นี้ผมเลือกธนาคารกู้ผิดที่หรือป่าวน่ะเหยยย...

ขอระบายนิดหนึ่ง คือว่าไปซื่อบ้านมือ 2 พร้อมที่ดินใน ราคา 1.7 ล้าน แต่ไปๆมาๆแล้วรวมๆใช้เงิน ทั้งที่ตนเองเก็บสะสมมาค่อยชีวิตกับกู้ ธ. มาด้วยก็ใช้จ่ายไปทั้งหมดก็ราวๆ 1.85 ล้านบาท ตอนเริ่มต้นหา ธ.ก็ไป 4-5 เจ้า แต่ก็เล็งๆเอาไว้ 2 เจ้า เพราะเจ้าหนึ่งอนุมัติไวมาก 1 อาทิเห็นผลได้แล้ว(สงสัยเพราะผมมีเงินเดินบัญชี่) ส่วนอีกเจ้า ล่าช้ามากๆนานจนลืมต้องค่อยติดตามเพราะเห็นเค้าว่าเป็นเจ้าที่ดอกเบี่ยต่ำสุดแล้ว ซึ่งผมก็ตอบตกลงกับเจ้า ที่อนุมัติไวกว่าก่อนพอสรุปเรื่องต่างๆ แล้วนัคกันที่กรมที่ดิน(อ่ออนุมัติ 1 อาทิก็จริงแต่มีปํญหาเรื่องเอกสารบ้างอย่างต้องใช้เวลาร่วมเดือนถึงจะเสร็จอีกส่วนเจ้าดอกเบี่ยต่ำก็ยังไม่มีวี่แววจะอนุมัติ) มาก็มานัดเจอกันที่กรมที่ดินเพื่อทำเรื่องให้มันเสร็จๆไปสะ(สงสัยจะใจร้อนมากเลยแหะก็ตอนนั้นมันมีสัญญากับผู้ขายอยู่น่ะภายใน 60 วันวางมัดจำไปเรียบร้อยแล้วสะด้วย)ปรากฏว่ามีเรื่องที่ไม่สามารถโอนได้อีก (นึกแปปเรื่องอะไรลืม ผ่านมาแค่ 3-4 เดือนเองลืมสะแหละ555+) อ่อเรืองที่บ้านไม่ได้ระบุเอาไว้ว่าที่ดินมีสิ่งปลูกสร้างแต่สิ่งปลูกสร้างนั้นเป็นของผู้ที่โอนที่ดินมาให้ผู้ขายโดยที่ไม่ได้โอนสิ่งปลูกสร้างนั้นมาให้ด้วย สิ่งปลูกสร้างนั้นยังต้องเป็นกัมสิทธิ์ ของผู้ที่โอนที่ดินมาให้อยู่ ซึ่งนั้นก็เป็นปัญหาอีกว่าเจ้าของกัมสิทธิ์ นั้นตายไปแล้วปัญหาใหญ่เลยคิดดูสิคนที่มีสิทธ์ในสิ่งปลูกสร้างนี้ยังมีลูกหลานอีกนะครับเหยยย...วันนั้นก็เลยชวดไปเลยไม่ได้ทำการโอนซื่อ-ขาย ทางผู้ขายก็ต้องไปเคลีย์ฝั่งของตนเองอีก และก็มีปัญหาตามมาอีกคือเรื่องระยะทำเรื่องกู้กับธนาคารมันมีระยะเวลา(ซึ่งก็คิดว่าไม่หน้าใช้ปัญหาใหญ่อะไรแค่ไปเซนต์สัญญาใหม่อัฟเดสถานะการเงินหน่อย) ปัญหาจริงๆคือมันเรื่องเงินที่ผมกู้มาเพื่อจ่ายค่าส่วนต่างของธนาคารนะสิทำให้ผมมีหนี้สิ้นเพิ่มพูนขึ้นมาทุกๆเดือนถึงจะไม่มากแต่ก็พอดูนะสำหรับสถานะผมในตอนนี้ แทนที่ถ้าเราได้ย้ายเข้าบ้านเราเอาค่าเช่าบ้านทุกวันนี้ัมาเป็นส่วนใช้ลดภาระได้จะดีมากแต่ทุกวันนี้ไม่ได้ย้ายเข้าสะที่เหยยย...
