อารัมภบท
เวลาทำงานคุณเคยตั้งคำถามกับตัวเองมั้ยว่า
คุณคือใคร? จริงๆแล้วคุณกำลังทำอะไรอยู่?
เคยสงสัยมั้ยว่าทำงานไปเพื่ออะไร? มีแผนนำทางความก้าวหน้าของตัวเองรึยัง?
บางคนยังไม่รู้... บางคนรู้แต่ก็ยังทำงานไปพลางๆ ไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปทางไหนจริงจัง ... บางคนอยากเป็นแค่พนักงานที่มีคุณภาพ มีหน้าที่การงานที่มั่นคง... หรือบางคนอยากก้าวหน้าไปเรื่อยๆ
ถามว่าความคิดแบบไหนเข้าท่ากว่ากัน ตอบเลยว่าไม่มี เพราะความคิดทั้งหมดทั้งมวลไม่มีใครผิด ใครถูก เพราะให้ความสุขเหมือนกัน แต่ความสุขต่างรูปแบบ แต่แบบในแต่ละแบบจะมีความสุขเกิดขึ้นได้นั้น ขึ้นอยู่ที่ว่าคุณได้วางแผนมันแล้วหรือยัง ถ้ายังจงเริ่มลงมือทำเสียเถิด เพราะการวางแผนในหน้าที่การงานจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ชีวิตการทำงานของคุณไปถึงเป้าหมายที่คุณตั้งไว้แล้วจะพบกับความสุขในไม่ช้า
Start UP เริ่มต้นจากการเป็นพนักงานที่มีคุณภาพ เรียกว่า “ Super Worker”
1. สร้างผลงานให้โดดเด่นเข้าตา
จงตั้งใจทำงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของตัวเองให้ดีที่สุด ทำให้ชิน ทำให้เกิดความชำนาญ เมื่อชำนาญแล้วอย่ารีรอที่จะเสนอวิธีแก้ไขระบบงานให้รวดเร็วและได้ประสิทธิภาพมากขึ้น วิธีนี้จะเป็นวิธีที่ทำให้คุณถูกจับตามองมากที่สุด
2. หัดสงสัยเสียบ้าง
คุณจะไม่สามารถดำเนินงานได้อย่างสะดวก ถ้ายังมองภาพรวม scope งานไม่ออก
3. จงสนุกกับความท้าทายใหม่ๆ
ในกรณีที่เจองานยากๆ งานตื่นเต้นที่ต้องใช้ระยะเวลาสั้นๆที่ต้องตัดสินใจทันที หรือเรื่องการเจรจาต่อรองลูกค้า หรือติดต่อเวนเดอร์ ที่ทำให้มีเรื่องต้องปวดหัว หรือ question ให้แก้ปัญหาในทุกๆวันให้คิดซะว่าเป็นสิ่งท้าทาย
4.ขยันไปก็เท่านั้น อย่าทำงานหนักหรือฆ่าตัวตายทางอ้อมเพื่อพิสูจน์รักแท้ในงาน
จริงอยู่ขยันทำงานมันเป็นเรื่องดี แต่การทำงานหนักดึกๆดื่นๆ ทำไปวันๆ โดยไม่ใส่ใจ หรือ มีความคิดความอ่านในการทำงานให้ได้ผลงานเร็วขึ้น ก็ยังคงย่ำอยู่ที่เดิม จงพึงระลึกไว้เสมอว่า เจ้านายไม่ได้ดูวิธีการทำงานของคุณ แต่ดูที่ผลงานของคุณ เขาไม่สนว่าคุณจะทำงานด้วยวิธีใด แต่เขาสนใจว่าผลงานของคุณประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหนต่างหาก
5.อย่าทำตัวปวกเปียก
ทุกย่างก้าวของคุณ จงจำไว้ว่าเจ้านายจับตาดูคุณอยู่ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ติดสปริงให้ทุกย่างก้าวของตัวเอง list งานที่ต้องทำเช้านี้ ดูรายละเอียดปลีกย่อยสิว่า อะไรควรจัดลำดับไว้ก่อน-หลัง ไม่ต้องไปสนว่าเพื่อนร่วมงานจะคลานต้วมเตี้ยมทำงานเหมือนเมาค้าง หรือเหมือนเพิ่งถูกลากมาจากที่นอน (555 คนเขียนก็เป็นมาก่อน) ให้สนใจที่ตัวเราเป็นพอ เพราะจังหวะที่คุณย่างก้าวได้รวดเร็วแค่ไหน ความสำเร็จของคุณก็จะเกิดขึ้นได้เร็วเท่านั้น
