
Exclusive: Face of Ancient Queen Revealed for the First Time

Credit: Oscar Nilsson
เมื่อมองอย่างเผิน ๆ ใบหน้าสตรีผมสีดำสวมตุ้มหูทองคำ
จะดูเหมือนกับใบหน้าคนจริง แต่มันไม่ใช่เลย
มันปั้นขึ้นตามกระโหลกศีรษะราชินี Wari
ที่เคยมีชีวิตอยู่เมื่อ 1,200 ปีก่อนในเปรู
ในปี 2012 นักโบราณคดีชาวเปรูกับชาวโปแลนด์ ได้ขุดค้นหลุมโบราณคดี
ในสุสานปิรามิดที่รู้จักกันในชื่อว่า
El Castillo de Huarmey ทางตอนเหนือของกรุงลิมา Lima
ภายในหลุมศพได้ฝังสตรีชนชั้นสูงอีก 57 ราย
โดยราชินีที่ฝังแยกไว้ในที่พิเศษ ตามรายงานของ National Geographic
สตรีเหล่านี้ต่างเป็นคนในยุคอารยธรรม Wari ที่อาศัยอยู่ในเขตนี้ช่วง 700 ถึง 1000 ปีก่อนคริสตศักราช ก่อนพวกอิงก้า Inca
ภายในหลุมศพของราชินีเต็มไปด้วยเครื่องประดับและสิ่งประดิษฐ์หรูหราอื่น ๆ
รวมทั้งขวานประกอบพิธีกรรรมทำด้วยทองแดง และถ้วยเงินใบหนึ่ง
ทั้งยังมีโครงกระดูกและกะโหลกศีรษะของเธอ
ซึ่งนักโบราณคดีได้มอบกะโหลกศีรษะให้กับ Oscar Nilsson นักนิติวิทยาศาสตร์ในประเทศสวีเดน
เพื่อขอให้ท่านลงมือสร้างโฉมหน้าใหม่ของเธอให้ชาวโลกได้ชม
แต่กะโหลกศีรษะใบนี้มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มาก
จึงไม่สามารถนำกระโหลกมาปั้นชิ้นงานแบบที่เคยทำมาในอดีต
ดังนั้น จึงต้องใช้เครื่อง (
CT Scan)
เพื่อสร้างภาพแบบจำลองกะโหลกเสมือนจริงในรูปสามมิติ 3D
จากนั้นก็ส่งข้อมูลดิจิตอลไปยังเครื่องพิมพ์สามมิติ 3D
เพื่อพิมพ์แบบจำลองของกะโหลกศีรษะด้วย
Vinyl plastic
Oscar Nilsson ได้เขียนอีเมลบอกเล่าเรื่องราวกับ Live Science ว่า
" และแล้วเรื่องราวที่ท้าทายก็เริ่มต้น
ในการสร้างโฉมหน้าเธอขึ้นมาใหม่นั้น
ผมจึงมีความจำเป็นที่จะต้องรู้เรื่อง เพศ อายุ น้ำหนักและเผ่าพันธุ์
เพราะมีอิทธิพลและมีผลต่อความหนาของเนื้อเยื่อบนใบหน้า
ราชินี Huarmey มีอายุอย่างน้อย 60 ปี
มีความรอบรู้และมีเรื่องราวอื่น ๆ อีกมากมาย “
ในการทำงานครั้งนี้ Oscar Nilsson
ได้ปักหมุดพลาสติกจำนวน 30 อันทั่วทั้งหัวกะโหลกจำลอง
หลังจากนั้น ก็ถึงเวลาที่จะเริ่มต้นทำงาน
อย่างเป็นขั้นเป็นตอนตามหลักการทางวิทยาศาสตร์และศิลปะ
ด้วยการเริ่มต้นปั้นและแกะสลักใบหน้า
ใบหน้านี้ถูกสร้างขึ้นมาจากภายในสู่ภายนอก
ด้วยการสร้างกล้ามเนื้อใบหน้าทีละมัดจากดินน้ำมัน
Plasticine clay