  เอาแหละมาต่อกันที่เรื่อง ธนาคารดอกเบี้ยต่ำระหว่างนี้ผมก็ตามเรื่องไปด้วยจนผ่านมาเกือบ 3 เดือนก็ได้รับการอนุมัคิสะที่แต่คราวนี้มีเรื่องต้องตัดสินใจว่าต้องเลือก ธ. ไหนผมเลยนัด ธ. เจ้าคนละวันกันเพราะปัญหาทางผู้ขายเค้าว่าเคลีย์กับปัญหาที่กล่าวมาแล้วข้างต้น(มันเป็นเรื่องซับซ้อนหน่อยๆระหว่างผู้ขายกับผู้มีกัมสิทธ์ครับ) แต่ ธ.เจ้าดอกเบี้ยต่ำผมนัดมาโอนกันโดยที่ไม่คุยกันถึงเรื่องปัญหาของ ธ.เจ้าก่อนหน้านี้ผมก็คุยกับผู้ขายแล้วว่าจะไม่คุยเรื่องนี้กับ ธ.ดอกเบี้ยต่ำ ทำให้เหมือนกับว่าปัญหาเรื่องนี้ยังไม่ได้มีการรับรู้มาก่อน แล้วก็ไม่รู้เหตุผลกลใดๆมันกับไม่มีปัญหาในเรื่องกัมสิทธ์สิ่งปลูกสร้างกับ  ธนาคารดอกเบี้ยต่ำแห่งนี้ แล้วที่หน้าแปลกอีกอย่างเจ้าหน้าที่ก็เช็ดแล้วว่าผู้ขายเคยมาทำเรื่องโอนที่แล้วที่ผ่านมาไม่กี่ อาทิก่อนปัญหามันเรื่องเดียวกันนะแหละแต่ไม่รู้คุยกันยังไงรอบที่แล้ว แต่มารอบนี้เจ้าหน้าที่บอกว่าเค้าใช้หลักฐานตัวหนึ่งอ้างอิงว่าผู้ขายมีสิทธ์ ในสิ่งปลูกสร้างนี้ยังเต็มที่นอกสะจากว่าผู้ที่มีกัมสิทธ์คนอื่นๆจะมีข้อมูลมาแย้งกับเจ้าของได้ดีกว่า
  สรุปว่าการทำการโอนครั้งนี้จะทำเป็น(อ่อผมจำผิดหรือป่าวไม่รู้น่ะแต่) เจ้าหน้าที่เรียกว่า "ส่วนควบ" คือทำการโอนที่ดินให้ผมพร้อมสิ่งปลูกสร้างมาให้ผมโดนอ้างอิงจากหลักฐานที่ใช้อยู่ของผู้ขาย คราวนี้ก็มาว่าผมจะตัดสินใจยังไงเพราะผมกับผุ้ขายคุยกับ  ธนาคารดอกเบี้ยต่ำแล้วด้วยว่านั้ทางผู้ซื่อ(ซึ่งคือผมจะเลือก ธ. ใด) เพราะมันตัดปัญหาของทางผู้ขายไปได้ยังมากเลยแหะ(ดูแล้วเค้าสะใจยังไงไม่รู้แหะ555+(เพราะเรื่องกัมสิทธ์สิ่งปลูกสร้างกันญาติเค้านี้แหละมั้ง)) แล้วผมก็คุยกับแฟนว่าจะเอายังไงผมให้ทางเลือกว่า 1. ธนาคารดอกเบี้ยต่ำถ้าเลือก ธ. นี้จะมีผลในวันข้างหน้าคือเราต้องแบกรับภาระหนักในระยะแรก 2. ถ้าเลือก ธ. แรกภาระที่จะแบกรับจะหนักในตอนหลังๆ เพราะอะไรมาดูกันครับ
1.  ธนาคารดอกเบี้ยต่ำให้ผมกู้ได้ 70% ของราคาประเมิน ซึ่งไม่ใช้ราคาขายน่ะครับ ตอนทำนี้ก็คิดว่าจะได้ค่าประเมินต่ำกว่าราคาขายอยู่ในใจก็เสียวๆอยุ่น่ะว่าจะหาส่วนต่างยังไงเพราะเราประเมินตนเองเอาไว้ที่ 5 แสนที่สามารถหาได้อยู่
