[CR] JP Trip D1 < Nagoya > ข้าวหน้าปลาไหลสูตรพิเศษที่ Atsuta Houraiken กับงานแสดงไฟ Nabana no Sato Winter Illumination

JP Trip D2 < Takayama > หมู่บ้านอารยธรรม Hida Folk Village และ Hida Beef อร่อย นุ่ม ชุ่มลิ้น : https://pantip.com/topic/37195818
JP Trip D3 < Takayama > Shirakawago ดินแดนมรดกโลกสีขาวในหน้าหนาว กับ Hida Beef อีกครั้ง : https://pantip.com/topic/37203155
JP Trip D4 < Takayama > Shin-Hotaka Ropeway และอาหารร้อนๆ ท่ามกลางพายุหิมะ : https://pantip.com/topic/37212842
JP Trip D5-D6 <Osaka> กินจุ๊บจิ๊บ กินจุ๊บจิ๊บ Shinsaibashi Dotonbori Namba : https://pantip.com/topic/37220305
JP Trip D7 < Osaka > Endo Sushi ซูชิเจ้าดังแห่ง Osaka (มีสาขาในกรุงเทพด้วยนะเออ = w =) : https://pantip.com/topic/37229134


JP Trip Day1 : ข้าวหน้าปลาไหล Atsuta Houraiken กับงานแสดงไฟ Nabana No Sato Illumination @Nagoya


ทริปทัวร์กินเที่ยวผจญภัยที่ญี่ปุ่นไปกับหอยทากกลับมาแล้วววว คราวนี้เราจะไปแถบ Kansai และ Chubu ดูกันบ้าง โดยในทริปนี้เราก็ยังคงไปกับ Vietnam Airline ถูกประหยัดประทับใจเหมือนเคย แม้จะต้องรอ Transit นานไปบ้าง โดยเราจะเริ่มเที่ยวจาก Nagoya (1D) > Takayama (3D) > Osaka (3D)

โดยสิ่งที่เรา book เตรียมไว้เรียบร้อยจากไทยแล้ว ได้แก่

- ตั๋วเครื่องบินประมาณ 9,000 บาท (ไป-กลับ จากสนามบินคันไซ)

- Takayma Hokuriku Area Tourist Pass 5 Day (4,200 บาท)


พาสนี้ดูเผินๆ เหมือนจะเหมาะแค่สำหรับคนที่เที่ยวตาม Route ในพาสเท่านั้น ไม่สะดวกกับคนที่อยากข้ามไปมาระหว่าง Nagoya และ Osaka  เพราะเราไม่สามารถดิ่งจาก Osaka ไป Nagoya ตรงๆ ด้วยพาสนี้ได้ (ต้องใช้ Shinkansen หรือ Meitetsu) แต่ต้องอ้อมผ่านตาม Route เส้นทางที่กำหนดในพาส แต่จุดเด่นของพาสนี้คือการเดินทางไปกลับระหว่าง Nagoya <---> Takayama ด้วยรถไฟ Hida Wide View (6,030 Yen ต่อเที่ยว)และการจองรถ Nouhi Bus สำหรับไปกลับ Takayama - Shirakawago (Round Trip 4,420 Yen)ได้ฟรี ซึ่งแค่สองส่วนนี้ก็คุ้มค่าพาสแล้ว


REF : http://touristpass.jp/en/takayama_hokuriku/ (หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพาสนี้ในนี้ได้จ้า)

เอาล่ะ งั้นมาลุยกันเลย


เนื่องจากทริปนี้มีผู้ใหญ่มาด้วย ทันทีที่ถึงสนามบินผมก็จรลีไปแลก Pass พร้อมทั้ง book ตั๋ว Shinkansen ไป Nagoya ที่พักสำหรับวันนี้ (จ่ายเพิ่ม) พร้อมทั้งตั๋วรถไฟ Hida Wide View ที่จะใช้เดินทางไป Takayama (ฟรีจาก Pass) ในวันรุ่งขึ้นทันที


เพิ่งเคยนั่ง Shinkansen Nozomi เป็นครั้งแรก ที่นั่งสะดวกสบาย เร็วสะใจมาก แปปเดียวถึง Nagoya แล้ว


ทันทีที่ถึง Nagoya เราก็รีบเร่งเอากระเป๋าไปฝากเพื่อที่จะได้ออกมายังเป้าหมายแรกของทริป แน่นอนว่ามา Nagoya เราจะพลาดอาหารขึ้นชื่อของที่นี่ไปได้อย่างไร กับเมนูข้าวหน้าปลาไหลสไตล์ Hitsumabushi (ひつまぶし) ของ Nagoya ที่ร้านต้นตำรับ "Atsuta Houraiken" สาขาหลักที่เปิดมานานกว่า 140 ปี

