้วรอยความแตกต่างบาง ๆ เข้ามา ด้านหนึ่งชัดเจนเสมอต้นเสมอปลาย รักก็คือรัก เสน่หาก็คือเสน่หา ไม่เคยสับสนหรือต้องปิดบังซักครั้งนับแต่มีสัมพันธ์กันมา ผิดกับอีกด้านหนึ่งที่จะยอมโอนอ่อนผ่อนตามยามที่ไม่มีใครพบเจอเท่านั้น ไม่ว่าจะจับมือ หรือ แม้แต่กระทั่งเดินเคียงข้างกันใกล้ชิด จะมีแนวโน้มของการผลักไสออกห่าง และ สายตาล่อกแล่กกลัวคนเห็นเสมอ หากทั้งคู่ก็ปล่อยผ่าน เพราะคนน้องก็คิดว่าเรื่องธรรมดา ก็แกล้งปั่นแกล้งแหย่ไปแบบนั้น ส่วนคนพี่ก็แค่อายเป็นนิสัย หากสิ่งที่ทำให้ก้องภพเริ่มสะกิดใจ คือร่องรอยความไม่พอใจบางประการเมื่อเขามาหาถึงที่ คนหนึ่งไม่คิดว่ามันผิดแปลก แต่อีกคนหนึ่งกลับถึงขั้นร้อนใจ
ที่แท้ ... ในความสัมพันธ์มีอะไรมากกว่าแค่เพียง "รักกัน"
We're just trying to find some meaning
In the things that we believe in
But we got some ways to go.