6.พร้อมรับมือกับการมารผจญ
คุณเคยได้ยินมั้ย “แพ้เป็นพระชนะเป็นมาร” บ่อยครั้งที่เราพ่ายแพ้กับมารผจญทั้งหลาย ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้ทำผิดอะไร มารผจญตัวดีก็คือ เจ้านายของเราเนี่ยแหละ จงท่องไว้ มารผจญก็เหมือนสัจธรรมของชีวิต ยิ่งมีมาก ยิ่งได้ประสบชะตากรรมมากขึ้นเท่าไหร่ ทำให้เราเข้าใจและยอมรับความจริงได้มากขึ้นเท่านั้น บางคนยอมรับแต่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่คนฉลาดเขาจะไม่ยอมอยู่เฉย ยินยอมให้มารผจญมาบดขยี้ได้ตลอดหลอก จงเข้มแข็ง ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง หาหนทางให้มารผจญเหล่านั้นมองว่า “ชั้นไม่ได้กระจอกนะเว่ยยย” ดังนั้นจงลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง อย่าจมปลักกับปัญหา ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อตัวคุณเอง
7. หัดสร้างภาพ
สร้างภาพในที่นี้ไม่ได้ใช่ดีแต่พูด หรือแบบท่าดีทีเหลว แต่เป็นการนำเสนอตัวเองให้ถูกจังหวะ การนำเสนอมีหลายปัจจัย
-การพูด : จงพูดด้วยความมั่นใจ กล้าพูด กล้าแสดงออก ใช้น้ำเสียงให้ถูกกาลเทศะ
- การฟัง: ให้ฟังอย่างตั้งใจ หากเนื้อหามากก็จดลงกระดาษ หัดฝึกตั้งคำถาม และทวนคำพูดคนพูดให้แสดงถึงความตั้งใจของเรา
-ความคิด ความอ่าน: ให้นำเสนอว่าเรามีความรู้จริงเรื่องงาน มีประสบการณ์ (ข้อนี้ ถ้ามีจะดีมากเพราะจะเพิ่มภูมิฐานตัวคุณเอง ขึ้นอยู่วัยวุฒิแต่ละบคคลค่ะ ไม่มีก้ได้) มีความรับผิดชอบและมีความน่าเชื่อถือ
ข้อสุดท้ายคือ 8. หากอยากเติบโต ความคิดความอ่านต้องล้ำหน้า
กฎง่ายๆ: มองภาพให้ออก กำหนดทิศทางให้ได้ ปฏิบัติให้ป็นโดยไม่ต้องพึ่งใคร
ทั้ง 8 ข้อแค่นี้ก็ทำให้คุณมีโอกาสรุ่งในองค์กรได้แล้วล่ะค่าาาา





Next Step ต่อยอดก้าวสู่การเป็นผู้จัดการงานที่มีคุณสมบติดีพร้อม เรียกว่า “Super Manager”
เกริ่นนำ
ผู้เขียนขอนำเอาประโยคเด็ดจากหนังดังในอดีต spiderman ภาค 1 มาประยุกต์ใช้กับหัวข้อนี้ “With great power comes great responsibility” อำนาจที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง ซึ่งมันก็เหมาะที่จะนำมาเปรียบเปรยกับตำแหน่งผู้บริหาร อย่างผู้จัดการเป็นอย่างมาก ผู้ที่เป็นแหล่วงรวมความคาดหวังของคนทุกคน ทั้งลูกทีม ผู้บริหารระดับสูง ลูกค้า supplier sponsor ต่างๆที่ต้องเป็นสื่อกลางหรือหนังหน้าไฟแบกหน้ารับทุกสิ่งอย่าง เห็นอย่างนี้แล้วอยากเป็นมั้ยล่ะคะ? เชื่อเลยค่ะ ว่าร้อยทั้งร้อยไม่มีใครอยากเป็นหรอก