โดยอาศัยหลักวิธีการทำงานทางนิติวิทยาศาสตร์
ช่วยให้สามารถสร้าง ตา จมูกและปาก ได้อย่างน่าเชื่อถือ
แต่ใบหูจำเป็นเรื่องต้องใช้การคาดคะเนเอา
หลังจากสร้างกล้ามเนื้อครอบคลุมหัวกระโหลกแล้ว
ก็เริ่มลงมือสร้างชั้นของผิวหนังพร้อมกับรายละเอียดริ้วรอยและรูขุมขน
ที่จะแกะสลัก/แต่งเติมเพื่อให้ดูสมจริงยิ่งขึ้น
“ เมื่อผมเสร็จสิ้นงานแกะสลักใบหน้าแล้ว
ผมก็ทำเป็นแม่พิมพ์ขึ้นมา เพื่อหล่อใบหน้าด้วยยาง
Silicone
ด้วยวิธีการนี้จะทำให้ใบหน้าเธอ ดูสมจริงสมจังมากยิ่งขึ้น
จนดูเหมือนว่าเป็นใบหน้าคนที่แท้จริง แม้แต่กับตัวผมเอง "
Oscar Nilsson ยังได้ใช้ดวงตาเทียมในใบหน้าของราชินี
รวมทั้งเส้นผมของมนุษย์ที่แท้จริงซึ่งฝังเข้าไปในหนังศีรษะที่ทำเสร็จแล้ว
" เราใช้เส้นผมของชาวเปรูที่ซื้อมาจากประเทศเปรู
โดยทีมนักโบราณคดีชาวโปแลนด์ "
พร้อมกับได้ใส่ตุ้มหูทองคำเลียนแบบที่พบในหลุมศพ
" พวกนักวิจัยได้ทำแบบจำลองจากต่างหูจริงของเธอ
ตามแบบที่ขุดค้นพบในสุสานของเธอ "
Oscar Nilsson ต้องใช้เวลาทำงานถึง 220 ชั่วโมง
ในการปั้นโฉมหน้าราชินี Huarmey ขึ้นมาใหม่
โดยงานนึ้เพิ่งจะเสร็จสิ้นปลายเดือนพฤศจิกายน ปีนี้
โดยท่านได้อธิบายและบรรยายถึงเรื่องราวการทำงานครั้งนี้ว่า
" ใบหน้าของสตรีสูงอายุที่ได้รับความเคารพอย่างสูง
เธอดูฉลาดและมากด้วยประสบการณ์
เช่นเดียวกับอาการที่ดูเหนื่อยล้า
บางทีเธออาจจะเศร้าหมองหรือครุ่นคิดอยู่
เธออาจจคิดถึงเรื่องราวบางสิ่งบางอย่าง
บางทีอาจจะเป็นการรำลึกถึงความหลัง
อย่างที่คนสูงอายุมักจะทำในบางครั้ง "
Oscar Nilsson ใช้เทคนิคดังกล่าวในการสร้างโฉมหน้า
และมีความคล้ายคลึงกับใบหน้าของราชินี Haurmey อย่างมาก
เพราะเป็นวิธีการเดียวกับหน่วยงานรัฐที่บังคับใช้กฎหมาย
สร้างใบหน้าเหยื่ออาชญากรรม/คนหายขึ้นมาใหม่
เมื่อไม่สามารถระบุใบหน้าเหยื่ออาชญากรรม/คนหายได้
ทำให้สามารถปิดคดีประเภทนี้ได้มากกว่า 70%
เมื่อมีการสร้างโฉมหน้าขึ้นมาใหม่
" นี่ไม่ใช่ โฉมหน้าของคนตาย
แต่คือ โฉมหน้าราชินีที่แท้จริง ว่าเป็นเช่นใด "
งานบูรณะโฉมหน้าราชินี Haurmey ของชนเผ่า Wari
จะจัดแสดงในนิทรรศการ Peruvian
ที่พิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์แห่งชาติในกรุงวอร์ซอประเทศโปแลนด์
เรียบเรียง/ที่มา
https://goo.gl/AWw7mU
เบื้องหลังการปั้นโฉมหน้าราชินี Huarmey ชนเผ่า Wari เมื่อ 1,200 ปีก่อน