ชื่อร้าน : Atsuta Houraiken Honten (สาขาหลัก)
เวลาทำการ :
รอบเที่ยง > 11:30~14:00(L.O)
รอบเย็น > 16:30~20:30(L.O)
ปิด : วันพุธ
สาขา มี 4 สาขาทั้งในตัวเมืองและนอกเมือง ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ website ของทางร้านเลย : http://www.houraiken.com/english/
เมนูแนะนำ : Hitsumabushi (ひつまぶし) Set 3,600 Yen (ขนาดปกติ) 5,100 Yen (ขนาดใหญ่พิเศษ 1.5 เท่า)


วิธีเดินทางคือนั่งรถไฟ Subway สาย Meijo Line มาลงสถานี Temmacho ออกทางออก 4 แล้วเดินต่ออีก 550 เมตร พอใกล้ๆ ร้านกลิ่นจะนำพาคุณไปเอง ว่าควรไปทางไหน 5555

มาถึงก็เจอคนรออยู่ 10 กว่าคน ขนาดมาวันธรรมดานะ รับบัตรคิวมา ปรากฏว่าต้องรอประมาณ 50 นาที (เค้าจะให้บัตรมาเป็นรอบเวลา พอใกล้ถึงเวลาให้มา standby หน้าร้าน) ตอนนี้เลยหนีไปรอที่ร้าน Coffee Shop ใกล้ๆ เป็นร้านเล็กๆ


นอกจากกาแฟแล้วเลยสั่ง Oyako Don มาลองซะหน่อย


เห็นหน้าตาเละๆ แบบนี้แต่อร่อยมากนะ (หรือเพราะหิวหว่า = w =) ไข่ที่ตอกใส่มาทำให้ Texture ซอสนุ่มและหวานอ่อนๆ กลิ่นไข่ไม่มีความคาวเลย แถมเนื้อไก่ก็นุ่ม อยากจะสั่งเพิ่มอีกชามแต่เดี๋ยวต้องไปกินข้าวหน้าปลาไหลต่อเลยต้องจำจากลา (ปล. Oyako Don 500 Yen เองอะ ถูกมากกกกก)

อะโห กลับมาคนเยอะประหนึ่งทัวร์ลง พอถึงรอบเวลาของผม เค้าก็ประกาศเชิญเข้ามาห้องรอด้านในอีกที


บรรยากาศในสวนทางเข้าร้านสวยมากกกก


เข้ามาก็มีชาเขียวร้อนและผ้าร้อนให้เช็ดมือตามมาตรฐานร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไป เมนูราคารุนแรงมาก แต่มาถึงแล้วจะไม่ลองก็คงม่ได้ เลยกลั้นใจสั่งชุด Hitsumabushi set ใหญ่พิเศษ 1.5 เท่ามาลอง


มาแล้วจ้า หอมมาก


ในหม้ออัดแน่นไปด้วยปลาไหลย่างราดซอสสูตรพิเศษบนข้าว ใหญ่ประหนึ่งหม้อหุงข้าวมินิไซส์เลยทีเดียว ...


ซูม ซู้มมม ซูมมม ปลาไหลแน่นมากจริงๆ


ทีนี้มาถึงส่วนของวิธีการทานกันบ้าง ไอที่เรียก ฮิทสึมาบูชิเนี่ย จริงๆ มันคือวิธีการทานข้าวหน้าปลาไหลแบบของนาโกย่านี่แหละ

วิธีการกินข้าวหน้าปลาไหลแบบพิเศษของนาโกย่าเรียกว่า hitsumabushi (ひつまぶし) คือการแบ่งข้าวหน้าปลาไหลเป็น 4 ส่วน
- ส่วนแรกตักมาทานแบบข้าวหน้าปลาไหลปกติ
- ส่วนที่สอง นำวาซาบิ สาหร่าย หอมซอย มาคลุกรวมกับข้าวหน้าปลาไหล ตัดความเลี่ยน เสริมความเผ็ด อร่อยไปอีกแบบ
- ส่วนที่สาม ให้ทำเหมือนแบบที่สอง แต่เทน้ำซุปกา (คล้ายๆ ชา) ลงไป รู้สึกทำให้ทานได้คล่องคอ
- ส่วนสุดท้าย เลือกแบบที่ชอบที่สุดแล้วทานอีกรอบโลด