แต่ถ้าเรามองมันในด้านบวก เราเปรียบดังเสมือนผู้สร้างพลัง ผู้ที่เป็นดังเครื่องจักรที่คอยขับเคลื่อนให้กลไกทั้งระบบทำงาน ทั้งยังเป็นเหมือนดังแสงสว่าง ผู้ที่จะนำทางไปสู่อนาคต เป็นทั้งเพื่อนสนิทแสนใจดี ผู้ที่เป็นไหล่ให้ซับน้ำตา เป็นนู่น เป็นนี่ เป็นนั่น เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว...อย่างกับกับแม่มดแสนใจดีเสกมนต์ได้ในนิทาน
ถ้าคุณสนใจอยากก้าวขึ้นมาตำแหน่งนี้แล้วล่ะก็ ก็ควรจะรักษาตำแหน่งนี้ไว้ให้นานที่สุด
ปล. ผู้เขียนก็อยากจะแชร์เคล็ดลับนี้ไว้ ถึงแม้เพิ่งจะอยู่ในตำแหน่งนี้ไม่นานมาก แต่ก็นานพอที่จะรู้สิ่งที่ผู้จัดการพึงมี ศาสตร์ที่ควรสั่งสม ความรู้หรือแบบฝึกที่ต้องเพิ่มพูนและฝึกไปเรื่อยๆ ต้องยอมรับจริงๆว่ามันไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวหรอก แต่หลายๆข้อที่เขียนขึ้นมันเอาไปใช้งานได้จริงและทำให้มันเคยชินไปเรื่อยๆค่ะ
1.ทำงานให้หนักกว่าใคร
ไม่ได้หมายความว่าผู้จัดการอย่างคุณจะเป็นยอดมนุษย์มาจากไหนนะคะ แต่หมายถึงความรับผิดชอบที่มากขึ้น จากปกติที่มาทำงานสาย ก็ต้องปรับตัวเองให้มาทำงานเช้ากว่าใคร งานที่ทำก็ไม่ใช่แค่งานของตัวเองแล้ว แต่จะต้องดูงานของคนอื่น รู้จักบริหารงานภายในทีมให้เสร็จตรงตามเวลาและถูกต้องสมบูรณ์ที่สุด
2.ทำตนให้เป็นแบบอย่างที่ดี
คุณคงไม่ชอบถ้ามองเห็นผู้จัดการของคุณมาทำงานสาย นัดประชุมไม่ตรงเวลา โยนงานให้ลูกน้อง ไม่มีการกล่าวเตือน ไม่ใส่ใจ ไม่รู้อะไรเลย...ถูกมั้ยคะ ลูกน้องทุกคนต่างก็อยากได้ใครสักคนเป็นแบบอย่างให้ชื่นชม ให้ได้เคารพและเชื่ออย่างสนิทใจทั้งนั้นแหละ ดังนั้นจงสร้างคุณค่าของตัวคุณเองถึงแม้มันจะยาก แต่ถ้าคุณสวมบทบาทผู้นำที่ดี ลูกทีมของคุณก็จะดี อีกทั้งนำพาความก้าวหน้าขององค์กรตามไปด้วย
3.รู้และเข้าใจระบบงาน
ระบบการทำงานดังกล่าว ล้วนแล้วแต่เป็นระบบการทำงานกับคนทั้งสิ้น โดยเฉพาะเรื่องระบบการทำงานเป็นทีม การบริหารจัดการทีม ถ้าคุณ รู้บทบาท รู้อำนาจหน้าที่ในสิ่งที่หัวหน้าพึงมี ก็ไม่ยากที่จะสวมบทบาทแสดงความรับผิดชอบที่มีอยู่ให้งานเดินเป็นไปตามระบบของมัน
4.ปรับสภาพอารมณ์ รับมือกับความเครียด
ความเครียดก็เหมือนกับไขมันส่วนเกิน ที่ใครๆก็อยากจะลด ใครก็อยากจะตัดมันออกจากชีวิต ยิ่งเราเสพความเครียดมากขึ้นเท่าไหร่ ก็มีแต่จะรั้งให้ร่างกายเราดูแย่เหมือนกับไขมันส่วนเกินในร่างกายมากเท่านั้น จงเรียนรู้วิธีการรีดไขมันส่วนเกินตัวนั้นซะ หัดเป็นคนใจเย็น ช่างคิดตริตรอง และแก้ปัญหาโดยปราศจากการกระวนกระวาย ท่องเอาไว้ ใจเย็น ใจเย็น ใจเย็นค่ะ
5. ยืดอกรับคำตำหนิ