Exclusive: Face of Ancient Queen Revealed for the First Time
Credit: Oscar Nilsson
เมื่อมองอย่างเผิน ๆ ใบหน้าสตรีผมสีดำสวมตุ้มหูทองคำ
จะดูเหมือนกับใบหน้าคนจริง แต่มันไม่ใช่เลย
มันปั้นขึ้นตามกระโหลกศีรษะราชินี Wari
ที่เคยมีชีวิตอยู่เมื่อ 1,200 ปีก่อนในเปรู
ในปี 2012 นักโบราณคดีชาวเปรูกับชาวโปแลนด์ ได้ขุดค้นหลุมโบราณคดี
ในสุสานปิรามิดที่รู้จักกันในชื่อว่า El Castillo de Huarmey ทางตอนเหนือของกรุงลิมา Lima
ภายในหลุมศพได้ฝังสตรีชนชั้นสูงอีก 57 ราย
โดยราชินีที่ฝังแยกไว้ในที่พิเศษ ตามรายงานของ National Geographic
สตรีเหล่านี้ต่างเป็นคนในยุคอารยธรรม Wari ที่อาศัยอยู่ในเขตนี้ช่วง 700 ถึง 1000 ปีก่อนคริสตศักราช ก่อนพวกอิงก้า Inca
ภายในหลุมศพของราชินีเต็มไปด้วยเครื่องประดับและสิ่งประดิษฐ์หรูหราอื่น ๆ
รวมทั้งขวานประกอบพิธีกรรรมทำด้วยทองแดง และถ้วยเงินใบหนึ่ง
ทั้งยังมีโครงกระดูกและกะโหลกศีรษะของเธอ
ซึ่งนักโบราณคดีได้มอบกะโหลกศีรษะให้กับ Oscar Nilsson นักนิติวิทยาศาสตร์ในประเทศสวีเดน
เพื่อขอให้ท่านลงมือสร้างโฉมหน้าใหม่ของเธอให้ชาวโลกได้ชม
แต่กะโหลกศีรษะใบนี้มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มาก
จึงไม่สามารถนำกระโหลกมาปั้นชิ้นงานแบบที่เคยทำมาในอดีต
ดังนั้น จึงต้องใช้เครื่อง (CT Scan)
เพื่อสร้างภาพแบบจำลองกะโหลกเสมือนจริงในรูปสามมิติ 3D
จากนั้นก็ส่งข้อมูลดิจิตอลไปยังเครื่องพิมพ์สามมิติ 3D
เพื่อพิมพ์แบบจำลองของกะโหลกศีรษะด้วย Vinyl plastic
Oscar Nilsson ได้เขียนอีเมลบอกเล่าเรื่องราวกับ Live Science ว่า
" และแล้วเรื่องราวที่ท้าทายก็เริ่มต้น
ในการสร้างโฉมหน้าเธอขึ้นมาใหม่นั้น
ผมจึงมีความจำเป็นที่จะต้องรู้เรื่อง เพศ อายุ น้ำหนักและเผ่าพันธุ์
เพราะมีอิทธิพลและมีผลต่อความหนาของเนื้อเยื่อบนใบหน้า
ราชินี Huarmey มีอายุอย่างน้อย 60 ปี
มีความรอบรู้และมีเรื่องราวอื่น ๆ อีกมากมาย “
ในการทำงานครั้งนี้ Oscar Nilsson
ได้ปักหมุดพลาสติกจำนวน 30 อันทั่วทั้งหัวกะโหลกจำลอง
หลังจากนั้น ก็ถึงเวลาที่จะเริ่มต้นทำงาน
อย่างเป็นขั้นเป็นตอนตามหลักการทางวิทยาศาสตร์และศิลปะ
ด้วยการเริ่มต้นปั้นและแกะสลักใบหน้า
ใบหน้านี้ถูกสร้างขึ้นมาจากภายในสู่ภายนอก
ด้วยการสร้างกล้ามเนื้อใบหน้าทีละมัดจากดินน้ำมัน Plasticine clay