ส่วนตัวมองว่า ไม่ว่าใครจะชอบแบบไหนที่สุด แต่วิธีการกินแบบแปลกๆ นี้มันทำให้เมนูข้าวหน้าปลาไหลที่อร่อยอยู่แล้ว มีความน่าสนุก น่าสนใจ และแปลกใหม่ยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าให้ลำดับวิธีการทาน วิธีแรกเหมือนกับการลิ้มลองรสชาติแท้ๆของปลาไหลย่างกับซอสสูตรพิเศษของทางร้าน วิธีที่สองเหมือนเป็นการตัดความเลี่ยนด้วยความเผ็ดและความสดชื่นของหอมซอย วิธีที่สามเหมือนการผ่อนรสชาติให้อ่อนลงด้วยซุป แต่ยังแฝงไปด้วยกลิ่นอายข้าวหน้าไหลที่หอมอร่อย ปิดท้ายด้วยความชอบของผู้ทานตามแบบที่ต้องการอีกรอบ เป็นการย้ำถึงความอร่อยในแบบของตัวเอง


ใครชอบแบบไหนก็เลือกกันเอาเลยจ้า

เอาล่ะ เรามาเริ่มกันไปทีละแบบ

แบบแรก : แค่กลิ่นก็เกินจะทานทน รสชาติคำแรกที่เข้าปากคือซอสเข้มข้นและหอมมาก เข้ากับเนื้อปลาไหลนุ่มๆ หยุ่นๆ กินแล้วอยากจะเคี้ยวนานๆ เป็นรสชาติที่ลืมไปลงจริงๆ ผู้ใหญ่ที่ไปด้วยกันก็ชอบมาก ถ้าจะถามว่าทีเด็ดอยู่ตรงไหน ส่วนตัวคิดว่าซอสกับวิธีการย่างปลาไหลอาจจะเป็นเรื่องหลัก แต่ความละเอียดในส่วนของการเตรียมปลาและคุณภาพของปลาก็ทำได้ดีมากๆ ด้วย เพราะผมเคยไปทานข้าวหน้าปลาไหลที่นาริตะซึ่งขึ้นชื่อเรื่องปลาไหลเหมือนกัน (ราคาถุกกว่านิดหน่อย) ยังเจอก้างติดมา 2-3 ชิ้น แต่นี่คือไม่มีเลยจริงๆ นุ่มเนียนทานร่อย แล้วยิ่งชามใหญ่ด้วยแล้วยิ่งสบายใจ ไม่ต้องกลัวหมดง่ายๆ ดีต่อใจสุดๆ ไปเลยครับ

แบบที่สอง : พอชามแรกหมด ก็มาต่อชามที่สองกันเลย เริ่มด้วยตักข้าวหน้าปลาไหลส่วนที่สองมา แล้วใส่วาซาบิ สาหร่าย และหอมซอยลงไปคลุกให้เข้ากัน ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบต้นหอมเท่าไหร่ แต่พอได้กินรวมกับข้าวหน้าปลาไหลจานนี้แล้วกลับรู้สึกว่าต้นหอมกับวาซาบิทำให้ข้าวหน้าปลาไหลกลมกล่อมและมีรสชาติมากขึ้น อีกทั้งยังลดความเลี่ยนจากซอสลงไปด้วย เป็นอะไรที่มาได้ตรงจังหวะและเวลา ที่เราเริ่มจะเลี่ยนแบบพอดิบพอดี เผลอแปปเดียวหายหมดชามเลย

แบบที่สาม : ตักข้าวหน้าปลาไหลส่วนที่สามมาและใส่วาซาบิ ต้นหอม และสาหร่ายอีกครั้ง ตามดวยเติมน้ำซุปลงไป ปริมาณตามชอบ ผมใส่ลงไปไม่ถึงกับปริ่มข้าวนะครับ เอาพอประมาณ อันนี้จะให้รสชาติที่อ่อนลงมา แล้วเหมือนการพักลิ้น ถ้าเป็นการจบมื้อก็เป็นการจบมื้อที่ดีงามมากๆ เพราะเสมือนเป็นการล้างลิ้น แต่แน่นอนว่ามันยังไม่จบครับ แบบที่สี่ซึ่งผมแอบเหลือข้าวไว้มากที่สุด ผมก็เอามาโซ้ยต่อทั้งแบบที่ 1 2 และ 3 แบบรัวๆ จนตัวกลมเลย


อ้อตัวน้ำซุปในถ้วยเองก็มีดีไม่น้อยนะครับ รสชาติกลมกล่อมใช้ได้เลย


กว่าจะหมด เล่นเอาอืดไปเลยครับ แต่ฟินมาก ถ้ามีโอกาสแวะมานาโงย่า ควรค่าแก่การมาลองมากๆ ลองแวะมาทานกันดูนะครับ

เดี๋ยวช่วงดึกๆ จะมาต่อกับพาร์ทของงานไฟที่ Nabana no Sato Winter Illumination นะครับ
ชื่อสินค้า:   Atsuta Horaiken, Nagoya, Nabana no Sato Winter Illumination
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่