อย่าลืมนะคะเมื่อก้าวมาเป็นผู้จัดการ คุณเป็นทั้งผู้นำ ผู้บริหารและเจ้านาย ถ้าลูกน้องทำอะไรผิดพลาดขึ้นมา คุณก็ต้องเป็นคนรับผิดแทน และต้องคิดไว้เสมอว่าไม่ควรให้มันเกิดขึ้นอีก เพราะนั่นจะทำให้คุณถูกมองว่าเป็นผู้นำที่ไม่มีการพัฒนาและไม่มีความสามารถในการสอนลูกน้อง แต่ถ้าลูกทีมทำผลงานดีคุณก็จะพลอยได้ความดีความชอบไปด้วย
จริงๆแล้ผู้เขียนมองว่า การออกหน้ารับผิดไม่มีอะไรเสียหายหรอกค่ะ ถ้าแลกกับการที่คุณเสียหน้าแต่ได้ความจงรักภักดีที่เพิ่มขึ้น ก็คุ้มค่านะคะ
6.ยกความดีความชอบให้ทีม
ผู้จัดการจริงๆแล้วไม่ได้เป็นคนสร้างผลงาน นะ ถ้ามองดีๆ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นได้ เกิดจากลูกทีมทั้งนั้น ถ้าคุณไม่มีทีมงาน งานคุณก็ไม่เดิน ดังนั้นการยกความดีความชอบให้กับทีมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่หัวหน้าทีมควรทำ
สุดท้าย คือ 7.เผชิญหน้ากับอนาคต
ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ผู้บริหารที่เก่งไม่เพียงแต่ยอมรับความเปลี่ยนแปลงให้ได้ แต่ต้องแก้ไขเปลี่ยนวิกฤตให้เห็นโอกาส สร้างผลงานให้ตัวเองและนำทางลูกทีมสู่เส้นทางที่วาดฝัน ถึงแม้เส้นทางหลายต่อหลายคนมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ถ้าผู้จัดการทุกคนมีความทะเยอทะยาน ความมุ่งมานะในการบริหารจัดการงานให้เป็นไปตามแผน ก็ไม่มีทางที่คุณจะก้าวถอยหลังหรอกค่ะ
ดังคำสอนที่ว่า
“ฉลามไม่เคยหยุดว่ายไปข้างหน้าฉันใด
คนเราก็ต้องไม่หยุดกระตือรือร้น ในการก้าวไปข้างหน้าฉันนั้น”
Born to be super worker and super manager...พนักงานชั้นเลิศกับผู้จัดการขั้นเทพ ทุกคนก้สามารถเป็นได้
อารัมภบท
เวลาทำงานคุณเคยตั้งคำถามกับตัวเองมั้ยว่า
คุณคือใคร? จริงๆแล้วคุณกำลังทำอะไรอยู่?
เคยสงสัยมั้ยว่าทำงานไปเพื่ออะไร? มีแผนนำทางความก้าวหน้าของตัวเองรึยัง?
ถามว่าความคิดแบบไหนเข้าท่ากว่ากัน ตอบเลยว่าไม่มี เพราะความคิดทั้งหมดทั้งมวลไม่มีใครผิด ใครถูก เพราะให้ความสุขเหมือนกัน แต่ความสุขต่างรูปแบบ แต่แบบในแต่ละแบบจะมีความสุขเกิดขึ้นได้นั้น ขึ้นอยู่ที่ว่าคุณได้วางแผนมันแล้วหรือยัง ถ้ายังจงเริ่มลงมือทำเสียเถิด เพราะการวางแผนในหน้าที่การงานจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ชีวิตการทำงานของคุณไปถึงเป้าหมายที่คุณตั้งไว้แล้วจะพบกับความสุขในไม่ช้า
Start UP เริ่มต้นจากการเป็นพนักงานที่มีคุณภาพ เรียกว่า “ Super Worker”
1. สร้างผลงานให้โดดเด่นเข้าตา
จงตั้งใจทำงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของตัวเองให้ดีที่สุด ทำให้ชิน ทำให้เกิดความชำนาญ เมื่อชำนาญแล้วอย่ารีรอที่จะเสนอวิธีแก้ไขระบบงานให้รวดเร็วและได้ประสิทธิภาพมากขึ้น วิธีนี้จะเป็นวิธีที่ทำให้คุณถูกจับตามองมากที่สุด
