๛ เมื่อความเกี่ยวข้องกับอาจารย์มีอยู่ จึงไปสำนักอาจารย์ แต่บัดนี้ตัดความเกี่ยวข้องได้แล้ว เพราะฉะนั้นจึงไม่ไป ๛

ขอกราบไหว้พระรัตนตรัยด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง

------------------



๑๐. เรื่องพระปิโลติกเถระ [๑๑๖]

        
ข้อความเบื้องต้น
            
               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระปิโลติกเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "หิรินิเสโธ ปุริโส" เป็นต้น.

พระอานนท์จัดการให้ปิโลติกะบวช

               ในวันหนึ่ง พระอานนท์เถระเห็นเด็กคนหนึ่ง นุ่งผ้าท่อนเก่า ถือกระเบื้องเที่ยวขอทานอยู่ จึงพูดว่า
               "เจ้าบวชเสียจะไม่ดียิ่งกว่าการเที่ยวไปอย่างนี้เป็นอยู่หรือ?"
               เมื่อเขาตอบว่า "ใครจักให้ผมบวชเล่า? ขอรับ"
               จึงกล่าวรับรองว่า "ฉันจะให้บวช" แล้วพาเขาไปยังวิหาร ให้อาบน้ำด้วยมือของตน ให้กรรมฐานแล้วก็ให้บวช.
               พระอานนท์เถระคลี่ท่อนผ้าเก่าที่เด็กนั้นนุ่ง แล้วตรวจดูไม่เห็นส่วนอะไรๆ พอใช้สอยได้ แม้สักว่าทำเป็นผ้าสำหรับกรองน้ำ
               จึงได้นำผ้านุ่งเก่าและกระเบื้องขอทานเก่าของสามเณรไปแขวนไว้ที่กิ่งไม้กิ่งหนึ่ง

พระปิโลติกะอยากสึก
              
               เขาได้บรรพชาอุปสมบทแล้ว บริโภคลาภและสักการะอันเกิดขึ้นเพื่อพระพุทธเจ้าทั้งหลาย มีร่างกายอ้วนท้วน ก็เกิดอยากสึก
               "ประโยชน์อะไรของเราด้วยการนุ่ง (ห่ม) จีวรอันชนให้ด้วยศรัทธาเที่ยวไป เราจะนุ่งผ้าเก่าของตัวนี่แหละ"
               ดังนี้แล้ว จึงไปที่ต้นไม้ต้นที่พระอานนท์แขวนผ้านุ่งเก่าและกระเบื้องขอทานของตนเอาไว้นั้น
               เอามือไปลูบคลำผ้านุ่งเก่า  ทำผ้านั้นให้เป็นอารมณ์พระกัมมัฏฐาน แล้วจึงโอวาทตนด้วยตนเองว่า
               "เจ้าผู้ไม่มีหิริ หมดยางอาย เจ้ายังปรารถนาเพื่อจะละฐานะ คือการนุ่งห่มผ้าทั้งหลายเห็นปานนั้น
               (กลับไป) นุ่งผ้าท่อนเก่านี้ มีมือถือกระเบื้องเที่ยวขอทาน (อีกหรือ)."

               ก็เมื่อท่านโอวาท(ตน) อยู่นั้นแหละ จิตใจก็ผ่องใส   ท่านจึงเก็บผ้านุ่งเก่าแขวนไว้ที่เดิม แล้วกลับวัด
               และเมื่อใดที่ท่านนึกอยากสึกขึ้นมาอีก  ท่านก็จะไปที่ต้นไม้ เอามือคลำผ้านุ่ง และให้โอวาทเช่นเดิมนั้นอีก เป็นอย่างนี้

พระปิโลติกเถระบรรลุพระอรหัต
              
               ภิกษุทั้งหลายเห็นท่านเที่ยวไปๆ มาๆ อยู่อย่างนั้น จึงถามท่านว่า จะไปไหน
               ท่านบอกว่า จะไปสำนักอาจารย์
               ท่านทำอยู่เช่นนั้น จนในที่สุดได้บรรลุเป็นพระอรหันต์  ท่านก็จึงเลิกไป
               ภิกษุทั้งหลายเห็นอย่างนั้น ก็กล่าวว่า บัดนี้ ท่านไม่ไปสำนักอาจารย์หรือ? ทางนี้เป็นทางเที่ยวไปของท่านมิใช่หรือ?"

คนหมดเครื่องข้องไม่ต้องไปๆ มาๆ
              
               ท่านตอบว่า
               "เมื่อความเกี่ยวข้องกับอาจารย์มีอยู่ ผมจึงไป แต่บัดนี้ ผมตัดความเกี่ยวข้องได้แล้ว เพราะฉะนั้น ผมจึงไม่ไปสำนักอาจารย์"
               พวกภิกษุจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระศาสดาว่า พระปิโลติกเถระอวดอ้างตนว่าบรรลุพระอรหัตตผล
               พระศาสดาตรัสว่า
               "ถูกละ ภิกษุทั้งหลาย บุตรของเรา เมื่อความเกี่ยวข้องมีอยู่ จึงไปสำนักอาจารย์
               แต่บัดนี้ ความเกี่ยวข้องเธอตัดได้แล้ว เธอห้ามตนด้วยตนเอง บรรลุพระอรหัตแล้ว"
               ดังนี้แล้ว ได้ทรงภาษิตพระคาถาเหล่านี้ว่า
หิรินิเสโธ ปุริโส        โกจิ โลกสฺมิ วิชฺชติ
โย นิทฺทํ อปโพเธติ        อสฺโส ภโทฺร กสามิว

บุรุษผู้ข้ามอกุศลวิตกด้วยหิริได้ น้อยคนจะมีในโลก
บุคคลใดกำจัดความหลับ ตื่นอยู่
เหมือนม้าดีหลบแส้ ไม่ให้ถูกตน
บุคคลนั้นหาได้ยาก

อสฺโส ยถา ภโทฺร กสานิวิฏฺโฐ
อาตาปิโน สํเวคิโน ภวาถ
สทฺธาย สีเลน จ วีริเยน จ
สมาธินา ธมฺมวินิจฺฉเยน จ
สมฺปนฺนวิชฺชาจรณา ปติสฺสตา
ปหสฺสถ ทุกฺขมิทํ อนปฺปกํ.

ท่านทั้งหลายจงมีความเพียร มีความสลดใจ
เหมือนม้าดีถูกเขาตีด้วยแส้แล้ว (มีความบากบั่น) ฉะนั้น
ท่านทั้งหลายเป็นผู้ประกอบด้วยศรัทธา ศีล วิริยะ
สมาธิ และ ด้วยคุณเครื่องวินิจฉัยธรรม
มีวิชชาและจรณะถึงพร้อม มีสติมั่นคง
จักละทุกข์อันมีประมาณไม่น้อยนี้ได้.


๑๐. เรื่องพระปิโลติกเถระ
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=20&p=10
อ่าน เนื้อความในพระไตรปิฎก
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=618&Z=661







แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่