อารมณ์เศร้า กับ โรคซึมเศร้า ไม่เหมือนกัน

ช่วงหลายปีมานี้
หลายท่านออกมาบอกต่อสาธารณะว่าตนเองเป็นโรคซึมเศร้า
ยิ่งช่วงไหนมีข่าวการฆ่าตัวตายของผู้มีชื่อเสียง ยิ่งมีกระแสการพูดถึง "โรคซึมเศร้า" กันมาก
ความจริงแล้วเป็นสิ่งที่ดี ที่จะทำให้เกิดความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้กันมากขึ้น
ส่งผลให้เกิดการสังเกตตนเองและคนรอบข้าง เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือกันได้อย่างทันท่วงที

อย่างไรก็ตาม
ก็มีหลายท่าน มักเข้าใจผิด และเข้าใจสับสนว่า การที่มีอารมณ์เศร้าหรือหดหู่หรือหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ฯลฯ นั้น
แปลว่า เป็น โรคซึมเศร้า
ตามหลักแล้ว การจะเป็นโรคซึมเศร้าได้ ต้องมีรายละเอียดของอาการตามหมวดวินิจฉัยของจิตแพทย์
ไม่ได้แปลว่า ใครๆ ก็เป็นโรคซึมเศร้ากันได้ง่ายๆ
ในขณะที่ ใครๆ (ทุกคน) สามารถมีอารมณ์เศร้ากันได้ทุกคน แต่จะเป็นโรคซึมเศร้า หรือไม่นั้น อีกเรื่องหนึ่ง
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับ บุคลิกภาพเดิมของผู้นั้น การแก้ปัญหาของผู้นั้น ปัจจัยทางร่างกาย และปัจจัยอีกมากมายที่ต้องพิจารณา

ซึ่งจริงๆ แล้ว ท่านอาจจะมี อารมณ์เศร้า กับสถานการณ์เปลี่ยนแปลงในชีวิตอยู่ก็ได้
หรือ กำลังเป็นช่วงวัยรุ่น ที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทางอารมณ์ และการแสวงหาตัวตน ทำให้คิดมากคิดซ้ำ และกังวลใจบ่อยๆ
หรือมีปัญหาด้านบุคลิกภาพบางอย่าง ที่ทำให้มีปัญหาทางอารมณ์ หรือทำให้คิดอยู่กับตนเองมากกว่าคนทั่วไป

ดังนั้นหากท่านหรือคนรู้จักมีอารมณ์เศร้าและไม่สามารถทำให้ดีขึ้นได้ และอาการรบกวนชีวิตประจำวันชัดเจน
(เช่น เรียนหนังสือหรือทำงานไม่รู้เรื่อง สมาธิไม่มี ความจำเสีย จนกระทบผลงานหรือผลการเรียน,
สัมพันธภาพกับคนรอบข้างเริ่มเปลี่ยน เช่น แยกตัวมากกว่าเดิม วันๆ ไม่พูดกับใคร วันๆ ไม่ยอมออกไปไหน อยู่แต่ในห้องทั้งวันทั้งคืน,
มีปัญหาการควบคุมอารมณ์ เช่น ไม่สามารถหยุดความรู้สึกหดหู่ที่อยู่ในใจได้  ซึมตลอดเวลา หมดพลังในการทำสิ่งต่างๆ
หรือ นั่งเศร้าซึมมาหลายวัน พอถูกกระตุ้นเล็กน้อย(โดยเฉพาะจากคนในครอบครัว) ก็ระเบิดหลุดออกมาทางวาจาหรือการแสดงออก,
หรือ มีความคิดร้ายๆ ก้องอยู่ในหัว จนรบกวนชีวิตประจำวัน)
แม้ว่าจะไม่มีอาการซึมเศร้าตามที่กล่าวมาข้างต้นนี้ครบทุกอย่าง แต่รู้สึกว่าชีวิตไม่มีความสุขอย่างมาก โดยไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้

ขอแนะนำว่า อย่าปล่อยไว้ อย่าทิ้งไว้และคิดว่าจะหายเอง (ไม่ควรมีอาการเกิน 3 เดือน ตามหลักองค์การอนามัยโลก)
โปรดปรึกษาคนที่ไว้ใจเช่น คนในครอบครัว ญาติ เพื่อน ครูอาจารย์ เพื่อขอความช่วยเหลือ
แต่หากอาการไม่ดีขึ้น
ให้ไปพบจิตแพทย์โดยด่วน หรือหากกลัวการพบจิตแพทย์ การพบนักจิตวิทยาคลินิก หรือนักจิตบำบัดที่เป็นวิชาชีพด้านจิตเวชก่อนเป็นเบื้องต้น
ก็อาจช่วยประเมินอาการและ แนะนำการรักษาที่เหมาะสมได้ ตามอาการที่เป็น

ด้วยความปรารถนาดี
(ลูกป้าแอบมาโพส - อีกแล้ว)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่