2. หัดสงสัยเสียบ้าง
คุณจะไม่สามารถดำเนินงานได้อย่างสะดวก ถ้ายังมองภาพรวม scope งานไม่ออก
3. จงสนุกกับความท้าทายใหม่ๆ
ในกรณีที่เจองานยากๆ งานตื่นเต้นที่ต้องใช้ระยะเวลาสั้นๆที่ต้องตัดสินใจทันที หรือเรื่องการเจรจาต่อรองลูกค้า หรือติดต่อเวนเดอร์ ที่ทำให้มีเรื่องต้องปวดหัว หรือ question ให้แก้ปัญหาในทุกๆวันให้คิดซะว่าเป็นสิ่งท้าทาย
4.ขยันไปก็เท่านั้น อย่าทำงานหนักหรือฆ่าตัวตายทางอ้อมเพื่อพิสูจน์รักแท้ในงาน
จริงอยู่ขยันทำงานมันเป็นเรื่องดี แต่การทำงานหนักดึกๆดื่นๆ ทำไปวันๆ โดยไม่ใส่ใจ หรือ มีความคิดความอ่านในการทำงานให้ได้ผลงานเร็วขึ้น ก็ยังคงย่ำอยู่ที่เดิม จงพึงระลึกไว้เสมอว่า เจ้านายไม่ได้ดูวิธีการทำงานของคุณ แต่ดูที่ผลงานของคุณ เขาไม่สนว่าคุณจะทำงานด้วยวิธีใด แต่เขาสนใจว่าผลงานของคุณประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหนต่างหาก
5.อย่าทำตัวปวกเปียก
ทุกย่างก้าวของคุณ จงจำไว้ว่าเจ้านายจับตาดูคุณอยู่ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ติดสปริงให้ทุกย่างก้าวของตัวเอง list งานที่ต้องทำเช้านี้ ดูรายละเอียดปลีกย่อยสิว่า อะไรควรจัดลำดับไว้ก่อน-หลัง ไม่ต้องไปสนว่าเพื่อนร่วมงานจะคลานต้วมเตี้ยมทำงานเหมือนเมาค้าง หรือเหมือนเพิ่งถูกลากมาจากที่นอน (555 คนเขียนก็เป็นมาก่อน) ให้สนใจที่ตัวเราเป็นพอ เพราะจังหวะที่คุณย่างก้าวได้รวดเร็วแค่ไหน ความสำเร็จของคุณก็จะเกิดขึ้นได้เร็วเท่านั้น
6.พร้อมรับมือกับการมารผจญ
คุณเคยได้ยินมั้ย “แพ้เป็นพระชนะเป็นมาร” บ่อยครั้งที่เราพ่ายแพ้กับมารผจญทั้งหลาย ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้ทำผิดอะไร มารผจญตัวดีก็คือ เจ้านายของเราเนี่ยแหละ จงท่องไว้ มารผจญก็เหมือนสัจธรรมของชีวิต ยิ่งมีมาก ยิ่งได้ประสบชะตากรรมมากขึ้นเท่าไหร่ ทำให้เราเข้าใจและยอมรับความจริงได้มากขึ้นเท่านั้น บางคนยอมรับแต่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่คนฉลาดเขาจะไม่ยอมอยู่เฉย ยินยอมให้มารผจญมาบดขยี้ได้ตลอดหลอก จงเข้มแข็ง ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง หาหนทางให้มารผจญเหล่านั้นมองว่า “ชั้นไม่ได้กระจอกนะเว่ยยย” ดังนั้นจงลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง อย่าจมปลักกับปัญหา ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อตัวคุณเอง
7. หัดสร้างภาพ
สร้างภาพในที่นี้ไม่ได้ใช่ดีแต่พูด หรือแบบท่าดีทีเหลว แต่เป็นการนำเสนอตัวเองให้ถูกจังหวะ การนำเสนอมีหลายปัจจัย
-การพูด : จงพูดด้วยความมั่นใจ กล้าพูด กล้าแสดงออก ใช้น้ำเสียงให้ถูกกาลเทศะ