โดยอาศัยหลักวิธีการทำงานทางนิติวิทยาศาสตร์
ช่วยให้สามารถสร้าง ตา จมูกและปาก ได้อย่างน่าเชื่อถือ
แต่ใบหูจำเป็นเรื่องต้องใช้การคาดคะเนเอา
หลังจากสร้างกล้ามเนื้อครอบคลุมหัวกระโหลกแล้ว
ก็เริ่มลงมือสร้างชั้นของผิวหนังพร้อมกับรายละเอียดริ้วรอยและรูขุมขน
ที่จะแกะสลัก/แต่งเติมเพื่อให้ดูสมจริงยิ่งขึ้น
“ เมื่อผมเสร็จสิ้นงานแกะสลักใบหน้าแล้ว
ผมก็ทำเป็นแม่พิมพ์ขึ้นมา เพื่อหล่อใบหน้าด้วยยาง Silicone
ด้วยวิธีการนี้จะทำให้ใบหน้าเธอ ดูสมจริงสมจังมากยิ่งขึ้น
จนดูเหมือนว่าเป็นใบหน้าคนที่แท้จริง แม้แต่กับตัวผมเอง "
Oscar Nilsson ยังได้ใช้ดวงตาเทียมในใบหน้าของราชินี
รวมทั้งเส้นผมของมนุษย์ที่แท้จริงซึ่งฝังเข้าไปในหนังศีรษะที่ทำเสร็จแล้ว
" เราใช้เส้นผมของชาวเปรูที่ซื้อมาจากประเทศเปรู
โดยทีมนักโบราณคดีชาวโปแลนด์ "
พร้อมกับได้ใส่ตุ้มหูทองคำเลียนแบบที่พบในหลุมศพ
" พวกนักวิจัยได้ทำแบบจำลองจากต่างหูจริงของเธอ
ตามแบบที่ขุดค้นพบในสุสานของเธอ "
Oscar Nilsson ต้องใช้เวลาทำงานถึง 220 ชั่วโมง
ในการปั้นโฉมหน้าราชินี Huarmey ขึ้นมาใหม่
โดยงานนึ้เพิ่งจะเสร็จสิ้นปลายเดือนพฤศจิกายน ปีนี้
โดยท่านได้อธิบายและบรรยายถึงเรื่องราวการทำงานครั้งนี้ว่า
" ใบหน้าของสตรีสูงอายุที่ได้รับความเคารพอย่างสูง
เธอดูฉลาดและมากด้วยประสบการณ์
เช่นเดียวกับอาการที่ดูเหนื่อยล้า
บางทีเธออาจจะเศร้าหมองหรือครุ่นคิดอยู่
เธออาจจคิดถึงเรื่องราวบางสิ่งบางอย่าง
บางทีอาจจะเป็นการรำลึกถึงความหลัง
อย่างที่คนสูงอายุมักจะทำในบางครั้ง "
Oscar Nilsson ใช้เทคนิคดังกล่าวในการสร้างโฉมหน้า
และมีความคล้ายคลึงกับใบหน้าของราชินี Haurmey อย่างมาก
เพราะเป็นวิธีการเดียวกับหน่วยงานรัฐที่บังคับใช้กฎหมาย
สร้างใบหน้าเหยื่ออาชญากรรม/คนหายขึ้นมาใหม่
เมื่อไม่สามารถระบุใบหน้าเหยื่ออาชญากรรม/คนหายได้
ทำให้สามารถปิดคดีประเภทนี้ได้มากกว่า 70%
เมื่อมีการสร้างโฉมหน้าขึ้นมาใหม่
" นี่ไม่ใช่ โฉมหน้าของคนตาย
แต่คือ โฉมหน้าราชินีที่แท้จริง ว่าเป็นเช่นใด "
งานบูรณะโฉมหน้าราชินี Haurmey ของชนเผ่า Wari
จะจัดแสดงในนิทรรศการ Peruvian
ที่พิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์แห่งชาติในกรุงวอร์ซอประเทศโปแลนด์
เรียบเรียง/ที่มา
https://goo.gl/AWw7mU
เรื่องเดิม
โฉมหน้าราชีนี Huarmey ชนเผ่า Wari เมื่อ 1,200 ปีก่อน