2.  ธนาคารแรกให้ผม 85% ซึ่งธนาคารนี้ผมนัดอีกวันเอาไว้
แล้วผมก็คุยกับแฟนแหละแต่ก็ดันให้เหตุผมว่าให้ผมตัดสินใจเอาเองอีก(แล้วนี้ตรูจะให้เอ็งช่วยคิดทำไหมฟะ) ซึ่ีงผมก็เป็นคนใจร้อนและไม่ชอบเรื่องเยอะ(แต่เป็นคนคิดมากคิดมากสะจนใจร้อนแหละสรุปคิดก้เหมือนไม่ได้คิดนะแหละ) ผมก็เลือกนะสิปัญหาเฉพาะหน้านี้ง่ายกว่ากลัวแต่ว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้วกลัวว่าจะมีปัญหากับ ธ.แรกอีกทั้งๆที่ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้เป็นปัญหาระหว่างผู้ขายกับกรมที่ดิน แต่ผมก้็คิดในใจน่ะว่ามันคงเป็นปัญหากับ ธ.แรกด้วยเพราะไม่รู้ว่าเค้าไปคุยอะไรกับเจ้าหน้าที่บ้างซึ่งผมไม่ได้เข้าไปฟังด้วย เพราะทาง ธ. คุยหน้าจะง่ายกว่าอยู่แล้วไปๆมาๆ  ธนาคารดอกเบี้ยต่ำคุยได้ดีกว่ามั่งๆ ข้อมูลหลักฐานอะไรๆก็ใช้ตัวเดียวกัน งงๆแหะ เมื่อคิดว่าจะกลัวถ้าผ่านวันนี้ไปเราก็เลยตัดสินใจเลือก  ธนาคารดอกเบี้ยต่ำ ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เงินที่เตรียมไปนี้ไม่พอกับส่วนต่างด้วยน่ะ แต่คุยๆกันผู้ขายเอาไว้แหละ ที่เหลือผมจะหามาให้(ที่จริงจะให้เลยก็ได้แต่ผมต้องเอาทองไปเปลี่ยนเป็นเงินน่ะ) ดีน่ะที่เดียวนี้ผมกรมที่ดินสามารถรูด บัตรได้ผมก็เลยจัดสะเต็มเลยเกือบแสนรูดไป
  จบไปแหละ คราวนี้ก็ว่าไปเรื่องหนิ้สินที่จะเพิ่มขึ้นมาทุกเดือนๆละหมื่นกับความสามารถให้การหาของเราที่หาเงินได้เท่าเดิม และยังไม่สามารถย้ายเข้าบ้านที่ซื่อเอาไว้ได้นี้ก็ผ่านมา 3-4 เดือนแหละตอนแรกที่ให้ช่างเหมาะมาประเมิน บอกรีโนเวบ้านทั้งหลังเกือบ 4 แสน จนวันนั้นถึงวันนี้ก็หาช่างเหมามาหลายเจ้าแหละจนตัดสินใจทำระบบไฟฟ้าก่อนละกันในเมื่อเราไม่มีปํญญาหาเงินมาทำได้ขนาดนั้นหามาหลายเจ้าแหละแพงเกินที่เราจะหาได้ แล้วไหนจะปล่อยให้เวลาผ่านไปนานเท่าไรก็ยิง เพิ่มภาระขึ้นไปอีกตัดสินใจทำเองละกันลงทุนอุปกณ์สะหน่อย(ลงทุนอุปกรณ์ก็เอาเข้าไป 3 หมื่นแหละ555+) ไม่เป็นไรขายทิ้งไม่ได้ก็คงได้ใช้มันหากินได้บ้างแหละหว่า(คนที่ใช้หากินคงไม่ใช้เราให้ญาติๆเอาไปหากิน)
จบครับขอบคุณ
ปล.มีใครแนะนำแหล่งกู้ดอกเบี่ยต่ำไหมครับ อยากรวบรวมหนี้ให้เป็นก้อนเดียวจังเลย

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่