- การฟัง: ให้ฟังอย่างตั้งใจ หากเนื้อหามากก็จดลงกระดาษ หัดฝึกตั้งคำถาม และทวนคำพูดคนพูดให้แสดงถึงความตั้งใจของเรา
-ความคิด ความอ่าน: ให้นำเสนอว่าเรามีความรู้จริงเรื่องงาน มีประสบการณ์ (ข้อนี้ ถ้ามีจะดีมากเพราะจะเพิ่มภูมิฐานตัวคุณเอง ขึ้นอยู่วัยวุฒิแต่ละบคคลค่ะ ไม่มีก้ได้) มีความรับผิดชอบและมีความน่าเชื่อถือ
ข้อสุดท้ายคือ 8. หากอยากเติบโต ความคิดความอ่านต้องล้ำหน้า
ทั้ง 8 ข้อแค่นี้ก็ทำให้คุณมีโอกาสรุ่งในองค์กรได้แล้วล่ะค่าาาา
Next Step ต่อยอดก้าวสู่การเป็นผู้จัดการงานที่มีคุณสมบติดีพร้อม เรียกว่า “Super Manager”
เกริ่นนำ
ผู้เขียนขอนำเอาประโยคเด็ดจากหนังดังในอดีต spiderman ภาค 1 มาประยุกต์ใช้กับหัวข้อนี้ “With great power comes great responsibility” อำนาจที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง ซึ่งมันก็เหมาะที่จะนำมาเปรียบเปรยกับตำแหน่งผู้บริหาร อย่างผู้จัดการเป็นอย่างมาก ผู้ที่เป็นแหล่วงรวมความคาดหวังของคนทุกคน ทั้งลูกทีม ผู้บริหารระดับสูง ลูกค้า supplier sponsor ต่างๆที่ต้องเป็นสื่อกลางหรือหนังหน้าไฟแบกหน้ารับทุกสิ่งอย่าง เห็นอย่างนี้แล้วอยากเป็นมั้ยล่ะคะ? เชื่อเลยค่ะ ว่าร้อยทั้งร้อยไม่มีใครอยากเป็นหรอก
แต่ถ้าเรามองมันในด้านบวก เราเปรียบดังเสมือนผู้สร้างพลัง ผู้ที่เป็นดังเครื่องจักรที่คอยขับเคลื่อนให้กลไกทั้งระบบทำงาน ทั้งยังเป็นเหมือนดังแสงสว่าง ผู้ที่จะนำทางไปสู่อนาคต เป็นทั้งเพื่อนสนิทแสนใจดี ผู้ที่เป็นไหล่ให้ซับน้ำตา เป็นนู่น เป็นนี่ เป็นนั่น เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว...อย่างกับกับแม่มดแสนใจดีเสกมนต์ได้ในนิทาน
ถ้าคุณสนใจอยากก้าวขึ้นมาตำแหน่งนี้แล้วล่ะก็ ก็ควรจะรักษาตำแหน่งนี้ไว้ให้นานที่สุด
ปล. ผู้เขียนก็อยากจะแชร์เคล็ดลับนี้ไว้ ถึงแม้เพิ่งจะอยู่ในตำแหน่งนี้ไม่นานมาก แต่ก็นานพอที่จะรู้สิ่งที่ผู้จัดการพึงมี ศาสตร์ที่ควรสั่งสม ความรู้หรือแบบฝึกที่ต้องเพิ่มพูนและฝึกไปเรื่อยๆ ต้องยอมรับจริงๆว่ามันไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวหรอก แต่หลายๆข้อที่เขียนขึ้นมันเอาไปใช้งานได้จริงและทำให้มันเคยชินไปเรื่อยๆค่ะ
1.ทำงานให้หนักกว่าใคร
ไม่ได้หมายความว่าผู้จัดการอย่างคุณจะเป็นยอดมนุษย์มาจากไหนนะคะ แต่หมายถึงความรับผิดชอบที่มากขึ้น จากปกติที่มาทำงานสาย ก็ต้องปรับตัวเองให้มาทำงานเช้ากว่าใคร งานที่ทำก็ไม่ใช่แค่งานของตัวเองแล้ว แต่จะต้องดูงานของคนอื่น รู้จักบริหารงานภายในทีมให้เสร็จตรงตามเวลาและถูกต้องสมบูรณ์ที่สุด
2.ทำตนให้เป็นแบบอย่างที่ดี
คุณคงไม่ชอบถ้ามองเห็นผู้จัดการของคุณมาทำงานสาย นัดประชุมไม่ตรงเวลา โยนงานให้ลูกน้อง ไม่มีการกล่าวเตือน ไม่ใส่ใจ ไม่รู้อะไรเลย...ถูกมั้ยคะ ลูกน้องทุกคนต่างก็อยากได้ใครสักคนเป็นแบบอย่างให้ชื่นชม ให้ได้เคารพและเชื่ออย่างสนิทใจทั้งนั้นแหละ ดังนั้นจงสร้างคุณค่าของตัวคุณเองถึงแม้มันจะยาก แต่ถ้าคุณสวมบทบาทผู้นำที่ดี ลูกทีมของคุณก็จะดี อีกทั้งนำพาความก้าวหน้าขององค์กรตามไปด้วย
3.รู้และเข้าใจระบบงาน
ระบบการทำงานดังกล่าว ล้วนแล้วแต่เป็นระบบการทำงานกับคนทั้งสิ้น โดยเฉพาะเรื่องระบบการทำงานเป็นทีม การบริหารจัดการทีม ถ้าคุณ รู้บทบาท รู้อำนาจหน้าที่ในสิ่งที่หัวหน้าพึงมี ก็ไม่ยากที่จะสวมบทบาทแสดงความรับผิดชอบที่มีอยู่ให้งานเดินเป็นไปตามระบบของมัน
4.ปรับสภาพอารมณ์ รับมือกับความเครียด
ความเครียดก็เหมือนกับไขมันส่วนเกิน ที่ใครๆก็อยากจะลด ใครก็อยากจะตัดมันออกจากชีวิต ยิ่งเราเสพความเครียดมากขึ้นเท่าไหร่ ก็มีแต่จะรั้งให้ร่างกายเราดูแย่เหมือนกับไขมันส่วนเกินในร่างกายมากเท่านั้น จงเรียนรู้วิธีการรีดไขมันส่วนเกินตัวนั้นซะ หัดเป็นคนใจเย็น ช่างคิดตริตรอง และแก้ปัญหาโดยปราศจากการกระวนกระวาย ท่องเอาไว้ ใจเย็น ใจเย็น ใจเย็นค่ะ
5. ยืดอกรับคำตำหนิ
อย่าลืมนะคะเมื่อก้าวมาเป็นผู้จัดการ คุณเป็นทั้งผู้นำ ผู้บริหารและเจ้านาย ถ้าลูกน้องทำอะไรผิดพลาดขึ้นมา คุณก็ต้องเป็นคนรับผิดแทน และต้องคิดไว้เสมอว่าไม่ควรให้มันเกิดขึ้นอีก เพราะนั่นจะทำให้คุณถูกมองว่าเป็นผู้นำที่ไม่มีการพัฒนาและไม่มีความสามารถในการสอนลูกน้อง แต่ถ้าลูกทีมทำผลงานดีคุณก็จะพลอยได้ความดีความชอบไปด้วย
จริงๆแล้ผู้เขียนมองว่า การออกหน้ารับผิดไม่มีอะไรเสียหายหรอกค่ะ ถ้าแลกกับการที่คุณเสียหน้าแต่ได้ความจงรักภักดีที่เพิ่มขึ้น ก็คุ้มค่านะคะ
6.ยกความดีความชอบให้ทีม
ผู้จัดการจริงๆแล้วไม่ได้เป็นคนสร้างผลงาน นะ ถ้ามองดีๆ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นได้ เกิดจากลูกทีมทั้งนั้น ถ้าคุณไม่มีทีมงาน งานคุณก็ไม่เดิน ดังนั้นการยกความดีความชอบให้กับทีมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่หัวหน้าทีมควรทำ
สุดท้าย คือ 7.เผชิญหน้ากับอนาคต
ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ผู้บริหารที่เก่งไม่เพียงแต่ยอมรับความเปลี่ยนแปลงให้ได้ แต่ต้องแก้ไขเปลี่ยนวิกฤตให้เห็นโอกาส สร้างผลงานให้ตัวเองและนำทางลูกทีมสู่เส้นทางที่วาดฝัน ถึงแม้เส้นทางหลายต่อหลายคนมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ถ้าผู้จัดการทุกคนมีความทะเยอทะยาน ความมุ่งมานะในการบริหารจัดการงานให้เป็นไปตามแผน ก็ไม่มีทางที่คุณจะก้าวถอยหลังหรอกค่ะ
ดังคำสอนที่ว่า
“ฉลามไม่เคยหยุดว่ายไปข้างหน้าฉันใด
คนเราก็ต้องไม่หยุดกระตือรือร้น ในการก้าวไปข้างหน้าฉันนั้น”